ทะลุมิติไปเป็นสะใภ้ผู้มั่งคั่งด้วยโกดังสินค้าในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เซี่ยโม่มองใบหน้าของคุณตาที่มีแต่ความอิดโรย เอ่ยเตือนอย่างปวดใจว่า “คุณตาอย่าเพิ่งใจร้อน ดื่มน้ำสักแก้ว กินอะไรสักหน่อย อิ่มแล้วค่อยไปเถอะค่ะ”

        “ได้!”

        เธอเดินเข้าไปในห้องครัว พบว่าในห้องครัวมีข้าวฟ่างไม่กี่กิโลกับแป้งข้าวโพดถุงย่อม และมันฝรั่งหัวเล็กๆ ไม่กี่ลูกวางอยู่ตรงมุมกำแพง

        ที่บ้านของท่านทั้งสองเหลือแค่วัตถุดิบเหล่านี้ ไม่มีอย่างอื่นเหลืออีกแล้ว

        กว่าจะถึงวันจัดสรรอาหารก็อีกตั้งเดือนกว่า หากวันนี้เธอไม่มาที่นี่ ท่านทั้งสองจะใช้ชีวิตอย่างไร

        เซี่ยโม่นึกดีใจที่ก่อนจะมาที่บ้านคุณตาคุณยาย เธอหยิบเส้นหมี่และแฮมหมูจากโกดังสินค้าติดมือมาด้วย

        เธอเอาถ้วยใส่น้ำ ก่อนจะนำเส้นหมี่ขาวลงไปแช่ ระหว่างนี้เดินออกไปที่สวนผักนอกบ้าน เด็ดต้นหอมและผักกาดขาว นำมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็๲ท่อนเล็กๆ

        จากนั้นมองหาน้ำมัน แต่หาอยู่นานก็ไม่เจอ

        เซี่ยโม่ถอนหายใจอย่างถอดใจ โชคดีที่เนื้อสัตว์ที่มีอยู่คือแฮมหมู เลยไม่จำเป็๲ต้องใช้น้ำมันก็ได้

        ตั้งหม้อใส่น้ำลงไป พอน้ำเดือดก็ใส่เส้นหมี่ขาว ต้นหอม และผักกาดขาว

        ใช้มีดหั่นแฮมเป็๲แผ่นบางๆ แล้วค่อยใส่ตามลงไปในหม้อ ปรุงรสด้วยเกลือ ใช้ช้อนคนเล็กน้อย เพียงเท่านี้ก็ได้ผัดหมี่มาหนึ่งถ้วยแล้ว

        เธอตักผัดหมี่ใส่ถ้วย หยิบตะเกียบออกมาจากกล่องใส่ตะเกียบ จากนั้นถือผัดหมี่สี่ถ้วยเดินออกจากห้องครัวไป

        คุณตาคุณยายจ้องถ้วยผัดหมี่กลิ่นหอมกรุ่นตาโต “นี่คือ?”

        เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “วันนี้หนูบังเอิญได้เจอคนดี เขาไม่เพียงช่วยหนูตามหาน้องชายจนเจอ ก่อนกลับเห็นหนูกับน้องน่าสงสารเลยให้เส้นหมี่ขาวกับแฮมมาค่ะ แล้วก็ให้กระติกน้ำร้อนมาด้วย”

        เอ่ยจบเธอหันไปมองน้องชาย น้องชายนั่งอยู่หน้าเตาไฟกำลังมองเธอที่กำลังพูดโกหกตาปริบๆ ใบหน้าเซี่ยโม่ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

        คุณยายพึมพำกับตัวเองว่า “ซิ่วหลาน ลูกกำลังปกป้องพวกเราอยู่ใช่ไหม ถึงได้ดลบันดาลให้โม่โม่ได้เจอคนที่ใจดีแบบนี้”

        ส่วนคุณตา ไม่รู้ว่าเป็๲เพราะเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณยายพูดมา หรือไม่อยากเปิดโปงหลานสาวกันแน่ถึงได้ไม่เอ่ยคำใด เพียงแค่กำชับว่า “โม่โม่ หลานต้องจำน้ำใจที่เขามอบให้ครั้งนี้เอาไว้นะ วันหลังหากมีโอกาสอย่าลืมตอบแทนเขาละ”

        ต่อหน้าคุณตาคุณยายเธอแค่เออออตามก็พอ

        เธอพยักหน้า “หนูต้องตอบแทนเขาแน่นอนค่ะ!”

        เธอยกถ้วยผัดหมี่ไปวางไว้เบื้องหน้าคุณตาคุณยาย รวมถึงเธอและน้องชายด้วย ก่อนทุกคนจะเริ่มลงมือรับประทาน

        คุณยายรับประทานพร้อมกับเอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “นานแล้วที่ไม่ได้กินผัดหมี่ อร่อยเหลือเกิน เนื้อแฮมก็หอมมาก”

        คุณตาซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างแอบคีบเนื้อแฮมใส่ในถ้วยของภรรยาคู่ชีวิต

        คุณยายรีบบอก “ตาแก่ แกกินเถอะ”

        แต่คุณตาเอ่ยอย่างดื้อรั้นว่า “แกกำลังป่วย ต้องกินให้มันเยอะๆ”

         

        เห็นทั้งคู่ต่างเกี่ยงให้แฮมกันไปมา เธอแสบจมูกด้วยความปวดใจ รู้ดีว่าพวกท่านรักกันมาก

        ภายในโกดังสินค้าที่ตามเธอกลับมาเกิดใหม่มีเนื้อเก็บเอาไว้มากมาย อยากกินมากแค่ไหนล้วนได้ทั้งสิ้น แค่ต้องหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลมารองรับเท่านั้น

        คิดได้ดังนั้นเธอเลยลองหยั่งเชิงว่า “คุณยาย คนดีที่หนูได้พบวันนี้ เขาเก่งมากเลยค่ะ เขาบอกว่าถ้าอยากได้อาหารอะไรให้ไปหาเขา”

        คุณตานิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยคำ “โม่โม่ เกิดเป็๲คนจะโลภมากไม่ได้ คนเขาช่วยเราแล้วครั้งหนึ่ง ไม่มีเหตุผลต้องช่วยเราเป็๲ครั้งที่สองครั้งที่สามอีก”

        เหตุผลนี้ใช้ไม่ได้!

        เธอกล่าวต่อ “คุณตาคะ ตอนนี้หนูปิดเทอม งั้นหนูขึ้นเขาไปหาสมุนไพร เอาไปขายเพื่อแลกเงินได้ใช่ไหมคะ”

        คุณตาพยักหน้า “เก็บสมุนไพรไปขายได้ แต่อย่าขึ้นเขาไปลึกล่ะ”

        “ค่ะ”

        ผู้เป็๞ยายช่วยพูดแทนหลานสาว “โม่โม่เป็๞เด็กรู้ความ เก็บสมุนไพรไปขายเพื่อนำเงินไปซื้อยาให้ฉัน พอกินเข้าไปแล้วฉันรู้สึกดีขึ้นมาก อีกเดี๋ยวแกจะไปบ้านตระกูลเซี่ยใช่ไหม งั้นฉันไปด้วย”

        หากคุณตาไม่ยอม “ยายแก่ แกอยู่บ้านพักผ่อนเถอะ หายดีเมื่อไรยังต้องคอยดูแลหลานๆ อีก”

        คุณยายคิดตามก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้”

        เซี่ยโม่เอ่ยขึ้นด้วยความเป็๲ห่วง “คุณตา ขาหายเจ็บแล้วเหรอคะ เอาแบบนี้ดีไหมคะ พรุ่งนี้พวกเราค่อยไปกัน”

        “หลานไม่ต้องเป็๞ห่วง เมื่อกี้ตาได้แช่น้ำอุ่น รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”

        เธอได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจ จากนั้นจึงหันไปหาน้องชาย “เฉินเฟิง เราก็อยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องไปด้วย”

        เซี่ยเฉินเฟิงหดคอพร้อมกับพยักหน้า เขาไม่อยากไปเจอแม่เลี้ยงจอมดุเช่นกัน “ครับ ผมจะอยู่เป็๞เพื่อนคุณยายที่นี่เอง”

        ครึ่งชั่วโมงต่อมา เซี่ยโม่พยุงคุณตามาถึงหน้าบ้านของผู้ใหญ่บ้านซึ่งแซ่เซี่ยเช่นกัน

        คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ล้วนแซ่เซี่ย ผู้ใหญ่บ้านคนนี้นอกจากจะเป็๞ผู้ใหญ่บ้านแล้ว ยังเป็๞ผู้นำตระกูลเซี่ยด้วย

        แม้จะไม่ใช่ผู้นำตระกูลเซี่ยอย่างเป็๲ทางการ ทว่าทุกคนในตระกูลล้วนเชื่อฟังผู้นำคนนี้มาก หากผู้นำตระกูลพูดว่าหนึ่ง ไม่มีใครกล้าพูดว่าสอง

        ระหว่างทางที่มา เซี่ยโม่ปรึกษากับคุณตามาตลอดทางว่า จะเล่าเ๹ื่๪๫ที่เกิดขึ้นให้แก่ผู้ใหญ่บ้านทราบเสียก่อน หากมีแรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่บ้าน เธอกับน้องก็สามารถย้ายทะเบียนบ้านได้อย่างราบรื่น

        บ้านของผู้ใหญ่บ้านสร้างจากอิฐสีดำและกระเบื้อง โดดเด่นสุดในหมู่บ้าน แสดงให้เห็นถึงฐานะและอำนาจที่มีมากกว่าใคร

        เซี่ยโม่ยืนเรียกอยู่หน้าบ้าน “คุณปู่คะ อยู่ไหมคะ”

        ผู้ใหญ่บ้านได้ยินเสียงคนเรียกจึงเดินออกมา เป็๲ชายชราอายุประมาณห้าสิบปี ผมสีดอกเลา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น “โม่โม่มาหรือ เข้ามาก่อนสิ แล้วนั่นใครล่ะ”

        “คุณปู่คะ นี่คือตาของหนู คุณตาคะ นี่คือผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านนี้ และเป็๞ผู้นำตระกูลเซี่ยด้วยค่ะ”

        ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกมึนงง บุตรสาวของชายแก่ผู้นี้เสียชีวิตไปหลายปีแล้วไม่ใช่หรือ แล้วอีกฝ่ายมาที่นี่ทำไมกัน

        “เข้ามานั่งข้างในก่อนสิ มีธุระอะไรงั้นหรือ”

        เซี่ยโม่รับหน้าที่เล่าเ๱ื่๵๹ทั้งหมดที่เกิดขึ้น “คุณปู่ คือเ๱ื่๵๹เป็๲แบบนี้ค่ะ ๻ั้๹แ๻่แม่เลี้ยงแต่งเข้ามาก็รังแกน้องชายของหนู…”

        ผู้ใหญ่บ้านขมวดคิ้ว เอ่ยขัดขึ้นมาว่า “หลานนี่ยังไง ไม่กี่วันก่อนหลานยังบอกกับปู่อยู่เลยว่าแม่เลี้ยงดีกับเรามาก ทำไมวันนี้ถึงมาบอกว่ารังแกน้องชายเราบ่อยๆ แล้วล่ะ”

        ใบหน้าร้อนผ่าวเหมือนถูกตบก็ไม่ปาน ชาติที่แล้วทำไมเธอถึงได้โง่งมเช่นนี้นะ

        เธอตอบอย่างประดักประเดิดว่า “คุณปู่ เป็๞หนูที่เข้าใจผิดไปว่าแม่เลี้ยงดูแลน้องชายหนูอย่างดีมาตลอด คุณปู่ดูรองเท้าของน้องชายหนูสิคะ แม่เลี้ยงชอบทำเป็๞บ่นว่าน้องชายให้หนูฟังบ่อยๆ ว่าน้องชายใช้รองเท้าเปลือง ที่ไหนได้ ทั้งหมดแม่เลี้ยงแค่เล่นละครให้หนูดู”

        เธอจะใช้สิ่งนี้แหละเป็๲หลักฐาน

        เธอเก็บรองเท้าคู่เก่าของน้องชายไว้ในโกดังสินค้า ระหว่างที่พูดเธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบมันออกมา

        เพียงแค่มองรองเท้าที่ยื่นมาเบื้องหน้า ก็รู้ทันทีว่าอะไรเป็๲อะไร ผู้ใหญ่บ้านสบถออกมาคำโต “หวางลี่ลี่คนนี้ทำเกินไปแล้ว ถึงกับกล้ารังแกหลานตระกูลเซี่ยเชียวหรือ!”

        เธอเล่าต่อว่า “คุณปู่คะ วันนี้เขาก็ให้หลานชายพาน้องชายหนูไปทิ้งไว้บนรถไฟ หนูต้องตามไปถึงสถานีตำบลซิงหลงถึงจะหาเจอ หากหนูไม่รู้ข่าวแล้วรีบออกตามหา ไม่รู้ป่านนี้เฉินเฟิงจะต้องไปตกระกำลำบากอยู่ที่ไหน”

        “มีเ๱ื่๵๹เช่นนี้ด้วย?” ผู้ใหญ่บ้านโกรธจนคิ้วกระตุก

        “เฉินเฟิงถูกหลานชายของแม่เลี้ยงพาไปทิ้งไว้ไปบนรถไฟ ถ้าคุณปู่ไม่เชื่อ ไปถามเ๯้าหน้าที่ซ่งมู่ไป๋ที่ทำงานอยู่สถานีรถไฟก็ได้ค่ะ เขาเป็๞คนช่วยหนูตามหาน้องชาย”

        ผู้นำตระกูลเซี่ยตบโต๊ะเสียงดังด้วยความโมโห “แบบนี้มันใช้ไม่ได้! ปู่จะไปหาเซี่ยฟู่กุ้ยเดี๋ยวนี้ ไปถามสิว่าดูแลเมียมันยังไง ถึงได้ปล่อยให้ทำเ๱ื่๵๹แบบนี้ออกมาได้!”

        เซี่ยฟู่กุ้ยก็คือบิดาของเธอเอง

        เธอแกล้งทำเป็๲เอ่ยรั้ง “คุณปู่คะ อย่างไรพวกเราก็ตระกูลเซี่ยเหมือนกัน หนูไม่อยากทำให้คุณพ่อต้องเสียหน้า”

        ผู้ใหญ่บ้านมองหลานสาวซึ่งตัวผอมบางจนแทบจะปลิวไปตามลม ใบหน้าพลันเคร่งขรึมลงหลายส่วน แม่เลี้ยงทำกับน้องชายตัวเองถึงขนาดนี้ หลานสาวยังมีแก่ใจคิดถึงหน้าบิดา

        ไม่เพียงคิดถึงหน้าตาของบิดา ยังคิดถึงหน้าตาของตระกูลเซี่ยอีกด้วย

        ถึงว่าก่อนหน้านี้ทำไมหลานสาวถึงเอาแต่พูดถึงแม่เลี้ยงในแง่ดี ที่แท้เพราะเก็บความเจ็บช้ำน้ำใจเอาไว้ในท้องนี่เอง ผู้ใหญ่บ้านมองเ๹ื่๪๫นี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

        คิดได้ดังนั้นแววตาที่มองหลานสาวเต็มไปด้วยความชื่นชม

        น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจึงอ่อนลงหลายส่วน “โม่โม่ ความหมายของหลานคือ?”

        เธอเอ่ยออกมาว่า “๻ั้๹แ๻่แม่เลี้ยงแต่งเข้ามา คุณตาคุณยายเคยไปหาคุณพ่อที่บ้านครั้งหนึ่ง ท่านทั้งสองอยากรับหนูกับน้องไปเลี้ยงดูเอง เพราะกลัวว่าพวกหนูจะไปกระทบความรู้สึกของคุณพ่อกับแม่เลี้ยง แต่กลายเป็๲ถูกคุณพ่อต่อว่าจนคุณตาคุณยายต้องหัวเสียกลับไป คุณพ่อบอกว่าลูกหลานตระกูลเซี่ยจะไปอยู่ที่อื่นได้ยังไง”

        คุณตาพยักหน้า “ใช่ ตอนนั้นฉันกับยายแก่โกรธแล้วก็เสียใจมาก”

        ผู้ใหญ่บ้านเองก็เคยได้ยินเ๱ื่๵๹นี้เช่นกัน

        เธอพูดต่อ “ในเมื่อวันนี้เกิดเ๹ื่๪๫แบบนี้ขึ้น หนูทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อย่างไรเสียคุณพ่อกับแม่เลี้ยงก็มีลูกด้วยกันใหม่แล้ว หนูกับน้องเลยไม่อยากอยู่ในบ้านให้ขัดหูขัดตาพวกท่านอีกต่อไป หนูอยากไปอยู่กับคุณตาคุณยาย หวังว่าคุณปู่จะช่วยหนูนะคะ”

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้