พวกเขาต่างจ้องเย่เฟิงตาเขม็งด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
“ขอบใจ” เมิ่งยวี่ฉิงลุกขึ้นยืนพร้อมเช็ดเืตรงมุมปาก ก่อนจะกล่าวกับเย่เฟิงเช่นนั้น เย่เฟิงก็ผงกศีรษะขึ้นลงโดยไร้ซึ่งคำพูด นี่ทำให้เมิ่งยวี่ฉิงรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด ปีศาจพิภพระดับสองตนนี้มาเพื่อแก้แค้นคืนให้ปีศาจพิภพตนนั้นที่เ้าห้าคนฆ่าก่อนนี้ ส่วนผลึกิญญาที่พวกเ้าพูดถึง ข้าเดาว่ามันก็คือสัตว์อสูรผู้ปกปักผลึกิญญา เพราะงั้นเราควรตามร่องรอยกลิ่นอายของมันเพื่อตามหาที่อยู่ของผลึกิญญา” เย่เฟิงกล่าวกับหยวนป้าเทียนก่อนจะพบผลึกิญญา เขาจะแยกทางกับคนเหล่านี้ไม่ได้ ถึงอย่างไรหนทางข้างหน้าจะอันตรายหรือไม่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เย่เฟิงจะคาดเดาได้ ร่วมเดินทางกับคนเหล่านี้จะปลอดภัยมากกว่า
“งั้นก็ทำตามที่เ้าว่ามาแล้วกัน” ขณะที่หยวนป้าเทียนมองเมิ่งยวี่ฉิงตรงหน้าที่กำลังมองเย่เฟิงด้วยแววตาเช่นนั้น เขาก็เผยสีหน้าดูไม่ได้เล็กน้อย แต่ประสาทััของเย่เฟิงดีเยี่ยมมาก เพื่อให้ได้มาซึ่งผลึกิญญา เขาจำต้องเชื่อฟังเย่เฟิง
ม่อหลี่และชิงเหยียนถึงจะใที่เย่เฟิงสยบปีศาจพิภพระดับสอง แต่ในใจก็ยังดูถูกเช่นเดิม พวกเขาต่างคิดว่าเย่เฟิงจะต้องใช้พลังภายนอกบางอย่างถึงสยบงูั์ในการโจมตีเดียวได้ หากอาศัยพลังในการต่อสู้ เย่เฟิงไม่มีทางสู้พวกเขาได้แน่ แต่หยวนป้าเทียนกลับเชื่อฟังเย่เฟิง พวกเขาก็ต้องเลือกที่จะติดตาม
จากนั้นทั้งหกคนตามร่องรอยกลิ่นอายของงูั์ที่ทิ้งไว้ เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป ในที่สุดพวกเขาก็ตามมาถึงถ้ำแห่งหนึ่ง ภายในถ้ำดำมืด ทำให้มองไม่เห็นด้านใน แต่มีปราณอสูรแผ่ออกมา เป็พลังปราณประเภทเดียวกับงูั์ตนนั้น
เย่เฟิงหยุดชะงัก เขามองถ้ำแล้วกล่าวว่า “ที่นี่น่าจะเป็ที่ซ่อนตัวของงูั์สองตนนั้น ถ้าข้าเดาไม่ผิด ผลึกิญญาคงอยู่ในถ้ำแห่งนี้”
“เ้าเข้าไปดูเดี๋ยวก็รู้ว่ามีผลึกิญญาหรือไม่” หยวนป้าเทียนได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบไปมองเย่เฟิง ก่อนจะกล่าวเช่นนั้น เขารู้สึกหวาดหวั่นกับถ้ำอันมืดมิดเล็กน้อย
เย่เฟิงเหยียดยิ้มในใจ หยวนป้าเทียนเห็นเขาเป็คนนำทางไปแล้วจริง ๆ จากนั้นเขากล่าวว่า “ข้าเข้าไปก่อนก็ย่อมได้ แต่ถ้าในนั้นมีผลึกิญญาอยู่จริง ๆ เ้าไม่กลัวว่าข้าจะเก็บมันไว้คนเดียวหรือ?”
“นี่...” หยวนป้าเทียนชะงักไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าถ้อยคำของเย่เฟิงจะเฉียบคมเพียงนี้ หากให้เย่เฟิงเก็บผลึกิญญาไปคนเดียว ความพยายามที่เขาทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า
“ทุกคนระวัง เราจะเข้าถ้ำไปด้วยกัน” หยวนป้าเทียนปรายตามองเย่เฟิงแวบหนึ่งด้วยสายตาเ็า ก่อนจะกล่าวกับคนอื่น ๆ เช่นนั้น คนเ่าั้ต่างก็เผยสีหน้าแน่วแน่ ในเมื่อมาถึงที่นี่ พวกเขาก็ไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว เพื่อให้ได้มาซึ่งผลึกิญญา จำต้องเดินไปข้างหน้า
หลังจากนั้นพวกเขาหกคนก็เดินเข้าถ้ำพร้อมกัน ภายในถ้ำไร้แสงสว่าง แต่เมื่อเดินเข้าไปสักพัก ในที่สุดก็มีแสงสว่างที่ข้างหน้า
“ในนั้นมีแสงสว่าง!” เมิ่งยวี่ฉิงะโด้วยความดีใจ
“ฟ่อ!” ตอนนั้นเองมีเสียงงูดังขึ้น ก่อนจะมีงูจำนวนมากพุ่งมาหาพวกเขาจากรอบทิศทาง แม้งูพวกนี้จะเป็ปีศาจิญญาระดับต่ำ แต่ว่ามันมีจำนวนมากและจู่โจมพวกเขาพร้อมกัน
“ระวัง!” หยวนป้าเทียนะโเสียงดัง พร้อมมีกริชปรากฏในมือเขา ก่อนจะใช้สังหารงูพวกนั้น ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็นำอาวุธของตนออกมาสังหารงูพวกนั้นเช่นกัน
เย่เฟิงเพียงคิด พลันดัชนีแปรเปลี่ยนเป็หอก จากนั้นยิงรังสีหอกออกไป เมื่อไปเยือนปีศาจงูพวกนั้น ร่างของพวกมันก็ต้องขาดเป็สองท่อน
“ตูม ปังๆ” เสียงะเิดังต่อเนื่อง เพียงพริบตาบริเวณนั้นกลายเป็สนามรบของมนุษย์และปีศาจงู ทั้งหกคนผนึกกำลังเข่นฆ่างูจนตายไปนับไม่ถ้วน ทำให้บนพื้นเกลื่อนไปด้วยซากศพงู ทั้งยังมีกลิ่นคาวเืคละคลุ้งในอากาศ
“อ้าก!” เสียงกรีดร้องพลันดังขึ้น ชิงเหยียนไม่ทันระวังจึงถูกงูกัดแขน ความเ็ปทำให้ชิงเหยียนดิ้นทุรนทุรายไม่หยุด และกว่าจะกำจัดงูตัวนั้นได้ก็ไม่ง่ายเลย
นอกจากชิงเหยียนแล้ว คนอื่น ๆ ก็เริ่มได้รับาเ็จากการเข่นฆ่างูพวกนั้น มีเพียงเย่เฟิงที่อาศัยความน่าอัศจรรย์ของดัชนีแปรผันเป็หอก จึงกำจัดงูพวกนั้นไปได้เป็จำนวนมาก ทว่าเหมือนพวกมันมากันไม่หยุดหย่อน ถึงกำจัดไปก็มีเพิ่มเข้ามาอีก นี่ทำให้ทุกคนต่างถอนหายใจและรู้สึกว่าตัวเองบุกเข้ามาในดงงู แต่ต่อให้มีเยอะมากเพียงใด สุดท้ายก็ถูกพวกเขาหกคนกำจัดจนหมดสิ้นอยู่ดี แต่นอกจากเย่เฟิงแล้ว อีกห้าคนรวมทั้งเมิ่งยวี่ฉิงต่างมีสภาพสะบักสะบอม และมีาแเต็มตัว
เมื่อม่อหลี่กับชิงเหยียนเห็นเย่เฟิงไม่มีสภาพเหมือนพวกเขาต่างก็เผยแววตาเย็นะเืและรู้สึกไม่พอใจ ทั้งสองคิดว่าเย่เฟิงไม่ออกแรงจัดการงูพวกนั้นเท่าที่ควร
จากนั้นม่อหลี่กล่าวว่า “หนีอีกแล้ว ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกเราจะเก็บเขาไว้ทำไม?”
ประโยคกล่าวถึงเย่เฟิงอย่างเห็นได้ชัด อีกอย่างชิงเหยียนยังเหยียดยิ้มด้วยท่าทีดูถูก
“เอาเถอะไม่ต้องพูดแล้ว แสงที่สาดส่องมาจากข้างหน้านั่นอาจเป็ที่อยู่ของผลึกิญญา พวกเรารีบไปเถอะ” หยวนป้าเทียนกล่าว จากนั้นเดินไปข้างหน้าต่อ ม่อหลี่กับชิงเหยียนแค่นเสียงเ็า ก่อนจะเดินตามไป
ไม่นานแสงก็เริ่มสว่างขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะปรากฏพื้นที่กว้างข้างหน้า ที่แห่งนี้กว้างขวางจนน่าใ ทั้งยังมีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายร้อยจั้ง ตรงใจกลางมีต้นไม้ต้นหนึ่งลอยอยู่เหนือพื้น เปล่งแสงระยิบระยับ และมีหมอกห้อมล้อม
มีผลึกส่องแสงก้อนหนึ่งอยู่ในกิ่งก้านใบของต้นไม้โบราณที่กำลังโอบล้อมอยู่ ทำให้ต้นไม้โบราณต้นนี้ดูศักดิ์สิทธิ์
“ผลึกิญญา!” พวกหยวนป้าเทียนต่างอุทานด้วยความใ ในที่สุดพวกเขาก็เจอแล้ว หากพวกเขาคว้าผลึกิญญาก้อนนี้มาครองได้ ก็จะสามารถชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ และปรับเปลี่ยนความสามารถผ่านพลังที่อัดแน่นอยู่ในผลึกิญญา ไม่เพียงแต่การป้องกันจะแกร่งขึ้น แต่ยังช่วยให้ขั้นพลังถูกยกระดับขึ้นได้ในภายภาคหน้า ดังนั้นด้วยการสนับสนุนของร่างกายบริสุทธิ์ เมื่อพวกเขาเผชิญกับภาวะคอขวดในการทะลวงขั้นพลัง มันก็จะเปลี่ยนไปราบรื่นไร้อุปสรรค
ดังนั้นผลึกิญญาในจักรวรรดิจิ่วโยวถือได้ว่าเป็สมบัติล้ำค่า เป็สิ่งของที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่หลาย ๆ คนต่างใฝ่ฝันหาแม้แต่ในฝัน ต่อให้เ้าเกิดในตระกูลสูงศักดิ์และร่ำรวยมากเพียงใด ก็ไม่อาจไขว่คว้าผลึกิญญาก้อนหนึ่งมาได้ นี่เห็นได้ว่าผลึกิญญาล้ำค่ามากเพียงใด
เย่เฟิงกะพริบตาปริบ ๆ แต่ในใจกลับรู้สึกใขณะมองผลึกที่อยู่ตรงใจกลางต้นไม้ แม้เขาจะไม่ค่อยรู้จักผลึกิญญา แต่กลับถูกของสิ่งนี้ดึงดูดเป็อย่างมาก
ผลึกิญญาไม่เพียงแต่มีสรรพคุณที่ร้ายกาจ แต่ยังศักดิ์สิทธิ์มากอีกด้วย
“ครืน!” ขณะที่เย่เฟิงกำลังใอยู่นั้น จู่ ๆ แหวนมิติของเขาสั่นเล็กน้อยจนมันสั่นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ นี่ทำให้เย่เฟิงแปลกใจแล้วคิดในใจว่า “แม้แต่ไข่มุกก็มีปฏิกิริยาต่อผลึกิญญา ดูท่าผลึกิญญานี่จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว ข้าต้องคว้ามันมาให้ได้”
แรงสั่นะเืของแหวนมิตินั้นมาจากไข่มุกอย่างเห็นได้ชัด โดยทั่วไปแล้วไข่มุกจะมีการตอบสนองต่อสิ่งที่ทรงพลัง ทั้งยังไม่เคยตอบสนองอย่างเด่นชัดเช่นนี้มาก่อน
“ผลึกิญญาสามารถชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ และปรับเปลี่ยนคุณสมบัติร่างได้ ข้าต้องคว้ามันมาให้ได้!”
นอกจากเย่เฟิงแล้ว พวกหยวนป้าเทียนและเมิ่งยวี่ฉิงต่างก็จ้องของสิ่งนั้น พวกเขามีความคิดเดียวกัน นั่นคือผลึกิญญา ดังนั้นกลุ่มพันธมิตรของพวกเขาคงจะถึงจุดจบแล้ว
“วืด!” ขณะนั้นมีเสียงประหลาดดังมาจากต้นไม้ พร้อมกับมีพลังพวยพุ่งออกมา จากนั้นมีอักขระโคจรไปทั่วต้นไม้
อักขระเ่าั้เด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นพวกมันเคลื่อนตัวลงมาด้านล่างสู่พื้นดินจนแพร่กระจายไปทั่วทิศโดยมีต้นไม้เป็จุดศูนย์กลาง ก่อนจะค่อย ๆ ปรากฏเป็ลวดลายเก่าแก่ขนาดมหึมา
ลวดลายนั้นสลับซับซ้อนและกำลังถักทอเข้าด้วยกัน คล้ายเป็รอยตราอันเก่าแก่ที่มีกลิ่นอายโบราณแผ่ออกมาราวกับมาจากยุคโบราณกาลก็ไม่ปาน
เย่เฟิงดูการวิวัฒนาการของอักขระบนลวดลาย เหมือนกับว่าต้นไม้เชื่อมต่อกับชีพจรปฐี เมื่อทั้งสองเชื่อมโยงเข้าด้วยกันราวกับว่าต้นไม้ถูกสร้างขึ้นจากฟ้าดินที่ผสานไปด้วยพลังวิถีแห่งฟ้าดิน
“ผลึกิญญาอยู่ข้างหน้านั่น ข้าต้องคว้ามันมาให้ได้ก่อน!” ชิงเหยียนตาลุกวาวขณะมองผลึกิญญานั่น จากนั้นเขาเดินไปหามันหมายเก็บผลึกิญญาเข้ากระเป๋า โดยไม่สนใจอักขระโบราณที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า
“วูบ!” เสียงประหลาดพลันดังขึ้น เมื่อชิงเหยียนก้าวเท้าออกไป จู่ ๆ พลังประหลาดพวยพุ่งออกจากเสาหินก่อนจะก่อตัวเป็ฝ่ามือั์แล้วฟาดไปที่ร่างชิงเหยียน ทำชิงเหยียนหน้าถอดสี เขาอยากถอยหลังหนีแต่กลับรู้สึกว่ามีพลังบางอย่างพันธนาการร่างเขาไว้ ทำให้ไม่อาจขยับตัวได้ดั่งใจ
“อั่ก!” เสียงโอดครวญดังขึ้น ฝ่ามือั์นั่นที่มาพร้อมกับลมกระโชกตบร่างชิงเหยียนอย่างแรงจนเขาส่งเสียงร้องโหยหวน พร้อมกับร่างกระเด็นไปกระแทกกับผนัง
“อึก!” เมื่อคนอื่น ๆ เห็นฉากนี้ต่างก็กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง และมีสีหน้าไม่สู้ดี
ผลึกิญญาอยู่ใกล้เพียงเอื้อม แต่กลับคว้ามันมาไม่ได้ง่าย ๆ
ในขณะเดียวกันลวดลายบนพื้นดินเกิดการเปลี่ยนแปลง มันก่อตัวเป็รูปร่างดั้งเดิม บนลวดลายปรากฏเก้าเขตแดน ทุกเขตแดนจะมีทางเก้าเส้นและเชื่อมต่อกัน รูปร่างล้วนไม่ปกติ แต่ดูแล้วกลับไม่ซับซ้อน ในทางตรงกันข้ามยังมีความลึกลับซ่อนอยู่ในนั้น
หาก้าผ่านลวดลายนี้ไปยังต้นไม้โบราณ ก็ต้องผ่านด่านทางเก้าทางนี้ไปให้ได้
“ลวดลายนี้มีความลับซ่อนอยู่ จำต้องศึกษาให้ดี ๆ”
เมิ่งยวี่ฉิงกะพริบตาถี่ ดูเหมือนจะเห็นเบาะแสบางอย่างในลวดลายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า
หยวนป้าเทียน ม่อหลี่ และคนอื่นล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือเช่นเดียวกัน จึงดูออกั้แ่แรก จากนั้นพวกเขาศึกษาลวดลายเพื่อพยายามหาความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้น
