บทที่ 49 เ้าคนปัญญาอ่อน
“ในเมื่อพี่หลี่รีบรบรีบจบ เช่นนั้นข้าก็จะให้ความร่วมมือ”
ทันใดนั้น เมื่อปราณกระบี่เงาเสือดาวกำลังจะโจมตี จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็เงยหน้าขึ้น กระบี่ชื่อยวนถูกปลดออกจากฝัก และรังสีกระบี่สามสิบหกมรรคาก็พุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับดาวตก ปะทะกับปราณกระบี่ของคู่ต่อสู้ในทันที
ครู่ต่อมา ฉู่อวิ๋นก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว หันกลับมาและสวนกระบี่โต้กลับอย่างว่องไว ราวกับัตัวยาวที่โพ้นตัวออกมาจากทะเล!
"ควั่บ!"
ในความว่างเปล่า แสงกระบี่ก็วาบวับออกไป
ทั้งคู่เดินผ่านกัน หันหลังให้กัน แยกกันอยู่คนละฝั่ง และนิ่งสงบ
เวทีประลองตกอยู่ในความเงียบ
"ออมมือแล้ว"
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นพูดอะไรบางอย่างเบาๆ กระบี่ชื่อยวนถูกเก็บกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเดินออกจากเวทีประลองโดยไม่หันกลับมามองอีก
"แกร๊ก"
ขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า เสียงของโลหะที่แตกละเอียดก็ดังออกมา
“ข้า...กระบี่ของข้า!” ดวงตาของหลี่เจ๋อมืดลง เขาก้มลงมองก่อนจะพบว่ากระบี่เหล็กเนื้อดีในมือของตนเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวและสูญเสียความคมไปสิ้น ชิ้นส่วนทองคำเนื้อดีตกลงสู่พื้นจนเกิดเสียง...
“ฟิ้ว——”
สายลมแ่เบาพัดผ่านมา
ทันใดนั้น กระบี่เหล็กชั้นดีก็แตกเป็เสี่ยงๆ เหลือเพียงด้ามเปล่าในมือของหลี่เจ๋อ
ใบหน้าของหลี่เจ๋อเต็มไปด้วยความใ แววตางุนงงสงสัย เขาอยากหันหน้าไปมองที่ฉู่อวิ๋นสักนิด ทว่าทันทีที่เคลื่อนไหว ก็มีเืสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปาก ทั้งร่างกายส่วนบนที่มีเืซึมออกมา ทำให้เสื้อผ้าเปื้อนสีแดงเป็ปื้น
“อึก...เหตุ...เหตุใด กระบี่ของเขาจึงเร็วเช่นนั้น?!” หลี่เจ๋อก้มหน้าลงและต้องใเมื่อเห็นรอยกระบี่จำนวนมากบนร่างกาย เขาทรุดลงกับพื้น และในที่สุดก็เข้าใจ
เขาไม่ใช่ศัตรูของฉู่อวิ๋น เขาพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว!
เมื่อหลี่เจ๋อกระอักเืและล้มลงกับพื้น ผู้เฒ่าเฟิงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสงบลงและประกาศผล
“รอบแรกของการประลองรอบก่อนรองชนะเลิศ ตระกูลฉู่ ฉู่อวิ๋น ชนะ”
ในขณะนี้ ผู้ชมทั้งหมดก็รู้สึกราวกับฝัน
จนกระทั่งหลี่เจ๋อถูกช่วยลงจากสนาม ทุกคนจึงรู้ว่าการประลองรอบก่อนรองชนะเลิศรอบแรกสิ้นสุดลงแล้ว
ผู้ชนะคือฉู่อวิ๋น ที่อยู่ในระดับห้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ทั้งเขายังเป็ผู้ชนะภายในกระบวนท่าเดียว ซึ่งเกินความคาดหมายไปมาก!
“ข้าตาฝาดไปหรือ? คนที่ควรจะแพ้ภายในไม่กี่วินาทีควรจะเป็ฉู่อวิ๋นสิ! หลี่เจ๋อที่อยู่ระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณกลับพ่ายแพ้เช่นนั้นหรือ!?”
“ผิดปกติเกินไปแล้ว กระบี่เงาเสือดาวของหลี่เจ๋อเป็พร์ทางิญญายุทธ์เชียวนะ เหตุใดออกกระบวนท่าเดียวจึงพังง่ายขนาดนี้?”
“ดาวหายนะนี่ติดสินบนหลี่เจ๋อหรือ? มันจะมากเกินไปแล้วนะ”
“ไม่น่าใช่ การประลองรอบที่สองเป็การสุ่มจับฉลาก ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลของเ้าดาวหายนะกำลังจะล้ม เขาไม่น่ามีเงินมากขนาดนั้น”
กระแสเสียงหมุนวนไปรอบๆ ลาน และเกือบทุกคนต่างก็กำลังพูดถึงปราณกระบี่ของฉู่อวิ๋นอยู่
ความจริงแล้ว หลังจากที่ฉู่อวิ๋นเข้าใจแผนภาพกระบี่ในสุสานแล้ว ทักษะวิชากระบี่ดาวตกก็เพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่งและพลังของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกอย่างยังมีกระบี่ชื่อยวนเป็อาวุธลึกลับร้อยกลด้วย
ภายใต้เงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่างๆ เป็เหตุให้ฉู่อวิ๋นเอาชนะหลี่เจ๋อได้ในกระบวนท่าเดียว
ในค่ายจวนเ้าเมือง มู่หรงซินเป็คนเดียวในกลุ่มผู้ชมที่ยังคงดูสงบ นางจ้องมองฉู่อวิ๋นที่อยู่ในสี่อันดับแรกด้วยดวงตางดงาม ยกมือขาวหยกขึ้นมาถือธนูตามจันทร์ไม่วาง และยกยิ้มที่มุมปาก
ในเทือกเขาไป่หลิง ครั้งหนึ่งมู่หรงซินเคยเห็นการต่อสู้อันนองเืของฉู่อวิ๋นกับงูหลามครามมาแล้ว และเขายังเอาชนะฉู่ป้าได้ ดังนั้นนางจึงมั่นใจอย่างยิ่งในความแข็งแกร่งของเขา
“ซินเอ๋อร์ เ้าฉู่อวิ๋นคนนี้แข็งแกร่งอย่างที่เ้าพูดจริงๆ หรือ?” แม้ว่าเขาจะเห็นว่าฉู่อวิ๋นชนะอย่างง่ายดาย แต่มู่หรงเจี๋ยก็ยังคงสงสัยและอดไม่ได้ที่จะถามมู่หรงซิน
"ลูกไม่อาจมองเขาออกได้ แต่ลูกรู้ว่าตอนที่เขาอยู่ที่ระดับสามของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ เขาสามารถสังหารสัตว์ปีศาจระดับห้าได้ และยังกล้าเผชิญหน้ากับหมีลายโลหิตด้วยเ้าค่ะ!" มู่หรงซินตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
แม้ว่ามู่หรงเจี๋ยจะรู้อยู่บ้าง แต่เขาอดประหลาดใจไม่ได้ "ฉู่อวิ๋นคนนี้ไม่เพียงแต่มีความสามารถไม่จำกัด แต่ยังกล้าหาญอย่างยิ่งด้วย อืม เป็คู่แต่งงานที่ดีจริงๆ"
“ท่านพ่อ! พูดอะไรน่ะเ้าคะ!” เมื่อมู่หรงซินได้ยินคำว่าแต่งงาน ใบหน้างามของนางก็เปลี่ยนเป็สีแดงทันที
“ยังคิดจะโกหกข้าอีกหรือ? ข้ารู้ดีว่าเ้ากำลังคิดอะไรอยู่” มู่หรงเจี๋ยหัวเราะแล้วถอนหายใจ “เฮ้อ น่าเสียดายที่ฉู่อวิ๋นเกิดมาพร้อมกับิญญายุทธ์พิการ ต้นตระกูลตกต่ำ ไม่คู่ควรกับฐานะทางเราเลยสักนิด”
การแต่งงานในโลกพลังยุทธ์ยังคงมีการจับคลุมถุงชน เฟ้นหาภูมิหลังและเื่ราวในอดีตของนักรบเ่าั้ หากไม่มีศักยภาพหรือความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจพอ ก็ไม่อาจเฉียดเข้าใกล้สายตาตระกูลใหญ่ได้
หลังจากได้ยินสิ่งที่มู่หรงเจี๋ยพูด มู่หรงซินก็เลิกคิ้วและโต้แย้งว่า "ดาวหายนะก็แค่ชื่อเรียกสมมติ ท่านพ่อเชื่อข่าวลือที่ว่าฉู่อวิ๋นสังหารคนในตระกูลหรือเ้าคะ?"
“หลังจากที่เด็กคนนั้นปลุกิญญายุทธ์พิการขึ้นมา ตระกูลรองฉู่ก็อ่อนแอลงทุกวัน คนที่แข็งแกร่งก็ตกตายจากกระแสสัตว์ปีศาจ ข้าจะไม่เชื่อได้อย่างไร?” มู่หรงเจี๋ยละสายตามองไปที่เวทีประลอง ทำให้มู่หรงซินโกรธมากยิ่งขึ้น
ทันใดนั้น มู่หรงเจี๋ยก็เปลี่ยนเื่และเอ่ยว่า "ซินเอ๋อร์ เ้าดูซือหม่าเค่อที่อยู่ในเวทีประลองสิ อาวุธของเขาสง่างาม ภูมิหลังครอบครัวไม่ธรรมดา และเป็นักรบระดับหกสูงสุดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ เขาต่างหากที่จะเป็ตัวเลือกเ้าบ่าวที่สมบูรณ์แบบ"
มู่หรงซินเหลือบมองซือหม่าเค่อด้วยสายตาเ็าและพูดว่า "ข้าไม่เห็นว่าผู้ชายคนนี้จะดีอันใด ต่อให้ฉู่อวิ๋นจะโง่ไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าเขาอยู่ดี"
บนเวทีประลอง ซือหม่าเค่อกระชับง้าวสายฟ้าและแทงออกไปในกระบวนท่าเดียว ทำให้คู่ต่อสู้ล่าถอยอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ตามมาด้วยกระบวนท่าสังหารอีกสามท่า ชิงความได้เปรียบและล้มคู่ต่อสู้ลงจากเวที
“เชอะ อ่อนแอ” ซือหม่าเค่อเยาะเย้ย ท่าทางดูสง่างาม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองที่นั่งของจวนเ้าเมืองโดยไม่รู้ตัว เขาบังเอิญเห็นมู่หรงซินก็มองมาที่เขาเช่นกัน ทันใดนั้นใบหน้าคมเข้มก็ฉายแววสุขสมหวัง ภายในใจวูบวาบอิ่มเอม
แต่ในขณะที่เขากำลังแสร้งทำท่า ก็มองเห็นสายตารังเกียจจากมู่หรงซินที่จ้องมองมาก่อนหันหลังกลับและจากไป
“หืม? มีอะไรติดอยู่ที่หน้าข้าหรือ? ทำไมพอเห็นหน้าข้าเสี่ยวซินถึงหนีไปเล่า?”
ซือหม่าเค่อผิดหวังอย่างมาก พาตัวเองเข้าสู่รอบรองชนะเลิศอย่างหดหู่ใจ เขาเป็นักรบคนที่สองที่เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
เมื่อเดินเข้าไปในกลุ่ม ซือหม่าเค่อมองเห็นฉู่อวิ๋นที่ยืนอยู่ด้วยใบหน้าที่สงบ ทันใดนั้น ไฟที่ไม่รู้จักก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ
“นี่ เ้ายืนอยู่ที่ตำแหน่งข้าแล้ว!” ซือหม่าเค่อพูดอย่างเ็า
“ฮะ?” ฉู่อวิ๋นเหลือบมองซือหม่าเค่อ ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เ้าคือคนที่ลงประลองรอบแรก?”
ซือหม่าเค่อใ เขาไม่คิดว่าฉู่อวิ๋นจะถามเขากลับ แล้วพูดว่า "ไม่ใช่"
“ใช่แล้ว นี่คือตำแหน่งของผู้ชนะการประลองรอบแรก ตำแหน่งของเ้าน่าจะอยู่ตรงนั้น อย่ามามั่ว” ฉู่อวิ๋นชี้ไปที่พื้นที่โล่งข้างๆ เขาแล้วพูดอย่างใจเย็น
“เ้า...เ้า!” เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นมองเขาเหมือนคนโง่ ซือหม่าเค่อก็โมโหมากจนแทบจะยั้งมือไม่อยู่
ในขณะที่เขาดึงง้าวขึ้นมา ทันใดนั้น ซือหม่าเค่อก็รู้สึกถึงสายตาที่ดุร้ายของทหารยามหลายคนที่อยู่ใกล้เคียง นั่นทำให้เขาตัวสั่นไปทั้งตัว
หลังจากการโจมตีครั้งก่อนของฉู่เฟย ผู้เฒ่าเฟิงก็ได้จัดทหารยามเพิ่มขึ้นใกล้กับเวทีประลองเป็พิเศษ ป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก
ดังนั้น ซือหม่าเค่อจึงทำได้เพียงยอมแพ้ กัดฟันแล้วเดินกลับตำแหน่งของตนเองไป
ฉู่อวิ๋นมองตามหลังของซือหม่าเค่อไป ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดกับตัวเอง "เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าต่อให้ติดอันดับหนึ่งในสี่แต่ก็ยังจำตำแหน่งตนเองผิดเสียได้ สมองของเขาคงมีปัญหา น่าเศร้าจริงๆ”
“มารดาเ้า! เ้าพูดว่าอะไรนะ?!” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซือหม่าเค่อก็โกรธจัดจนอยากจะชักง้าวออกมาโจมตีฉู่อวิ๋น แต่ในขณะที่เขาหันกลับไป เขาก็เห็นทหารยามที่ถือกระบี่ไว้แน่นด้วยสายตาเ็า ราวกับว่าหากเพียงเขาลงมือก็จะถูกจัดการในทันที
“ได้ ข้าจะทน! แต่ถ้ารอบต่อไปเ้าได้เจอกับข้า ข้าจะให้เ้าได้ตายอย่างอนาถแน่นอน!” ซือหม่าเค่อจ้องฉู่อวิ๋นอย่างดุเดือดอีกครั้งด้วยความขุ่นเคืองใจ และกลับไปยืนอยู่ในตำแหน่งของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้คนที่ผ่านสี่อันดับแรก ได้แก่ ฉู่อวิ๋น ฉู่เฟย ซือหม่าเค่อ และนักรบหนุ่มนามว่าหวังอวี่
การประลองรอบแรกเกิดขึ้นระหว่างฉู่เฟยและหวังอวี่ คราวนี้ แม้ว่าในที่สุดฉู่เฟยจะต้องดึงมีดโค้งออกมาต่อสู้แล้ว แต่ผลลัพธ์ก็ยังเป็ชัยชนะของนาง
พร์ของฉู่เฟยนั้นโดดเด่นอย่างไม่ต้องสงสัย และความแข็งแกร่งของนางก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน
"ตึง!"
หลังเสียงกลองดังขึ้น ฉู่อวิ๋นก็ก้าวเข้าสู่เวทีประลอง นี่คือรอบรองชนะเลิศของการประลองรอบที่สอง!
“ขอแค่ข้าชนะรอบนี้ แม้จะเป็แค่สามอันดับแรก แต่ตระกูลย่อยก็จะสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของฉู่เจิ้นหนานได้เสียที!” ฉู่อวิ๋นตื่นเต้นเล็กน้อย เขามองไปที่ค่ายตระกูลฉู่โดยไม่ได้ตั้งใจ
“หืม? วันนี้เป็รอบชิงชนะเลิศ แต่ฉู่เจิ้นหนานไม่มาหรือ?”
ฉู่อวิ๋นประหลาดใจอยู่บ้างเมื่อเห็นว่าที่นั่งผู้นำตระกูลฉู่นั้นว่างเปล่า
“ดูท่าแล้วคงคิดว่าฉู่เฟยคงต้องคว้าชัยได้แน่ จึงไม่คิดสนใจจะแสดงตัว”
ฉู่อวิ๋นหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาของเขาสงบลง และเข้าสู่สภาวะการต่อสู้โดยสมบูรณ์
คราวนี้ คู่ต่อสู้ของเขาคือซือหม่าเค่อที่ชอบมู่หรงซินคนนั้น
ในขณะนี้ ผู้ชมทั้งหมดลืมตาขึ้นมองดูฉู่อวิ๋นอย่างตั้งใจด้วยความคาดหวัง
หากในครั้งนี้ฉู่อวิ๋นสามารถเอาชนะซือหม่าเค่อได้ เช่นนั้นทุกคนก็จะต้องคิดใหม่ในทันที เพราะการได้เห็นผู้อ่อนแอที่เป็นักรบระดับต่ำเอาชนะผู้แข็งแกร่งที่เพียบพร้อมได้ ย่อมทำให้เืของผู้คนเดือดพล่านมากยิ่งขึ้น!
"ตึง!"
การประลองได้เริ่มต้นแล้ว!
"ได้มาเจอกับข้า ดาวหายนะเช่นเ้าก็หมดบุญวาสนาแล้ว! ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเสี่ยวซินถึงไปรู้จักคนเช่นเ้าได้!" ซือหม่าเค่อยกง้าวขึ้น ปรากฏร่องรอยประกายสายไฟของงูสายฟ้าติดอยู่ ส่องสว่างและทรงพลังอย่างยิ่ง
“เอาเถอะ ข้าไม่ตีคนปัญญาอ่อน เ้าลงมือก่อนเถอะ” ฉู่อวิ๋นส่ายหน้าอย่างขอไปที มองซือหม่าเค่อด้วยความสงสาร ทำให้เขาเดือดดาลมากขึ้น
“เ้านั่นแหละที่ปัญญาอ่อน! ไปลงนรกซะ!”
“ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!”
ซือหม่าเค่อกระทืบเท้าแล้วถือง้าวฟ้าร้องออกตัวไปอย่างรวดเร็ว เขาสะบัดมือซ้ำๆ จนเกือบจะขวางเส้นทางการเคลื่อนที่ของฉู่อวิ๋นได้ทั้งหมด
"ตุ๊บ"
ฉู่อวิ๋นก้าวไปทางซ้าย หลบสายฟ้าฟาดรุนแรงนั่น และเอ่ยเบาๆ "การโจมตีของคนคนนี้รุนแรงมาก ประมาทไม่ได้"
“สู้อยู่กับข้าแต่ก็ยังฟุ้งซ่าน หาเื่ตายนัก! ดูกระบวนท่า!” ซือหม่าเค่อกวาดง้าวในมืออย่างรวดเร็ว กระแสการเคลื่อนไหวราวกับฟ้าร้อง ทันใดนั้น แสงง้าวสามลูกก็พุ่งออกมาโจมตีไปรอบทิศทาง
"ควั่บ!"
แสงง้าวอันดุร้ายสามลูกพุ่งเข้าหาฉู่อวิ๋นในทันที เขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไป รีบปลดกระบี่ชื่อยวนออกมา และใช้วิชากระบี่ดาวตกอย่างต่อเนื่อง!
“ควั่บ ควั่บ ควั่บ ควั่บ!”
ชั่วครู่หนึ่ง ไม่ว่าง้าวจะแทงไปทางใดก็ตาม ก็มักจะมีแสงกระบี่แสงดาวเจิดจ้าหลายดวงปิดกั้นมันไว้ ทำให้ง้าวฟ้าร้องหยุดชะงักไปทันที ราวกับว่ามันกำลังโดนทะเลโคลนดูด สูญเสียการโจมตีที่ทรงพลังอย่างก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากต่อสู้มากกว่าสิบรอบติดต่อกัน ซือหม่าเค่อก็ไม่อาจชิงความได้เปรียบใดๆ มาได้ ทั้งยังสูญเสียพลังปราณไปไม่น้อยเพราะการออกกระบวนท่าอีกด้วย
ทว่าฉู่อวิ๋นกลับดูเหมือนกำลังรับมืออย่างไม่คณามือ
“ชิ้ง!”
กระบี่และง้าวปะทะกัน ซือหม่าเค่อรู้สึกได้เพียงความเ็ปบริเวณง่ามมือ จึงถอยหลังไปหลายก้าว ทันใดนั้นเขาก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง "เ้า... เ้ากำลังทำให้ข้าหมดพลังปราณ?”
“ก็เห็นแล้วนี่…ปัญญาอ่อน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้