“หุ่นเชิด! เป็ไปไม่ได้ คุณชายเจี้ยนเคยบอกไว้ว่า้าบ่มเพาะให้เฟิงเอ๋อร์เป็ยอดฝีมือแห่งยุค”
“ถูกต้อง เป็ยอดฝีมือแห่งยุคจริงๆ เพียงแต่เป็ยอดฝีมือแห่งยุคที่ไร้จิตสำนึกแล้ว”
เสิ่นเสวียนสะบัดมือเก็บร่างไร้ิญญาของผู้าุโตระกูลหานทั้งสองคนเข้าไปในมิติ จากนั้นจึงหันไปกล่าวกับหานหนานเทียน
“ชาติหน้าหากเกิดมาแล้วก็ทำตัวให้ฉลาดกว่านี้หน่อย คนบางคนใช่ว่าเ้าจะล่วงเกินได้”
เมื่อกล่าวจบ เสิ่นเสวียนไม่รอให้หานหนานเทียนตั้งสติได้ เขายื่นมือคว้าเข้าที่คอของหานหนานเทียนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด มือบีบอย่างแรงหักคอเขาในทันที
กร๊อบ!
เสียงดังขึ้นเหมือนกับก่อนหน้านี้ แล้วหัวของหานหนานเทียนก็ก้มลง ดวงตาเบิกโพลง สิ้นใจตายไปแล้ว
เขาแสดงอำนาจยิ่งใหญ่ในเมืองอวี่ฮว่ามานานขนาดนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะตายด้วยน้ำมือของเสิ่นเสวียน หากรู้ว่าจะเป็เช่นนี้ เขาคงทำลายล้างตระกูลเสิ่นไปนานแล้ว
เสิ่นเสวียนรู้สึกสบายใจมากแม้ต้องสังหารคนเหล่านี้ วิถีของเขาคือความอิสระ ชีวิตเป็ของข้าหาใช่ของ์ ใช้ชีวิตอย่างเป็สุขตามใจปรารถนา บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรชาติก่อนเขาก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกเรียกว่าจอมมารในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรมาอย่างยาวนาน กระทั่งหลังจากนั้นที่เขามีพลังอยู่ในขั้นที่ทุกคนมิอาจขัดขวางได้แล้วจึงถูกเรียกว่าเป็ท่านเซียน
เมื่อใดที่เ้ามีพลังแข็งแกร่งอย่างที่สุดจนผู้อื่นมิอาจต่อกรได้แล้ว ทุกอย่างที่เ้าทำจะกลายเป็ถูกต้องในทันที
คนตระกูลหานทั้งหลายยืนอยู่ด้านล่าง พวกเขามองบนท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัว เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าเสิ่นเสวียนจะจัดการพวกเขาอย่างไรต่อไป
แม้แต่ยอดฝีมือตระกูลหานทั้งสามยังโดนเสิ่นเสวียนสังหาร ตอนนี้ในตระกูลหานหรือกระทั่งในเมืองอวี่ฮว่าไม่มีใครเป็คู่ต่อสู้ของเสิ่นเสวียนได้แล้ว
หลังจากเก็บร่างไร้ิญญาของหานหนานเทียนเข้าไปในมิติแล้ว เสิ่นเสวียนจึงปรายตามองทุกคนในตระกูลหานแล้วกล่าวเสียงเรียบ “จงจำไว้ว่าตระกูลหานของพวกเ้ากระทำผิดก่อน ข้าเพียงแค่ลงทัณฑ์พวกเขาเท่านั้น หากใครยังกล้ากระทำผิดอีก ตระกูลหานต้องพินาศ”
เสียงของเสิ่นเสวียนดังก้องยาวนาน ทุกคนในเมืองอวี่ฮว่าได้ยินชัดเจน
อำนาจในเมืองอวี่ฮว่าถูกชำระล้างเสร็จสิ้นลงแล้วในวันนี้ หลายคนที่จ้องมองต่างคิดไม่ถึง พวกเขาคิดว่าตระกูลเสิ่นต้องพินาศลงอย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้สถานการณ์กลับพลิกผัน ตระกูลหานพินาศแล้ว
เมืองอวี่ฮว่าต่อจากนี้ ตระกูลเสิ่นจะเป็ตระกูลยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว
เสิ่นเสวียนกล่าวจบก็ไม่ใส่ใจคนตระกูลหานอีกเลย สำหรับเขาแล้วคนเหล่านี้เป็เพียงมดเท่านั้น ไม่จำเป็ต้องแยแส
เมื่อกลับมาถึงตระกูลเสิ่น ทุกคนในตระกูลเสิ่นออกมาจากวังปฐีกันแล้ว เมื่อครู่ที่เสิ่นเสวียนสังหารผู้าุโทั้งสามคนจากตระกูลหาน พวกเขาได้ประจักษ์แล้ว เรียกได้ว่ายอมสยบต่อพลังของเสิ่นเสวียนอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้เสิ่นเสวียนเข้ารับตำแหน่งผู้นำตระกูลเพราะสัมพันธ์ทางสายเื เช่นนั้นในตอนนี้เขาได้เป็ผู้นำตระกูลแล้ว ต้องใช้พลังของตนเองต่อสู้เพื่อให้ได้อำนาจมา
“ท่านพี่!”
ขณะนั้นเอง เสิ่นว่านซื่อเข็นรถเข็นของเสิ่นเสี่ยวเม่ยเดินออกมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเล็กๆ ของนางฉายความปลื้มปีติออกมา
เสิ่นเสวียนวิ่งเข้าไปหานางเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะมีพลังแข็งแกร่งมากเพียงใด เขายังคงเป็พี่ชายคนหนึ่งของน้องสาวตรงหน้านี้เสมอ
“ท่านพี่ อาการาเ็ของท่านเป็อย่างไรบ้าง”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยกล่าวถามถึงอาการาเ็ของเสิ่นเสวียนเป็อย่างแรกทันทีที่ได้เจอหน้า เมื่อได้ยินดังนั้นทำให้เสิ่นเสวียนครุ่นคิดเล็กน้อย
ตาแก่อย่างเขาที่ใช้ชีวิตมากว่าพันปีมีคนมาเป็ห่วงเช่นนี้ หัวใจเก่าแก่ดวงนี้เริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว
ความรู้สึกที่มีคนเป็ห่วงช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน
“พี่ไม่เป็ไรแล้ว าเ็เล็กน้อยแค่นี้ทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก กลับไปกับพี่เถอะ”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสิ่นเสี่ยวเม่ย จากนั้นเขาก็ตบบ่าของเสิ่นว่านซื่อแสดงถึงการขอบคุณ
“ตอนกลางคืนไปหาข้าหน่อย”
จากนั้นเขาก็เข็นรถเข็นของเสิ่นเสี่ยวเม่ยเดินกลับไปยังลานหลังเขา
“เขาไม่เปลี่ยนไปเลย”
เสิ่นว่านซื่อมองเสิ่นเสวียนเดินจากไป ใบหน้าของเขาฉายความปลาบปลื้มออกมาอย่างอธิบายไม่ได้ แม้มีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ทว่าเสิ่นเสวียนยังคงเหมือนเดิม
เื่ต่างๆ ของตระกูลเสิ่นมีคนอื่นจัดการอยู่แล้ว สิ่งสำคัญของเขาในตอนนี้คือปลุกร่างิญญาเพลิงของเสิ่นเสี่ยวเม่ยให้ตื่นขึ้น
ณ ลานหลังเขาตระกูลเสิ่น เสิ่นเสวียนสร้างค่ายกลง่ายๆ ขึ้นมาปกคลุมลานเอาไว้ เพื่อไม่ให้ไอพลังเล็ดลอดออกไป
ตอนนี้เขาบำเพ็ญเพียรถึงขั้นแก่นทองคำระดับต้นแล้ว เขาสามารถทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ก่อนหน้านี้ได้บ้างแล้ว
หลังจากตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย เสิ่นเสวียนจึงนั่งลงที่ม้าหิน สบตาเสิ่นเสี่ยวเม่ย
“ท่านพี่ เป็อะไรหรือ”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยมองร่างของเสิ่นเสวียนที่เต็มไปด้วยาแ เขาไม่รักษาตัวแล้วยังมาจ้องตนเองอีก
“เสี่ยวเม่ย พี่เจอวิธีที่ทำให้เ้าลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งแล้ว”
“หา!”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยอ้าปากค้าง ดวงตากลมโตจ้องเสิ่นเสวียน
“ทั้งยังทำให้เ้าฝึกตนได้อีกครั้งด้วย”
ั้แ่วินาทีที่ได้เจอกับเสิ่นเสี่ยวเม่ย เสิ่นเสวียนตัดสินใจแล้วว่าจะรักษาเสิ่นเสี่ยวเม่ยให้หาย ตอนนี้ใกล้จะเป็จริงขึ้นมาแล้ว เขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร
“จริงหรือท่านพี่!”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยยังไม่อยากเชื่อ แต่นางก็รู้ว่าเสิ่นเสวียนไม่เคยโกหกนาง
“จริงๆ”
เสิ่นเสวียนพยักหน้าอย่างมั่นใจ
ระหว่างที่กล่าว คลื่นพลังมิติสั่นะเืขึ้นที่ใจกลางฝ่ามือ จากนั้นขวดสีดำสามขวดพลันปรากฏขึ้นในมือของเขา
“นี่คือยาน้ำสกัด อีกเดี๋ยวพี่จะถ่ายทอดวิธีการดูดซับให้เ้า”
“อืม”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยพยักหน้าทันที นางเชื่อมั่นต่อเสิ่นเสวียนอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ
ก่อนหน้านี้หม่าเมี่ยนหลอมรวมหลินจือโมราได้ยาน้ำสกัดมายี่สิบขวด เขาเอาออกมาสามขวดนี้ก็เพียงพอแล้ว เสิ่นเสี่ยวเม่ยมีร่างิญญาเพลิงแต่กำเนิด ยาน้ำสกัดจากหลินจือโมราจะช่วยกระตุ้นกำลังแฝงของนางออกมาได้ ทำให้ร่างกายถูกหลอมรวมกลายเป็ร่างที่สามารถฝึกตนได้
หากไม่ใช่เพราะเสิ่นเสวียนมองเห็น ร่างิญญาเพลิงของเสิ่นเสี่ยวเม่ยคงไม่ถูกกระตุ้นไปทั้งชีวิต
เสิ่นเสี่ยวเม่ยเปิดขวดสีดำขวดแรกแล้วนางก็กินเข้าไปทันที
ยาน้ำสกัดชนิดนี้มีความร้อนแรงมากอยู่ แต่ด้วยความพิเศษของเพลิงิญญาทำให้ยาน้ำสกัดเหล่านี้เย็นลงกว่าเดิม รวมกับร่างกายที่มีคุณสมบัติเฉพาะของเสิ่นเสี่ยวเม่ยเข้าไปแล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมกันเลย ทว่าหากเป็คนอื่นผลลัพธ์จะแตกต่างออกไป
เมื่อกลืนยาน้ำสกัดลงไป มันก็ไหลไปตามแขน ขา และกระดูกในทันที
เสิ่นเสี่ยวเม่ยนั่งอยู่บนรถเข็นกำลังตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด บนขนตาเริ่มมีผลึกน้ำแข็งก่อตัวขึ้น ใบหน้าเล็กๆ ของนางกำลังฉายความเ็ปออกมา
ทว่านางไม่ได้กล่าวอะไรกับเสิ่นเสวียนเลย นางพยายามกัดฟันอดทนอยู่ตลอด
เสิ่นเสวียนเห็นเสิ่นเสี่ยวเม่ยเป็แบบนั้นก็รู้สึกเ็ปใจ แต่เขาไม่มีทางเลือก หาก้าให้นางทำสำเร็จจำเป็ต้องผ่านความทรมานเหล่านี้ไปให้ได้ เพลิงิญญามีอานุภาพรุนแรงมากจริงๆ แม้เพียงเล็กน้อยแต่เสิ่นเสี่ยวเม่ยก็ยากที่จะรับไหว
“รวบรวมสติ โคจรไอพลังสู่ตันเถียน”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสิ่นเสี่ยวเม่ย
เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่กำลังโดนเพลิงิญญาแผดเผาพยายามฝืนรวบรวมสติเอาไว้ ค่อยๆ โคจรไอพลังสู่ตันเถียน ไม่ว่าเพลิงิญญาจะแผดเผาสักเท่าไรนางยังคงสงบนิ่งอยู่เช่นเดิม
“เ้าจะััได้ถึงไอพลังร้อนแรงกำลังก่อตัวขึ้นภายในตันเถียน ลองชักนำให้ไอพลังร้อนแรงนี้ออกไปจากตันเถียนดู”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยทำตาม สีหน้าเ็ปของนางดูบรรเทาลงเล็กน้อย
“ใช่แล้ว ทำแบบนี้แหละ หลังจากชักนำออกจากตันเถียนไปแล้วเ้าจะพบว่าไอพลังร้อนแรงกำลังรวมตัวอย่างต่อเนื่อง ควบคุมไอพลังร้อนแรงเหล่านี้ให้เคลื่อนที่ไปตามเส้นลมปราณซานเจียว[1] ผ่านเข้าชีพจร ต่อไปยังจุดหยุนเหมิน ใช่แล้ว แบบนั้นแหละ เป็การโคจรหนึ่งรอบเล็กๆ”
เสิ่นเสวียนสังเกตและชี้นำแนวทางการโคจรไอพลังให้กับเสิ่นเสี่ยวเม่ยอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าเสิ่นเสี่ยวเม่ยค่อยๆ สงบลงแล้วเขาจึงวางใจได้สักที
ในโลกนี้เขาไม่มีครอบครัวคนอื่น มีเพียงน้องสาวคนนี้คนเดียวเท่านั้น เมื่อเห็นนางเ็ป เขารู้สึกเ็ปใจยิ่งกว่าใคร
ไม่กล่าวไม่ได้เลยว่าเสิ่นเสี่ยวเม่ยมีพร์ที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ เสิ่นเสวียนบอกไปเพียงครั้งเดียว เสิ่นเสี่ยวเม่ยกลับทำตามได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม เสิ่นเสี่ยวเม่ยสามารถโคจรไอพลังได้เองอย่างอิสระแล้ว กระทั่งสามารถโคจรไปตามร่างกายหนึ่งรอบใหญ่ได้แล้วด้วย
ส่วนสำคัญของผู้ฝึกตนคือการเรียนรู้ที่จะดูดซับพลังฟ้าดิน หลังจากนั้นให้โคจรไปทั่วร่างกายหลายๆ รอบเพื่อชำระล้างร่างกายและเติมเต็มตันเถียน เมื่อผ่านพ้นก้าวนี้ไปได้พลังยุทธ์จะแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย เสิ่นเสี่ยวเม่ยไม่ได้ดูดซับพลังมาั้แ่แรก ดังนั้นจึงต้องใช้หลินจือโมราเป็ตัวช่วย ด้านหนึ่งเป็การวางรากฐานที่ดี อีกด้านหนึ่งเป็การกระตุ้นธาตุไฟดั้งเดิมภายในร่างกายออกมาเพื่อชำระล้างกระดูกให้สมบูรณ์
สองชั่วยามผ่านไป เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่นั่งอยู่ถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วนางจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“ท่านพี่ ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
น้ำเสียงของนางเคล้าไปด้วยความดีใจ
..............................................................
[1] เส้นลมปราณซานเจียว (三焦经) เป็เส้นทางหลักในการไหลเวียนของพลังชี่และเืในร่างกาย เส้นทางเริ่มจากปลายนิ้วนาง ไล่ไปตามแขนด้านนอก ไหล่ บ่า ต้นคอ แนวหลังใบหู จนถึงขมับ