แม่เฒ่าชูอีกำลังตื่นตะลึงกับกลีบดอกท้อที่โปรยลงมาบนศีรษะ
สองคนนี้กำลังทำอะไรกัน?
"มู่เซียง ต้าเหนียงจื่อ" อูหลันฮวาขยี้กลีบดอกไม้ที่หล่นลงมาบนห่อผ้า ริมฝีปากขยับน้อยๆ ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอย่างไร
ดวงหน้ารูปไข่ของซีมู่เซียงแดงระเรื่อ เมื่อครู่นางกับต้าเหนียงจื่อเห็นว่าต้นท้อข้างทางออกดอกสะพรั่ง เดือนสามเป็ฤดูกาลที่ดอกท้อกำลังเบ่งบาน ต้าเหนียงจื่อดึงนางไปกระซิบสองสามประโยค หลังจากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันเด็ดดอกท้อมาคนละกำมือ
ดังนั้นจึงมีสถานการณ์อย่างเมื่อครู่
"ฮิๆ แม่เฒ่าอูชี ลำบากท่านแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางกล่าวขอบคุณ การเจรจากับคนไร้ยางอายเ่าั้ไม่ใช่ง่ายดาย
"ที่ไหนกัน ที่ไหนกัน ต้าเหนียงจื่อเกรงใจไปแล้ว อย่างไรเสียนี่ก็เป็เื่ที่แม่เฒ่าอย่างข้าต้องทำอยู่แล้ว"
แม่เฒ่าอูชียิ้มตาหยีให้เซวียเสี่ยวหรั่น พึมพำในใจ ต้าเหนียงจื่อท่านนี้ช่างใส่ใจหลันฮวายิ่งนัก
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบเก็บรอยยิ้ม เธอดีใจจนออกนอกหน้าไปหน่อย
อูหลันฮวามองไปรอบๆ ยังงุนงงในสถานการณ์อยู่บ้าง
"แฮ่ม แม่เฒ่าอูชี นี่คือเงินที่ตกลงกันไว้" เซวียเสี่ยวหรั่นมีท่าทางจริงจังขึ้นทันที ส่งเงินแปดตำลึงที่เตรียมไว้ล่วงหน้าให้แก่นาง
พวกนางตกลงกันไว้ เซวียเสี่ยวหรั่นจะจ่ายให้แปดตำลึงหากแม่เฒ่าอูชีช่วยซื้อคนให้ นางสามารถกดราคาได้ต่ำเท่าไร ส่วนที่เหลือจะเป็ของนางทั้งหมด
แม่เฒ่าอูชีแค่เปลืองวาจาไม่กี่ประโยค ก็รับเงินสามตำลึงมาเหนาะๆ จะมีเื่ไหนน่ายินดีไปกว่านี้อีก
ประกอบกับอูหลันฮวาคุณสมบัติไม่ดี ต่อให้ขายเข้าบ้านคนตระกูลใหญ่ ก็เป็ได้แค่สาวใช้ทำงานหยาบ ขายไม่ได้ราคา ราคาสูงสุดยังห่างไกลจากราคาที่ต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนผู้นี้เสนอให้
แม่เฒ่าอูชีรับเงินมาดู ก่อนหยิบหนังสือขายตัวของอูหลันฮวาจากแขนเสื้อออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"นี่คือหนังสือขายตัวของหลันฮวา ต้าเหนียงจื่อเก็บไว้เถิด"
เซวียเสี่ยวหรั่นรับมาดู อักษรตัวเต็มเส้นขีดซับซ้อนนางอ่านไม่คล่องนัก แต่แน่ใจว่าเป็สัญญาขายตัวของอูหลันฮวา เธออยากคืนสัญญานี้ให้แก่นาง
แต่แม่เฒ่าอูชียังจ้องพวกนางอยู่ เซวียเสี่ยวหรั่นตรองแล้วก็เก็บหนังสือสัญญาไว้ก่อน
"นะ... นี่มันเื่อะไรกัน" อูหลันฮวามองการกระทำของทั้งสองคน ใจนริมฝีปากหุบไม่ลง
"หลันฮวา อีกประเดี๋ยวค่อยบอกเ้า แม่เฒ่าอูชี อย่าลืมทำตามที่พวกเราตกลงกันไว้ก่อนออกมาด้วยเล่า"
"เอาล่ะ ต้าเหนียงจื่อ ข้าทราบว่าควรทำอย่างไร ท่านวางใจได้เลย" แม่เฒ่าอูชียิ้มจนปรากฏรอยย่นที่หางตา วันนี้ โชคดีจริงๆ ไม่ถึงครึ่งวันก็ได้เงินสามตำลึงแล้ว
"งั้นก็ดี พวกเรากลับกันก่อน" เซวียเสี่ยวหรั่นมองไปรอบๆ ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนรีบไปดีกว่า
หลังกล่าวอำลากันแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นกับซีมู่เซียงก็ลากอูหลันฮวาที่ยังตกตะลึงอยู่ เดินไปตามทางเลียบเชิงเขากลับท้ายหมู่บ้าน
"พวกเรากลับมาแล้ว ฮ่าๆ"
แผนการที่ตั้งใจไว้สำเร็จลุล่วง เซวียเสี่ยวหรั่นย่อมเบิกบานอารมณ์
ซีมู่เซียงก็อารมณ์ดีเป็พิเศษ นางจูงมืออูหลันฮวา มองต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนด้วยแววตาวาววับ
เวลาเพียงครึ่งวัน นึกไม่ถึงว่าโชคชะตาของอูหลันฮวาจะพลิกผันได้ถึงเพียงนี้
มีแต่เ้าตัวอูหลันฮวาที่ยังมึนงง ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
อาเหลยปีนลงมาจากต้นชุนอย่างรวดเร็ว ะโมาอยู่ข้างกายเซวียเสี่ยวหรั่น คว้าชายกระโปรงของนางอย่างเริงร่า
"ฮ่าๆ อาเหลย เ้าอย่าดึงจนกระโปรงตัวใหม่ของข้าขาดเสียล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางค้อมเอวลงมาลูบหัวของมัน
เหลียนเซวียนถือไม้เท้าเดินออกมาจากห้องข้าง
"กลับมาแล้ว"
ได้ยินเสียงเท้าของพวกนาง ประกอบกับเสียงหัวเราะมีความสุขของเซวียเสี่ยวหรั่น เหลียนเซวียนก็รู้ว่างานสำเร็จลุล่วง
"พวกเรากลับมาแล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นอารมณ์ดี แม้แต่หนวดเครารุงรังบนใบหน้าของเหลียนเซวียนยังรู้สึกว่าน่ารักเป็พิเศษ
"ตะ... ต้าเหนียงจื่อ แท้จริงแล้วมันเื่อันใดกันแน่"
อูหลันฮวากอดห่อผ้าน้อยของตนเองสีหน้าเหมือนจะร้องไห้แต่ก็ผลิยิ้ม นางพอคาดเดาได้บ้าง แต่ยังไม่อยากเชื่อเสียทีเดียว
จึงร้อนใจอยากรู้ว่าอะไรเป็อะไร
"หลันฮวา อย่าร้อนใจ ยุ่งวุ่นวายมาตลอดเช้า ข้าจะไปรินน้ำมาให้พวกเ้าดื่ม"
หลังจากวิ่งรอบขู่หลิ่งถุนหลายรอบั้แ่เช้า เซวียเสี่ยวหรั่นปากแห้งคอแห้งนานแล้ว จึงคิดว่าทุกคนก็น่าจะเหมือนกัน นางรีบวิ่งเข้าห้องครัว
ซีมู่เซียงจูงอูหลันฮวามาคารวะเหลียนเซวียน "เหลียนหลางจวิน"
"อืม" เหลียนเซวียนตอบเสียงเรียบ
ซีมู่เซียงเข้าออกบ้านสกุลเหลียนมาหลายวัน แต่ทุกครั้งที่มาคารวะหลางจวินสกุลเหลียนผู้นี้ นางก็อดครั่นคร้ามไม่ได้
แค่เขายืนอยู่เฉยๆ ยังมีอำนาจกดดันแผ่ซ่าน
ซีมู่เซียงลากอูหลันฮวาไปห้องโถง ก่อนเล่ารายละเอียดให้ฟัง
เซวียเสี่ยวหรั่นไปห้องครัวถึงพบว่าน้ำที่ต้มไว้เมื่อวานหมดแล้ว จึงรีบเตรียมก่อไฟต้มน้ำใหม่
พอยกหม้อตั้งเตาเรียบร้อย ไฟติดแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็มองคนสองคนที่กระซิบกระซาบกันอยู่ในห้องโถง
มีซีมู่เซียงช่วยอธิบาย นางก็ไม่ต้องพูดซ้ำอีกรอบ
"หลันฮวา ต้าเหนียงจื่อรู้สึกผิดที่เชิญเ้ามากินข้าวแล้วทำให้บ้านลุงของเ้าจับจุดนี้มาข่มเหงเ้า เมื่อช้าได้ยินว่าลุงใหญ่จะขายเ้า นางจึงคิดวิธีนี้ออกมา แต่เกรงว่าลุงใหญ่ของเ้าจะโก่งราคาเพราะเห็นนางเป็คนนอก จึงจ่ายเงินให้แม่เฒ่าอูชีแปดตำลึงให้ช่วยซื้อเ้าออกมา ทีนี้เ้าเข้าใจหรือยัง"
ซีมู่เซียงเล่าอย่างละเอียด นางติดตามต้าเหนียงจื่อั้แ่เช้า ย่อมรู้ความจริงใจของนางที่้าช่วยอูหลันฮวา
อูหลันฮวาผงกศีรษะ ขอบตาเริ่มแดง "คนผู้นั้นไม่ใช่ลุงใหญ่ของข้าแล้ว ต่อไปเ้านายของข้าก็คือต้าเหนียงจื่อ นางอยู่ที่ไหนข้าก็จะอยู่ที่นั่น"
ซีมู่เซียงฟังแล้วก็ดึงมือนางมากุมยิ้มกล่าวว่า "หลันฮวา แม้ข้ากับต้าเหนียงจื่อเพิ่งจะรู้จักกันไม่นาน แต่ข้ารู้ นางเป็คนอ่อนโยนและเป็มิตร เ้าติดตามนายเช่นนี้ ย่อมดีกว่าครอบครัวนั้นเป็ไหนๆ"
"อื้อ ข้ารู้ ขอบใจเ้ามากนะมู่เซียง เ้าไม่ต้องเป็ห่วง ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร" อูหลันฮวาพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ขณะที่ทางนี้กำลังคุยกัน เหลียนเซวียนก็ฟังอยู่เงียบๆ ที่ระเบียง
อูหลันฮวานิสัยใจคอไม่เลว ไม่เสียแรงที่สตรีผู้นั้นวิ่งแล่นเพื่อนางมาตลอดเช้า
"เหลียนเซวียน วันนี้ข้าจ่ายไปแปดตำลึง เงินของเราเหลือไม่มากแล้ว" หลังใจเย็นลงแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็เริ่มวิตกกังวล เดินเข้ามาบ่นจุกจิกกับเขา
เมื่อวานไปตลาดซื้อสมุนไพร อาหารและแพรพรรณจ่ายไปสามตำลึงกว่าแล้ว รวมกับวันนี้อีกแปดตำลึง เงินในมือเหลือเหลืออยู่เพียงยี่สิบกว่าตำลึง
หากเดินทางสิ้นเดือน เกรงว่าเงินจะไม่พอใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง
"ไม่มีปัญหา" เหลียนเซวียนสีหน้าเรียบเฉย เขาคำนวณเวลากับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไว้แล้ว
จากขู่หลิ่งถุนไปเมืองชางตานใช้เวลาประมาณสิบวัน ค่าอาหารและที่พักอันที่จริงเป็เื่เล็กน้อย ที่สำคัญคือหลังจากไปถึงแล้วต่างหาก ค่าใช้จ่ายจำเป็หลังจากนั้นถึงจะเป็เื่ใหญ่
ลำพังแค่ค่าสมุนไพรรักษาดวงตา หากมีไม่ถึงสองสามร้อยตำลึงต้องไม่พออย่างแน่นอน
เหลียนเซวียนย่นหัวคิ้ว
ไม่นึกว่าเขาจะมีเวลาที่ต้องวิตกเื่เงินทองอยู่เหมือนกัน เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า เงินอีแปะเดียวสร้างความลำบากให้วีรบุรุษได้ [1]
...
[1] หมายถึงบางครั้งเื่เล็กน้อยก็สามารถสร้างความลำบากให้คนมีความสามารถได้เช่นเดียวกัน
