เสียงร้องไห้ทำให้ิเป่าจูใตื่น
ร่างกายของนางไร้กำลังวังชา แม้จะรู้สึกตัวขึ้นมาก็เหมือนเ็ปทรมานอย่างยิ่ง ทว่าร่างกายกลับมีสติรับรู้สายหนึ่งที่เร่งเร้าให้นางตื่น ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องครวญครางนั้น
เสียงโหยหวนดังมาจากด้านนอก
“หน็อย ไอ้เด็กเวร พวกเ้าพี่น้องกินของข้า ดื่มของข้า แต่กลับกล้าต่อต้านข้ารึ หึ คอยดูเถอะวันนี้เหล่าจือ [1] จะเฆี่ยนเ้าให้ตายไปเลย”
เสียงก่นด่าดังมาจากด้านนอก เหมือนว่านางจะได้ยินเสียงแส้หวดลงไปบนตัวคนดังเพียะ หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเ็ป หัวใจพลันตื่นตระหนกโดยไม่มีสาเหตุ และเต้นรัวตลอดเวลา เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง...
“ท่านลุงใหญ่ ข้าขอร้องล่ะ อย่าให้พี่สาวแต่งงานเลย”
“ท่านลุง ข้าไม่กินข้าวก็ได้ แต่อย่าให้พี่สาวแต่งออกไปเลยขอรับ”
พอได้ยินเสียงของเด็กคนนี้ หัวใจนางก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายเหมือนไม่ยอมรับการควบคุมของตนเอง คิดแต่จะรีบออกไปโดยเร็วที่สุด
นางลากสังขารที่อ่อนแอลงจากเตียง เปิดม่านที่สกปรกและขาดรุ่งริ่งแล้วรีบเดินออกไปข้างนอก
ตอนตื่นเมื่อครู่ยังไม่รู้สึก แต่ทันทีที่ออกจากห้อง กลิ่นขี้หมูเหม็นหึ่งที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศก็พุ่งเข้าใส่นางราวกับกลัวจะน้อยหน้า สูดเข้าไปทีเดียวก็แทบจะเป็ลม
กลางลานมีคนยืนอยู่สี่ห้าคน
เหล่าไท่ไท่ [2] ถือชามนั่งยองๆ อยู่ใต้ต้นหลิวทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ขอข้องเกี่ยวด้วย ส่วนชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำล่ำสัน มีกล้ามเป็มัดๆ ราวกับหลี่ขุย [3] ก็ไม่ปาน เขานำกิ่งหลิวหลายๆ กิ่งมาฟั่นให้เป็แส้ ด่าทอไปก็เฆี่ยนตีเด็กชายตัวดำผอมโซไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีบุรุษโง่เขลาตัวใหญ่อายุราวสิบปียืนน้ำมูกไหลย้อยอยู่ด้านข้าง แต่เมื่อเขาเห็นเช่นนี้ ก็ชูมือกวัดแกว่งพลางะโโลดเต้นด้วยความยินดี
“ตีเลย ตีเลย ตีเลย...”
เด็กน้อยที่ล้มอยู่ที่พื้นดูอ่อนแออย่างยิ่งยวด
เสื้อผ้าที่สวมคงจะเป็ชุดเก่าใส่มาหลายปี แขนสั้นเต่อ แม้แต่ข้อมือก็ปิดไม่มิดด้วยซ้ำ ถูกกิ่งหลิวเฆี่ยนจนเนื้อปริแตก แผ่นหลังที่เปิดเปลือยมีทั้งแผลใหม่และแผลเก่าลายพร้อยไปหมด
ิเป่าจูอดหลั่งน้ำตาไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ ราวกับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว ช่วยเขา ช่วยเขา... รีบช่วยเขาเร็วเข้า...
“เ้าเด็กเวร ช่างขวัญกล้าเสียเหลือเกินนะ... พี่น้องรักใคร่ผูกพันนักรึ เหล่าจือจะเฆี่ยนเ้าให้ตาย”
แส้ตวัดลงมาบนศีรษะและใบหน้าของิเป่าอวี้ไม่ยั้ง
จากนั้นเสียงในหัวของนางก็เริ่มกระวนกระวายขึ้นทีละน้อย ิเป่าจูรู้สึกได้ว่าไฟโทสะที่แผดเผาหัวใจของตนเองทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ คนพวกนี้เป็เดรัจฉานกันหรือไง ถึงทำกับเด็กคนหนึ่งเช่นนี้ ิเป่าจูกลับเข้าไปในห้อง ควานหามีดทำครัวมาจากใต้กองหญ้าฟาง แล้วถือมีดไปยืนขวางอยู่ด้านหน้าิเป่าอวี้
“ิเถี่ยจู้ เ้าอย่าให้มันเกินไปนัก วันนี้หากอวี้เป่าถูกเฆี่ยนจนตาย ข้าก็จะไม่มีชีวิตอยู่เหมือนกัน เ้าจะลองดูก็ได้ ก่อนที่ข้าจะตายข้าจะลากบุตรชายโง่เขลาของเ้าให้ฝังไปพร้อมกันได้หรือไม่”
“อา มีด มีด...”
ั์ตาทั้งสองข้างของิเป่าจูแดงก่ำ ท่วงท่าที่ถือมีดให้ความรู้สึกเหมือนจะสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง นางมองดูเด็กที่ตนเองใช้มือรัดตัวไว้ เคราะห์ดีที่เป็คนปัญญาอ่อน ไม่รู้จักขัดขืน
ิเถี่ยจู้หน้าซีดทันควัน ต้องถอยหนึ่งก้าวอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่พอนึกถึงความจริงที่ว่าทั้งผู้ใหญ่ตลอดจนถึงลูกเล็กเด็กแดงทั้งครอบครัวล้วนอยู่กันพร้อมหน้า ส่วนเขาที่เป็หัวหน้าครอบครัวถึงกับหวาดกลัวเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ก็พลันรู้สึกเสียหน้าอย่างยิ่ง ด้วยความอับอายจึงกลายเป็โกรธเคือง แต่เพราะปากไม่ไว จึงได้แต่ก่นด่าว่านางหนูน่าตายไปสองคำ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
เวลานี้ หวังซื่อ [4] ยืนเท้าสะเอวอยู่ด้านข้าง ยกมือเช็ดปาก พลางก่นด่าสาปแช่งเสียงดังลั่น
“หน็อยนางเด็กเวร ครอบครัวเราเห็นพวกเ้าพี่น้องกำพร้าบิดามารดา ถึงช่วยดูแลด้วยความหวังดี อุตส่าห์หาบ้านสามีที่ดีให้ พวกเ้ากลับไม่รู้จักดีชั่ว หยิบมีดมาชี้ใส่ลุงของตนเองไม่พอ ยังคิดหมายจะทำร้ายบุตรชายข้าอีกด้วย สกุลิของข้าไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงให้กำเนิดคนอกตัญญูเยี่ยงนี้...”
เอ่ยยังไม่ทันสิ้นคำ ลำแสงสีเงินสายหนึ่งก็แฉลบผ่านข้างแก้มของนางไป มีดทำครัวเล่มนั้นปักลงไปในดินลึกสามส่วนเสียงดัง “ฉึก”
หวังซื่อใจนฉี่ราดตรงนั้น
ิเป่าจูปวดหัวอย่างรุนแรง หลังจากออกแรงมากเกินไป ความอ่อนแอก็ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำที่จะกลืนกินชีวิตนางให้สูญสลายไป ทว่าภายนอกนางกลับเพียรฝืนคุยข่ม
“วันนี้ข้าขอฝากคำพูดไว้ตรงนี้เลย ข้าแค่้าใช้ชีวิตกับเป่าอวี้อย่างสงบสุข จงปล่อยพวกเราไป... เื่วันนี้ให้ยุติลงเท่านี้ มิเช่นนั้น... ปลาไม่ตายตาข่ายก็ต้องขาดสิ้น [5]”
“จะ... จะ... เ้า...”
ิเถี่ยจู้โกรธจนควันออกจากทวารทั้งเจ็ด [6] แต่ิเป่าจูกวัดแกว่งมีดทำครัวชี้มาที่เขา ซ้ำยังหัวเราะเยาะพลางตั้งท่าจะปาดเข้าไปแทงที่แขนของิต้าเป่า
เขาทั้งโกรธทั้งหวาดกลัว
“ได้ ถือว่าเ้าแน่ เก่งนักก็ไสหัวไป ชั่วชีวิตนี้อย่าได้เหยียบเข้าบ้านสกุลิแม้แต่ครึ่งก้าว”
…
เมื่อิเป่าจูฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ลืมตาขึ้นก็ต้องสะดุ้งโหยงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
นี่คือบ้านดินเตี้ยๆ ที่สุดแสนจะทรุดโทรม รอยแตกที่ผนังกว้างเท่าปากชาม
หญ้าฟางที่มุงหลังคาถูกลมพัดปลิวไปแถบหนึ่ง เผยให้เห็นรูโหว่ขนาดใหญ่คล้ายช่องรับแสง ในห้องมีเตียงเพียงหลังเดียว แม้แต่โต๊ะก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ ถัดจากเตียงไปมีกระบุงสานจากหญ้าฟางวางอยู่สองใบ ในนั้นมีชามบิ่นอยู่เพียงสองสามใบ
ิจูลุกขึ้นมานั่งพลางขยี้ตา นะ... นี่มันอะไรกัน ทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดราวกับถูกเข็มทิ่มแทง จากที่ลุกขึ้นมาแล้วก็ล้มลงไปอีกครั้ง ความทรงจำดุจสายน้ำถาโถมเข้ามาในสมองของเธอ
จนกระทั่งบัดนี้ถึงได้เข้าใจแจ่มแจ้ง เธอข้ามภพมาแล้ว!
แต่สิ่งที่คิดว่าเป็ความฝันคือสถานการณ์ที่ได้ััมาจริงๆ ส่วนเสียงที่แว่วอยู่ในสมองตลอดเวลาและควบคุมเธออยู่ก็น่าจะเป็จิตใต้สำนึกของเ้าของร่างเดิมที่เธอข้ามภพมา ิจูเบิกตาโต ยากจะจินตนาการว่าสิ่งที่เห็นได้เฉพาะในนิยายจะมาเกิดขึ้นกับตนเอง
เดิมทีเธอจบปริญญาเอกด้านการแพทย์ แต่ไม่นึกว่าเพื่อช่วยชีวิตคน ตนเองกลับถูกดึงจมน้ำจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต และข้ามภพมาอยู่ในร่างนี้ซึ่งมีชื่อว่าิเป่าจู ทว่าชะตากรรมของิเป่าจูคนนี้ช่างน่าสังเวชเหลือเกิน เมื่อเทียบกับชีวิตของตนเอง
บิดามารดาเสียชีวิตทั้งคู่ั้แ่นางยังเยาว์วัย เหลือเพียงน้องชายคนเดียวที่ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน
ครอบครัวของลุงใหญ่เข้ามายึดครองทรัพย์สินและที่นาทั้งหมดโดยอ้างว่าต้องดูแลพวกเขาสองพี่น้อง แต่ก็มักดุด่าทุบตีพวกเขาอยู่เสมอว่ามาอาศัยดื่มกินเปล่าๆ
แน่นอนว่าการกินดื่มเปล่าๆ ที่ว่านี้ คือกินอาหารเหลือทิ้งแบบเดียวกับที่เทให้หมูกิน และการไปวักน้ำที่ลำธารดื่มดับกระหายเอาเอง ส่วนที่ว่ามาอาศัยอยู่เปล่าๆ ก็เป็เพียงบ้านดินซึ่งเป็ส่วนที่ติดกับเล้าหมูเท่านั้น
เพื่อที่จะหาเงินมาแต่งภรรยาให้บุตรชายโง่เขลาของตนเอง ถึงกับจะให้ิเป่าจูแต่งงานกับชายชราวัยแปดสิบปี แต่ิเป่าจูไม่ยินยอม ท่านลุงผู้นี้ของนางจึงวางยาสลบนางเสีย
เงินกำลังจะมาถึงมืออยู่รอมร่อ แต่กลับถูกิเป่าอวี้น้องชายเ้าของร่างมาทำเสียเื่โดยไม่คาดคิด
ิเป่าอวี้? เด็กที่เ้าของร่างเดิมควบคุมให้เธอช่วยเหลือไว้หรือ?
ขณะที่ิเป่าจูกำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงเด็กที่คุ้นเคยดีแว่วมา
“ท่านพี่ ในที่สุดท่านก็ฟื้นเสียที” เวลานี้ิเป่าอวี้ซึ่งมีรูปร่างผ่ายผอมและอ่อนแอก็หอบฟืนกองใหญ่เข้ามา พลางมองิเป่าจูด้วยความตื่นตระหนกแกมยินดี
ทว่าอย่างไรก็ตามความคิดในสมองของิเป่าจูก็ยังไม่ค่อยแจ่มชัดในขณะนี้ ความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับเ้าของร่างเดิมแล่นเข้ามาในหัวของเธอ ชั่วขณะนั้นจึงรู้สึกว่าตนเองอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายสับสน
พอได้ยินเสียงิเป่าอวี้ ก็ยังตอบสนองไม่ทันอยู่บ้าง
“อื้ม ข้าฟื้นแล้ว รีบเข้ามานี่” ิเป่าจูมองเด็กตรงหน้า ภายในใจเกิดความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
“โอ๊ย!” ิเป่าอวี้ใจร้อนคิดแต่จะวิ่งเข้าไปหาพี่สาว แต่ใครจะรู้ ทันทีที่ก้าวขาออกไป กลับสะดุดไม้ฟืนที่วางอยู่ ล้มลงกับพื้นทันควัน
ิเป่าจูเห็นท่าทางน่าเวทนาของน้องชายก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร นึกอยากหัวเราะออกมา ใบหน้าของเขาเวลานี้ดำหนึ่งแถบขาวหนึ่งแถบราวกับแมวลายตัวน้อย ประกอบกับน้ำเสียงเยาว์วัยของเขาเมื่อครู่ก็ยิ่งชวนให้คนรู้สึกรักเอ็นดูมากขึ้น
“พี่หญิง ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว ฮึกๆๆ ข้าใแทบตาย กลัวว่าท่านจะถูกพวกเขาฆ่าตายไปแล้ว ท่านลุงจิตใจอำมหิตเหลือเกิน เขา้าให้ท่านแต่งงานออกไป จึงวางยาท่าน พี่หญิง ตอนนั้นท่านสิ้นลมหายใจไปแล้ว ข้ากลัวมากจริงๆ โชคดี... โชคดี...”
หลังจากที่ถูกิเป่าจูช่วยออกมา ิเป่าอวี้ก็ยังคิดอยู่ตลอดว่าไม่ใช่ความจริง แต่ความเ็ปจากการสะดุดล้มก็ทำให้เขาได้สติแจ่มชัด ตอนนี้ิเป่าจูยังมีชีวิตอยู่ ยังมิได้ไปพบยมบาล และยังอยู่ข้างกายตนเอง ทันใดนั้นก็ดีใจจนน้ำตาไหลพราก
เริ่มแรกิจูยังวางตัวเป็คนแปลกหน้ากับิเป่าอวี้ นี่คือน้องชายเ้าของร่าง ไม่ใช่เธอิจู แต่พออีกฝ่ายเข้ามาสวมกอด และพร่ำพรรณนาถ้อยคำเหล่านี้ ิจูก็ตระหนักได้ในทันที...
บัดนี้เธอคือิเป่าจู... พี่สาวของิเป่าอวี้ ไม่ใช่แพทย์หญิงที่มีความสุขกับการช่วยชีวิตคนอีกต่อไป
ในที่สุดมือที่ยกค้างอยู่ก็วางลงสวมกอดิเป่าอวี้ มาแล้วก็ต้องสงบใจอยู่อย่างเป็สุข เมื่อตนเองถือวิสาสะเข้ามาร่างของเ้าของเดิม ก็ควรมองน้องชายของเ้าของร่างเดิมให้เป็น้องชายของตนเอง ั้แ่บัดนี้เป็ต้นไป ญาติของิเป่าจูจะมีเพียงิเป่าอวี้เท่านั้น
“าแเป็อย่างไรบ้าง” ิเป่าจูยังจำเสียงร้องโหยหวนน่าเวทนาก่อนหน้านี้ของเด็กคนนี้ได้
“เอ้อ... มะ... ไม่เป็ไรขอรับ” ิเป่าอวี้ไม่อยากให้พี่สาวเป็กังวลจึงปิดบังไว้
“ให้ข้าดูหน่อย... พี่จะพอกยาสมุนไพรให้ ถ้าเจ็บก็ร้องออกมานะ”
ิเป่าจูเลิกเสื้อของเขาขึ้น าแแตกยับนับไม่ถ้วนกระจายไปทุกส่วน ส่วนใหญ่จะมีเนื้อใหม่สร้างขึ้นมาแล้ว ดูราวกับตะขาบยั้วเยี้ยน่าเกลียดน่ากลัว
เห็นชัดว่านี่คือาแที่เกิดจากการถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณมาตลอดหลายปี ิเป่าจูปวดใจสุดพรรณนา อดที่จะก่นด่าครอบครัวของิเถี่ยจู้ด้วยความโกรธว่าเดรัจฉานไม่ได้
“พี่หญิง อย่ามองเลย มันอัปลักษณ์”
ิเป่าอวี้ขดตัวอย่างว่องไว รีบดึงเสื้อขาดวิ่นลงโดยไม่รู้ตัว พยายามที่จะปกปิดรอยแผลบนร่างกายเ่าั้
เขารู้ว่าร่างกายของตนเองเต็มไปด้วยาแน่าเกลียดน่ากลัว เมื่อเผยออกมาโดยไม่ตั้งใจก็มักทำให้ผู้คนเดียดฉันท์ เขากลัวว่าพี่สาวเห็นแล้วจะรังเกียจว่าเขาเป็เด็กอัปลักษณ์
พี่สาวฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ครอบครัวของท่านลุง วาดหวังว่าการที่นางทำตัวน่ารักและว่านอนสอนง่ายจะช่วยให้ชีวิตของพวกเขาพี่น้องดีขึ้นมาบ้าง
เขารู้ถึงความมุมานะของพี่สาว ทุกคราที่ได้รับาเ็จึงพยายามปกปิดไว้ จนกระทั่งทิ้งรอยแผลเป็อัปลักษณ์บนร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ
“อย่าขยับ ให้ข้า...เอ่อ ให้พี่ดูหน่อย”
ิเป่าจูใช้ปลายนิ้วลูบไปบนรอยแผลสีน้ำตาลเข้ม าแเป็หลุมขรุขระ แลดูน่ากลัว นางบดสมุนไพรแล้วพอกลงไปบนาแ
ทันใดนั้นท้องของิเป่าอวี้ก็ร้องโครกคราก เขาหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที
“พี่หญิง ข้าไม่หิว ข้าไม่...”
ขณะที่เขากำลังจะเอื้อนเอ่ย เสียงก็ค่อยๆ จางหายไป ภายใต้สายตาของิเป่าจู “เดี๋ยวข้าค่อยดื่มน้ำเอาก็ได้”
...
หลังจากิเป่าจูมีปากเสียงกับิเถี่ยจู้ถึงขั้นแตกหักกันแล้ว ก็ตามิเป่าอวี้กลับมาเรือนหลังเก่าซึ่งเป็ของบ้านรอง [7] เรือนหลังใหม่ถูกท่านลุงยึดไปแล้ว แม้ว่าที่นี่จะดูโกโรโกโส แต่อย่างไรเสียก็ดีกว่าอยู่เล้าหมูมากนัก
ระหว่างทางนางบังเอิญพบดอกหลงจ่าวจิน [8] สมุนไพรที่ใช้รักษาาแภายนอกพอดี
ดอกไม้ป่าประเภทนี้มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่ง มีประสิทธิภาพในการรักษาาแเป็อย่างดี แต่ดูเหมือนว่าคนที่นี่จะเห็นมันเป็เพียงวัชพืชริมทางทั่วไปเท่านั้น
ทันใดนั้นแผนการสร้างรายได้นับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมาในความคิดของิเป่าจู
เชิงอรรถ
[1] เหล่าจือ เป็คำเรียกแทนตัวเพื่อยกตนเองเป็บิดาของคนที่พูดด้วย
[2] เหล่าไท่ไท่ หมายถึง นายหญิงผู้เฒ่า
[3] หลี่ขุย เป็ตัวละครหนึ่งในวรรณกรรมเอกของจีนเื่ซ้องกั๋ง หรือ 108 ผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน เขาเป็ของคิ้วหนาตาโต ดูดุดันน่ากลัว รูปร่างอ้วนล่ำ ดำบึกบึน มีฉายาว่าดำลดกรด
[4] ซื่อ คือ ธรรมเนียมการเรียกสตรีที่ออกเรือนแล้ว จะเรียกสกุลเดิมตามด้วยคำว่าซื่อ หรืออาจใช้สกุลสามีนำหน้าสกุลเดิมก็ได้
[5] ปลาไม่ตายตาข่ายขาดสิ้น หมายถึง การกระทำที่เด็ดขาด ต้องสู้กันให้ถึงที่สุด ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
[6] โกรธจนควันออกจากทวารทั้งเจ็ด เป็การบรรยายว่าโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ ภาษาไทยใช้โกรธจนควันออกหู
[7] บ้านรอง หมายถึงบ้านของบุตรชายคนที่สอง
[8] ดอกหลงจ่าวจิน (ดอกกรงเล็บั) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hymenocallis Caribaea มีชื่อเรียกหลายอย่าง แต่ชื่อที่ส่วนใหญ่ใช้ร่วมกันคือดอกฮิกังบานะ หรือ Spider Lily เพราะของมันมีลักษณะคล้ายขาแมงมุม ส่วนใหญ่มีสีแดง แต่แท้จริงแล้วมีหลายสีเช่นสีขาว สีเหลือง สีส้ม มีสรรพคุณทางยา ใบเอามาย่างไฟพอกแก้ฟกช้ำ บวม เคล็ดขัดยอก หัวมีรสขมนำมาใช้เป็ยาระบาย ขับเสมหะ และรักษาเกี่ยวกับโรคน้ำดีตาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้