ดินแดนแรกสาบสูญ ณ ห้องโถงใหญ่อันงดงาม ซึ่งมีนามว่า "โถงใหญ่กวนฉี"
ห้องโถงนั้นมืดมาก เห็นเพียงเงาสลัวรางสิบแปดร่าง นั่งขัดสมาธิอยู่ แต่กลับไม่อาจมองเห็นใบหน้าชัด
ทิศเหนือของห้อง มีโลงศพโลงหนึ่งวางอยู่ มันเป็เพียงสิ่งเดียวในห้องที่ส่องแสงสว่างไสว เหนือโลงมีกระดานหมากอันหนึ่ง
มันไม่ได้ใหญ่นัก เป็แค่กระดานหมากที่มีเส้นตัดแนวตั้งและแนวนอน สิบเก้าเส้นธรรมดาๆ แต่ที่ผิดปกติก็คือ เส้นบนกระดานนั้น เป็สีทองทั้งหมด แต่บนกระดานหมาก กลับมีเม็ดหมากวางอยู่บนจุดตัดทั้งหมดเต็มพื้นที่ สามร้อยหกสิบเอ็ดจุด
เม็ดหมากสามร้อยหกสิบเอ็ดเม็ด มีสองร้อยเม็ดเป็สีขาว และอีกหนึ่งร้อยหกสิบเอ็ดเม็ดเป็สีดำ พวกมันลอยอยู่ในอากาศ และเปล่งแสงจางๆ ออกมา
ร่างทั้งสิบแปด ต่างนั่งเงียบๆ อยู่ในโถงใหญ่ ไม่มีผู้ใดเอ่ยสิ่งใดแม้แต่คำเดียว
วิ้ง!
ทันใดนั้น หมากดำเม็ดหนึ่ง ก็เปล่งแสงเรื่อเรืองออกมา ทุกคนพากันจ้องมองไปที่หมากดำเม็ดนั้น
แสงยังคงส่องสว่างต่อไปเป็เวลานาน ก่อนที่หมากดำเม็ดนั้นจะเริ่มเปลี่ยนสีทีละน้อย ค่อยๆ กลายเป็หมากขาวไป
“มีหมากขาวสองร้อยหนึ่งเม็ดแล้ว!” หนึ่งในนั้นโพล่งออกมา ด้วยความตื่นเต้น
"ใช่แล้ว ผู้าุโใหญ่! ตอนนี้ยังเหลือหมากดำอีกหนึ่งร้อยหกสิบเม็ด เมื่อหมากดำทั้งหมดกลายเป็หมากขาว...” อีกคนหนึ่งกล่าว อย่างยินดี
"ระวังคำพูด!" เสียงของผู้าุโใหญ่ดังขึ้นอีกครั้ง
"ขอรับ! เป็ผู้น้อยปากพล่อยเอง" ร่างนั้นเอ่ย พร้อมคารวะ
"ดินแดนแรกสาบสูญเปิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อบุคคลจากภายนอกเข้ามา จะมีตัวแปรมากมายเกิดขึ้น สถานที่แห่งนี้ เป็ที่ตั้งโลงศพของท่านประมุข
นับจากนี้ไป ต้องไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ ขึ้นที่นี่ เราจะผลัดเปลี่ยนกันมาปกป้องสถานที่แห่งนี้ จะต้องมีเก้าคนคอยเฝ้าอยู่เสมอ เพื่อมิให้ผู้ใดเข้ามาสร้างความวุ่นวายได้” ผู้าุโใหญ่สั่ง น้ำเสียงเคร่งขรึม
"ขอรับ!" คนที่เหลือตอบรับทันที
“ทางเสี่ยวจิ่ว ได้เตือนเขาไปหรือยัง?” ผู้าุโใหญ่ถาม
"เอ่อ!... ผู้าุโใหญ่ บางทีเราคงไม่จำเป็ต้องเตือนเขาแล้วกระมัง ครานี้เป็เสี่ยวจิ่ว ที่ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ขอรับ!" คนผู้หนึ่งกล่าวรายงาน พร้อมยิ้มขื่น
“เอ๊ะ!?”
“เขาอัญเชิญอสูรเมฆออกมาแล้ว แต่น่าเสียดาย ที่พบกับอรหันต์เหลียนเซิงเข้า เสี่ยวจิ่วจึงถอนตัวกลับมาขอรับ!”
“อรหันต์เหลียนเซิงหรือ? เขามาแล้ว?” ผู้าุโใหญ่ถาม น้ำเสียงจริงจัง
"จากที่ได้ยินมา อรหันต์เหลียนเซิงดูเหมือนจะมาพบผู้าุโใหญ่ ้าให้ท่านส่งมอบของบางอย่าง ตามที่ท่านประมุขเคยสัญญาไว้
ผู้าุโใหญ่ ท่านประมุขสัญญาว่าจะให้สิ่งใดแก่เขาหรือขอรับ?"
หลังนิ่งไปชั่วขณะ ผู้าุโใหญ่จึงพูด "ในที่สุดเขาก็มา! อรหันต์เหลียนเซิงหรือ? ในอดีต เขาเคยเดินหมากกับท่านประมุขหนึ่งกระดาน ท่านประมุขรู้สึกซาบซึ้งต่อจิตใจอันเปี่ยมเมตตาของเขา จึงได้ให้สัญญา ว่าจะช่วยเหลือเขาครั้งหนึ่ง”
“เมตตา?”
"จากรูปแบบการเดินหมาก ที่ท่านประมุขได้เห็นกระดานนั้น คือความเมตตาของท่านเหลียนเซิงที่มีต่อสรรพสิ่ง แม้แต่ท่านประมุขก็ยังอดยกย่องหัวใจเขามิได้
หากผู้ใดพบเขาอีก จงรีบพามาพบข้าทันที! ที่เสี่ยวจิ่วถอยกลับมานั้น ถือว่าฉลาดยิ่ง เขามิใช่คู่ต่อสู้ของอรหันต์เหลียนเซิง! คนที่สามารถเดินหมากกับท่านประมุข และทำลายค่ายกลกระบี่์ได้ ย่อมไม่ธรรมดา" ผู้าุโใหญ่กล่าวอย่างสุขุม
“เอ่อ!... ผู้ที่ทำลายค่ายกลกระบี่์ หาใช่อรหันต์เหลียนเซิงไม่ขอรับ แต่เป็อีกคน”
“หืม?”
"เป็คนผู้หนึ่ง ที่มีนามว่า ‘กู่ไห่’ ขอรับ ได้ยินมาว่า เขาเป็หัวหน้าสังกัดแห่งหออี้ผิน"
“หออี้ผิน? กู่ไห่?” ผู้าุโใหญ่เอ่ย ด้วยความงุนงงเล็กน้อย
"ได้ยินมาว่า ที่เขาเข้ามาที่นี่ ก็เพียงเพื่อค้นหาเว่ยเซิงเหริน”
“หาเว่ยเซิงเหริน? รู้หรือไม่ ว่าเพราะเหตุใด?" น้ำเสียงของผู้าุโใหญ่ มีร่องรอยกังวล
"เป็ถังจู่หออี้ผิน ที่สั่งให้เขามาขอรับ ผู้าุโใหญ่เราควรแจ้งเว่ยเซิงเหรินหรือไม่ขอรับ?"
ผู้าุโใหญ่เงียบไป ก่อนพูด พร้อมส่ายหน้า "ไม่! ไม่ว่าจะเป็เพราะเหตุใดก็ตาม ไม่อาจรบกวนเว่ยเซิงเหรินได้ เขามีภารกิจที่ต้องจัดการ"
"ขอรับ!" ทุกคนตอบรับทันที
"ผู้าุโใหญ่ ในครานี้ ที่เสี่ยวจิ่วเรียกอสูรเมฆาออกมา อาจเร่งการปรากฏตัวของหมากสีทองก็เป็ได้ และนั่นจะทำให้พวกคนนอกเริ่มต่อสู้ เพื่อแย่งชิงสมบัติของอี้เทียนเก๋ออีกครั้ง
เหตุใดทุกครั้งจึงไม่หยุดพวกมันไว้ ปล่อยให้ปล้นชิงเอาของเราไป? ไม่จำเป็ต้องสูญเสียสมบัติไปมากมาย ถึงเพียงนี้กระมัง"
"นี่เป็คำสั่งของท่านประมุข เราจำต้องปฏิบัติตาม ตราบใดที่ต้นท้อร้อยปียังอยู่ สมบัติอื่นๆ ก็ปล่อยให้พวกเขาปล้นไป!"
“แต่...” คนผู้นั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่เต็มใจ
"ช่างเถอะ! นี่เป็คำสั่ง!" ผู้าุโใหญ่กล่าวอย่างเ็า
"ขอรับ!"
...
หุบเขาไร้โศก
กู่ไห่ เกาเซียนจือ เฉินเทียนซาน เสี่ยวโหรว และอรหันต์เหลียนเซิง หวนกลับมาที่ถ้ำสระิญญาอีกครั้ง
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ มิได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อที่นี่ ถ้ำยังคงสว่างไสวด้วยไข่มุกราตรี
เพียงแต่เวลานี้ ตัวสระกลับว่างเปล่า เผยให้เห็นบ่อขนาดใหญ่สามบ่อ ที่ก้นบ่อมีแผ่นหยกกลมๆ ลอยอยู่
เกาเซียนจือทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ แผ่นหยกทรงกลมนั้น ยื่นมือไปวางบนแผ่นหยก จากนั้นไม่นานนัก
วูบ!
แผ่นหยกสั่นะเื แสงสีทองแผ่ออกจากฝ่ามือ
เมื่อลืมตาขึ้น ั์ตาของเกาเซียนจือ ก็มีแววประหลาดใจ ขณะมองฝ่ามือของตัวเอง ซึ่งมีหมากสีทองเม็ดหนึ่งปรากฏอยู่
"นี่คือ? หรือว่าจะเป็เม็ดหมากสีทอง ที่คุณชายเก้าเคยใช้เรียกอสูรเมฆาออกมา? มันมาปรากฏในมือข้าได้อย่างไร?" เกาเซียนจือพูดด้วยความประหลาดใจ
"เกาเซียนจือ เ้านั่งนิ่งอยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว เกิดสิ่งใดขึ้น?" กู่ไห่ถามอย่างสงสัย
เกาเซียนจือมองดูเม็ดหมากสีทองในมือ และพยายามนึกย้อนกลับไปครู่หนึ่ง ก่อนส่ายหน้า กล่าวว่า "ข้าก็ไม่ทราบเช่นกันขอรับ จำได้รางๆ ว่ามีคนสอนข้าเดินหมาก เราเดินหมากกันอยู่หลายกระดาน จนกระทั่งเมื่อครู่นี้ ที่คนผู้นั้นยอมรับข้า ในตอนท้ายเขาได้ให้หมากสีทองเม็ดนี้มา แต่นั่นเป็เพียงความฝันมิใช่หรือ? เหตุใดเม็ดหมากถึงมาปรากฏในมือข้าได้?"
เขาตอบ ด้วยท่าทีสับสนมึนงง
พวกกู่ไห่ต่างมองไปที่อรหันต์เหลียนเซิง
ภิกษุชรายิ้มเล็กน้อย พลางเอ่ย "อย่ามองเช่นนั้น อาตมาก็ไม่ทราบเช่นกัน หมากสีทองเม็ดนี้ อาจซ่อนอยู่ในค่ายกลก็เป็ได้!"
"ค่ายกล?"
"แผ่นหยกชิ้นนี้ เป็ของวิเศษของอี้เทียนเก๋อ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้าุโกวนฉีเมื่อครั้งอดีตกาล
สิ่งที่ทำให้เกิดสระิญญาขึ้นที่นี่ ก็คือแผ่นหยกชิ้นนี้ ก่อนหน้านี้มันถูกซ่อนไว้ใต้ดิน จนกระทั่งอาตมาพบและนำมันขึ้นมา!" อรหันต์เหลียนเซิงตอบ
"สระิญญา? ค่ายกลธรรมชาติ... ไม่สิ! ค่ายกลที่จะสามารถสร้างสระิญญาขึ้นได้นี้ เป็ของวิเศษที่ผู้าุโกวนฉีสร้างขึ้นหรือ?” ดวงตาของเฉินเทียนซาน ปรากฏแววตื่นเต้นยินดี
ของวิเศษที่สามารถสร้างสระิญญาได้ จะไม่ให้หัวใจเขาเต้นรัวได้อย่างไร?
ผู้ทรงศีลกล่าว พร้อมยกยิ้ม “ภายในค่ายกลนี้ มีหมากสีทองอย่างน้อยที่สุดก็ราวสามเม็ด ด้วยวิธีการเดียวกับเกาเซียนจือ พวกท่านค่อยๆ ดึงมันออกมาได้
หลังจากที่ดึงออกมาหมดแล้ว ยังสามารถเก็บเกี่ยวค่ายกลนี้ไปได้ด้วย แต่อย่าให้คนอื่นรู้ล่ะ มิเช่นนั้น คนนับไม่ถ้วนจะตามล่าพวกท่าน"
“อรหันต์เหลียนเซิง แล้วท่านล่ะ ไม่้าหรือ?” กู่ไห่มองภิกษุชราด้วยความกังขา
หมากสีทองทั้งสามเม็ดพร้อมค่ายกล ถูกมอบให้พวกตนทั้งหมด?
อรหันต์เหลียนเซิงยิ้มเล็กน้อย พลางกล่าวว่า "ไม่! สิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อันใดกับอาตมา อาตมาต้องไปพบผู้าุโใหญ่ของอี้เทียนเก๋อแล้ว พวกท่านอยู่ที่นี่รักษาตัวด้วย!"
“ขอบคุณอรหันต์เหลียนเซิง!” เฉินเทียนซานโพล่งออกมา ด้วยความซาบซึ้งใจ
กลับกัน กู่ไห่มองภิกษุชรา ก่อนนิ่วหน้า “อรหันต์เหลียนเซิง ข้าและคนของข้า ไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆ กับท่านมาก่อน เหตุใดถึงได้คอยช่วยพวกเราเสมอ? อีกทั้งเวลานี้ ยังมอบสมบัติล้ำค่าทั้งหมดนี้ให้อีก?”
ทุกคนมองไปทางผู้ทรงศีลเป็ตาเดียว
อรหันต์เหลียนเซิงมองเสี่ยวโหรว และกล่าวว่า "หัวหน้ากู่ ท่านทำให้อาตมารู้สึกว่า บางทีเราอาจเป็คนประเภทเดียวกัน คนที่อาตมาถูกชะตานั้นมีไม่มาก ได้เจอคนหนึ่ง ถือเป็วาสนาแล้ว"
กู่ไห่มองดูอรหันต์เหลียนเซิง ด้วยแววตาไม่แน่ใจ แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับ
ภิกษุชรามองกลับไปที่กู่ไห่ หยุดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าว "หากจะพูดตามจริงแล้ว อาตมารู้สึกได้ถึงไอพลังที่คุ้นเคย จากร่างของหัวหน้ากู่!”
“โอ้?” กู่ไห่มีสีหน้าสับสนกับสิ่งที่ได้ยิน
"มิใช่ท่านหรอก คงเป็ใครคนหนึ่งที่ท่านเคยเจอ ได้ทิ้งร่องรอยไอพลังเอาไว้ ช่างน่าแปลกยิ่ง!" อรหันต์เหลียนเซิงกล่าว พร้อมครุ่นคิด
"คนที่ข้าเคยพบ?" กู่ไห่มองอีกฝ่ายด้วยแววตางุนงง
"นี่เป็ความสามารถพิเศษของอาตมา จึงไม่น่าผิดพลาด ยามนี้อาตมาไม่มีเวลามากพอจะตรวจสอบเื่นี้ เพื่อเป็การแลกเปลี่ยน ในอนาคตอันใกล้ หากอาตมามีปัญหา อาจต้องขอให้หัวหน้ากู่ช่วยแล้ว" ผู้ทรงศีลพูด พลางยิ้ม
"อรหันต์เหลียนเซิงมิต้องเกรงใจ หากเป็เื่ที่ช่วยได้ ข้าก็ยินดี!" กู่ไห่กล่าวอย่างจริงใจ
ภิกษุชราพยักหน้า ขณะประกบฝ่ามือเข้าหากัน และกล่าวว่า "เช่นนั้น ไว้พบกันใหม่"
“น้อมส่งอรหันต์เหลียนเซิง!” ทุกคนคารวะโดยพร้อมเพรียง และออกไปส่งอีกฝ่ายที่ปากถ้ำ
ผู้ทรงศีลจากไปทันที ไม่นานร่างชราก็หายไปจากครรลองสายตา
หลังจากอรหันต์เหลียนเซิงจากไป พวกเขาก็กลับไปที่ถ้ำอีกครั้ง
เกาเซียนจือซึ่งอยู่หลังสุด ทำการซ่อนปากถ้ำอย่างระมัดระวัง ป้องกันมิให้คนอื่นมาพบเข้า
"เกาเซียนจือ ตอนนี้เ้าได้รับหมากสีทองแล้ว ลองดูสิ ว่าสามารถยืมพลังฟ้าดิน เรียกอสูรเมฆาออกมาได้หรือไม่?" เฉินเทียนซานเอ่ยด้วยท่าทีตื่นเต้น
เกาเซียนจือส่ายหน้า และหันไปมองกู่ไห่
“หือ?” เฉินเทียนซานสับสนเล็กน้อย
"ความปั่นป่วนที่เกิดจากการเรียกอสูรเมฆานั้น สะดุดตาเกินไป ไว้ทดสอบกัน หลังจากได้เม็ดหมากสีทองมาทั้งหมดแล้วเถอะ" กู่ไห่ส่ายหน้า พร้อมปราม
“โอ้... ขอรับ!” เฉินเทียนซานตอบ พลางพยักหน้า
“เฉินเทียนซาน เ้ามาลอง ดึงหมากสีทองเม็ดที่สองออกมาดู” กู่ไห่กล่าว ท่าทีจริงจัง
"ขอรับ!" เฉินเทียนซานขานรับอย่างกระตือรือร้น จากนั้นก็ทรุดลงนั่งขัดสมาธิ ยื่นมือไปวางบนแผ่นหยก
วูบ!
ทันใดนั้น แสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นบนแผ่นหยก เฉินเทียนซานพลันตกภวังค์ ดั่งเข้าสู่ห้วงสมาธิ
“ท่านหัวหน้า เมื่อครู่ผู้น้อยก็เป็เช่นนี้หรือขอรับ?” เกาเซียนจือถาม สีหน้าซับซ้อน
กู่ไห่พยักหน้า กล่าวว่า "ถูกต้อง จิตของเ้า คงถูกดึงเข้าไปในค่ายกล เกาเซียนจือ เ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?"
เกาเซียนจือหลับตาลงสำรวจครู่หนึ่ง ก่อนส่ายหน้า "ไม่รู้สึกผิดแปลกตรงไหนเลยขอรับ ในห้วงฝัน ดูเหมือนจะถูกสอนเดินหมาก หมากของข้า คล้ายตกอยู่ใต้การควบคุมของชายชราในฝัน ผู้น้อยไม่ชอบความรู้สึกเช่นนั้น เพราะรู้สึกราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้"
จากนั้นสามวัน
วูบ!
ร่างของเฉินเทียนซานสั่นไหว ก่อนจะตื่นขึ้น
"ฮ่าๆๆ!... ข้าได้หมากสีทองมาแล้ว" เฉินเทียนซานร้องอย่างปลาบปลื้ม
“เ้าฝันเช่นเดียวกับเกาเซียนจือหรือไม่?” กู่ไห่ถามด้วยความสงสัย
"ใช่ขอรับ! แม้จะเลือนราง จำไม่ค่อยได้ แต่ในฝัน คล้ายมีชายชราผู้หนึ่ง กำลังสอนข้าเดินหมาก" เฉินเทียนซานตอบ พลางมุ่นหัวคิ้ว
กู่ไห่จ้องไปที่แผ่นหยกเงียบๆ ครู่หนึ่ง สูดหายใจเข้า และค่อยๆ นั่งลง พลางยื่นมือไปวางบนแผ่นหยก
แสงสีขาวปรากฏอีกครั้ง ก่อนกู่ไห่จะเข้าสู่ภวังค์ คล้ายกำลังทำสมาธิ
วูบ!
ชายหนุ่มรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังพร่าเลือน ไม่รู้ว่าตกเข้าสู่ความฝันแบบใด พริบตานั้น ราวกับว่าได้สูญเสียสติสำนึกของตนไป
แต่ตอนนั้นเอง หมากสีดำในช่องว่างมิติที่หว่างคิ้วเขา พลันสั่นะเืขึ้นมากะทันหัน
ตูม!
เสียงเหมือนะเิดังขึ้น ปลุกจิตสำนึกของเขา จากอาการมึนงงทันที กู่ไห่กลับมามีสติอีกครั้ง
ขณะที่ได้สติ ก็พบว่าในมิติตรงหว่างคิ้วของตน มีภาพลวงตาเกิดขึ้น
เห็นหมากสีดำที่พาเขามายังโลกใบนี้ ที่เมื่อครู่เกิดสั่นขึ้นมา จนปลุกเขาให้รู้สึกตัว มิฉะนั้นคงยังตกอยู่ในภวังค์แน่
ชายหนุ่มรู้สึกใและตื่นตะลึง
ในช่องว่างตรงหว่างคิ้วของเขา หมากดำเป็ดั่งาาผู้ปกครองใต้หล้า ด้านล่างนั้น มีกระดานหมากกว่าแสนกระดาน ที่มีรูปหมากกว่าแสนรูปแบบ ทุกอย่างยังคงเป็เช่นเดิม
แต่ขณะนี้ ในช่องว่างมิติ กลับปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ราวกับถูกทะเลเมฆพัดโหมกระหน่ำ
ภายในม่านหมอกนั้น มีชายชราผมขาวนั่งขัดสมาธิอยู่
กู่ไห่ไม่อาจเห็นชายชราได้ชัดเจน แม้เขาจะอยู่ใกล้ แต่ดูคลุมเครือยิ่ง ตรงหน้าชายชราผู้นั้น มีกระดานหมากวางอยู่ แต่กระดานหมากอันนี้กลับพิกลนัก เพราะมันมีเส้นแนวตั้งและแนวนอนถึงยี่สิบแปดเส้น
"นั่งลง ให้ข้าดูทักษะหมากของเ้าหน่อย!" ชายชราผมขาวกล่าวเนิบช้า
"ข้าน้อยกู่ไห่ ไม่ทราบว่าท่านคือ?..." กู่ไห่ถามอย่างใจเย็น
"นั่งลง ให้ข้าดูทักษะเดินหมากของเ้า!"
"นั่งลง ให้ข้าดูทักษะเดินหมากของเ้า!"
"นั่งลง ให้ข้าดูทักษะเดินหมากของเ้า!"
ชายชราผมขาว คล้ายจะไม่ได้ยินคำถามของกู่ไห่ ยังคงพูดย้ำประโยคเดิม
กู่ไห่หรี่ตามอง ชายชราผู้นี้ มิใช่ร่างิญญาหรอกหรือ? เหตุใดจึงดูเหมือนหุ่น ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้เช่นนี้?
ชายหนุ่มมิได้ต่อต้าน เพียงค่อยๆ นั่งลง
พริบตา คนทั้งสองก็นั่งหันหน้าเข้าหากระดานหมาก
"เดินหมากกับข้า แล้วหมากสีทองเม็ดนี้ จะตกเป็ของเ้า” เสียงของชายชรา ปราศจากอารมณ์ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้