บทที่ 7: น้ำค้างหยดแรก
หลังจากวันอันยาวนานและเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจผ่านพ้นไป เหลียนฮวากลับมาถึงบ้านเช่าใน่พลบค่ำเช่นเคยในมือนอกจากจะกำหมั่นโถวสองลูกแล้วยังมีเหรียญทองแดงสามอีแปะที่ได้เป็รางวัลพิเศษซ่อนอยู่ในแขนเสื้ออย่างมิดชิด
มันเป็เงินจำนวนน้อยนิดที่แทบจะซื้ออะไรไม่ได้ แต่สำหรับนางในยามนี้ มันคือสมบัติล้ำค่า คือทุนรอนก้อนแรกในการเริ่มต้นแผนการ "ปฏิรูปกายา" ให้กับครอบครัว
"พี่ใหญ่!" เหลียนซิงวิ่งเข้ามากอดนางเช่นเคยแต่ครั้งนี้ในแววตาของเด็กน้อยมีความกังวลฉายชัด "วันนี้ท่านแม่ไอบ่อยมากเลยเ้าค่ะ... ไอจนตัวงอเลย"
หัวใจของเหลียนฮวาพลันกระตุกวูบ นางรีบเดินเข้าไปดูอาการของมารดาที่เตียง เหลียนซูไม่ได้หลับ แต่กำลังนอนหอบหายใจอย่างอ่อนแรง ใบหน้าซีดเซียวมีเหงื่อซึมออกมาแม้ว่าอากาศจะหนาวเย็น เมื่อเห็นนางเข้ามา สตรีผู้อ่อนแอก็พยายามฝืนยิ้มออกมา
"ฮวาเอ๋อร์...กลับมาแล้วรึลูก..." เสียงของนางแหบแห้งและขาดห้วง "แม่...แค่กๆ ...แม่ไม่เป็ไร..."
คำว่า "ไม่เป็ไร" ของนางยิ่งทำให้หัวใจของเหลียนฮวาบีบรัด นางรู้ดีว่าอาการของมารดากำลังทรุดลง โรคที่สะสมมานานกำลังกัดกินพลังชีวิตของนางไปทุกขณะ หากปล่อยไว้เช่นนี้ เกรงว่าจะทนผ่านเหมันต์ฤดูนี้ไปไม่ได้
ต้องทำอะไรสักอย่าง! และต้องทำคืนนี้!
นางไม่มีเวลารอที่จะปฏิรูปกายาของตัวเองให้แข็งแกร่งพอจะปรุงยาเทวะได้ นางต้องใช้ "ทรัพยากร" เท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ เพื่อสร้างปาฏิหาริย์หยดแรกให้เกิดขึ้น
หลังจากปลอบน้องสาวและป้อนอาหารให้มารดา (ซึ่งนางกินเข้าไปได้เพียงไม่กี่คำ) จนทั้งสองผล็อยหลับไปแล้ว เหลียนฮวาก็ค่อย ๆ ย่องออกจากห้องมาอีกครั้ง จุดหมายของนางไม่ใช่ริมแม่น้ำเหมือนเมื่อคืน แต่เป็หลังร้านโอสถหมื่นพฤกษา
นางไม่ได้จะไปขโมยสมุนไพรราคาแพงใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่นาง้าคือ "ของเหลือทิ้ง" ที่ไม่มีใคร้า
ภายใต้แสงจันทร์สลัว นางเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบราวกับภูติน้อยในยามราตรี นางมุ่งตรงไปยังกองขยะหลังร้าน ที่ซึ่งเหล่าคนงานมักจะโยนเศษสมุนไพรที่ถูกตัดทิ้งหรือไม่ผ่านเกณฑ์ทิ้งไว้
นางคุ้ยเขี่ยกองขยะนั้นอย่างไม่รังเกียจ ในสายตาของนาง ที่นี่คือขุมทรัพย์
หนึ่ง... "เง้าของรากตังกุย" ส่วนหัวของรากที่มักถูกตัดทิ้งเพราะมีขนาดเล็กและแข็งเกินไป แต่ความจริงแล้ว ส่วนนี้คือบริเวณที่สะสม "พลังหยาง" ไว้มากที่สุด เหมาะสำหรับบำรุงโลหิต
สอง... "ก้านของใบจื่อซู" คนส่วนใหญ่มักใช้แต่ใบ แต่ก้านของมันมีฤทธิ์ช่วยให้ลมปราณในทรวงอกไหลเวียนได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับแก้อาการไอและแน่นหน้าอก
สาม... "เปลือกของผลซานจา (พุทราจีนป่า) " ที่ถูกทิ้งเพราะรสฝาด แต่เปลือกของมันมีสรรพคุณช่วยย่อยและบำรุงม้ามได้ดีเยี่ยม
และสุดท้าย... "เมล็ดของผลเก๋ากี้" (โกจิเบอร์รี่) ที่ถูกคัดทิ้งเพราะมีขนาดเล็กเกินไป แต่เมล็ดเหล่านี้คือแหล่งรวม "จิง" หรือแก่นแท้ของพลังชีวิตที่เข้มข้นที่สุด
นางเก็บ "เศษขยะล้ำค่า" เหล่านี้ใส่ในชายเสื้ออย่างรวดเร็ว ก่อนจะแอบเข้าไปในครัวที่มืดสนิท โชคดีที่เมื่อตอนกลางวันนางแอบซ่อนหม้อดินใบเล็กที่สุดไว้หลังโอ่งน้ำ นางจึงหยิบมันออกมาพร้อมกับแอบตักน้ำสะอาดจากในโอ่ง (ซึ่งสะอาดกว่าน้ำในบ่อ) ออกมาด้วย
นางไม่ได้กลับไปที่บ้านเช่าทันที เพราะการก่อไฟต้มยาในห้องแคบๆ จะทำให้แม่และน้องสาวตื่นได้นางจึงเดินลัดเลาะไปยังซากปรักหักพังของวัดเก่าท้าย เมือง ที่ซึ่งเป็สถานที่เปลี่ยวและไม่มีใครเข้ามาในยามวิกาล
นางก่อไฟกองเล็กๆ ขึ้นอย่างชำนาญวางหม้อยาลงบนก้อนหินสามก้อนที่ตั้งเป็เตา อย่างง่าย ๆ นางไม่ได้ใส่สมุนไพรทั้งหมดลงไปพร้อมกัน แต่รอให้น้ำเริ่มร้อนจึงใส่เง้าตังกุยที่แข็งที่สุดลงไปก่อน ตามด้วยก้านจื่อซู เปลือกซานจา และเมล็ดเก๋ากี้เป็ลำดับสุดท้าย
นางไม่ได้ใช้พลังลมปราณในการควบคุมไฟ แต่ใช้ "ความรู้" แทน นางสังเกตสีของเปลวไฟ เสียงของน้ำที่เดือด และกลิ่นของยาที่โชยออกมา เพื่อปรับความแรงของไฟให้เหมาะสมที่สุด มันคือศาสตร์และศิลป์ชั้นสูงที่หมอเทวดาในเมืองหลวงยังต้องคารวะ
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม ยาขนานพิเศษจากเศษสมุนไพรก็สำเร็จ กลิ่นหอมของยาตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ มันเป็กลิ่นหอมที่ซับซ้อนแต่กลมกล่อม ไม่ได้มีกลิ่นขมเฝื่อนเหมือนยาต้มทั่วไป แต่มันคือกลิ่นของ "ชีวิต"
นางรินยาที่ยังมีสีอำพันใสร้อน ๆ ใส่ในกระบอกไม้ไผ่เล็ก ๆ ที่เตรียมมา ดับไฟจนสนิทแล้วรีบเดินทางกลับบ้านเช่าทันที
เมื่อกลับมาถึง นางเห็นเหลียนซูยังคงนอนหลับกระสับกระส่ายและมีเสียงครืดคราดในลำคอ นางจึงค่อย ๆ ประคองร่างของมารดาให้ลุกขึ้นพิงกับผนังอย่างแ่เบา
"ท่านแม่...ตื่นก่อนเ้าค่ะ...ดื่มยาก่อนนะเ้าคะ" นางกระซิบที่ข้างหู
เหลียนซูค่อย ๆ ปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก เมื่อเห็นถ้วยยาในมือบุตรสาวนางก็ส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง "แม่...ไม่อยากกินยา...มันขม..."
"ไม่ขมเ้าค่ะ" เหลียนฮวายิ้มบาง ๆ "ยานี้...เป็สูตรพิเศษของท่านยาย...หอมหวานชื่นใจ ลองชิมดูนะเ้าคะ"
อาจเป็เพราะคำพูดของนาง หรืออาจเป็เพราะกลิ่นหอมที่ไม่เหมือนยาที่เคยดื่ม เหลียนซูจึงยอมอ้าปากที่แห้งผากนั้นอย่างว่าง่าย เหลียนฮวาค่อย ๆ ป้อนยาอุ่น ๆ ทีละช้อน...ทีละช้อน...อย่างอดทน
ยาขนานนี้ไม่ได้มีฤทธิ์รุนแรงเหมือนยาเทวะ แต่ทุกหยดของมันคือแก่นแท้ของสมุนไพรที่ถูกสกัดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด มันไหลผ่านลำคอลงสู่กระเพาะ แล้วแผ่ซ่านความอบอุ่นไปทั่วร่างกายที่อ่อนแอของเหลียนซูอย่างช้า ๆ
พลังหยางจากเง้าตังกุยเริ่มเข้าไปบำรุงโลหิตที่เคยจางและเย็นชืดให้กลับมาไหลเวียน ได้ดีขึ้น ลมปราณจากก้านจื่อซูช่วยขับไล่ความชื้นและเสมหะที่อุดกั้นทางเดินหายใจ พลังจากเปลือกซานจาและเมล็ดเก๋ากี้ค่อย ๆ เข้าไปฟื้นฟูม้ามและไตที่อ่อนแอ
หลังจากดื่มยาจนหมดถ้วย เหลียนซูก็ไอออกมาสองสามครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่การไอแห้งๆ ที่เ็ปแต่เป็การไอเพื่อขับเสมหะเหนียวข้นออกมา จากนั้นใบหน้าที่เคยซีดขาวของนางก็เริ่มมีสีเืฝาดจาง ๆ ปรากฏขึ้นเป็ครั้งแรกในรอบหลายเดือนลมหายใจที่เคยติดขัดก็กลับมาสม่ำเสมอและลึกขึ้น
นางมองบุตรสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ "ฮวาเอ๋อร์...ยานี่...มัน...มันไม่ขมจริง ๆ ด้วย... แล้วแม่ก็รู้สึก...อุ่น...ไปทั้งตัวเลย"
เหลียนฮวายิ้มกว้างอย่างดีใจ "ดีแล้วเ้าค่ะ ท่านแม่นอนพักเถิด พรุ่งนี้ข้าจะต้มให้ดื่มอีก"
นางประคองมารดาให้นอนลงอีกครั้ง คราวนี้เหลียนซูหลับลงอย่างง่ายดายและสงบกว่าทุกคืนที่ผ่านมา ไม่มีเสียงหายใจครืดคราด ไม่มีอาการกระสับกระส่ายอีกต่อไป
เหลียนฮวานั่งมองใบหน้าที่ผ่อนคลายของมารดาอยู่เนิ่นนาน ในใจของนางเต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความดีใจ ความโล่งอก และความหวัง
นี่คือ "น้ำค้างหยดแรก" ที่นางสร้างขึ้น...
หยดน้ำค้างที่เกิดจากการรวบรวมเศษซากที่ผู้คนมองว่าไร้ค่า มาแปรเปลี่ยนเป็โอสถทิพย์ด้วยความรู้และปัญญา มันอาจจะเป็เพียงหยดน้ำเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับมหาสมุทรแห่งโรคภัยที่มารดาของนางกำลังเผชิญอยู่ แต่หยดน้ำนี้...ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าหนทางที่นางเลือกเดินนั้นถูกต้อง
มันได้มอบแสงสว่างรำไรส่องลงมาบนเส้นทางที่เคยมืดมิดแปดด้าน และมอบพลังใจอันมหาศาลให้นางก้าวเดินต่อไป
นางก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของมารดาอย่างแ่เบา
หลับให้สบายนะเ้าคะ ท่านแม่...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้