“สามารถเข้าถ้ำคุนเผิงได้ จะต้องมีสิ่งของที่คุนเผิงเหลือทิ้งไว้ คิดว่าทุกคนต้องทราบแล้ว สถานที่นี้เป็เพียงมุมหนึ่งของถ้ำคุนเผิงเท่านั้น พวกเราต้องร่วมแรงร่วมใจกันเปิดประตูหินนั้นออกเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปเสาะแสวงหาสมบัติวิเศษของคุนเผิงได้ ประตูใหญ่บานนี้มิใช่พวกเราคนใดคนหนึ่งจะสามารถเปิดออกได้ จะต้องรวบรวมสิ่งของที่คุนเผิงหลงเหลือไว้ให้ครบมากขึ้นจึงจะใช้ได้” ราชันิญญา อูสิงอวิ๋นเอ่ยปากพูดขึ้น
“ข้าไม่มีความเห็น” ชายหนุ่มในชุดเขียวตอบอย่างเฉยชาคำหนึ่ง หยิบขนนกออกมาจากอกเสื้อชิ้นหนึ่ง พูดตรงๆ แล้ว นับเป็เพียงขนนกที่ตัดมาชิ้นหนึ่งเท่านั้น บนขนนกยังมีกลิ่นอายคุนเผิงและการสะกดข่มจางๆ อยู่
“สิ่งนี้เป็ของที่ระลึกที่คุนเผิงทิ้งไว้ในปีนั้นตอนที่เขาไปเยี่ยมเทือกเขาหมื่นสัตว์อสูรของข้าด้วยตนเอง มิใช่หาพบในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกแต่อย่างใด” ชายหนุ่มชุดเขียวผู้นั้นพูดอย่างเฉยชา
จ้านอู๋มิ่งจึงได้ทราบว่า ชายหนุ่มชุดเขียวผู้นั้นกลับเป็บุตรของสัตว์อสูรเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งเทือกเขาหมื่นสัตว์อสูร เนื่องจากสัตว์อสูรแห่งเทือกเขาหมื่นสัตว์อสูรไม่ค่อยได้คบหากับมนุษย์มากนัก น้อยคนนักที่เคยเห็นบุตรของเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ คุนเผิงเป็แม่ทัพผู้นำของหมื่นสัตว์อสูร ในปีนั้นมีความสนิทใกล้ชิดกับสัตว์อสูรแห่งเทือกเขาหมื่นสัตว์อสูรยิ่งนัก ตอนนั้นจึงได้ทิ้งขนนกไว้อันหนึ่งเป็ที่ระลึก ไม่คิดว่าขนนกชิ้นนี้กลับช่วยให้เขาได้เข้ามาในถ้ำคุนเผิง
ชายหนุ่มในชุดเกราะอ่อนสีทองดึงกริชเรียบง่ายเล่มหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ บนกริชมีรอยเืแห้งกรังบ่งบอกระยะเวลาเนิ่นนานมากแล้วส่วนหนึ่ง ทว่าเปล่งฤทธิ์เดชบารมีของคุนเผิงอย่างเจือจาง
“นี่คือเืของคุนเผิง!” ชายหนุ่มชุดเขียวอุทานเสียงต่ำคำหนึ่ง
“มิผิด ปีนั้นตอนที่บรรพบุรุษผู้เฒ่าแห่งเทียนนู่ไห่ของข้าและคุนเผิงต่อสู้ประมือกัน ได้ใช้กริชฆ่าสัตว์ปีกเล่มนี้แทงใส่ร่างกายของคุนเผิง บนกริชยังหลงเหลือเืของมันไว้ นี่เป็ครั้งแรกและครั้งเดียวที่คุนเผิงได้รับาเ็ในแผ่นดินพั่วเหยียน” ชายหนุ่มในชุดเกราะอ่อนสีทองกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ทุกคนต่างใอย่างใหญ่หลวง คิดไม่ถึงว่าบรรพบุรุษผู้เฒ่าของเทียนนู่ไห่กลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ คุนเผิงผู้เก่งกล้าไร้เทียมทานในปีนั้น กลับเคยได้รับาเ็ที่เทียนนู่ไห่มาก่อน ชายหนุ่มผู้นี้สมควรเป็องค์ชายของจักรพรรดิสมุทรแห่งเทียนนู่ไห่
“ข้ามีกระดูกคุนเผิงชิ้นหนึ่งอยู่ที่นี่!” ราชันอสูร กงซุนจื้อหยิบกระดูกขนาดเท่าฝ่ามือชิ้นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ บนนั้นมีลวดลายลึกลับเป็เส้นๆ กลิ่นอายแปรปรวนอันเศร้าสลดชนิดหนึ่งแผ่ออกมาจากกระดูก มีฤทธิ์เดชบารมีของคุนเผิงอยู่จริงๆ
“ข้ามีเกล็ดส่วนที่เหลืออยู่ที่นี่ชิ้นหนึ่ง” ครั้งนี้คนที่พูดเป็เงือกสาวของเผ่ามัจฉาผู้หนึ่ง กระโปรงสีม่วงที่สวมใส่มิอาจซ่อน่ล่างที่เป็หางปลาไว้ได้ ร่างกายของนางเหมือนดั่งลอยอยู่กลางอากาศ รอบๆ ตัวมีพลังแข็งแกร่งของธาตุวารีเข้มข้น
“ข้าก็มีขนเล็กๆ ชิ้นหนึ่งที่นี่เช่นกัน” ราชันิญญา อูสิงอวิ๋นก็หยิบขนขนาดเท่าพัดชิ้นหนึ่งออกมาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่านี่คือเศษขนของคุนเผิงชิ้นหนึ่งที่เหลืออยู่ หากเป็ขนที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ต้องเป็สมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน
“หรือว่าเ้าคือคนที่หยิบขนนกได้ในน่านน้ำมหาสมุทรคุนเผิง?” บุตรของเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์ถามด้วยความแปลกใจ
“มิผิด!” พูดพลาง สายตาอูสิงอวิ๋นมองมาทางจ้านอู๋มิ่ง ดูว่าจ้านอู๋มิ่งจะสามารถนำสิ่งของใดที่คุนเผิงเหลือไว้ออกมาได้
จ้านอู๋มิ่งหงุดหงิดแล้ว ั์ตาสองดวงที่เขาได้รับล้วนสมบูรณ์อย่างยิ่ง เก็บรักษาไว้ในดินแดนถ้ำจิติญญาที่พลังธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกั์ตาที่มีคุณสมบัติธาตุวายุ ตลอดระยะหลายหมื่นปีมานี้ได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพลังแก่นแท้จิติญญาของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิที่แผ่ออกมาจากประตูใหญ่ในแม่น้ำจิติญญา พลังธาตุวายุเต็มเปี่ยมอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก เขาย่อมมิสามารถนำเอาลูกั์ตาออกมาทั้งลูก
คิดๆ แล้ว จ้านอู๋มิ่งแอบขุดหนามมุมหนึ่งของั์ตาธาตุวารีออกมาชิ้นหนึ่ง
ทุกคนดูแล้ว พลันอึ้งไปทันใด ไม่รู้ว่าคือสิ่งของใด เหมือนจะเป็ชั้นหินบางๆ ชิ้นหนึ่ง ยังเล็กกว่าเปลือกส้มเสียด้วยซ้ำ บนนั้นกลับมีธาตุวารีที่เข้มข้นแข็งแกร่งแผ่ออกมา มีกลิ่นอายของคุนเผิงจริงๆ
จ้านอู๋มิ่งเคอะเขินยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ไม่ได้เตรียมพร้อม เมื่อครู่นี้เพิ่งจะใช้แรงขุดออกมา เพียงสามารถขุดออกมาชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้นจากบนลูกกลมที่แปรสภาพกลายเป็หินไปแล้ว ถ้ามิใช่เพราะเศษชิ้นส่วนชิ้นนี้เป็ส่วนที่ยื่นออกมา เขาย่อมยังขุดออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ
เห็นทุกคนมองมาที่เขา ้าฟังคำอธิบาย จ้านอู๋มิ่งเกาศีรษะอย่างแรง พูดว่า “ข้าก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็สิ่งใดของคุนเผิง อาจเป็เปลือกไข่ที่แตกหักของคุนเผิง หรือไม่ก็เป็แผ่นหนังกลมเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง ตอนนั้นข้าคิดว่าสิ่งนี้ถึงแม้จะเล็ก แต่พลังธรรมชาติอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง คิดว่าเป็สมบัติวิเศษชิ้นหนึ่งก็เลยหยิบขึ้นมา”
“เอี๊ยดด…” ในระหว่างทุกคนกำลังตะลึงนั้นเอง ประตูหินดูเหมือนจะจดจำสิ่งของที่เหลืออยู่ในมือของหลายคนได้ เปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อ่อนโยนขึ้นสายหนึ่ง แล้วค่อยๆ เปิดออก ลำแสงสีสันสดใสสายหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากทางด้านหลังประตูหิน
นอกจากจ้านอู๋มิ่งแล้วทั้งห้าคนล้วนแย่งกันวิ่งเข้าประตูหินไป ไม่มีใครอยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่มีผู้ใดทราบว่าภายในรังของคุนเผิงจะมีสมบัติวิเศษจิติญญาฟ้าดินใดกันแน่ แต่พวกเขาทราบว่าขอเพียงเสาะแสวงหาได้สักชิ้นหนึ่ง ก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์อย่างไม่สิ้นสุด นี่คือสมบัติมรดกตกทอดระดับสูงสุด
จ้านอู๋มิ่งก็ไม่รีบร้อน ได้เข้ามาอยู่ในรังแล้ว ยังจะรีบร้อนไปไย มิใช่แค่หกคนหรอกหรือ หาโอกาสปล้นชิงสักครั้ง เทียบกับแย่งกันสุดชีวิตกับผู้อื่นแทบเป็แทบตายอยู่ภายในนั้นแล้วดีกว่ามาก
จากในอีกมุมหนึ่ง ทั้งหกคนในสถานที่นี้ นอกจากจ้านอู๋มิ่งแล้ว ทุกคนล้วนมีฐานบ่มเพาะระดับราชันาขั้นสูงสุด สิ่งนี้ทำให้จ้านอู๋มิ่งขุ่นเคืองอยู่บ้างคือ ตนเองต้องยกระดับขอบเขตการบ่มเพาะก่อนหรือไม่ คิดๆ แล้ว ก็คร้านจะพลิกกลับไปกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงแม้ห้าคนนั้นหายไปแล้ว แต่ในนี้ยังมีเศษเสี้ยวเจตจำนงของคุนเผิงล่องลอยในอากาศ สิ่งนี้สำหรับทั้งห้าคนแล้ว บางทีอาจเป็เพียงตัวช่วยปลดเปลื้องการสะกดข่มฐานบ่มเพาะเท่านั้น แต่สำหรับจ้านอู๋มิ่งแล้ว ความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เศษเสี้ยวเจตจำนงชนิดนี้ แท้จริงแล้วคือจิติญญาแห่งชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง จ้านอู๋มิ่งมิอาจไม่ชื่นชมคุนเผิง ถึงแม้เขาจะเสียชีวิตไป แต่เจตจำนงกลับไม่เสื่อมสลาย ยังสามารถส่งผลกระทบต่อทั่วทั้งน่านน้ำมหาสมุทร จากมุมมองในจุดนี้ ฐานบ่มเพาะของคุนเผิงตอนมีชีวิตอยู่แม้จะอยู่ในอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ ก็นับว่าอยู่ในระดับสุดยอดเช่นกัน
จ้านอู๋มิ่งชื่นชมความทะเยอทะยานของคุนเผิง กลับมิใช่แค่้าเปิดช่องทางเข้าถึงอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิเท่านั้น ยัง้าสร้างประตูที่มั่นคงถาวรสู่ช่องว่างนั้น นี่เป็ความท้าทายยิ่งใหญ่ต่อกฎเกณฑ์ฟ้าของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิอย่างแน่นอน เื่ที่ขัดต่อกฎเกณฑ์ชนิดนี้ ความแข็งแกร่งรุนแรงที่ตอบโต้กลับมานั้น ไม่ด้อยกว่าการผ่านทัณฑ์สายฟ้าของตนในปีนั้นอย่างเด็ดขาด
จิตใจจ้านอู๋มิ่งเต็มไปด้วยความเคารพ พลางดูดซับเศษเสี้ยวเจตจำนงของคุนเผิง ไม่ว่าจะเป็ธาตุแห่งชีวิตหรือจิติญญาแห่งชีวิต ล้วนเป็พลังงานชนิดหนึ่ง จิติญญาแห่งชีวิตของคุนเผิงเป็พลังงานขั้นสูงชนิดหนึ่ง สำหรับทั้งห้าท่านนั้นแล้ว นี่คือูเาขุมทรัพย์ลูกหนึ่ง กลับยากที่จะรับเอาไว้ทั้งหมด ดังนั้นราชันิญญา อูสิงอวิ๋นและราชันอสูร กงซุนจื้อไม่สามารถที่จะดูดซับไว้ทั้งหมด แต่พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาของจ้านอู๋มิ่งสามารถทำได้
……
ภายนอกถ้ำคุนเผิง การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป แต่กองกำลังหลักหลายกลุ่มได้ถอยกลับไปชมดูด้านข้างแล้ว สำหรับพวกเขา แผ่นป้ายศิลาที่เหลือคือเผือกร้อนลวกมือ อย่างมากที่สุดกล้าคว้าไม่เกินสองแผ่นเท่านั้น จากนั้นก็เริ่มต้นสังเกตการณ์ ยามใดที่เกิดการทำลายสมดุล ก็จะต้องร่วมมือกันโจมตีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กลุ่มวีรบุรุษที่กำลังต่อสู้นอกถ้ำคุนเผิงค้นพบสิ่งผิดปกติเื่หนึ่ง นั่นก็คือลำแสงที่เดิมสาดส่องดุจเต้นรำกลางอากาศไปทั่วภายในถ้ำคุนเผิงค่อยๆ สลัวลง คล้ายดั่งสูญเสียความคล่องแคล่วมีชีวิตชีวาไปแล้ว ถ้ำคุนเผิงก็ไม่ได้สวยงามด้วยลำแสงมากสีสันเหมือนเช่นก่อนหน้านี้แล้ว ค่อยๆ ถูกปกคลุมด้วยสีเทาจางๆ ชั้นหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงในรังของคุนเผิงทำให้บรรดาตัวประหลาดเฒ่าข้างนอกลอบใอย่างลับๆ สำนักิญญา์ เทียนนู่ไห่ ตลอดจนสำนักอสูรโชคชะตาและสำนักนิกายอื่นๆ ต่างมีความคิดของตนเอง พวกเขาไม่ทราบว่าสำนักนิกายอื่นก็มีคนเข้าไปด้วยเช่นกัน ยังคิดว่ามีแต่ศิษย์ของตนเท่านั้นที่เข้าไป การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะเป็คนของสำนักนิกายมากที่สุด หลังจากเข้าไปในถ้ำคุนเผิงแล้วทำให้เกิดเื่เช่นนี้ขึ้น
มีคนลองอีกครั้งที่ประตูใหญ่ถ้ำคุนเผิง แรงต้านยังคงมีอยู่ แต่ดูเหมือนจะอ่อนแอกว่าเดิมมาก
การค้นพบนี้ทำให้จิตใจของแต่ละสำนักนิกายใหญ่หวั่นไหวอีกครั้ง และแล้ว มีคนเสนอแนะให้ทุกคนรวมพลังกัน โจมตีถ้ำคุนเผิงพร้อมกัน ด้วยหวังว่าพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้จะสามารถทำลายเจตจำนงของคุนเผิงภายในถ้ำ
สำหรับข้อเสนอนี้ การตอบสนองของบางสำนักนิกายไม่ได้รู้สึกกระตือรือร้น สำนักเ่าั้ที่ไม่มีลูกศิษย์เข้าไปในถ้ำมีความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่านักบ่มเพาะอิสระ ยามที่พวกเขาพยายามโจมตีพร้อมกัน ก็ได้รับผลสะท้อนกลับจากถ้ำทันที พลังของการตอบโต้กลับกลายเป็การโต้กลับที่ไม่มีการแยกแยะแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็ผู้โจมตีถ้ำหรือว่าผู้ไม่ได้โจมตี ล้วนถูกพลังตอบโต้กลับนี้มากระแทกกระเด็นออกไปไกล ผู้ที่อยู่ระยะใกล้หน่อยกลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทันที ผู้ที่อยู่ไกลหน่อย ได้รับาเ็สาหัส บางคนพึ่งพาสมบัติวิเศษจิติญญาประจำสำนักปะทะอย่างหักโหม ส่งผลให้ผู้คนตกตาย สมบัติวิเศษพังพินาศยับเยิน
พอเป็เช่นนี้ พลันหยุดความคิดของกองกำลังทั้งหมดที่จะโจมตีถ้ำคุนเผิงอย่างหักโหมไปทันที แต่ทุกคนยังคงมีการคาดเดามากมายเกี่ยวกับแสงศักดิ์สิทธิ์ที่จางหายไปภายในถ้ำของคุนเผิง
……
ภายใต้การโคจรของพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตา ลำแสงรูปร่างครึ่งนกครึ่งปลาที่กระพือปีกเต้นรำอยู่ในอากาศนั้นดูเหมือนจะพบกับหลุมดำขนาดใหญ่แล้ว มุ่งหน้าเข้าใกล้จ้านอู๋มิ่งอย่างรวดเร็ว
ลำแสงที่กระจัดกระจายรวมกันเป็กลุ่มแสงและเงาขนาดใหญ่ เงาของครึ่งปลาครึ่งนกยิ่งควบแน่นเข้มข้นกว่าเดิม ธาตุวารีและวายุบริสุทธิ์ภายในแสงและเงา หล่อเลี้ยงธาตุแห่งชีวิตของจ้านอู๋มิ่งอย่างต่อเนื่อง ผันแปรเป็พลังเสริมเติมเต็มจิติญญาแห่งชีวิต
ภายในรังของคุนเผิง จ้านอู๋มิ่งที่นั่งอย่างสงบไร้ผู้ใดรบกวน ราชันิญญา อูสิงอวิ๋นและราชันอสูร กงซุนจื้อและคนอื่นๆ ไม่มีใครมาสนใจจ้านอู๋มิ่ง เวลานี้ไม่ทราบว่าไปล่าขุมทรัพย์อยู่ที่ใดแล้ว ไม่มีผู้ใดทราบด้วยซ้ำว่าจ้านอู๋มิ่งไม่ได้ติดตามพวกเขาเข้าประตูหินไป
“มนุษย์ตัวกระจ้อยร่อย เ้ากลับกล้าบังอาจดูดซับเจตจำนงของข้า…” ทันใดก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในห้วงคำนึงของจ้านอู๋มิ่ง สัตว์แปลกประหลาดรูปร่างใหญ่โตมโหฬารตัวหนึ่งสะท้านขวัญเขย่าประสาทในส่วนลึกของจิตสมาธิจ้านอู๋มิ่ง
“ิญญาปฐมภูมิแก่นแท้ชีวิตที่หลงเหลือของคุนเผิง!” จ้านอู๋มิ่งประหลาดใจอยู่บ้าง เขาคิดไม่ถึงว่าคุนเผิงตายไปนานหลายหมื่นปีแล้ว ภายในเศษเสี้ยวเจตจำนงกลับยังมีิญญาปฐมภูมิแก่นแท้ชีวิตส่วนหนึ่งหลงเหลืออยู่
“ร่างกายของเ้าประเสริฐยิ่ง แข็งแกร่งอย่างยิ่ง เหมาะสมกับข้ายิ่งนัก ผ่อนคลายสมาธิจิตของเ้าอย่างเชื่อฟัง…อย่าได้ขัดขืน…”
“บัดซบ นกหน้าเหม็นที่ตายไปแล้วหลายหมื่นปีตัวหนึ่งก็ยังบังอาจหมายปองร่างกายของพี่ชาย จงสลายเป็ความว่างเปล่าให้แก่ข้าเถิด!” จ้านอู๋มิ่งตอบอย่างดูแคลนคำหนึ่ง เศษเสี้ยวิญญาปฐมภูมิแก่นแท้ชีวิตคิดจะยึดครองร่าง ดูิ่ดูแคลนตนมากเกินไปแล้ว
พูดพลาง จ้านอู๋มิ่งผันแปรพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาภายในร่างเป็กระแสน้ำวนขนาดใหญ่มหึมา ทันใดนั้น ท่าร่างของนกั์ขนาดมหึมาที่สะท้อนอยู่ภายในจิติญญาชะงักกึก กระโจนอย่างอิสระไม่ได้อีกแล้ว
“แม้แต่ทะเลแห่งความขมขื่น คลื่นโหมซัดกระหน่ำ ล้วนไม่สามารถควบคุมเจตจำนงคุนเผิงของข้าได้ เ้าหนอนคืบคลานตัวน้อยตัวหนึ่ง กลับหาญกล้าท้าทายข้า!” ในห้วงคำนึง พลันปรากฏภาพของคุนเผิงโกรธจัดขึ้นมาทันใด สยายปีกกางออกดุจครอบคลุมเมฆา ดั่งบดบังดวงอาทิตย์ทันที
จิตสมาธิจ้านอู๋มิ่งมืดทะมึนลง คล้ายดั่งจิตสมาธิทั้งหมดอยู่ภายใต้เงาของคุนเผิง อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ ตนยังประเมินเจตจำนงของคุนเผิงต่ำเกินไป แต่ทว่าเขาเชื่อมั่นในพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาที่สามารถเปิดถ้ำนภาในจิติญญาแห่งชีวิตได้ แม้แต่ในอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ เขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“คัมภีร์เทพอนัตตา” ได้จากสุสานของเหล่าทวยเทพ ต้องเป็สุดยอดวิชาระดับเทพเ้าอย่างแน่นอน เพียงแต่ลึกซึ้งสูงส่งมากเกินไป เวลานี้ตนเพิ่งสามารถเรียนรู้ได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง
“ตูมมม…” ทันใดนั้นตันเถียนภายในร่างกายของจ้านอู๋มิ่งเกิดการเคลื่อนไหวขึ้นมาทันใด ฤทธิ์เดชสุดอหังการสายหนึ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที พลันกระแสวนขนาดใหญ่ของพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาขยายขึ้นกลายเป็หมู่มวลดาราอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตไปทันที หมู่มวลดาราไร้ขอบเขตหมุนวนเหมือนโม่หินขึ้นมา คุนเผิงขนาดมหึมาคล้ายกับหินกรวดเม็ดหนึ่งในหมู่มวลดาราอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต แปรเปลี่ยนเป็เล็กกระจ้อยร่อยยิ่งนัก
“นี่คือพลังผีสางอะไรกันเนี่ย…เ้าคือใครกันแน่…อา พลังโกลาหล…” ทันใดนั้น เงาของคุนเผิงก็ส่งเสียงคำรามต่ำอย่างสิ้นหวัง สยายปีกออกอย่างสุดชีวิต ้าหนีออกจากหมู่มวลดาราอันไพศาลนั้น แต่ไม่ว่าเขาจะกางปีกออกขนาดไหน ก็ไม่รวดเร็วเท่าการแพร่ขยายของหมู่มวลดาราอันกว้างใหญ่ไพศาล แม้ว่าปีกของเขาจะกางออกหลายพันลี้ สามารถเดินทางได้ไกลนับล้านลี้ในทันที แต่โม่หินหมู่มวลดารานี้ไพศาลเกินไป เขาเป็เช่นฝุ่นผงธุลีเม็ดหนึ่งในนั้น ไม่สามารถบินไปสุดขอบหมู่มวลดาราที่แสนกว้างใหญ่ได้เลย และถูกกลืนกินไปแล้ว
จ้านอู๋มิ่งก็ใใหญ่หลวงเช่นกัน หลุมดำที่เหมือนกระแสน้ำวนโกลาหลนั้นลึกลับยิ่งนัก ตอนที่ตนบรรลุกายาอนัตตาเป็ผลสำเร็จนั้น ตันเถียนะเิกระจายออก ภายหลังไม่เคยมีพลังใดๆ ที่สามารถััความโกลาหลนั้นได้ ไม่คิดว่าจะถูกเปิดใช้งานกะทันหันในเวลานี้ และอยู่เหนือการควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง ความแข็งแกร่งของสุดอหังการนั้น ทำให้เขาขวัญสั่นสะท้าน ิญญาะเืเลยทีเดียว
