กระทั่งหญิงชราวัยหกสิบกว่าในหมู่บ้าน เมื่อได้เห็นหนิงโม่ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง พูดจาติดๆ ขัดๆ
เสิ่นม่านรู้สึกว่าคนเหล่านี้คงไม่เคยเห็นโลกกว้าง ซึ่งเป็ที่เข้าใจได้
ในยุคสมัยของนาง การได้เจอกับชายหนุ่มหล่อเหลาหลากหลายสไตล์ถือเป็เื่ธรรมดามาก เมื่อเจอหนุ่มหล่อนางจึงค่อนข้างมีภูมิคุ้นกัน ในตอนนี้นาง้าเพียงหาเงิน
เมื่อมีเงินหนึ่งร้อยตำลึงจากหนิงโม่ที่สามารถใช้เป็เงินตั้งตัว นางเริ่มเกิดความคิดมากมาย จากการให้ข้อมูลของระบบ ของที่มีมูลค่าของยุคสมัยนี้ โดยส่วนมากอาหารการกินเป็สิ่งที่ผู้คนขาดแคลนที่สุด
หลังจากการทำายืดเยื้อมานาน รวมทั้งภัยธรรมชาติและภัยที่มนุษย์สร้างขึ้นต่างๆ เหล่าชาวนาชนชั้นล่างในเขตรอบนอกต่างก็ต้องดิ้นรนหาเงินยาไส้ เสบียงธัญญาหารที่เพาะปลูกทุกปี ไม่ว่าผลเก็บเกี่ยวจะเป็เช่นไร อย่างน้อยก็ต้องส่งส่วยให้กับราชสำนักมากกว่าครึ่ง
เสบียงที่เหลือก็เพียงพอแค่ให้ครอบครัวกินดื่ม หากเป็ปีที่มีภัยแล้ง อย่าว่าแต่เลี้ยงปากท้องเลย กระทั่งต้องไปเก็บผักป่ากับเปลือกไม้มากินประทังชีวิตก็ว่าได้
ในท้ายที่สุด ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือ เมื่อไม่สามารถเพาะปลูกเสบียงธัญญาหารได้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็เปล่าประโยชน์ แม้ว่าระบบจะสามารถปรับปรุงสายพันธุ์ของข้าวได้และเพาะเลี้ยงข้าวผสมที่สร้างผลผลิตได้สูง แต่ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเสิ่นม่าน การที่คิดจะเพาะปลูกพันธุ์ข้าวอย่างอิสระ เป็เพียงความฝันเพ้อเจ้อเท่านั้น
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่านางจะทำสำเร็จหรือไม่ ลำพังหนทางหาเงินที่ได้ผลตอบแทนมากมายขนาดนี้ สถานะตอนนี้ของนางไม่อาจปกป้องไว้ได้อย่างแน่นอน
ถ้าหากมั่งคั่งขึ้นมาเล่า ไยมิใช่ต้องตกอยู่ในวังวนแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์อันซับซ้อน ถึงตอนนั้นหากสามารถหลุดรอดออกมาได้ก็นับว่าเป็บุญโขแล้ว
เสิ่นม่านตรวจสอบอีกหนึ่งรอบ พบว่ามีหนทางทำเงินอีกหนึ่งอย่าง
อาหารที่ผู้คนกินมากที่สุดที่นี่คือถั่วเหลือง
ถั่วเหลืองมีราคาถูกมาก เพียงสองอีแปะต่อหนึ่งชั่ง ทั้งยังมีปริมาณการผลิตสูง สิ่งสำคัญที่สุดคือสามารถกินได้อิ่มท้อง เพียงแต่วิธีการปรุงอาหารของสมัยโบราณเหล่านี้ยังล้าสมัยมาก นอกเหนือจากการต้มแล้วก็มีแค่การผัด
ยุคสมัยนี้ อย่าว่าแต่เต้าหู้ กระทั่งซีอิ๊วหรือฟองเต้าหู้อะไรเทือกนี้ก็ไม่มีทางหาได้
นั่นเท่ากับว่าเต้าหู้ยังไม่ได้ถือกำเนิด?
สมองของเสิ่นม่านเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว ในเมื่อไม่มีเต้าหู้ เช่นนั้นนางก็ทำเต้าหู้เสียเลยสิ!
จากการคำนวณของนาง ถั่วหนึ่งชั่งสามารถบดน้ำเต้าหู้ได้ห้าชั่ง และยังสามารถทำเต้าหู้ได้สี่ชั่ง หากว่านางสามารถทำให้คนทางนี้ยอมรับรสชาติของเต้าหู้ได้ เช่นนั้นต่อไปยังสามารถเปิดโรงทำเต้าหู้และส่งออกได้ด้วย
ตราบใดที่สูตรอยู่ในมือตนเอง ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีผู้ใดมาแย่งชามข้าวอีก!
แม้ว่าจะมีคนขโมยสูตรของนาง แต่จากความสามารถของนาง จะไม่สามารถเปิดโรงงานอย่างอื่นเลยหรือ?
ใครบอกว่าคนที่กินปูคนแรกจะต้องตายเพราะยาพิษเสมอไป? ไม่แน่ว่าอาจจะอิ่มตายก่อนก็เป็ได้!
เสิ่นม่านเป็คนที่ใช้ชีวิตค่อนข้างบุกตะลุยในชาติที่แล้ว เมื่อวางแผนได้เรียบร้อย นางก็จะต้องทำให้เต็มที่
นางไม่มีเครื่องมือในการทําเต้าหู้ แต่ระบบมีภาพวาด เสิ่นม่านวาดภาพลงกระดาษอิงตามแบบของระบบ จากนั้นเช่าเกวียนวัวไปหาช่างไม้ที่ตำบล นางตั้งใจว่าจะสั่งทำอุปกรณ์สำหรับทำเต้าหู้สักหน่อย
เสิ่นม่านมาถึงตำบลอย่างเชื่องช้า จากนั้นก่อนอื่นนางรีบพุ่งตรงไปที่ว่าการเพื่อสอบถามข่าวคราวของนางโจว แต่ยังคงไม่มีผลลัพธ์ใดๆ
จนปัญญา นางยังต้องใช้ชีวิต จึงได้แต่ไปร้านทำไม้เพื่อหาช่างทำอุปกรณ์เครื่องมือ
หลังจากออกมา นางยังวางแผนที่จะซื้อตำรา หมึก และกระดาษให้กับต้าเป่า ถึงอย่างไรเด็กก็ต้องเล่าเรียน คงจะปล่อยให้เขียนบนท่อนไม้ท่อนฟืนไปตลอดไม่ได้
ลูกชายของนางต้องได้ใช้ของดีที่สุด!
หากหลานสองคนสามารถกลับมาเล่าเรียนคงดี นางรับรองว่าจะต้องปฏิบัติต่อพวกเขาเฉกเช่นมารดาแท้ๆ!
ตัวตำบลค่อนข้างเล็ก ในตำบลมีร้านขายตำราเพียงสองแห่ง เสิ่นม่านเลือกร้านที่ดูดีกว่าและเข้าไปเดินเล่น
จากนั้นซื้อตำราสำหรับเด็กปฐมวัย แล้วก็เลือกกระดาษ ของที่ได้มามีไม่เยอะ แต่กลับจ่ายเงินไปราวสี่ตำลึง กระดาษในยุคโบราณมีราคาแพงมาก ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาเลื่อมใสเหล่าบัณฑิตเล่าเรียนอย่างประหลาด
เพราะถึงอย่างไรการจะมีปัญญาเล่าเรียนได้ แสดงว่าครอบครัวต้องไม่ยากจนอย่างแน่นอน
เสิ่นม่านหยิบตำราและเตรียมที่จะออกไป แต่ยังไม่ทันออกไป ก็มีก้อนสีดำพุ่งเข้ามาในร้านตำราและโอบกอดขาของนางไว้
“ท่านอา! ช่วยข้าด้วย!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ชายแก้มหนาไว้เคราดกคนหนึ่งก็ถือแส้พุ่งตามเข้ามา จากนั้นกระชากเสื้อขอทานตัวน้อยและจะลากออกไปข้างนอก
“เ้าเด็กเวร ไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่หรือไม่? ยังกล้าหนีหรือ? วันนี้ข้าจะตีขาเ้าให้หัก!” เด็กน้อยถูกกระชากออกไปทั้งอย่างนั้น แต่ยังคงร้องไห้ให้เสิ่นม่านช่วยชีวิต
“ท่านอา! ข้าเอง ข้าคือเสี่ยวตง! ท่านช่วยข้าด้วย!
เสิ่นม่านตั้งใจมองเขาอย่างละเอียด นี่คือลูกฝาแฝดคู่นั้นของนางโจวไม่ใช่หรือ? นางเพิ่งข้ามมิติมาและยังไม่เคยเจอตัวจริงของเสี่ยวตง ดังนั้นมองคราแรกจึงจำเขาไม่ได้
คนที่ตามหามาหลายวันอยู่ตรงหน้านางแล้ว?!
ปฏิกิริยาแรกของเสิ่นม่านคือ จับมือเด็กน้อยที่ยื่นมาขอความช่วยเหลือ จากนั้นยื้อแย่งตัวเด็กมาทางตนเอง
“นางหญิงอ้วน อย่ามาแส่ไม่เข้าเื่! ระวังข้าจะชกหน้าเ้า!”
เสิ่นม่านปล่อยมือเด็กและพุ่งเข้าใส่ นางยกเท้าถีบไปที่ชายหนุ่มจนร่างเขาปลิว จากนั้นถลึงตามอง
“ข้าอ้วนแล้วอย่างไร? ข้าไปกินข้าวบ้านเ้าหรือ?”
การเตะครั้งนี้ดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้แห่มามุงได้สำเร็จ คงเพราะไม่เคยเห็นสตรีดุดันห้าวหาญเช่นนี้มาก่อน ถึงขั้นใช้ขาถีบจนชายร่างใหญ่กระเด็น
ชายคนนั้นตกตะลึง คงเพราะไม่เคยเสียเปรียบให้แก่ผู้หญิงมาก่อน ขณะนี้เขากำลังมึนงงสับสน เมื่อเขาได้สติอีกครั้งก็ถุยน้ำลายอย่างโมโห จากนั้นมือใหญ่ดุจกรงเล็บอินทรีก็เริ่มขยับนิ้วลั่นกระดูกจนส่งเสียงดัง
เสิ่นม่านลากเด็กไปไว้ด้านหลังและยื่นนิ้วชี้ไปที่ชายไว้หนวดเคราร่างใหญ่พร้อมกับเอ่ยขู่
“ข้าขอเตือนเ้า การลักพาตัวเด็กนั้นผิดกฎหมาย! เ้าจงทิ้งเด็กไว้กับข้าแล้วรีบไสหัวไป มิเช่นนั้นข้าจะแจ้งความ!”
“โอ้โฮ เ้ายังกล้าแจ้งความหรือ?” ชายไว้หนวดเคราร่างใหญ่คงไม่เคยเจอกับสตรีที่ดุดันเผ็ดร้อนเช่นนี้มาก่อน เขามองเสิ่นม่านหัวจรดเท้า ก่อนจะสบถคำด่าหยาบคายใส่นาง
“ข้าจ่ายเงินซื้อเด็กมาจากหออิ๋งชุน ไม่สนหรอกว่าเด็กบ้านใคร? สัญญาซื้อขายทาสอยู่ในมือข้า ไปแจ้งความที่ไหนก็เหมือนกัน! ใต้เท้าเขาดูแค่สัญญาซื้อขาย ไม่สนใจว่าคือผู้ใด!”
เมื่อมาถึงจุดนี้ เสิ่นม่านก็ตระหนักได้อีกเื่ ในสมัยโบราณ การซื้อขายคนเป็เื่ถูกกฎหมาย
ช่างน่าเหนื่อยใจนัก!
เสิ่นม่านยกมือทาบหน้าผาก เมื่อเห็นว่าเสี่ยวตงกำลังจะถูกชายหนวดเคราพาตัวไป นางก้าวไปขวางไว้อีกครั้ง ครั้งนี้นางทอดสายตาไปที่เสี่ยวตง
“บอกอาสิว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วน้องสาวของเ้าล่ะ? เหตุใดจึงถูกขายไปอยู่ในหอคณิกาได้?”
เสี่ยวตงแข็งใจเงยหน้าขึ้นพร้อมน้ำตาที่รื้นขอบตา “เดิมที ท่านแม่ข้าคิดจะขายข้ากับน้องสาวไปสกุลจาง แต่บ้านนั้นไม่ยอมรับพวกข้า…”
“นางยังได้ยินข่าวว่าพวกท่านไปแจ้งความที่ที่ว่าการและกลัวว่าจะมีคนจำพวกข้าได้ จึงพาข้ากับน้องสาวไปขายที่หออิ๋งชุนภายในคืนนั้น…”
เสิ่นม่าน “...”
แม้ว่าเด็กจะหวาดกลัว แต่ก็อธิบายทุกอย่างได้อย่างชัดเจนและกระชับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โจวชุ่ยหลาน หญิงผู้นี้ทำให้อารมณ์นางพุ่งปรี๊ดถึงขีดสุด ถึงกับขายลูกสาวเข้าไปในหอนางโลม ให้ลูกสาวต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ยิ่งกว่าตายทั้งเป็!
ช่างน่าโมโหนัก!
เสิ่นม่านกวาดตามองไปที่ฝูงชนบริเวณโดยรอบ จากนั้นข่มใจให้สงบ นางควักเงินหนึ่งตำลึงยัดใส่มือของชายไว้หนวดเคราและปั้นหน้ายิ้ม
“พี่ชายท่านนี้ เขาคือหลานชายของข้าจริงๆ รบกวนพาข้าไปหาแม่เล้าหน่อยเถิด ข้ามีเื่จะหารือกับนาง”
ชายไว้หนวดเคราใกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของนางจนถึงกับชะงัก ผ่านไปชั่วครู่ จึงพยักหน้าอย่างสับสน จากนั้นพึมพำกับตนเอง
“หากเ้าพูดง่ายเช่นนี้แต่แรกก็ไม่มีเื่แล้ว”
รั้นจะวิวาทกับเขาให้ได้
-----