เซี่ยโม่นอนหลับสนิททั้งคืน ขอบฟ้าเพิ่งทอแสงได้ไม่นาน นอกตัวบ้านกลับมีเสียงร่ำไห้ของใครคนหนึ่งดังลอดเข้ามา “ลูกของฉัน ลูกของฉันอยู่ไหน ฮือๆ…”
“ใครมาร้องไห้แต่เช้า” เซี่ยโม่รีบสวมเสื้อคลุม
คุณตาคุณยายถูกเสียงร้องไห้ปลุกให้ตื่นเช่นกัน ต่างคนต่างรีบหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวม
เซี่ยโม่เดินออกไปดูเป็คนแรก พอเสี่ยวเฮยเห็นเธอก็รีบวิ่งเข้ามาออดอ้อน ท่าทางเช่นนี้เกรงว่าคงจะหิวแล้วอยากกินนมกระมัง
ด้านนอกมีผู้คนออกันมากมาย เธอรีบอุ้มมันเข้าไปไว้ในบ้าน จะให้ใครพบเห็นเสี่ยวเฮยไม่ได้เด็ดขาด
ตอนนี้ไม่มีเวลาหยิบนมจากในโกดังสินค้ามาเทให้มัน เมื่อเห็นคุณตาคุณยายเดินออกจากห้องแล้วไปที่หน้าบ้าน เธอก็รีบวิ่งตามไป
แล้วเธอก็ได้พบกับบิดาผู้ชิงชังลูก ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน คราวนี้เซี่ยฟู่กุ้ยกำลังร้องห่มร้องไห้อยู่ที่หน้าบ้าน ในมือคือผ้าห่อตัวเด็กทารกที่ถูกกัดจนขาดวิ่น
เซี่ยโม่จำได้ว่าที่ออกมาดูหน้าบ้านเมื่อคืนไม่มีใครอยู่ เช่นนั้นผ้าผืนนี้มาได้อย่างไร?
แล้วเหตุใดบิดาเธอจึงร้องไห้?
พอบิดาเห็นเธอ ดวงตาแดงก่ำก็ฉายแววโกรธแค้น ราวกับเธอคือคู่อาฆาตของตัวเองมาแต่ชาติปางก่อน
“นังเด็กไม่รักดี เอาน้องชายไปไว้ที่ไหน แกกล้าทำร้ายเขางั้นเหรอ อยากจะเห็นฉันตายหรือยังไง แกอำมหิตเกินไปแล้ว…”
เซี่ยโม่มีสีหน้างุนงง เซี่ยเฉินเฟิงไม่ใช่ว่ากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงหรอกหรือ? อีกฝ่ายกำลังหลับสบายจนเธอทำใจปลุกไม่ลง บิดาของเธอกำลังพูดถึงเื่ใด?
เธอนึกถึงเสี่ยวเฮยที่ส่งเสียงร้องกลางดึกเมื่อคืน หรือจะเกี่ยวข้องกับเื่นี้ด้วย?
เธอทำหน้าครุ่นคิด พอเห็นว่ามีคนในหมู่บ้านเดินมามุงดูมากมายจึงลองโยนหินถามทาง “น้องของหนูหลับอยู่ในบ้าน พ่อมาหาน้องทำไม”
เซี่ยฟู่กุ้ยชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกพร้อมชี้มือไปที่เศษผ้าขาดวิ่น “ฉันหมายถึงน้องชายคนเล็กเซี่ยเฉินซีของแกต่างหาก เขาอายุแค่สองเดือน แกทำร้ายเขาลงได้ยังไง…”
เป็อย่างที่คาดไว้ แม้แม่ดอกบัวขาวจะพ่ายแพ้แต่กลับไม่ยอมรามือ พ่อของเธอนี่ใช้ได้ทีเดียว เล่นละครแกล้งทำเป็ว่าลูกถูกขโมยเพื่อใส่ร้ายเธอ
เซี่ยโม่หันหน้าไปทางกลุ่มคนที่กำลังมุงดู “ใครก็ได้ไปแจ้งตำรวจที่ตำบลให้หน่อยค่ะ ขี่จักรยานของฉันไปก็ได้ เดี๋ยวฉันให้ค่าเดินทางหนึ่งหยวน อ้อ อย่าลืมบอกให้ตำรวจพาผู้เชี่ยวชาญด้านลายนิ้วมือมาด้วยนะคะ จะได้มาตรวจดูว่าผ้าผืนนี้มีรอยนิ้วมือของใครบ้าง”
บรรดาชาวบ้านที่กำลังมุงดูต่างวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ ในหมู่บ้านมีบ้านไหนไม่รู้บ้างว่า เมื่อวานบ้านอู๋ซื้อจักรยานใหม่เอี่ยมมาหนึ่งคัน
ได้ขี่จักรยานใหม่เพื่อไปแจ้งตำรวจ ทั้งยังได้เงินค่าเดินทาง เยี่ยมสุดๆ ไปเลย
ทุกคนต่างแย่งกันอาสา “ฉันไป...”
เวลานี้เซี่ยฟู่กุ้ยใจเต้นแรงเพราะกลัวความจริงจะถูกเปิดเผย วันนั้นตอนที่เขานำข้าวของไปให้ภรรยาในห้องขัง เขาถูกอีกฝ่ายบังคับให้ทำเื่นี้
ภรรยากระซิบข้างหูว่า ให้เขาอุ้มเซี่ยเฉินซีไปทิ้งไว้ที่หน้าบ้านอู๋แล้วค่อยไปแจ้งตำรวจ บอกว่าโม่โม่ขโมยเด็กเพื่อเอาไปทรมาน ทั้งๆ ที่ลูกเขาอายุแค่สองเดือนเท่านั้น
แต่ก่อนไปสถานีตำรวจต้องอาละวาดที่หมู่บ้านเซิ่งลี่ก่อน ชื่อเสียงของบ้านอู๋กับเซี่ยโม่จะได้เสียหายป่นปี้ จากนั้นค่อยเรียกร้องค่าเสียหาย
หลังจากกลับมาบ้าน เขาลังเลอยู่หลายวัน เนื่องจากกลัวว่าจะถูกภรรยาสวมหมวกเขียวให้ เขาจึงทำเื่นี้อย่างจำยอม
กลางดึกเมื่อคืนนี้ เขาคิดถึงประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ หากไม่ยอมเสียลูกก็จะไม่ได้หมาป่า[1] เช้ามืดเขาจึงอุ้มเฉินซีที่กำลังหลับสนิทออกจากบ้าน
พอมาถึงจุดหมาย หน้าบ้านอู๋มีลูกสุนัขอยู่หนึ่งตัว ประตูบ้านลงกลอนไว้สนิท
ด้วยกลัวว่าจะมีคนมาเห็น เซี่ยฟู่กุ้ยเลยเอาหญ้าข้างทางมาปูที่พื้น ก่อนจะวางลูกชายคนเล็กลงบนกองหญ้าตรงหน้าบ้านอู๋ คิดไว้ว่าถ้าฟ้าสางและคนในบ้านออกมาอุ้มลูกชายคนเล็กของเขาเมื่อไร เขาก็จะวิ่งออกมาทันที
หลังจากวางลูกชายคนเล็กไว้ที่หน้าบ้าน เซี่ยฟู่กุ้ยก็เดินไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ด้านข้าง เนื่องจากอดนอนมาทั้งคืน ระหว่างรอเวลาเขาเลยเผลอหลับไป
เมื่อได้สติตื่นขึ้นมาเขารีบวิ่งไปดูที่หน้าบ้านอู๋ ปรากฏว่าลูกชายคนเล็กของเขาไม่อยู่แล้ว เหลือเพียงแค่เศษผ้าขาดวิ่น
เซี่ยฟู่กุ้ยแทบเป็ลม ร้องห่มร้องไห้ออกมาด้วยความตระหนก ตอนนี้พอได้ยินว่าเซี่ยโม่จะแจ้งตำรวจ ทั้งยังจะให้มีการตรวจลายนิ้วมือ เขามีท่าทีร้อนรนขึ้นมาทันที
แม้จะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขามั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าคนในบ้านอู๋ เซี่ยโม่ และเซี่ยเฉินเฟิงไม่มีใครแตะต้องลูกชายคนเล็กของเขาแน่นอน
ดังนั้นบนผ้าย่อมมีแค่รอยนิ้วมือตัวเอง หากถึงขั้นให้ตำรวจมาตรวจสอบ เื่นี้ต้องถูกเปิดเผยเป็แน่
“แกจะแจ้งตำรวจทำไม แกเป็คนเอาตัวเฉินซีไปใช่ไหม รีบคืนมาให้ฉัน ฮือ…” เซี่ยฟู่กุ้ยแกล้งทำท่าให้ดูน่าสงสาร
เซี่ยโม่พูดอย่างมีน้ำโห “หนูเลี้ยงน้องชายแท้ๆ ของหนูแค่คนเดียว จะไปเอาลูกของคนที่ทำให้บ้านหนูแตกมาทำไม พ่อพูดอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ หนูพูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อเช่นกัน รอให้ตำรวจมาถึง พอถึงตอนนั้นเดี๋ยวก็รู้แล้วว่าอะไรเป็อะไร”
บรรดาชาวบ้านที่ได้ฟังต่างก็คิดว่าคำพูดเด็กสาวนั้นมีเหตุผล
เวลานี้เองคุณตาตัดสินใจเลือกได้แล้วว่าจะวานใครไปแจ้งตำรวจ
“จู้จื่อ รบกวนไปแจ้งตำรวจที่โรงพักในตำบลให้ทีนะ กลับมาเดี๋ยวฉันให้ค่าเดินทาง” จู้จื่อผู้นี้เป็คนที่พึ่งพาได้คนหนึ่ง
“อื้อ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ที่ไปไม่ใช่เพราะอยากได้ค่าเดินทางนะ แต่เป็เพราะผมชอบจักรยานคันนี้ต่างหาก” จู้จื่อตอบพลางยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“คุณอาจู้จื่อคะ ขี่จักรยานเป็ใช่ไหมคะ” เซี่ยโม่หันไปถาม
“เป็สิ งั้นอาไปก่อนนะ”
พอเห็นว่าคุณอาจู้จื่อสามารถขี่จักรยานได้จริง เธอถึงค่อยวางใจ
เซี่ยโม่หันกลับไปหาบิดา แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “บอกมาเถอะค่ะ หวางลี่ลี่เป็คนวางแผนให้พ่อทำแบบนี้ใช่ไหม”
เซี่ยฟู่กุ้ยเป็ห่วงลูกชายคนเล็กจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้เผลอหลุดปากออกไป “แกรู้ได้ยังไง”
มุมปากเด็กสาวกดเป็รอยยิ้มเ็า คนอย่างบิดาเธอไม่มีทางคิดแผนแบบนี้ได้อยู่แล้ว
“หากลูกชายสุดที่รักของพ่อเป็อะไรไป ทั้งหมดก็เพราะพ่อนั่นแหละค่ะ หนูกับน้องแค่อยากอยู่ให้ห่างจากพ่อกับแม่เลี้ยง แต่พ่อกับแม่เลี้ยงชอบมาหาเื่หนูไม่หยุดไม่หย่อน ที่เื่เป็แบบนี้ก็เพราะกรรมตามสนอง”
“ไม่ใช่ ทั้งหมดเป็เพราะแกนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะแก แม่เลี้ยงแกก็ไม่ต้องถูกส่งไปทำงานที่ค่ายแรงงาน ที่ลูกชายไม่มีนมให้ดื่ม ทั้งหมดมันเป็เพราะแก” เซี่ยฟู่กุ้ยตวาด ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ
ได้ฟังแล้วก็ยิ่งโมโห เอะอะก็ว่าลูกชายฉัน บิดาเอาเธอกับน้องไปไว้ที่ไหน
“น้องชายหนูหายตัวไป หนูไม่ควรออกตามหาเหรอคะ ตอนเกือบจะถูกพวกคนเลวจับตัว หนูไม่ควรขัดขืนเหรอคะ ที่บ้านคุณตาคุณยายถูกบุกมาขโมยของ หนูก็ไม่ควรแจ้งตำรวจงั้นเหรอคะ” เธอกัดฟันถามด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ
เซี่ยฟู่กุ้ยพูดอะไรไม่ออก บรรดาคนที่มุงดูต่างพยักหน้าเห็นด้วย บิดาเช่นนี้ไม่มีเสียยังดีกว่า
ต่อมาไม่นานตำรวจหลายนายก็เดินทางมาถึง แม้เธอจะไม่ทราบชื่อ แต่มีหลายคนในนี้ที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็อย่างดี
“พี่ตำรวจ รบกวนพวกคุณแล้ว” เซี่ยโม่เอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจ
“เธออีกแล้วเหรอ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น” คนที่ดูเป็หัวหน้าของกลุ่มตำรวจถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง
เด็กสาวไม่ยังไม่ทันได้ปริปาก เซี่ยฟู่กุ้ยกลับชิงเล่าก่อนด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า “คุณตำรวจ ในที่สุดคุณก็มาสักที คุณเองก็รู้เื่ที่บ้านผมอยู่แล้ว งั้นผมคงไม่ต้องพูดมาก วันนี้ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วลูกเล็กของผมหายไป ตอนนั้นใมาก ตัวผมไม่มีศัตรูที่ไหน มีแค่นังเด็กนี่คนเดียว ผมเลยสงสัยว่านังเด็กนี่จะมาอุ้มลูกผมไป”
“พูดชื่อ ใครคือนังเด็กนั่น” เ้าหน้าที่ตำรวจพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
“นังเด็กนั่นก็คือเซี่ยโม่ มันนั่นแหละที่เป็คนเอาตัวลูกผมไป!” เซี่ยฟู่กุ้ยตอบอย่างมั่นใจ
ตำรวจถามต่อด้วยสีหน้าเ็า “เธอทำร้ายลูกคุณยังไง เล่าเื่ทั้งหมดให้ฟังสิ”
เซี่ยฟู่กุ้ยปาดน้ำตาก่อนจะให้ปากคำ “ต้องเป็มันแน่ๆ ที่ขโมยลูกเล็กของผมไป พอผมรีบมาที่นี่ก็เจอแต่เศษผ้า ลูกชายผมถูกมันทำร้าย ฮือๆ…”
-------------------------------
[1] ไม่ยอมเสียลูกก็จะไม่ได้หมาป่า เป็การอุปมาหมายถึง หาก้าไปให้ถึงเป้าหมายก็ต้องยอมสูญเสียอะไรบางอย่าง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้