กวนฮุ่ยเอ๋อไม่เข้าใจแม้แต่น้อย โจวกั๋วปินจึงอธิบายอย่างละเอียด
รายละเอียดปลีกย่อยโจวกั๋วปินเองก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่เขาพอรู้เื่ราวอย่างคร่าวๆ
คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจี้ตกหลุมรักข้าราชการหนุ่มไร้ชาติตระกูล ตระกูลจี้รู้สึกว่าลูกสาวของตนยอมลดเกียรติเพื่อแต่งงานกับเขา แต่ความจริงแล้วข้าราชการหนุ่มผู้นี้เป็คนมีความสามารถ ได้รับความไว้ใจจากเบื้องบน ตอนเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย ข้าราชการหนุ่มโดนลูกหลงจากหัวหน้าที่คอยสนับสนุนเขา เป็เหตุให้เขาถูกส่งไปปรับปรุงคอกวัวในสถานที่แร้นแค้น และนึกว่าคุณหนูใหญ่จี้จะไม่ทอดทิ้งกันไปไหน แต่ใครก็ไม่อาจล่วงรู้ หลังเวลาผ่านไปเพียงสองปี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจี้ก็ขอหย่าร้างกับข้าราชการหนุ่มคนนั้น
ไม่ใช่แค่หย่าร้าง เธอทั้งยังพาลูกชายเดินทางไปต่างประเทศอีกด้วย
แน่นอนว่าสิ่งที่คุณหนูใหญ่จี้ทำจะบอกว่าผิดก็คงไม่ได้ ่ไม่กี่ปีนั้นเกิดเื่แบบเดียวกันหลายๆ กรณี มีคนที่ทำยิ่งกว่าคุณหนูใหญ่จี้เสียอีก สามีภรรยาบางคู่ตอนเลิกรากันถึงกับใช้มีดแทงอีกฝ่าย เพื่อเอาตัวรอดถึงกับเหยียบย่ำคู่ชีวิตที่เคยนอนร่วมเรียงเคียงหมอนกันมาอย่างไม่ปรานี ความชั่วร้ายของคนครอบครัวเดียวกัน ไม่ได้สร้างความเ็ปแค่กับร่างกายเท่านั้น แต่รวมถึงสภาพจิตใจที่พังทลายอีกด้วย
แรงกดดันจากภายนอกหนักหนาแค่ไหนก็แบกรับได้ แต่ครอบครัวยังทำเช่นนี้กับตัวเองแล้วจะทนต่อไปเพื่ออะไร
“ตระกูลจี้เป็ครอบครัวใหญ่ ตอนนั้นตำแหน่งหน้าที่ของทังหงเอินยังไม่ใหญ่โตนัก แต่กลับตกอยู่ท่ามกลางมรสุม ดังนั้นการตัดสินใจของตระกูลจี้นับว่าไม่ใช่เื่ผิด”
ผลตอบแทนน้อย ความเสี่ยงสูง ตระกูลจี้ย่อมไม่อยากเดิมพันกับความเสี่ยงนี้ ไม่ใช่เพราะตระกูลจี้มีตาหามีแววไม่แต่อย่างใด
ทว่าเื่ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นอยู่เหนือความคาดการณ์ของตระกูลจี้ หลังจี้หย่ากับทังหงเอินหย่าร้างกันไปเพียงไม่กี่ปี ทังหงเอินไม่เพียงได้เข้ารับราชการอีกครั้ง แต่การที่เขาไม่ยอมปริปากขายหัวหน้าของตัวเอง ผู้คนต่างก็ยกย่องว่าเขา ‘มีความแน่วแน่’ แม้จะลำบากก็ยังยืนหยัดในอุดมการณ์ สิ่งนี้สมควรได้รับคำชื่นชม อีกทั้งทังหงเอินยังเป็คนมีความสามารถ หลังกลับมารับราชการหน้าที่การงานของเขาก็ไปได้สวย ใช้เวลาไม่ถึงสิบปี จากข้าราชการปลายแถวมณฑลอวี้หนาน ก็ได้เลื่อนขั้นมาเป็นายกเทศมนตรีของเขตเศรษฐกิจพิเศษ!
กวนฮุ่ยเอ๋อเข้าใจแล้ว
“มิน่าฉันถึงรู้สึกว่าจี้หย่าดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไร”
คงไม่ใช่เพราะผลกระทบจากเหตุการณ์นั้นหรอกนะ?
หลังหย่าร้าง อดีตสามีมีชีวิตที่ดีขนาดนั้นแต่ตระกูลจี้กลับเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย พอนำมาเทียบกันแล้ว คนใจแคบย่อมทำใจลำบากอย่างแน่นอน
กวนฮุ่ยเอ๋อดูแล้วจี้หย่าคงไม่ใช่คนใจกว้างอะไรนัก ทำตัวพิลึกพิลั่นไปวันๆ เห็นผู้หญิงหน้าตาสวยหน่อยก็สงสัยว่ามีความสัมพันธ์กับลูกชาย เช่นนั้นทำไมไม่เอาโซ่มาล่ามตัวลูกชายเอาไว้เสียเลยล่ะ
เดิมทีโจวกั๋วปินยังแปลกใจอยู่บ้าง หลังทังหงเอินกลับมารับราชการก็ไม่เห็นเขาทำอะไรกับตระกูลจี้ ได้เป็ถึงนายกเทศมนตรีก็ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ทำไมต้องรอจนผู้เฒ่าจี้ถึงแก่กรรมก่อนแล้วค่อยไปหาเื่ตระกูลจี้กัน? มันดูย้อนแย้งกับชื่อเสียงของทังหงเอินที่ผ่านๆ มาเหลือเกิน
ตอนนี้ดูท่าพวกเขาคงกำลังสู้กันเพื่อชิงตัวลูกชายสินะ
ทังหงเอินกลับมารับราชการนานหลายปีแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงานใหม่ คนวัยกลางคนที่ประสบความสำเร็จ มีหรือจะไม่ใส่ใจลูกชายเพียงคนเดียวของตนเอง?
ตระกูลจี้อาจจะร้อนตัวหรือไม่ก็ไม่อยากเสียหน้า ไม่อยากยอมรับว่าตนมีตาหามีแววไม่ พวกเขาจึงได้ขัดแย้งกับทังหงเอินเช่นนี้ สามีภรรยาที่หย่าร้างกันแล้วยังตามรังควานและทะเลาะกันไม่เลิก ก็เพราะทั้งสองฝ่ายยกเื่ลูกขึ้นมาพูดไม่ใช่หรือ
โจวกั๋วปินไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร หากเขาเป็ทังหงเอินก็อาจจะทำแบบเดียวกันนี้ก็เป็ได้
ผู้ชายทนตรากตรำลำบากได้ แต่บางเื่ก็ควรทวงสิทธิ์ของตนเอง!
กวนฮุ่ยเอ๋อครุ่นคิดอยู่สักพัก เพลิงโทสะก็เริ่มคุกรุ่นอีกครั้ง
“ดังนั้น ตระกูลจี้ถูกทังหงเอินเล่นงานจนดิ้นพล่าน แต่กลับกล้ารังแกแค่เซี่ยเสี่ยวหลานอย่างนั้นหรือ? เดี๋ยวนะ เด็กคนนั้นถูกลากเข้าไปอยู่ท่ามกลางมรสุมนี้ได้อย่างไร เธอรู้จักกับทังหงเอินหรือ?”
กวนฮุ่ยเอ๋ออยากสบถคำหยาบ ช่างไร้อารยธรรมเสียจริง ผู้เฒ่าจี้สอนหนังสือมาทั้งชีวิต ทำไมถึงอบรมคนที่บ้านตัวเองไม่ได้กัน?
ที่จริงโจวกั๋วปินก็อยากรู้เช่นกันว่าเซี่ยเสี่ยวหลานถูกลากเข้าไปพัวพันกับเื่นี้ได้อย่างไร
ตอนเธอมาที่บ้านโจวครั้งแรก เหมือนจะบอกว่ามาจากเผิงเฉิง?
โจวกั๋วปินรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังทำธุรกิจอิสระ และเขาก็ไม่ได้ดูถูกเด็กสาวเพราะเื่นี้ หาเงินได้ด้วยตัวเอง ยกระดับชีวิตคนในครอบครัว เซี่ยเสี่ยวหลานดีกว่าโจวอี๋ที่คอยเกาะคนที่บ้านกินไปวันๆ มากโข อีกอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานทำธุรกิจทว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียน ถึงขนาดสอบได้อันดับที่สามของประเทศด้วยน่ะสิ
“วันอาทิตย์เธอมาทานข้าวที่บ้าน ไว้ค่อยถามตอนนั้นก็แล้วกัน”
กวนฮุ่ยเอ๋อพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นเื่นี้พวกเราจะไม่สนใจแล้วหรือ ทังหงเอินก็คือทังหงเอิน พวกเราคงรอให้เขาจัดการอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ”
“ทำแบบนั้นได้อย่างไรเล่า อย่างไรเสียเสี่ยวหลานก็คือคนรักของโจวเฉิง ไม่ใช่ลูกสะใภ้ของทังหงเอินเสียหน่อย!”
โจวกั๋วปินรู้สึกว่านายกเทศมนตรีทังจัดการเื่นี้ได้ไม่ดีพอ มิเช่นนั้นจี้หย่าจะไปหาเสี่ยวหลานถึงสองครั้งได้หรือ
เพราะไม่ใช่ว่าที่ลูกสะใภ้ของตัวเองเลยไม่พยายามอย่างเต็มที่น่ะสิ!
ทำไมโจวกั๋วปินกับกวนฮุ่ยเอ๋อถึงอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข นั่นเป็เพราะทั้งคู่เหมือนกันมาก เดี๋ยวก็รู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เหมาะสมจะเป็ลูกสะใภ้ตระกูลโจว ทว่าพอมีคนรังแกเซี่ยเสี่ยวหลาน ทั้งสองคนกลับโยนความคิดเดิมทิ้ง และ้าเก็บกวาดคนที่รังแกเซี่ยเสี่ยวหลานให้เรียบร้อยเสียก่อน
โจวกั๋วปินคงไม่ไปหาเื่จี้หย่าอย่างแน่นอน แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีหน้าที่การงานอะไร มีสิทธิ์คุยกับเขาเสียที่ไหน
คนที่เขาจะไปหาคือพี่ชายของจี้หย่า หลังผู้เฒ่าจี้จากไปแล้ว พี่ชายของจี้หย่านับว่าคือหัวหน้าตระกูล หากจี้หลินผู้เป็พี่ชายของจี้หย่าไม่สามารถดูแลน้องสาวตัวเองได้ ตระกูลโจวก็จะช่วยดูแลสักครั้ง คิดเสียว่าเป็การให้เกียรติแก่ผู้เฒ่าจี้ก็แล้วกัน!
—------------------------------------------
จี้หลินวางสาย สมองของเขาแทบะเิเสียให้ได้
นึกไม่ถึงเลยว่า วันหนึ่งจะได้รับโทรศัพท์ประเภทนี้
หัวหน้าภาควิชาสถาปัตยกรรมของหัวชิงโทรมาหาเขา เลือกใช้คำอย่างอ้อมค้อม ทว่าสารที่้าสื่อนั้นชัดเจนยิ่งนัก อีกฝ่ายอธิบายเื่ราวอย่างตรงไปตรงมา ทุกคำพูดล้วนแสดงออกถึงความคับข้องใจต่อพฤติกรรมของจี้หย่า
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่รุ่นน้องหญิงจี้ควรทำนะครับ รุ่นน้องหญิงทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมจริงๆ หากเื่นี้แพร่ออกไปเสียงวิพากษ์วิจารณ์คงไม่น่าฟังสักเท่าไร”
จี้หย่าป่วย คนตระกูลจี้ล้วนรู้ดี
หรือที่จริงแล้วเขาไม่ควรให้จี้หย่ากลับมาประเทศจีน ตอนนี้อาการของเธอดูเหมือนจะกำเริบหนักกว่าเดิม... จี้หลินผู้เป็พี่คนโตรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน เขาพยายามเข้าอกเข้าใจจี้หย่า หนึ่งเพราะเธอคือน้องสาวคนเล็กของตระกูล ตระกูลจี้นั้นตามใจเธอั้แ่เด็กจนเคยตัว สองเพราะจี้หลินรู้สึกว่าที่จี้หย่ากลายเป็แบบนี้ เพราะตอนนั้นตระกูลจี้สั่งให้จี้หย่าพิจารณาเื่ชีวิตแต่งงานกับทังหงเอินใหม่นั่นเอง
ตระกูลจี้ไม่อยากให้จี้หย่าทนลำบากไปกับทังหงเอิน และไม่รู้ว่าความวุ่นวายนั้นจะจบลงเมื่อไร ตระกูลจี้จึงให้จี้หย่าเป็คนเลือกเส้นทางเอง
สุดท้ายจี้หย่าก็เลือกการหย่าร้าง
ใครจะรู้ว่าไม่กี่ปีต่อมา สถานการณ์จะพลิกผันครั้งใหญ่ ทุกครั้งที่ทังหงเอินเลื่อนตำแหน่ง ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าตระกูลจี้
การปะทะกับทังหงเอินตรงๆ จี้หลินไม่รู้สึกเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน แม้จะต้องกัดฟันทนก็ไม่เป็ไร ในเมื่อตอนนั้นตระกูลจี้เป็ฝ่ายเลือกเส้นทางนี้เอง ลูกธนูเมื่อปล่อยออกไปย่อมหวนกลับคืนกลับมาไม่ได้ อย่างไรก็ดีกว่ารอให้ทังหงเอินได้ดิบได้ดีแล้วกลับไปขอคืนดีด้วย หากแต่งงานกันอีกครั้งโลกภายนอกคงวิพากษ์วิจารณ์ตระกูลจี้แสลงหูยิ่งกว่านี้ คนเ่าั้คงพูดว่าตระกูลจี้เป็พวกกลับกลอกแน่นอน
ทะเลาะกับทังหงเอิน แต่จี้หย่ากลับกัดนักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่ปล่อย เช่นนั้นแล้วจะมีความหมายอะไร?
จับประเด็นสำคัญไม่ได้ ใช้อารมณ์เป็ใหญ่ จี้หลินรู้สึกโมโหจนปวดศีรษะ
“จี้หย่าล่ะ ใครปล่อยให้เธอออกจากบ้าน ฉันบอกแล้วไม่ใช่รึว่าให้เฝ้าไว้ให้ดี!”
ภรรยาของจี้หลินใช้ความเ็าแทนคำตอบ
จี้หย่าคือองค์หญิงน้อยของบ้าน ถ้าเธออยากออกไปข้างนอกแล้วใครจะสามารถห้ามได้?
ทำให้จี้หย่าอาการกำเริบขึ้นมาไม่ว่าใครก็เดือดร้อนไปตามๆ กัน ว่าแต่ทำไมจี้หย่าออกไปนานนัก ยังไม่กลับมาอีกหรือ... จี้หย่าอยู่ห่างสายตานานเกินไป ภรรยาของจี้หลินเองก็เป็ห่วงเช่นกัน แน่นอนว่าเธอเป็ห่วงว่าตัวซวยคนนี้จะสร้างความเดือดร้อนให้ที่บ้านอีก คิดถึงตรงนี้ หนังตาของภรรยาจี้หลินก็เริ่มกระตุกขึ้นมาทันที