หลี่เทียนเผิงสูดลมหายใจเหมือนวัวกระทิงตัวโต จากนั้นเขาก็รีบหันหน้ากลับไปแล้วสะบัดมือลงไปบนใบหน้าของเ้ามือคนนั้น
แรงตบที่กระทบลงไปบนใบหน้าของเ้ามือรุนแรงมาก ซีกหน้าด้านซ้ายของเ้ามือเปลี่ยนเป็สีแดงก่อนจะปูดบวมขึ้นมา เขารู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้ร้ายแรงมากแค่ไหน เ้ามือพูดออกมาเสียงสั่น “เป็ไปไม่ได้.........ผมเขย่าออกมาเป็หนึ่งแต้มชัดๆ........ไม่มีทางจะเป็สิบแปดแต้มได้แน่นอน.......... ไม่มีทางเป็ไปได้เด็ดขาด...........เขาจะต้องทำอะไรซักอย่างแน่นอน..........จะต้องเป็เขาแน่.......”
“นี่นาย!” ซูเฟยเฟยส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธอีกครั้ง แล้วชี้ไปที่หน้าของเ้ามือที่พูดออกมาอย่างคลุมเครือแล้วะโออกมา “ไหนใครเห็นบ้างว่าผู้ชายของฉันขยับมือไปไหนบ้าง........ไหวว่ามาสิว่ามีใครเห็นบ้าง! ใครเห็นบ้างล่ะ? นายจะบอกว่าพวกเราที่นี่ตาบอดงั้นเหรอ?”
ความกล้าหาญที่ซูเฟยเฟยแสดงออกมาต่อหน้าเย่เทียนเซี่ยโดยตลอดทำให้เย่เทียนเซี่ยประหม่านิดหน่อย
แล้วเ้ามือคนนั้นก็ได้แต่ก้มหน้าต่ำพูดไม่ออกเลยสักคำ เขาแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าลูกเต๋าของตัวเองถูกขยับอย่างแน่นอน แต่เขากลับจนปัญญาจะรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร........ทำไมหนึ่งแต้มที่เห็นอยู่ชัดๆถึงได้เปลี่ยนเป็สิบแปดแต้มอย่างเงียบงันเช่นนี้ได้
“แพ้แล้วก็คือแพ้ แล้วไง คนอย่างหลี่เทียนเผิงคงไม่เบี้ยวหรอกใช่ไหม.......... หรือจะบอกว่าอยากจะพนันอีกรอบล่ะ?” เย่เทียนเซี่ยนำชิพที่เล่นได้ในรอบนี้มาไว้ในมือแล้วพูดออกมาอย่างสบายๆ เบี้ยว? ถ้าเขากังวลว่าฝ่ายตรงข้ามจะเบี้ยวเขาก็คงไม่ใช่เย่เทียนเซี่ย
ใบหน้าของหลี่เทียนเผิงมืดมนลงทันที ปกติแล้วเขาก็ผ่านการพนันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ด้วยความภูมิใจในจุดนี้ของเขา เขาจึงไม่สามารถทำเื่ที่จะทำให้เขาขายหน้าและเสียชื่อเสียงเช่นนั้นได้ แต่ครั้งนี้เขาแพ้พนันไปถึง........สองร้อยล้าน
เขาต้องตัดสินใจ สีหน้าของเขากลับกลายเป็ความสงบนิ่งอีกครั้ง สายตาคมกริบเหมือนมีดกวาดมองไปทั่วบริเวณคนที่หันมาสบสายตากับเขารู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกทิ่มแทง แล้วหลี่เทียนเผิงก็ตะคอกออกมาเสียงต่ำ “ตอนนี้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด!! บ่ายวันนี้ค่าใช้จ่ายของพวกนายทุกคนสำหรับความบันเทิงในกิจการของหลี่จื้อทั้งหมดพวกเราจะจ่ายเอง ออกไปเดี๋ยวนี้!!”
คนที่รู้ความฟังความหมายของประโยคนั้นออกทันที....... เห็นได้ชัดว่าเขายอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ และอยากจะ “จัดการกับปัญหาส่วนตัว” สักหน่อย แต่ในเมื่อคุณชายของกลุ่มการค้าหลี่จื้อออกปากเองเช่นนี้ใครจะกล้าแหกหน้าเขากันล่ะ นอกจากนี้ขณะที่หลี่เทียนเผิงไล่พวกเขาออกมาก็ยังไว้หน้าพวกเขาอยู่บ้าง.........ทำให้พวกเขาสามารถใช้บริการในเขตความบันเทิงนี้ได้ฟรีตลอดบ่าย
ต่อไปหากจะเกิดเื่สนุกๆอะไรก็คงไม่มีใครได้เห็นอีก แต่การทำเช่นนี้ก็สามารถเดาได้คร่าวๆแล้ว ไม่นานผู้คนที่เคยอยู่กันเต็มคาสิโนก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว นอกจากเย่เทียนเซี่ย ซูเฟยเฟย และหลี่เทียนเผิงก็เหลือเพียงพนักงานทั้งหมดของคาสิโนแห่งนี้ซึ่งก็คือเ้ามือชายหญิง พนักงานรักษาความปลอดภัย พนักงานบริการ และผู้จัดการคาสิโนที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลี่เทียนเผิงอย่างไม่มีปากเสียง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังจะมีใครเห็นอีกว่าหลี่เทียนเผิงจะทำอะไร คนที่อยู่ภายในสิบกว่าคนล้อมกรอบเข้ามาและเว้นระยะห่างอย่างพอดีกับโต๊ะพนันที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ หลี่เทียนเผิงที่กลับมาสงบอีกครั้งทรุดตัวลงนั่ง เขายกขาทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วพูดออกมาอย่างสบายๆ “พูดมาสิ ว่าเื่นี้จะแก้ไขยังไง?”
“นายอยากจะแก้ยังไงล่ะ?” เย่เทียนเซี่ยลูบจมูกไปมา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาฉีกกว้างขึ้นมาอย่าเห็นได้ชัด
นี่คือผู้ชายที่มีความคลั่งแค้นหลงเหลือมาจากการทอยลูกเต๋า ปกติแล้วเขาไม่ได้เผยธาตุแท้ออกมาง่ายดายเช่นนี้ แต่เมื่อถูกกระตุกหนวดเสือเขาจึงได้เผยท่าทางระแวดระวังออกมา เพราะเขาคือคนที่จะไม่ยอมให้ใครมาลองดี.......... เพราะหลี่เทียนเผิง้าให้ซูเฟยเฟยประทับใจในตัวเขา ดังนั้นเขาจึงเตรียมจะทำให้เย่เทียนเซี่ยปล่อยมือแล้วใช้เงินโจมตีเขา..... แต่ดูเหมือนว่าการโจมตีด้วยเงินจะไม่เพียงพอ
ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้ซูเฟยเฟยคงหน้าซีดตัวสั่นไม่น้อย แต่เมื่อคิดถึงเย่เทียนเซี่ยและความแข็งแกร่งของผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอแล้วเธอก็ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันความตื่นเต้นและความคาดหวังภายใต้สถานการณ์เช่นนี้.......... ทำให้เธออยากจะหัวเราะออกมาดังๆหลายๆครั้ง
“เงินร้อยล้านที่เป็ของพวกนาย พวกนายก็เอาคืนไปเถอะ จากนั้นก็เดินออกไปจากที่นี่ไปเงียบๆซะ แต่ถ้านายอยากจะเอาอีกสองร้อยล้านล่ะก็.......เหอะ ฉันแนะนำว่าให้พวกนายคิดดีๆ” หลี่เทียนเผิงยิ้มเย็น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่ควักเงินออกมาได้ถึงสี่ร้อยล้านอย่างซูเฟยเฟยและเย่เทียนเซี่ย ใครก็ดูออกว่าพวกเขาจะต้องมีที่มาไม่ธรรมดาแน่ หากไม่บังคับก็คงไม่ได้มา และเขาเองก็ไม่กล้าจะลงมือด้วย
ซูเฟยเฟยกอดแขนเย่เทียนเซี่ยก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมา “เทียนเซี่ย วันนี้ฉันเล่นสนุกมากจริงๆนะ ครั้งก่อนลู่ลู่ยังบอกกับฉันอยู่เลยว่าพี่ชายของเธอน่ะหล่อมากแล้วก็นิสัยดีด้วย แต่จริงๆแล้ว.......คิกๆๆๆๆ จริงๆแล้วก็เป็แค่สุนัขเลวๆตัวนึงแค่นั้นเอง”
ลู่ลู่?
คุณหนูแห่งกลุ่มการค้าหลี่จื้อ.........มีนามว่าหลี่ลู่ลู่
สายตาของคนสิบกว่าคนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลี่เทียนเผิง สีหน้าของหลี่เทียนเผิงเปลียนสีทันที เขาพยายามที่จะอดกลั้นความโกรธที่ทำให้อับอายต่อหน้าคนหมู่มากเอาไว้อย่างถึงที่สุดก่อนจะถามออกมา “เธอรู้จักฉัน? แล้วยังรู้จักลู่ลู่อีก......พ่อเธอเป็ใคร?”
“ลู่ลู่น่ะเหรอ......รู้จักสิ..........ส่วนพ่อของฉันเป็ใคร มันเกี่ยวอะไรกับนายล่ะ แล้วทำไมฉันต้องบอกสุนัขเลวๆอย่างนายด้วย” ซูเฟยเฟยยกยิ้มมุมปากก่อนจะพูดออกไปอย่างเยาะเย้ย
“นี่เธอ!” เมื่อถูกผู้หญิงทำให้อับอายต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ คุณชายสกุลหลี่อย่างเขาต่อให้เป็มนุษย์เหล็กก็โกรธเป็ เขาผุดลุกขึ้นกำลังจะระบายความโกรธแต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง “พี่ใหญ่....... พี่อยู่นี่หรือเปล่าคะ......... เกิดเื่อะไรขึ้นเหรอ?”
หลี่เทียนเผิงและซูเฟยเฟยอึ้งไปพร้อมกัน นี่เป็เสียงที่คุ้นหูสำหรับพวกเขา เพราะเ้าของเสียงนี้คือหลี่ลู่ลู่คนที่พวกเขาเพิ่งจะพูดถึงไปนั่นเอง
กลุ่มคนเปิดทางออก พวกเขาโค้งตัวด้วยความเคารพจากนั้นก็ะโออกมาว่า “คุณหนู” หญิงสาวอายุประมาณยี่สิบปีที่ย้อมผมสีทองวิ่งเข้ามา เมื่อเธอเข้ามาใกล้สายตาของเย่เทียนเซี่ยก็หยุดอยู่บนใบหน้าของเธอสักพักหนึ่งก่อนจะรีบละสายตาไปด้วยความใ........ แป้งบนใบหน้าของเธอหนาประมาณสามนิ้วได้ ขนาดมองไกลๆก็ยังสามารถเห็นว่ามันร่วงลงไปตามรอยเท้าของเธออย่างชัดเจน ดวงตาคู่นั้นของเธอก็แต่งซะจนเหมือนผีไม่มีผิด ร่างตรงหน้านี้เรียกได้ว่าผอม......จนเหมือนโครงกระดูก หน้าอกหน้าใจของเธอก็นูนเด่นมาก มันนูนซะจนดูไม่เข้ากันกับร่างของเธอย่างชัดเจนจนไม่รู้ว่าข้างในน่ะของจริงหรือของปลอม แต่มันก็คงคุ้มค่าที่จะลองทดสอบดู เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนี้ใช้การเล่นแต่งตัวมาปกปิดรูปร่างหน้าตาปกติของตัวเอง........ การรักสวยรักงามก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่การแต่งตัวเป็ผีมาหลอกหลอนผู้คนก็เป็สิ่งที่เธอไม่ควรทำ
“นี่เป็เพื่อนคนที่เธอพูดถึงจริงๆเหรอ?” เย่เทียนเซี่ยกระซิบถามอยู่ข้างหูซูเฟยเฟยด้วยน้ำเสียงแปลกๆ
ซูเฟยเฟยที่กำลังใฟังออกว่าในน้ำเสียงของเย่เทียนเซี่ยนั้นมีความหมายแปลกๆซ่อนอยู่ สีหน้าของเธอหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา “ก็บอกแล้วไงว่าแค่รู้จัก ไม่ได้นับเป็เพื่อน........”
“..........ยังดีที่ไม่ใช่”
“............” ซูเฟยเฟย
“เอ๋? เฟยเฟย? เธอมาจริงๆเหรอเนี่ย! ฉันได้ยินว่าเธออยากจะมาเล่นที่นี่ เพราะงั้นก็เลยรีบมายังไงล่ะ เพราะพอดีว่าพี่ชายที่ฉันพูดให้เธอฟังเมื่อครั้งก่อนก็อยู่ที่นี่ด้วย.......” เมื่อผู้หญิงคนนั้นมองเห็นซูเฟยเฟยก็ตื่นเต้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ทันทีที่เธอมองเห็นเย่เทียนเซี่ยที่อยู่ใกล้ซูเฟยเฟยสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที หลังจากสายตาของเธอสำรวจใบหน้าและการแต่งตัวของเย่เทียนเซี่ยแล้วสีหน้าของเธอก็ฉายประกายดูถูกอย่างชัดเจน “เฟยเฟย เขาคือ?”
“แฟนฉันเอง” ซูเฟยเฟยตอบกลับไป เพราะเย่เทียนเซี่ยที่ได้ยินแล้วอย่างชัดเจนดูเหมือนจะมีแววปฏิเสธและท่าทีรังเกียจผู้หญิงอยู่หน่อยๆ น้ำเสียงตอนที่เธอพูดออกไปจึงลดความกระตือรือร้นลงและเพิ่มความเหินห่างมากยิ่งขึ้น จริงๆแล้วเธอก็เคยพูดมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เป็การพูดไปคนเดียวเท่านั้น เพราะงั้นขณะเดียวกันเธอจึงหยิกแขนของเย่เทียนเซี่ยไปเบาๆด้วยความหมายที่ชัดเจน “ห้ามโต้ตอบ ห้ามโต้ตอบ”
“...................” เย่เทียนเซี่ย
หลี่ลู่ลู่ที่ได้รับคำตอบก็ร้องะโออกมาด้วยความใเกินจริง “เฟยเฟย........เขาเป็แฟนเธอเหรอ? เธอต้องล้อฉันเล่นแน่ๆใช่ไหม? นอกจากหน้าตาเขาจะเหมือนแมงดาแล้วมีอะไรที่คู่ควรกับเธอบ้าง?”
เย่เทียนเซี่ยใช้สายตากวาดมองหญิงสาวคนนั้นช้าๆ จากนั้นก็ใช้มือลูบใบหน้าของตัวเองโดยไม่รู้ตัว เขามีหน้าตาเหมือนแมงดาจริงๆน่ะเหรอ?
ถ้าหลี่ลู่ลู่เปิดฉากด่าทันทีที่พบเธอ บางทีเธออาจจะไม่โกรธขนาดนี้ แต่......... เพียงแค่เธอเปิดปากออกมาก็เป็การดูถูกเย่เทียนเซี่ยแล้ว ความโกรธของซูเฟยเฟยจึงพุ่งทะยานขึ้นมา ผู้หญิงเกิดมาก็เป็สัตว์ชนิดหนึ่งที่มีสัญชาติญาณในการปกป้อง โดยเฉพาะกับคนรักหรือคนที่ชอบ แม้ว่าเธอจะรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้ แต่ความโกรธของเธอก็แทบจะเขียนแปะไว้บนหน้าของเธอแล้ว “ลู่ลู่ ผู้ชายของฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้เธอเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอถึงพูดกับเขาแบบนี้”
หลี่ลู่ลู่ที่หลุดปากออกไปแล้วก็ได้แต่นึกเสียใจทีหลัง จริงๆแล้วหลี่ลู่ลู่วาดฝันไว้ว่าอยากจะให้ซูเฟยเฟยอยู่กับหลี่เทียนเผิงพี่ชายของเธอ ด้วยครอบครัวของเธอ ถ้าหากสองคนเกี่ยวดองกัน จะต้องเป็ผลดีต่อตระกูลหลี่ของเธออย่างมหาศาลโดยไม่ต้องสงสัย ตอนนี้ข้างกายเธอมีผู้ชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน อีกทั้งเธอยังเรียกเขาว่า “แฟน” ทันใดนั้นในใจของหลี่ลู่ลู่แทบจะพูดอะไรไม่ออก และตอนนี้เธอเองก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าทำอะไรผิดไปกับลูกสาวคนเดียวของซูลั่วก็มีแต่เสียกับเสียทั้งนั้น
หลี่เทียนเผิงขมวดคิ้วแน่นแล้วถามออกมาเสียงต่ำ “ลู่ลู่ เธอคือ?”
หลี่ลู่ลู่ชะงักไปก่อนจะพูดออกมาด้วยความตกตะลึง “พี่ใหญ่ พี่ยังไม่รู้หรอกเหรอว่าเธอเป็ใคร? เธอ.......คือลูกสาวของซูลั่ว ซูเฟยเฟย”
สีหน้าของหลี่เทียนเผิงช็อคค้าง สีหน้าของทุกคนในคาสิโนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาทุกคน พวกเขาใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงจ้องมองไปที่ซูเฟยเฟย....... ชื่อซูเฟยเฟย พวกเขาอาจจะไม่รู้จัก แต่ชื่อซูลั่ว......... เป็ชื่อที่ในประเทศนี้และทั่วทั้งเอเชียมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่รู้จัก
มิน่าล่ะเธอถึงกล้าควักเงินจำนวนมากถึงร้อยล้านขึ้นมาหน้าตาเฉยราวกับว่ามันเป็เศษเหรียญที่ควักออกมาได้ง่ายๆ ทรัพย์สินของตระกูลซูนั่นมีมากมายมหาศาลจนไม่อาจนับได้ ไม่มีใครรู้เื่นี้อย่างแจ่มชัด แต่อย่างน้อยก็สามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าอย่าว่าแต่ตระกูลหลี่ตระกูลเดียวเลย ต่อให้มีถึงสิบหรือกี่สิบตระกูลหลี่ก็อย่าคิดว่าจะเทียบกับตระกูลซูที่มีซูลั่วเป็ผู้นำตระกูลคนเดียวได้ และถ้าสามารถมีทรัพย์สินขนาดนั้นและมั่นคงเช่นนี้ได้ก็คงจะสามารถจินตนาการอำนาจทางการค้าของเขาได้เช่นกันว่ามันจะคลอบคลุมทั้งด้านมือและด้านสว่างมากขนาดไหนและยังเป็เครือข่ายที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่เพียงใด และในตำแหน่งเช่นนี้เขาต้องไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดาๆอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะในโลกธุรกิจหรือในเกมการเมืองก็ไม่มีใครสักคนที่กล้าเผชิญหน้ากับเขา
ขณะเดียวกันแม้ซูลั่วจะขึ้นชื่อในเื่ความสงบและนิ่งเงียบ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ว่าเขาแฝงความชั่วร้ายเอาไว้และไร้ซึ่งเมตตากับคู่แข่งและศัตรู และความรักของเขาที่มีต่อลูกสาวคนเดียวนั้น ถ้าทำผิดต่อเธอไปเกรงว่าคงไม่ต่างอะไรกับการทำผิดต่อเขาเช่นกัน อย่างน้อยแม้ว่าเขาจะไม่สามารถป้องกันไม่ให้มีคนมาลงมือต่อเขาและคนที่อยู่ข้างตัวเขาได้ แต่คนที่พยายามลักพาตัวหรือลอบฆ่าซูเฟยเฟยทั้งหมดล้วนถูกกำจัดด้วยทุกวิถีทางที่เขาจะสามารถทำได้
ธุรกิจก็เหมือนสนามรบ บางครั้งยังน่ากลัวและโหดร้ายกว่าสนามรบเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขาใจอ่อนครั้งหนึ่งผลที่ตามมาหลังจากนั้นบางทีอาจจะทำให้เขาเสียใจในภายกลังได้
และเพราะเหตุนี้ทันทีที่ชื่อของซูลั่วหลุดออกมาจึงได้ทำให้ที่แห่งนี้หยุดชะงักลงไปทันที มือที่วางไว้บนโต๊ะของหลี่เทียนเผิงกำแน่น ครั้งนี้ตัวเขา..........มีเื่ผิดคนแล้วจริงๆ เขาควรจะเอาเงินให้สองคนนี้แล้วส่งพวกเขากลับอย่างนั้นเหรอ? แล้ววันต่อมาเขาก็จะกลายเป็ตัวตลกในแวดวงของคุณชายตระกูลต่างๆในหัวเซี่ย ไม่อาจรักษาหน้าตาเอาไว้ได้ ขณะเดียวกันการที่เขาขาดทุนไปถึงสองร้อยล้านก็มากพอจะทำให้บิดาเ้าอารมณ์ของเขาเอาทุกอย่างมาลงที่เขาอย่างแน่นอน........แล้วจะบังคับให้พวกเขายอมแพ้แล้วกลับไปอย่างนั้นเหรอ? ฝ่ายชายเขาไม่สนใจก็ได้ แต่ฝ่ายหญิงเป็ถึงลูกสาวของซูลั่ว ผลลัพธ์ที่ตามมาของการผิดต่อซูลั่วคืออะไรนะ..................
ไม่รู้เมื่อไรที่หลี่เทียนเผิงมีเหงื่อไหล่ลงมาอย่างกับฝนและนั่งอย่างกระสับกระส่าย
