ด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนจะผ่านอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
แต่ทว่าอย่างไรเสิ่นเฟยก็ไม่มีทางคิดถึง ่ที่ผ่านมานี้ เซียวหนิงเอ๋อร์ผู้ฝึกเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุมิใช่เซียวหนิงเอ๋อร์คนเดิมอีกต่อไป หลังจากพลังิญญาก่อรูป ความเร็วในการบ่มเพาะพลังยุทธ์ของนางก็ยิ่งรวดเร็วขึ้นอย่างก้าวะโ ในเวลาเดียวกัน เซียวหนิงเอ๋อร์ยังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลอี้หลงทั้งครอบครัว เซียวหนิงเอ๋อร์ในเวลานี้จึงไม่อาจเทียบกับอดีตที่ผ่านมาได้อีก
“เ้ายังต้องมีคุณสมบัติเข้าไปที่ด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนให้ได้เสียก่อน!” เสิ่นเฟยหัวเราะเยาะออกไป เว้นแต่จะเป็นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษในด้านใดด้านหนึ่งจึงจะสามารถเข้าสู่ด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนได้!
ด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วน! เนี่ยหลียิ้ม ที่นี่ก็คือที่ที่เขา้าไป ในชีวิตหนก่อน เขาเคยกลับมาที่เมืองกวงฮุยและเข้าไปในด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วน สิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นเป็สิ่งที่คนทั่วไปยากจะจินตนาการถึงได้
ดังนั้นเนี่ยหลีจึงจะต้องมีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปได้ด้วยเช่นกัน!
“วางใจได้ เซียวหนิงเอ๋อร์จะมีคุณสมบัติพอให้เข้าสู่ด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนได้อย่างแน่นอน เ้ารอดูได้เลย ไปกันเถอะ!” เนี่ยหลีพูดเสียงเ็า คนเช่นเสิ่นเฟยไม่มีค่าพอที่จะนับเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้ เป้าหมายสุดท้ายของเนี่ยหลีมิใช่แค่เด็กๆ ในตระกูลเสินเซิ่ง แต่เป็ทั้งตระกูลเสินเซิ่ง
สายตาของเสิ่นเฟยตกอยู่ที่เนี่ยหลี ในใจพลันบังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาวูบหนึ่ง เขายิ้มอย่างเ็าและพูดว่า “เนี่ยหลี เ้ากล้าหรือไม่? ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของพวกข้าจะจัดการประลองยุทธ์สำหรับผู้มีความสามารถ ถึงเวลานั้นพวกข้าขอเชิญตระกูลเทียนเหินของเ้าเข้าร่วมด้วย เ้ากับข้า เป็ตายไม่กล่าวโทษ เป็อย่างไร กล้าหรือไม่?”
ต่ำช้านัก! นักเรียนรอบด้านอดที่จะแอบก่นด่าเสิ่นเฟยคำหนึ่งในใจไม่ได้ เสิ่นเฟยเป็นักเรียนในชั้นเรียนสำหรับผู้มีพร์และอายุก็ตั้งสิบเจ็ดปีแล้ว วรยุทธ์ก็ฝึกจนถึงระดับเงินแล้ว ส่วนเนี่ยหลีกระทั่งระดับทองแดงหนึ่งดาวก็ยังไม่ทราบว่าถึงแล้วหรือไม่ เสิ่นเฟยกลับเอ่ยปากขอเปรียบฝีมือกับเนี่ยหลี เห็นๆ อยู่ว่าคิดสังหารเนี่ยหลีทิ้งเสีย!
ต่อให้เนี่ยหลีปฏิเสธก็ไม่มีผู้ใดต่อว่า
“เ้าว่าอย่างไรเล่า? เ้ากล้าหรือไม่ หากไม่กล้าเ้าก็คือพวกขี้ขลาด!” เสิ่นเฟยไม่ใส่ใจความไม่พอใจของผู้คนรอบด้าน พูดพร้อมหัวเราะอย่างเ็า
เซียวหนิงเอ๋อร์หันไปมองหน้าเนี่ยหลีอย่างเคร่งเครียด เนี่ยหลียิ้มบางๆ บีบมือเรียวงามของเซียวหนิงเอ๋อร์เบาๆ ส่งสายตาให้ความมั่นใจต่อเซียวหนิงเอ๋อร์คราหนึ่ง
“ในเมื่อเ้าท้าข้า เหตุใดข้าจะไม่กล้าเล่า?” เนี่ยหลีหัวเราะฮ่าๆ ร่างกายเปี่ยมด้วยรังสีแห่งความเชื่อมั่นอย่างหนึ่ง
นักเรียนรอบด้านไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเนี่ยหลีจะกล้ารับคำท้าจากเสิ่นเฟย เพราะเสิ่นเฟยเป็ถึงนักเรียนผู้ควบคุมจิตอสูรระดับเงินผู้หนึ่งจากชั้นเรียนสำหรับผู้มีพร์ เนี่ยหลีเป็บ้าไปแล้วหรือ?
เห็นสีหน้าท่าทางมั่นใจของเนี่ยหลี หัวใจเคร่งเครียดของเซียวหนิงเอ๋อร์จึงค่อยผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว เห็นสีหน้าท่าทางมั่นอกมั่นใจของเนี่ยหลีเช่นนี้แล้ว เซียวหนิงเอ๋อร์อดรู้สึกขึ้นมาในใจไม่ได้ นางมีความรู้สึกว่าสิ่งใดก็ตามในโลกใบนี้ ล้วนไม่ยากเกินไปสำหรับเนี่ยหลี เนี่ยหลีความสามารถอันวิเศษที่สามารถจัดการกับปัญหาได้ทุกเื่ราว
“นี่เป็สิ่งที่เ้าตัดสินใจเองนะ อย่าได้คิดคืนคำเล่า ข้าจะรอเ้าที่การประลองยุทธ์สำหรับผู้มีความสามารถซึ่งจัดโดยตระกูลเสินเซิ่งของข้า!” เสิ่นเฟยร้องฮึ สายตาดุจใบมีดชำเลืองมองเนี่ยหลีและเซียวหนิงเอ๋อร์ขณะเดินผ่านคนทั้งสอง ‘ปล่อยให้พวกเ้ามีความสุขต่อไปอีกนิดก่อน ถึงเวลานั้นดูซิว่าเ้าจะร้องไห้อย่างไร!’
เสิ่นเฟยหมุนตัวเดินจากไป และเสิ่นเยวี่ยที่อยู่ห่างออกไประยะหนึ่งก็มองมาที่เนี่ยหลีด้วยสายตาดุร้าย ทว่าไม่นานก็รีบเดินตามหลังเสิ่นเฟยจากไป
ผ่านไปครู่ใหญ่ เยี่ยจื่ออวิ๋นเดินกลับมาและจ้องมองเนี่ยหลี นางพูดขึ้นอย่างห่วงใยว่า “ข้าได้ยินมาว่าเ้ายอมรับคำท้าของเสิ่นเฟยรึ?”
“ไม่มีอันใดน่ากังวล ข้ามีแผนอยู่ เห็นเ้าเป็ห่วงเป็ใยข้าเช่นนี้ ข้าซาบซึ้งใจนัก!” เนี่ยหลียิ้มแย้มพูด
เยี่ยจื่ออวิ๋นได้แต่พูดไม่ออก ทั้งรำคาญใจทั้งใจึงกระทืบเท้าเร่าๆ พูดต่อไปว่า“ใครบอกว่าข้าเป็ห่วงเ้า คิดเอาเองฝ่ายเดียว เสิ่นเฟยฝึกถึงระดับเงินมานานแล้ว อย่างน้อยต้องเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับเงินสองดาว เ้าแน่ใจหรือ?” แม้ปากพูดว่าไม่สนใจ แต่อันที่จริงเยี่ยจื่ออวิ๋นกลับเป็ห่วงยิ่งนัก
“รอดูเวลานั้นก็แล้วกัน!” เนี่ยหลียักไหล่
“เ้ายินดีรับคำท้ายของเสิ่นเฟยเพื่อน้องหนิงเอ๋อร์ ดูเหมือนเ้าจะมีความจริงใจกับน้องหนิงเอ๋อร์ยิ่ง เ้าต้องดีกับนางให้มากๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยเ้าไว้แน่” เยี่ยจื่ออวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก ไม่ทราบว่าเหตุใด ขณะเยี่ยจื่ออวิ๋นพูด กลางใจกลับทอดถอนใจขึ้นมาคำหนึ่ง ในเมื่อเ้าชอบเซียวหนิงเอ๋อร์ถึงปานนี้ เหตุใดยังมาวุ่นวายกับข้าอีก? ครุ่นคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นในวังใต้ดิน ในใจก็ขุ่นเคืองขึ้นมาเล็กน้อย เนี่ยหลีได้เห็นทุกอย่างที่เขาไม่ควรเห็นไปหมดแล้ว
“นิสัยของเสิ่นเฟยนั้นต่ำช้านัก ข้าทนไม่ได้หากเด็กดีเช่นเซียวหนิงเอ๋อร์จะต้องตกไปอยู่ในน้ำมือของเสิ่นเฟย ดังนั้นจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือนาง!” เนี่ยหลีรีบอธิบายว่าเขามีความประทับใจที่ดีต่อเซียวหนิงเอ๋อร์ ทว่าความรู้สึกเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเทียบกับความรู้สึกร่วมเป็ร่วมตายที่ได้แบ่งปันกับเยี่ยจื่ออวิ๋นมาในอดีตได้
“เ้าก็ไม่ดีไปกว่าเขาเท่าไหร่เลย!” เยี่ยจื่ออวิ๋นเบ้ปาก
ได้ยินคำพูดของเยี่ยจื่ออวิ๋น เนี่ยหลีได้แต่ฝืนยิ้ม ในชีวิตหนก่อน เขาพบเจอเื่ราวมามากเกินไป สองมือเต็มไปด้วยเื และเขาก็เคยกระทำเื่ราวมากมายที่ขัดต่อคุณธรรม ทว่านั่นล้วนเป็สิ่งที่ไม่มีทางเลือก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มิใช่คนต่ำช้าเยี่ยงเสิ่นเฟย
“เ้าไม่จำเป็ต้องอธิบายเื่เหล่านี้ให้ข้าฟัง อย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้า!” สองคิ้วของเยี่ยจื่ออวิ๋นเลิกสูงเล็กน้อย ทำเสียงไม่พอใจและพูดขึ้น
แต่ไหนแต่ไรต่อหน้าผู้อื่น เยี่ยจื่ออวิ๋นมักทำตัวงดงามสง่า ผลักไสให้ผู้คนต้องถอยห่างออกไปนับพันลี้ (๑ ลี้ประมาณ ๕๐๐ เมตร) ความเคืองใจเล็กๆ น้อยๆ ของนางพิสูจน์ได้ว่านางสนใจเนี่ยหลียิ่งนัก เนี่ยหลีสองมือประสานไว้ที่ท้ายทอย สูดลมหายใจลึกๆ โลกใบนี้งดงามเกินไปแล้ว เขามีความสุขกับโลกในขณะนี้ยิ่งนัก เทียบกับชีวิตร่อนเร่ ไม่อาจหยุดเข่นฆ่า ชีวิตในโรงเรียนทั้งสันติทั้งสงบ ได้รังเกียจคนต่ำช้าเช่นเสิ่นเยวี่ยและเสิ่นเฟย ได้หยอกล้อโฉมงามเช่นเยี่ยจื่ออวิ๋นและเซียวหนิงเอ๋อร์ ชีวิตช่างมีความสุขเสียจริงๆ
เห็นท่าทางสบายอกสบายใจของเนี่ยหลี เยี่ยจื่ออวิ๋นเคืองใจยิ่งนัก นางถามขึ้นว่า “เ้าหัวเราะอะไร?”
“ข้าหัวเราะหรือ? ข้าเปล่านะ!” เนี่ยหลีพูด พยายามจะกลั้นหัวเราะ
เยี่ยจื่ออวิ๋นหน้าเหี่ยวแย่แล้ว เนี่ยหลีน่ารำคาญนัก น่าโมโหนัก นางแทบอดที่จะยื่นมือออกไปตีเนี่ยหลีสักฝ่ามือหนึ่งไม่ไหว! แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แม้นางจะเกลียดเนี่ยหลีเพียงใด แต่นางก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเนี่ยหลี อาจจะเป็เพราะนางไม่มีเพื่อนมานานแล้ว ขณะอยู่ด้วยกันกับเนี่ยหลี นางรู้สึกสบายใจอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ
เห็นเนี่ยหลีและเยี่ยจื่ออวิ๋นคุยกันไปหัวเราะกันไป ท่าทางเทพธิดาหนิงเอ๋อร์ที่คล้ายเคืองใจเนี่ยหลีกับท่วงท่าเปี่ยมเสน่ห์ของนางชวนให้ผู้คนตะลึงงัน พวกนักเรียนชายแทบเป็บ้าแล้ว เ้าบ้าเนี่ยหลี เมื่อครู่ยังเพิ่งได้กอดเทพธิดาหนิงเอ๋อร์ไปหยกๆ เวลานี้กลับมาหยอกล้อกับเทพธิดาจื่ออวิ๋นแล้ว
เหตุใดเื่ดีๆ ล้วนถูกเนี่ยหลีฉกไป? ์ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง!
ตู้เจ๋อ ลู่เพียวและพวกอดที่จะยอมรับเนี่ยหลีมิได้ ทว่าพวกเขาไม่มีความอิจฉาในใจเลยแม้แต่น้อย เนี่ยหลีคือพี่น้องของพวกเขา และเป็พี่น้องที่ดีตลอดไป! ตู้เจ๋อและลู่เพียวกำลังพูดคุยอยู่กับนักเรียนในชั้น ตู้เจ๋อมีบุคลิกความเป็ผู้นำอันเป็เอกลักษณ์เฉพาะตัว สิ่งนี้ดึงดูดให้พวกนักเรียนสามัญชนมากมายยินดีที่จะติดตามเขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสิ่นซิ่วเดินบิดเอวของนางเข้ามา สายตากวาดมองกลุ่มนักเรียน และหลังจากที่จรดลงบนร่างของเนี่ยหลีแล้ว สายตาของนางก็แปรเปลี่ยนเป็คมกริบนัก
เสิ่นซิ่วพูดเสียงต่ำว่า “การทดสอบปลายปีของชั้นเรียนพวกเรากำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว ทุกคนตามข้ามา!”
“อาจารย์เสิ่นซิ่ว ท่านเคยบอกว่าหากข้าก้าวถึงระดับทองแดงหนึ่งดาวได้ ท่านจะลาออกจากโรงเรียน นั่นยังมีผลอยู่หรือไม่?” เนี่ยหลีพลันยิ้มแย้มเอ่ยปากขึ้นอีกว่า “หากท่านยอมเอ่ยปากขอโทษข้า ขอร้องให้ข้ายกเลิกข้อพนันของพวกเรา บางทีข้าอาจยอมพิจารณา!”
‘เ้าคิดจะหลอกข้าหรือ? ข้าไม่ง่ายปานนั้นกระมัง?’ เสิ่นซิ่วครุ่นคิด ร้องฮึและพูดว่า “ข้า เสิ่นซิ่ว เป็คนรักษาคำพูด หากเ้าก้าวหน้าถึงระดับทองแดงหนึ่งดาวได้จริง ข้าจะขอลาออก!”
เนี่ยหลียักไหล่ “เช่นนั้นท่านก็ต้องรีบไปเตรียมเขียนจดหมายลาออกแล้ว!”
“รอให้การทดสอบของเ้าได้ผลลัพธ์เป็ระดับทองแดงหนึ่งดาวเสียก่อนเถอะ!” เสิ่นซิวพูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก พาพวกนักเรียนในชั้นเดินตรงไปยังตึกทดสอบ
โรงเรียนเซิ่งหลันมีนักเรียนอยู่หลายพันคน ทุกคนต้องใช้เวลาในการทดสอบระยะหนึ่ง
ตลอดทาง นักเรียนมากมายเริ่มซุบซิบกัน
“ข้าได้ยินมาว่าในชั้นเรียนผู้ควบคุมจิตอสูรเบื้องต้นมีสองคนที่พลังิญญาก้าวถึงระดับทองแดงสามดาวแล้ว! ชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้นปีนี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก!”
“แน่นอน พวกเขาหลายคนฝึกนานกว่าพวกเราตั้งปีสองปีแล้ว”
“ข้ายังได้ยินมาอีกว่าในชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้น มีคนหนึ่งที่มีพลังอย่างน้อยระดับทองแดงสองดาวแล้ว!” นักเรียนกลุ่มหนึ่งสวมใส่เสื้อผ้าแตกต่างกันกำลังวุ่นวายอยู่กับการถกเถียงไม่หยุด
...
โรงเรียนเซิ่งหลันมีชั้นเรียนเบื้องต้นอยู่หกห้อง มีชื่อหลากหลายแตกต่างกันไป พร์ของนักเรียนแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามเด็กๆ มักจะมีความเปลี่ยนแปลง บ่อยครั้งจึงมีการปรับเปลี่ยนทิศทางการฝึกยุทธ์ ในบรรดาชั้นเรียนเหล่านี้ ห้องเรียนสำหรับผู้ควบคุมจิตอสูรนับว่าเป็ที่สนใจที่สุด เพราะเป็ชั้นเรียนที่นักเรียนผู้มีพร์มารวมตัวกันมากที่สุด
ตามพัฒนาการในชีวิตชาติที่แล้ว เซียวหนิงเอ๋อร์และเยี่ยจื่ออวิ๋นจะเข้าสู่ชั้นเรียนผู้ควบคุมจิตอสูรเบื้องต้นและเนี่ยหลีจะยังคงเรียนต่อไปที่ชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้น แม้เขาพยายามฝึกตนสุดความสามารถ วรยุทธ์ของเขายังคงพัฒนาไปได้อย่างเชื่องช้าอย่างยิ่ง แทบไม่มีความก้าวหน้าอะไรเลย
ทว่าชีวิตในชาตินี้ย่อมไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่เพียงแต่เซียวหนิงเอ๋อร์และเยี่ยจื่ออวิ๋น แม้แต่ตู้เจ๋อ ลู่เพียวและพวกอีกสามคนก็จะต้องมีชะตากรรมที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
“นักเรียนจากชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้นมาถึงแล้ว!”
“นี่ใช่ชั้นเรียนที่ใช้การไม่ได้ที่สุดนั่นหรือไม่? พูดกันว่าในหมู่พวกเขามีคนที่มีอาณาเขติญญาสีแดงอยู่เยอะเชียว!”
“มีอาณาเขติญญาสีแดงยังสามารถฝึกยุทธ์ได้อีกหรือ?”
“แต่ข้าได้ยินมาว่าหลายๆ คนก็มีพร์ไม่เลวเลยทีเดียว ใกล้ถึงระดับทองแดงแล้ว เช่นเยี่ยจื่ออวิ๋นและเซียวหนิงเอ๋อร์!”
เมื่อได้ยินสองชื่อนี้ ดวงตาของเด็กนักเรียนชายหลายคนก็เป็ประกายขึ้นมาทันที ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สตรีงดงามย่อมเป็ที่สนใจเสมอ ดังนั้นแม้พวกเขาอายุยังน้อย แต่ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาด ทุกคนจึงรู้จักเื่ราวชายหญิงมากมายแล้ว
ในชั้นเรียนเบื้องต้น เด็กผู้หญิงที่งดงามที่สุดย่อมเป็เยี่ยจื่ออวิ๋นและเซียวหนิงเอ๋อร์อย่างไม่ต้องสงสัย เด็กนักเรียนชายในชั้นเรียนผู้ควบคุมจิตอสูรเบื้องต้นเมื่อได้เห็นเยี่ยจื่ออวิ๋นและเซียวหนิงเอ๋อร์ ทุกคนล้วนทำสีหน้ากระตือรือร้น หากไม่มีสิ่งใดเหนือความคาดหมาย เยี่ยจื่ออวิ๋นและเซียวหนิงเอ๋อร์ก็จะเลื่อนสู่ชั้นเรียนสำหรับผู้ควบคุมจิตอสูรเบื้องต้น ถึงเวลานั้นพวกเขาก็จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับพวกนางแล้ว!
เห็นสายตาเร่าร้อนของพวกเด็กนักเรียนชายชั้นเรียนผู้ควบคุมจิตอสูรเบื้องต้น เนี่ยหลีอดที่จะหัวเราะเบาๆ ขึ้นมามิได้ ชีวิตครั้งนี้ พวกเขาคงต้องผิดหวังแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็เยี่ยจื่ออวิ๋นหรือเซียวหนิงเอ๋อร์ เกรงว่าพวกนางคงต้องเลื่อนขึ้นไปเรียนในชั้นเรียนสำหรับผู้มีพร์แล้ว!
ภายใต้การนำของเสิ่นซิ่ว นักเรียนของชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้นเดินเรียงแถวเข้าสู่ตึกทดสอบ บนระเบียงไกลออกไป ผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนหลายคนกำลังมองลงมาอยู่
“รอบแรก การทดสอบพละกำลัง ใครจะเป็คนทดสอบก่อน?” หนึ่งในอาจารย์ผู้ควบคุมการสอบเอ่ยถามมาทางเสิ่นซิ่ว
เสิ่นซิ่วกวาดตามองนักเรียนทุกคนในชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้น เสิ่นเยวี่ยเดินออกมาและพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าขอทดสอบเป็คนแรก!” ครั้นกล่าวจบ เขาหมุนตัวสาวเท้าเดินไปยังเสาหินทรงสูงสำหรับทดสอบพลังที่อยู่ด้านข้าง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้