ด้วยคำเชิญอันอบอุ่นของอวิ๋นอี้ ในที่สุดลู่จงเฉิงก็เข้ามานั่งในจวน หรงซิวบอกให้ในครัวทำอาหารเพิ่มสองสามอย่าง จากนั้นก็หันไปถามต้นสายปลายเหตุจากทางอวิ๋นอี้
“เ้าบอกว่ามีคนตามเ้ามาหรือ?” เขาถาม
อวิ๋นอี้พยักหน้าจริงจัง “เป็บุรุษวัยกลางคน ไกลเกินไปข้าเลยเห็นหน้ามิชัด เขาสวมเสื้อผ้าสีเทา ต่อมาข้าเข้าไปในโรงน้ำชา บุรุษผู้นั้นก็เหมือนจะหายไปเพคะ"
หรงซิวได้ยินแล้วก็ครุ่นคิด "เข้าใจแล้ว ่นี้เ้าก็อยู่บ้านไปก่อนเถิด อย่าได้ออกไปที่ใดเลย"
พูดจบก็เหลือบไปมองลู่จงเฉิง ในใจมิได้รู้สึกดีเท่าใดนัก
ไม่ใช่ว่าลู่จงเฉิงทำให้เขาโกรธ หากแต่เป็ท่าทีของอวิ๋นอี้ที่มีต่อลู่จงเฉิงนั่นต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
หรงซิวยอมรับ ในฐานะบุรุษ หน้าตาของลู่จงเฉิงโดดเด่นไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้ถือว่าแย่ แต่ก่อนอวิ๋นอี้เองก็จะเป็จะตายเพื่อให้ได้เจอเขาเช่นกัน
ยามนี้เกิดอันใดขึ้น?
ความคิดความอ่านเปลี่ยนไป ได้ใหม่ก็ลืมเก่าหรือ?
ยิ่งคิด หน้าหรงซิวก็ยิ่งไม่น่าดู
หรือเป็อย่างที่สตรีผู้นี้พูด นางสูญเสียความทรงจำ แม้แต่บุรุษที่นางชอบก็เปลี่ยนไป?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็เรียกสติกลับมา ออกมาจากความคิดที่ซับซ้อนนั้น
แล้วมองอวิ๋นอี้อีกรอบ เฮอะเฮอะ
นางวางแขนบนโต๊ะ เอามือปิดหน้า จ้องมองไปที่ลู่จงเฉิงด้วยสายตาคลั่งไคล้ แทบจะอยากนอนลงไปบนร่างของบุรุษผู้นั้น
เห็นเขาตายไปแล้วหรือ?
หรงซิวค่อยๆ ดึงมือของอวิ๋นอี้ออกมาทีละข้าง แล้วพูดขึ้นว่า "ให้ข้าดูหน่อย วันนี้เ้าาเ็ที่ใดหรือไม่?"
จู่ๆ บทสนทนาก็หยุดชะงัก อวิ๋นอี้ขมวดคิ้วแล้วดึงมือกลับ "มิต้องเพคะ ข้าแค่ถูกเดินตาม มิได้ถูกทำร้าย"
"หากว่าถูกทำร้าย แต่เ้าไม่รู้ตัวเล่า?"
"......" อวิ๋นอี้มองหรงซิวอย่างสงสัย ผ่านไปนานถึงพูดออกมา “หรงซิว ฝ่าาเป็อันใดมากหรือไม่เพคะ?”
หากถูกทำร้ายมา มีหรือที่นางจะไม่รู้ตัว?
หรงซิวขมวดคิ้วหันมามองนาง ทันใดนั้นนางก็ััได้ถึงบรรยากาศรักที่เปี่ยมล้น บรรยากาศพลันเปลี่ยนแปลงไป อวิ๋นอี้อ้าปากค้างด้วยความตื่นตระหนก แก้มของนางร้อนผ่าว รีบหุบปากเื่คำพูดประชดที่โพล่งออกไป
หน้าตาดีนี่ก็เป็เื่ผิดสินะ
นางเม้มปาก และกระตุกแขนกลับมา โชคดีที่อาหารมาพอดี หรงซิวถึงปล่อยนางไป
หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่ อวิ๋นอี้ก็นั่งสงบเสงี่ยม บนโต๊ะอาหารก็กลายเป็ที่พูดคุยของบุรุษทั้งสองอีกครา
หรงซิวกับลู่จงเฉิงรับราชการในวังเดียวกัน ทั้งสองก็เริ่มพูดเื่การเมืองการปกครอง อวิ๋นอี้ฟังไม่เข้าใจ จึงไม่อยากจะพูดแทรกอันใดออกไป นางนั่งกินเงียบๆ ไปเรื่อยๆ สุดท้ายเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองดื่มกันช้าลง ก็รู้ได้ว่านี่เป็จังหวะการเข้าสู่่เวลาพัก
นางนั่งกับบุรุษทั้งสองคนสักพักก็รู้สึกง่วงขึ้นมา หาวอยู่หลายครา
ใช้โอกาสใน่ที่หยุดพูด หรงซิวกวาดสายตามา พูดด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “อวิ๋นเออร์กลับห้องไปพักผ่อนก่อนเถิด ข้ากับท่านลู่กำลังคุยกันติดพัน วันนี้ไม่เมาไม่กลับ”
พูดจบ เขาก็โบกมือให้สาวใช้ช่วยพยุงอวิ๋นอี้เดินไปทางเรือนหลัง อวิ๋นอี้ง่วงมากจนแยกปู่ย่าไม่ถูก สาวใช้ต้องช่วยพยุงตลอดทาง เมื่อถึงก็กลิ้งตัวลงนอนบนเตียงทันที
นางหลับไปจนรู้สึกตัวว่ามีคนเข้ามาข้างกายใน่กลางดึก จึงพลิกตัว และหลับต่อ หรงซิวมองดูการเคลื่อนไหวของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตามอง เขาแตกต่างจากผู้อื่น ยิ่งเมาก็ยิ่งมีสติ แม้จะเดินเซบ้าง แต่ก็ถือว่ายังครองสติได้มากอยู่
หรงซิวนึกถึงสิ่งที่สังเกตได้บนโต๊ะอาหารค่ำ ขอนไม้แน่นิ่งอย่างลู่จงเฉิง มิได้รู้สึกอันใดกับอวิ๋นอี้ ทั้งหมดเป็เพียงความกระตือรือร้นของสตรีผู้นี้เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่เพราะเป็ความรู้สึกฝ่ายเดียว หรงซิวก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ
เขามิเคยคิดฝันว่าอวิ๋นอี้ผู้ที่เคยรักเขาปานจะกลืนกินมาก่อน เมื่อกลับมาอยู่ข้างกายเขา ไม่เพียงแต่จะคิดออกห่างเขาเท่านั้น แต่ยังคิดที่จะไปหาบุรุษผู้อื่นด้วย!
มิได้
เพื่อความรักและศักดิ์ศรี เขาต้องจับอวิ๋นอี้ให้อยู่ในเงื้อมมือให้จงได้ มัดนางเอาไว้ข้างกาย
หรงซิวตัดสินใจว่าแผนกระชับความสัมพันธ์นั่น มิเพียงแต่ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง แต่ยังต้องรีบทำอีกด้วย
เขาไม่เชื่อว่าเขาจะเทียบกับคนนอกอย่างลู่จงเฉิงไม่ได้!
หลังจากตัดสินใจแล้ว เขาก็เอนตัวลงนอนอย่างเกียจคร้านทันที กลิ่นหอมของอวิ๋นอี้แผ่ซ่านไปถึงปลายจมูก หลังจากที่ดื่มมา หรงซิวที่เดิมทีก็มีความคิดมากมายอยู่แล้ว ยามนี้สมองเขาราวกับประทัดที่ถูกจุดซึ่งกำลังจะะเิออกมา มิสามารถควบคุมได้อีกต่อไป
หรงซิวกัดฟันนิ่งเงียบ พยายามระงับแรงกระตุ้นนั้นเอาไว้ แต่มันกลับกลายเป็ว่ายิ่งเขาครุ่นคิดถึงมันมากเท่าใด ความปรารถนาก็ยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นเท่านั้น
มีสตรีของตนอยู่เคียงข้าง เหตุใดเขาจึงต้องทนทุกข์กับเื่เช่นนี้!
เมื่อความคิดนั้นผุดขึ้นมาก็กลับลำไม่ได้เสียแล้ว หรงซิวขยับไปข้างหน้าอย่างไร้สติ อวิ๋นอี้ไม่รู้ตัว นางหลับอย่างสบายใจภายใต้แสงสลัว หรงซิวมองเห็นการเคลื่อนไหวหายใจขึ้นลงของนางได้เป็อย่างดี
ริมฝีปากแห้งผาก
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วจูบแก้มนางอย่างสั่นเทา
อวิ๋นอี้ยังคงหลับใหลไม่รู้ตัว
หรงซิวปลุกความกล้าหาญขึ้น ความร้อนจากลมหายใจััรินรดไปบนผิวของนาง ชายหนุ่มจุมพิตไปที่ริมฝีปากของนางอีกครั้ง
ปากของนางนุ่มมาก!
ก่อนที่เขาจะทำอันใดต่อ อวิ๋นอี้ก็ทักทายเขาด้วยการตบ
เพี๊ยะ!
เสียงดังชัดเจน ทั้งสองตะลึงงัน
มีกลิ่นเหล้าลอยอบอวลอยู่ในอากาศ ชายหนุ่มล้มตัวทับนางอย่างใกล้ชิด ภายในห้องมืดเกินกว่าจะมองเห็นสีหน้าของเขา มีเพียงดวงตาสีเข้มเท่านั้นที่มองมาที่นางอย่างเสน่หา ในแววตานั้นแฝงไปด้วยเปลวไฟลุกโชนและความโหยหาอย่างไม่สามารถปิดบังได้
อวิ๋นอี้กะพริบตา "เมาหรือ?"
หรงซิวเมา แต่มิใช่ไม่ได้สติ เลอะเทอะจนไม่รู้เื่
แต่ตอนนี้ ระหว่างสายฟ้าแลบหรือไฟตีหิน [1] เขาตระหนักได้ในทันทีว่า การเมาเป็ข้อแก้ตัวที่ดีที่สุด
มิฉะนั้น หากตามหลักเหตุผลที่อวิ๋นอี้เคยขอไว้กับเขา หากเขาจัดการนางในตอนที่มีสติสัมปชัญญะ นางก็คงจะโวยวายให้เลิกกันอีก?
หรงซิวฉวยโอกาสแสร้งทำเป็เมา ทำท่าก้มจูบอย่างหน้าด้านๆ อีกครั้ง พลางบ่นพึมพำไปมา "อวิ๋นเออร์...ข้าคิดถึงเ้าเหลือเกิน... อวิ๋นเออร์... เ้ากลับมาแล้วใช่หรือไม่?"
การแสดงนี้สมจริงยิ่งนัก
แม้แต่อวิ๋นอี้ก็ไม่รู้ตัวว่ามันปลอม
นางผลักหรงซิวออกไป เขาทำตัวราวกับไม่มีกระดูก ทันทีที่โดนผลักก็ล้มลงบนเตียงข้างๆ ชายหนุ่มพูดพึมพำอะไรบางอย่าง
อวิ๋นอี้ลุกขึ้นนั่ง มองเขานิ่ง
สักพักนางก็ลุกขึ้น ไปเอาน้ำมาเช็ดที่หน้าและมือให้เขา ถอดเสื้อผ้าและรองเท้าของเขาออก แล้วพยุงเขาขึ้นเตียงอย่างยากลำบาก หลังจากเสร็จแล้ว อวิ๋นอี้ก็เรียกสาวใช้เข้ามา ให้เอากะละมังออกไป
นางเหนื่อยจนปวดหลังปวดเอวไปหมด ทำได้เพียงนวดคอแล้วปิดไฟ คลานขึ้นไปบนเตียงในความมืด
ในความมืดมิด หลังจากนั้นไม่นานลมหายใจอันแ่เบาของนางกลับมาอีกครั้ง แต่ดวงตาของหรงซิวยังคงเปิดอยู่จนถึงรุ่งสาง
วันรุ่งขึ้นหลังจากตื่นนอน อวิ๋นอี้ก็พบว่าหรงซิวมิได้ไปทำงาน นางรู้สึกแปลกใจนัก หรงซิวเป็คนบ้างาน ช่างผิดปกตินักที่เขาไม่ได้ไปทำงาน
เผชิญหน้ากับหรงซิวที่ไม่ปกติ นางก็ทานข้าวเช้าด้วยความกังวลใจ หลังจากทานเสร็จ อวิ๋นอี้ที่อยากจะหลบไปที่ไหนก็ได้กลับถูกหรงซิวเรียกเอาไว้ก่อน "อวิ๋นเออร์ ข้ามีเื่จะพูดกับเ้า"
"......"
อวิ๋นอี้ใจเต้นแรงอยู่ชั่วครู่ นางมีลางสังหรณ์ไม่ดีนัก
นางทำเป็ยิ้มแป้น แล้วฟังหรงซิว “ข้าส่งคนไปสืบหาบุรุษที่ตามเ้ามาแล้ว เชื่อว่าจะรู้เื่ในไม่ช้านี้ เพื่อความปลอดภัย เ้าไม่ควรออกไปที่ใดคนเดียวใน่นี้ หากเ้า้าจะออกไปซื้อของจริงๆ ข้าจะไปด้วยเอง”
กระไรนะ?
หากให้หรงซิวไปกับนาง นางยอมอยู่บ้านก็ได้
อวิ๋นอี้ยิ้มอย่างสดใส “กระนั้นก็รบกวนฝ่าาด้วยนะเพคะ หวังว่าจะได้เจอเร็วๆ ข้าก็จะได้สบายใจ แต่เื่ออกไปซื้อของไม่จำเป็หรอกเพคะ ่นี้ข้าจะอยู่ติดจวน”
"เช่นนั้นก็ดี" หรงซิวกะพริบตา "เ้าจะได้กระชับความสัมพันธ์กับข้า อวิ๋นเออร์คงมิได้ลืมข้อตกลงของเราไปแล้วใช่หรือไม่?"
"......"
อวิ๋นอี้แสร้งยิ้มและโบกมือ "แน่นอนว่าไม่เพคะ"
"เช่นนั้นก็ดี" หรงซิวกล่าว "กระนั้นเรามาเริ่มกระชับความสัมพันธ์กันยามนี้เลยดีหรือไม่?"
พูดถึงลมฝนก็มาเลยจริงๆ [2] แน่นอนเสียจริง
จากนั้นหรงซิวก็ไม่ได้อยู่ในห้องหนังสือ เขาพาอวิ๋นอี้ไปเดินรอบจวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเดินเข้าไปในสวนดอกไม้หลังวัง ชายหนุ่มอธิบายเกี่ยวกับที่มาของดอกไม้แต่ละชนิด ดูค่อนข้างภาคภูมิใจเป็อย่างยิ่ง อวิ๋นอี้ไม่ได้สนใจอันใด จนกระทั่งเขาบอกว่าดอกไม้ทุกช่อที่นี่ประเมินค่ามิได้
“จริงหรือเพคะ?” อวิ๋นอี้ประหลาดใจ “ช่อดอกไม้ช่อหนึ่งมีค่ามากเช่นนั้นเลยหรือ?”
ให้ตายนางก็ไม่เชื่อ
หรงซิวยิ้มอย่างมีเลศนัย แววตาเย้ายวน “จริงสิ นี่เป็สิ่งที่ข้าให้คนเตรียมไว้เมื่อสองวันก่อน เ้ารอดมาจากความตายได้ ข้าจะรักและดูแลเ้าเป็อย่างดี เมื่อก่อนเ้าชอบปลูกดอกไม้มาก ขอให้ข้าหาดอกไม้และต้นไม้แปลกๆ มาให้ เพียงแต่ว่าข้ายุ่งกับงานราชการเกินไป ล่าช้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า เป็ข้าเองที่ทำผิดต่อเ้า... แต่อวิ๋นเออร์ เพลานี้ข้าได้นำดอกไม้และต้นไม้หายากทั้งหมดในใต้หล้ามาให้เ้าแล้ว เ้าชอบหรือไม่?"
ชอบสิ!
ผู้ใดจะไม่ชอบเงินเล่า!
อวิ๋นอี้พยักหน้า "มันเป็ของข้าหมดเลยหรือเพคะ?"
"เป็ของเ้าทั้งหมด" หรงซิวพูดอย่างเอ็นดู "อวิ๋นเออร์เ้าชอบสิ่งใดอีก ขอให้บอกกับข้า"
“ดีเพคะ กระนั้นข้าก็จะไม่เกรงพระทัย” นางยิ้มแล้วมองดูดอกไม้ในสวน คิดว่าจะเด็ดดอกไม้เหล่านี้ไปขายเสีย แล้วจะปลูกองุ่นหรือผลไม้อื่นเสียหน่อย เมื่อคิมหันต์ฤดูมาถึง ก็จะสามารถทานองุ่นดับกระหายได้อีกด้วย
หลังจากเยี่ยมชมจวนเสร็จ ก็เป็เวลาเที่ยงวันแล้ว
เมื่อทานมื้อกลางวันเสร็จ อวิ๋นอี้กำลังจะกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน แต่ถูกหรงซิวเรียกไปที่ห้องหนังสือ บอกว่าอยากจะชมภาพวาดกับนาง
อวิ๋นอี้ปฏิเสธอย่างจริงจังว่า "ข้าอยากนอน...ข้าไม่มีความสนใจภาพวาด ข้ามิใช่ข้าคนเดิมแล้ว ฝ่าา งานอดิเรกของข้าก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกันเพคะ"
หรงซิวก็มิได้บังคับ เพียงแค่ถาม “กระนั้นงานอดิเรกของเ้าตอนนี้คือสิ่งใด?”
อวิ๋นอี้พูดอย่างไม่ลังเล "กิน นอน ใช้เงิน"
หรงซิวกัดริมฝีปาก สิ่งเหล่านี้ง่ายเกินไปสำหรับเขา เขาจับมืออวิ๋นอี้ และผลักนางเข้าห้องหนังสือ "ห้องหนังสือก็มีที่นอน เ้านอนที่นี่เถิด"
"เหตุใดกันเพคะ?" อวิ๋นอี้ไม่เข้าใจ “ข้าจะกลับไปนอนที่ห้อง ฝ่าาก็อยู่ที่นี่ไปสิเพคะ”
“ถ้าเ้านอนที่นี่ ข้าจะให้ทองก้อนใหญ่แก่เ้า" ราวกับเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาจริง หรงซิวดึงก้อนทองคำออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อ ราวกับว่าเขากำลังเล่นกล!!!
ดวงตาของอวิ๋นอี้เป็ประกาย ไม่ทันที่หรงซิวจะรั้งนางไว้ นางก็เดินเข้าไปในห้องหนังสือและนอนลงบนตั่งนุ่มๆ ทันที
เชิงอรรถ
[1] สายฟ้าแลบหรือไฟตีหิน 电光火石 หมายถึงเื่ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
[2] พูดถึงลมฝนก็มา 说风就是雨 หมายถึง พูดปุ๊บทำปั๊บ