เนื่องจากหนอนตัวนั้นเป็อันตรายร้ายแรงอย่างยิ่ง หลังจากเหยาเชียนเชียนเป็ลมไปอย่างน่าเวทนา นางก็ยังต้องฟื้นขึ้นมาอย่างน่าเวทนาอีกที
เหยาเชียนเชียนมองดูม่านเตียงพลิ้วไหว จากนั้นก็ถอนหายใจเงียบๆ
“ท่านอ๋อง พระองค์คิดว่าพิษกู่นี้จะสามารถถอนได้จริงๆ หรือเพคะ?”
เป่ยเหลียนโม่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ เขากำลังดูข้อมูลที่องครักษ์เงารวบรวมมาได้และคัดกรองผู้ต้องสงสัยจากข้อมูลทั้งหมด เมื่อได้ยินหญิงสาวเอ่ยถามอย่างอ่อนแรงก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญใดๆ เขากล่าวว่า “ต้องถอนได้อยู่แล้ว มีเปิ่นหวังอยู่ทั้งคน”
เหยาเชียนเชียนเม้มริมฝีปากและมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ พูดตามตรง ชิงผิงอ๋องในยามนี้ดีกับนางมาก แม้ว่าอวี่เหลียนเอ๋อร์จะพยายามยุแยงเพียงนั้นแล้วก็ตาม ทว่าเขาก็ไม่เคยสงสัยในตัวนางจริงๆ เลย
และดูเหมือนว่าเขาจะรู้เกี่ยวกับพิษกู่มาั้แ่แรก ทั้งยังจะมาวุ่นกับการแก้ไขเื่จำพวกนี้อีก
“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ” เหยาเชียนเชียนเอ่ยเบาๆ “หม่อมฉันจะรักษาชีวิตอย่างดี เพื่อไม่ให้เป็การทรยศต่อความยากลำบากของท่านอ๋อง”
เป่ยเหลียนโม่ยิ้ม เขาหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาและเดินไปที่เตียงแล้วยื่นให้นาง “เ้ารู้จักสตรีนามว่าซ่งเจียอีผู้นี้หรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้วพลางรับมาดู บนนั้นเขียนไว้ว่าพ่อแม่ของซ่งเจียอีเป็ผู้รับใช้ขององค์ชายสาม เนื่องจากพวกเขาช่วยปกป้ององค์ชายสามไว้ในอุบัติเหตุครั้งหนึ่ง ดังนั้นซ่งเจียอีจึงได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีโดยองค์ชายสาม
อ่านดูเหมือนไม่มีอะไร เป็เพียงเื่ราวเกี่ยวกับการตอบแทนบุญคุณธรรมดาเท่านั้น เหยาเชียนเชียนส่ายหัว “หม่อมฉันไม่รู้จักเพคะ คนผู้นี้เป็อย่างไรหรือ?"
เป่ยเหลียนโม่มองนางด้วยสายตาซับซ้อน เขากล่าวอย่างลังเลว่า “เ้าไม่รู้จักนางจริงๆ หรือ? ภายนอกนางเป็บ่าวคนหนึ่งของเป่ยเซวียนเฉิง แต่แท้จริงแล้วเขาเลี้ยงดูนางไว้ที่เรือนเล็กซึ่งตั้งอยู่แถบชานเมือง ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนั้นล้วนนับถือนางเป็เ้านายกึ่งหนึ่ง”
เป็เพียงเด็กสาวที่มีฐานะต่ำต้อยคนหนึ่ง แม้ว่าพ่อแม่ของนางจะมีบุญคุณกับเป่ยเซวียนเฉิง ทว่าการช่วยชีวิตผู้เป็นายก็เป็หน้าที่ที่พวกเขาพึงกระทำ เป่ยเซวียนเฉิงเพียงแค่จัดหางานดีๆ สักงานมอบหมายให้นางทำก็พอแล้ว แต่ถึงขั้นที่ต้องเลี้ยงดูนางอย่างดีในเรือนเล็กเลยหรืออย่างไร?
เหยาเชียนเชียนไม่แน่ใจ แม้ว่าเป่ยเหลียนโม่จะบอกเช่นนั้น แต่นางก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ เล็กน้อย องค์ชายสามผู้นั้นดูเหมือนจะโปรดปรานซ่งเจียอีไม่น้อย บางทีนางอาจจะมีรูปโฉมงดงาม และองค์ชายสามเองก็ได้กำไรจากสิ่งนั้น
หรือว่าชิงผิงอ๋องกำลังทดสอบนางอยู่?
เหยาเชียนเชียนพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “หม่อมฉันไม่เคยรู้จักคนผู้นี้มาก่อน แต่ยามนี้รู้จักแล้วอย่างไรเล่า หม่อมฉันและองค์ชายสามไร้ไมตรีต่อกันมานานแล้ว เขาจะเลี้ยงดูสตรีอย่างไรก็ปล่อยให้เขาเลี้ยงไปเถิด”
เป่ยเหลียนโม่ยังคงนึกถึงซ่งเจียอีผู้นั้นอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินนางแสดงความตั้งใจอย่างมุ่งมั่น เขาอยากจะหัวเราะแต่ก็อดกลั้นไว้ ทำได้เพียงยิ้มมุมปากเท่านั้น
“เช่นนั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นเปิ่นหวังก็วางใจแล้ว เพราะสตรีผู้นี้ถูกเลี้ยงดูที่เรือนเล็กั้แ่เมื่อสองสามปีก่อน เมื่อลองนับดูแล้วก็ใกล้เคียงกับ่เวลาที่หวังเฟยและพี่สามรู้จักกันเป็ครั้งแรก”
โอ้โฮ เหยาเชียนเชียนเม้มปาก เช่นนั้นเป่ยเซวียนเฉิงผู้นี้ก็ช่างต่ำช้ายิ่งนัก คาดไม่ถึงว่าเขาจะเลี้ยงดูสตรีลับหลังเ้าของร่างเดิมได้ และยังเลี้ยงมาเป็เวลาหลายปีแล้ว ไม่รู้เลยว่าเ้าของร่างเดิมรู้เื่นี้ได้กระจ่างหรือไม่ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน
“หากท่านอ๋องคิดว่าสตรีผู้นี้แปลกประหลาด เช่นนั้นลองสืบดูก็ไม่เสียหายนะเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่พยักหน้า เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจริงๆ เป่ยเซวียนเฉิงผู้นี้ เนื่องจากในคราแรกอวี๋เฟยเป็ที่โปรดปราน กอปรกับมีร่างกายอ่อนแอ จึงนับได้ว่าฮ่องเต้รักและเอ็นดูเขา ทว่าสตรีผู้นั้นเป็เพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น ไม่คุ้มค่าเลยกับการที่เขาต้องรับนางเป็อนุ
เสด็จพ่อเคยมีพระประสงค์จะพระราชทานสมรสแก่เป่ยเซวียนเฉิง แต่พี่สามของเขาปฏิเสธไป ในยามนั้นเขายังคิดว่าเป็เพราะเป่ยเซวียนเฉิงรักเหยาเชียนเชียนอย่างลึกซึ้ง แต่ยามนี้ดูท่าว่าจะมีนายหญิงตัวจริงอยู่แล้ว และการที่เลี้ยงไว้ข้างนอกเช่นนี้ก็จะยิ่งง่ายต่อการพบเจอ
“เปิ่นหวังจะไปสืบ มีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับสตรีผู้นี้ แม้ว่าจะลงโทษนางไปก็ไม่เป็ไร”
เขามองไปที่เหยาเชียนเชียนและกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถือเป็การให้หวังเฟยที่งมโข่งมาตลอดได้ระบายความคับแค้นออกมาด้วย"
เหยาเชียนเชียนกระแอมเบาๆ เสียงหนึ่ง แสร้งทำท่าทีเป็ไม่ได้ยิน นางไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับองค์ชายสาม ดังนั้นอย่าหาสิ่งใดมากล่าวถึงอีกเลย
“ท่านอ๋องมีแผนจะทำอย่างไรหรือเพคะ?”
ชิงผิงอ๋องผู้สง่างาม อยู่ๆ ก็เพ่งเล็งไปยังบ่าวที่อยู่เรือนเล็กคนหนึ่ง หากเื่นี้แพร่ออกไปไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็ดูเป็เื่ไร้สาระและน่าขายหน้ายิ่งนัก
เป่ยเหลียนโม่ก็ทราบถึงข้อนี้เป็อย่างดี ดังนั้นเขาจึงมองไปยังเหยาเชียนเชียนอย่างยิ้มๆ
“เื่นี้คงต้องขอแรงหวังเฟย”
“ให้หม่อมฉันไปหรือเพคะ?” เหยาเชียนเชียนกะพริบตาปริบๆ หวังเฟยอย่างนางวิ่งโร่ไปสั่งสอนบ่าวของผู้อื่น และยังเป็คู่กรณีที่เคยมีเื่อื้อฉาวเชิงชู้สาวกันอีก ฟังแล้วก็ไม่น่าไปเอาเสียเลย
“แต่ว่าหม่อมฉัน...หม่อมฉันไม่เหมาะหรอกเพคะ” นางกล่าวอย่างลำบากใจ “ถึงอย่างไรก็เป็เื่ภายในบ้านของผู้อื่น ถ้าให้หม่อมฉันไปก็ดูจะเป็การตั้งใจเกินไป”
ชิงผิงอ๋องเห็นด้วยกับคำว่า 'เื่ภายในบ้านของผู้อื่น' เป็อย่างยิ่ง เขากล่าวเตือนว่า “ไม่ได้ให้เ้าบุ่มบ่ามไปที่นั่นเสียหน่อย บ่าวในจวนมีคนใดเล่าจะไม่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของผู้เป็นาย บ่าวขององค์ชายสามก็ไม่ได้มีเขาเป็นายเพียงคนเดียวเสียหน่อย"
เหยาเชียนเชียนชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็แย้มยิ้มออกมา นางเกือบลืมสตรีผู้นั้นไปแล้วเชียว
“ท่านอ๋องทรงพระปรีชายิ่งนัก หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”
ในวันรุ่งขึ้นเมื่อเตรียมของขวัญเรียบร้อยแล้ว เหยาเชียนเชียนก็ส่งเทียบเชิญไปยังวังหลวง และเดินตามข้าหลวงไปทางนั้นทีทางนี้ทีจนไปถึงตำหนักของเป่ยเซวียนเฉิงในที่สุด
“ข้าจะรอซ่งเช่อเฟยอยู่ที่นี่” นางกล่าว “รบกวนเร่งรายงานให้หน่อยเล่า”
ข้าหลวงไม่กล้าชักช้าแม้แต่วินาทีเดียว พระชายาของชิงผิงอ๋องผู้นี้มีชื่อเสียงทั้งในและนอกวังหลวงโดยแท้ ครั้งที่แล้วนางพลัดตกน้ำในวันอภิเษกสมรสของเช่อเฟยและองค์ชายสามจนเกือบจะเสียชีวิต ทว่าสุดท้ายเื่ก็สิ้นสุดลงอย่างคลุมเครือ
ยามนี้มาหาถึงที่อีกครั้ง ย่อมต้องรู้สึกว่าไม่ใช่เื่ดีอย่างแน่นอน
คนที่มีความคิดแบบเดียวกับข้าหลวงคือซ่งอีอี ภายในเรือนปี้เทาเงียบสงัด ซ่งอีอีตบปิ่นบุปผาในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง และถามเสียงเย็นว่า “นางไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงแค่รออยู่ในตำหนักเฉยๆ อย่างนั้นหรือ?”
“เพคะ พระชายาชิงผิงอ๋องกล่าวเพียงว่ามาเยี่ยมเยียนพระองค์ บ่าวคนอื่นก็ไม่กล้าถามเยอะเพคะ”
ผู้มาเยือนคิดไม่ดี ถ้าคิดดีคงไม่มา ซ่งอีอีส่งเสียง ‘หึ’ ปิ่นระย้านี้เป็ของที่องค์ชายสามเพิ่งพระราชทานมาให้ เช่นนั้นก็ใส่มันไปพบพระชายาของชิงผิงอ๋องแล้วกัน
ไม่ได้พบกันเพียงไม่กี่วัน ทว่าเหยาเชียนเชียนกลับรู้สึกว่าสีหน้าของซ่งอีอีไม่ค่อยดีเหมือนดังเช่นก่อนหน้านี้
ทุกสิ่งในวังหลวงแห่งนี้ล้วนเป็สิ่งที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้เลี้ยงดูซ่งเช่อเฟยผู้นี้ให้ผาสุกมากนัก หญิงสาวผอมลงไม่น้อย และแววตาที่มองมายังนางก็ยังคงปรากฏแววเบื่อหน่ายอยู่
“น้อมรับพระชายาชิงผิงอ๋อง น่าเสียดายที่องค์ชายสามไม่อยู่ที่ตำหนัก ยามนี้น่าจะเล่นหมากล้อมอยู่กับเสด็จพ่อ เกรงว่าหวังเฟยคงจะไม่ได้พบแล้ว”
เหยาเชียนเชียนหัวเราะเบาๆ และรับชาจากข้าหลวงมาจิบอึกหนึ่ง “ไม่เป็ไร เดิมทีข้าก็ไม่ได้ตั้งใจมาหาองค์ชายสามแต่แรกอยู่แล้ว”
ซ่งอีอีชะงักความเคลื่อนไหว ไม่ได้มาพบองค์ชายสาม เช่นนั้นแล้วจะมาพบนางหรืออย่างไร?
“ในวันอภิเษกสมรส เหตุการณ์ที่ข้าพลัดตกน้ำล้วนอยู่ในสายตาของทุกคน ในยามนั้นข้ายังคงสับสน เมื่อหายดีแล้วท่านอ๋องกลับแจ้งว่าเื่นี้สิ้นสุดลงแล้ว ข้าจึงตั้งใจมาที่นี่ในวันนี้เพื่อถามซ่งเช่อเฟยโดยเฉพาะ ซ่งเช่อเฟยคิดเห็นอย่างไรกับเหตุการณ์ในวันนั้นหรือ?”
ซ่งอีอีปั้นหน้าเ็า เหยาเชียนเชียนกลับมาเพื่อคิดบัญชีกับนางโดยเฉพาะอย่างนั้นหรือ ทว่าน่าเสียดาย แม้นางจะรู้ว่าอีกฝ่ายพลัดตกน้ำและไม่ได้มอบความช่วยเหลือ แต่นางก็ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้อยู่เื้ัคือผู้ใด
เื่นี้ไม่ใช่ฝีมือของนาง เหยาเชียนเชียนควรล้มเลิกความคิดที่จะโยนความผิดนี้ให้นางได้แล้ว
“เื่นี้คราแรกผู้คนในวังหลวงล้วนเห็นแล้ว หวังเฟยสามารถสุ่มถามสักคนดูก็ได้ เหตุใดถึงต้องวิ่งมาถามข้าด้วยเล่า หากสงสัยในตัวข้า เช่นนั้นหวังเฟยก็กล่าวอย่างตรงไปตรงมาเถิด แต่ข้าขอเตือนหวังเฟยสักประโยค เื่นี้ไม่เพียงแค่ชิงผิงอ๋องที่ไม่ติดใจเอาความ แม้แต่เสด็จพ่อเองก็ทรงทราบแล้วและปล่อยผ่านไป หากหวังเฟยยังตอแยไม่เลิกรา มีแต่จะทำให้ผู้คนรำคาญเท่านั้น”
เหยาเชียนเชียนถอนหายใจเบาๆ พลางถอยไปข้างหลังเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวเข้าไปใกล้ซ่งอีอีมากขึ้น ท่าทางคล้ายกับกำลังจะกระซิบบอกบางสิ่ง
“อันที่จริงไม่ว่าเื่นี้จะเป็ฝีมือของซ่งเช่อเฟยหรือไม่ ผู้อื่นก็ล้วนสงสัยเพียงเ้าเท่านั้น ข้าจะติดใจเอาความหรือไม่ก็ไม่มีความหมายใด ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ข้าที่ถูกใส่ร้าย ข้าเพียงแค่ร่วมชมความบันเทิงไปกับทุกคนเท่านั้น”
ซ่งอีอีกระแทกจอกน้ำชาลงบนโต๊ะ อีกฝ่ายรู้ว่านางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้ ทั้งยังไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อสอบถามให้กระจ่าง เพียงแค่มาหัวเราะเยาะนางเท่านั้น
“ข้ารู้ว่าในคราแรกที่ข้าผลักเ้าตกลงไปข้างล่าง จากนั้นก็บอกว่าข้าถูกลอบสังหารอีก เื่นี้หวังเฟยไม่สามารถอธิบายได้ ดังนั้นวันนี้หวังเฟยจึงตั้งใจเข้าวังหลวงมาเพื่อแก้แค้นที่ถูกเหยียดหยามในครั้งนั้นโดยเฉพาะ มันช่าง...”
“ช่างอะไรหรือ” เหยาเชียนเชียนพูดแทรกนาง “สุนัขกัดข้าครั้งหนึ่ง ข้าจะต้องแก้แค้นหรือว่ากัดมันกลับด้วยหรือ ข้ามีท่อนไม้อยู่ในมือ หากจะตีให้ตายก็ไม่เกินจริงหรอกกระมัง”
ซ่งอีอีขมวดคิ้วด้วยความขุ่นเคือง นางตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ปลายนิ้วแทบจะทิ่มเข้าไปในดวงตาของเหยาเชียนเชียน
“พระชายาชิงผิงอ๋องบังอาจนัก กล่าววาจาจาบจ้วงต่อเปิ่นเช่อเฟย เ้าคิดว่าข้าจะสั่งลงโทษเ้าไม่ได้หรืออย่างไร?”
เหยาเชียนเชียนยกมุมปากขึ้น และค่อยๆ จิบชาเข้าไปอึกหนึ่ง ก่อนจะปัดนิ้วตรงหน้าออก
“เ้าและข้าล้วนเป็ชายาทั้งคู่ แต่ข้าเป็ชายาเอกของท่านอ๋อง ส่วนเ้าเป็เพียงชายารองขององค์ชายสามเท่านั้น เ้าลงโทษข้า เ้าคิดว่าตัวเองเป็ผู้ใดกันเล่า?”
นางยืนขึ้นโดยไม่สนใจสีหน้าฉุนเฉียวของซ่งอีอี และมองการตกแต่งรอบๆ ด้วยสีหน้าผ่อนคลายราวกับกำลังเดินเที่ยวสวนผักของตัวเอง
“วันนี้ข้าเพียงแค่อยากมาดูเ้าสักหน่อยเท่านั้น ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากมายแล้วได้สิ่งใดกลับมาเล่า พอได้เห็นเช่นนี้ก็วางใจแล้ว หากไม่ได้สิ่งที่เ้า้ามากที่สุด ข้าสู้กับเ้าไปก็ไม่มีความหมายใด”
เหยาเชียนเชียนตบของขวัญที่นางนำมาด้วยเบาๆ และหันกลับไปมองใบหน้าหมองหม่นของซ่งอีอี พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเบิกบานว่า
“ของเหล่านี้ล้วนเป็ของดีสำหรับบำรุงร่างกาย ข้าเห็นว่าซ่งเช่อเฟยสีหน้าไม่ดีนัก ย่อมต้องได้ใช้มันเป็แน่ แล้วก็องค์ชายสาม...” นางหยุดไปชั่วครู่และกระตุกยิ้มเยาะเย้ย
“ทุกคนล้วนกล่าวกันว่าองค์ชายสามมีรักลึกซึ้งต่อข้า ทว่าข้าในยามนี้ติดตามชิงผิงอ๋อง กลายเป็คนทรยศและเป็ดอกหยางน้ำ แต่ดูสภาพของซ่งเช่อเฟยยามนี้สิ ข้ายินดียิ่งนักที่ปลีกตัวออกมาได้เร็ว หากสายไปแล้วเกรงว่าคนที่ถูกใส่ร้ายให้ได้รับความทุกข์ใจก็คงเป็ตัวข้าเอง”
ซ่งอีอีอยากจะสั่งให้คนไล่ทุบตีอีกฝ่ายออกไปเสียเดี๋ยวนี้ ในคราแรกนางพยายามใช้กลอุบายจริงๆ แต่ก็ยังไม่สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งพระชายาของชิงผิงอ๋องได้อยู่ดี เหยาเชียนเชียนถึงยังมีโอกาสโอ้อวดอำนาจได้เช่นนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางจะแพ้ไปตลอดชีวิต
เพียงแต่ที่เหยาเชียนเชียนมาวันนี้ ดูเหมือนนางจะยังมีจุดประสงค์อื่นอยู่
“เ้ากล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ข้าถูกหลอกหรือ ข้าเป็เช่อเฟยขององค์ชายสาม ผู้ใดจะกล้าหลอกลวงข้า?”
แววตาของเหยาเชียนเชียนเจือแววสมเพช คล้ายกับอยากทอดถอนใจ เรียวคิ้วขมวดเล็กน้อย สุดท้ายก็ทำเพียงแค่ถอนใจออกมาเบาๆ เท่านั้น
“ในวันอภิเษกของเ้า ข้าพลัดตกน้ำ แม้ว่าเื่นี้จะไม่ใช่ฝีมือของเ้า แต่เ้าก็มีความสุขที่ได้เห็นมัน” นางกล่าว “ทว่ามีคนที่มีความสุขมากกว่าเ้า”
ซ่งอีอีเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เ้ารู้หรือว่าผู้ใดเป็ผู้บงการอยู่เื้ั?”
เหยาเชียนเชียนยิ้มขมขื่นและกล่าวเบาๆ “เป็เพียงการคาดเดาเท่านั้น ทว่าสุดท้ายแล้วการคาดเดานั้นกลับเป็คนที่ข้าไม่อยากคาดเดาถึงที่สุด”
คนที่สามารถทำให้เหยาเชียนเชียนเผยสีหน้าเ็ปเช่นนี้ออกมาได้ นอกจากองค์ชายสามแล้ว ซ่งอีอีก็นึกถึงผู้อื่นไม่ออกแล้ว ทว่าองค์ชายสามรักนางอย่างลึกซึ้ง เขาจะสั่งให้คนไปผลักนางตกน้ำได้อย่างไร
“เ้ามีอุบายใดกัน” ซ่งอีอียิ้มเย็น “ในนครหลวงแห่งนี้ไม่มีผู้ใดไม่รู้ถึงความรู้สึกที่องค์ชายสามมีต่อเ้า แม้แต่การแต่งงานครั้งนี้...”
“การแต่งงานครั้งนี้เขาก็ต้องจำใจตอบรับ ใช่หรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนหัวเราะเบาๆ “แล้วเหตุใดเขาต้องจำใจตอบรับด้วยเล่า เป็เพราะผู้ใดกัน เขาถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก ความคับแค้นนี้ ซ่งเช่อเฟยคิดว่าเขากำลังแค้นเคืองผู้ใดเล่า?”
