เมื่อหลินกู๋หยู่เดินไปที่ประตู ยกมือขึ้นเพื่อเปิดประตู มีใยแมงมุมอยู่บนบานประตู
ลมกระโชกแรงและประตูที่ชำรุดทรุดโทรมก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด
ฟางซื่อมองผ่านประตูที่ชำรุดทรุดโทรม นางกุมริมฝีปากแน่น หัวใจของนางเต้นเร็วเป็พิเศษ
ชายหนุ่มด้านข้างฟางซื่อถือไม้กระบองในมืออย่างเต็มแรง มองลอดออกไปด้วยแววตาเ็า
หลินกู๋หยู่มองไปที่บานประตูที่เต็มไปด้วยใยแมงมุม เม้มริมฝีปากเล็กน้อยแล้วหันหลังเดินจากไป
เมื่อฟางซื่อเห็นเงาด้านหลังของหลินกู๋หยู่ที่เดินจากไป หัวใจของนางยังคงเต้นรัว
เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เดินออกไปไกล ในที่สุดฟางซื่อก็รู้สึกโล่งใจ
“ข้าใกลัวแทบตาย” ฟางซื่อเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มคนนั้น อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ไม่เช่นนั้น ถ้านางรู้เื่ของเรา ไม่แน่ว่าพวกเราทั้งคู่อาจจะต้องหนีโดยไม่ได้อะไรติดตัวเลย”
ชายหนุ่มคนนั้นจับแขนของฟางซื่ออย่างปลอบโยน "เ้าก็อย่าได้กังวล ไม่เป็ไรแล้ว"
ฟางซื่อพยักหน้าด้วยอาการตื่นตระหนกหลายส่วน เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เดินออกไปไกล นางถึงได้กล้าที่จะออกมาจากโบสถ์ที่ผุพัง
หลินกู๋หยู่เดินไปได้ครึ่งทาง ในจังหวะที่นางจะหยิบผ้าเช็ดหน้า แต่แล้วจู่ๆ ก็พบว่าผ้าเช็ดหน้าได้หายไปแล้ว
มันคงไม่ตกหล่นหายระหว่างทางหรอกนะ
เมื่อคิดถึงเื่นี้ หลินกู๋หยู่ก็หันหลังเดินกลับไป
หลังจากเดินไปได้สองสามก้าว หลินกู๋หยู่ก็เห็นฟางซื่อก้มศีรษะและรีบเดินผ่านไป
“พี่สะใภ้รอง?” หลินกู๋หยู่ชำเลืองมองไปที่ฟางซื่อ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางแปลกพิกลหลายส่วน สายตาบังเอิญเหลือบไปมองที่วัดผุพังแห่งนั้น
เมื่อฟางซื่อได้ยินเสียงของหลินกู๋หยู่ หัวใจของนางก็เต้นรัว เงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่ จากนั้นก้มศีรษะลงและพูดด้วยเสียงต่ำว่า "บังเอิญจริงๆ"
“พี่สะใภ้รองจะไปไหนหรือ?” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฟางซื่อด้วยรอยยิ้ม เอ่ยถามด้วยความสงสัย
เมื่อฟางซื่อมองเห็นหลินกู๋หยู่เหลือบมองไปทางวัดที่ผุพัง ใบหน้าของนางปรากฏความกระวนกระวายหลายส่วน
“ข้าจะกลับบ้าน เวลาสายมากแล้ว” ฟางซื่อพูดและรีบจากไปอย่างร้อนรน
แปลกจริงๆ
หลินกู๋หยู่มองไปที่ร่างของฟางซื่อ ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา แล้วเดินไปทางวัดแห่งนั้น
ฟางซื่อไปได้ไม่ไกลมาก เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เดินไปที่นั่น ใบหน้าของนางก็น่าเกลียดมาก นางจึงรีบเดินกลับบ้าน
หลินกู๋หยู่มองไปที่ผ้าเช็ดหน้าที่ตกหล่นอยู่ในลานวัด หยิบมันขึ้นมาและเดินจากไป
เมื่อหลินกู๋หยู่กลับถึงบ้าน นางก็พบว่าฉือหางยังไม่กลับมาจากูเา
ผ้านวมอุ่นๆ ตากอยู่ท่ามกลางแสงแดดอุ่น หลินกู๋หยู่ตบผ้านวมเต็มแรงสองสามครั้ง ก่อนที่จะเก็บเข้าไปในบ้าน
“หมอหลิน”
ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะเข้าไปในบ้าน เสียงที่คุ้นเคยก็ลอดดังมาจากด้านหลัง
ทันทีที่หลินกู๋หยู่หันศีรษะ นางเห็นลู่จื่อยู่ยืนอยู่ที่ประตู
เขามาที่นี่ทำไม?
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
นับั้แ่ที่ลู่จื่อยู่เล่าเื่ในวันนั้นให้นางฟัง หลินกู๋หยู่ก็พยายามหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมพันธ์กับเขา
ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะโลเล ถ้านางไม่ปรากฏตัวเป็เวลานาน ลู่จื่อยู่ย่อมต้องจากนางไปอย่างแน่นอน
หลินกู๋หยู่วางผ้านวมในมือ เดินไปด้านหน้าของลู่จื่อยู่อย่างละล้าละลัง
ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนเท่ากับคนยืนซ้อนกันสองคน
หลินกู๋หยู่ลดคิ้วลง พูดอย่างเนิบๆ "นายน้อยลู่มาทำอะไรที่นี่"
นายน้อยลู่
เมื่อลู่จื่อยู่ได้ฟังการเรียกของหลินกู๋หยู่ หัวใจของเขาก็เต้นระรัวชั่วขณะหนึ่ง
นางกำลังถอยห่างจากเขา
ทั้งที่รู้อยู่แล้ว แต่กระนั้นลู่จื่อยู่ก็ยังคงรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่คิดถึงมัน
"คือว่า" ลู่จื่อยู่กล่าวด้วยความเศร้าหมองเล็กน้อย
ปรากฏว่ามีขุนนางท่านหนึ่งในเมืองหลินเป็ไข้ทรพิษ เมื่อได้ยินว่าคนที่นี่สามารถรักษาไข้ทรพิษได้ เขาจึงให้คนมาที่โรงหมอตระกูลลู่และจ่ายเงินจำนวนมาก
เดิมทีลู่จื่อยู่ยังคิดไม่ออกว่าจะหาข้อแก้ตัวใดถึงจะสามารถมาที่นี่ได้ แต่ตอนนี้เป็โอกาสที่ดีที่สุดแล้ว เขาแทบรอไม่ไหวที่จะมาที่นี่ด้วยรถม้า
“ไข้ทรพิษ?” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่และพูดอย่างงงงวยเล็กน้อย “ข้าบอกวิธีให้เ้านานแล้วไม่ใช่หรือ?”
ร่องรอยของความลำบากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่จื่อยู่แวบหนึ่ง เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย "แต่ข้าไม่มั่นใจ"
“โรคชนิดนี้ ข้าก็ไม่มั่นใจเช่นเดียวกัน” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่ มือทั้งสองข้างกำแขนเสื้ออย่างไม่สบายใจ “เ้ารับรองได้หรือไม่ว่ามันคือไข้ทรพิษจริงๆ?”
ลู่จื่อยู่พยักหน้า
ฟางซื่อยืนอยู่ที่ประตูฟังคำสนทนาระหว่างหลินกู๋หยู่และลู่จื่อยู่ ร่องรอยของการกลั่นแกล้งฉายแววในดวงตาของนาง นางเดินเข้ามาจากข้างนอกด้วยรอยยิ้ม "น้องสะใภ้ ชีวิตมนุษย์เป็เื่ใหญ่มาก เ้าควรจะไปโดยเร็ว ไม่แน่ว่าคนๆ นั้นอาจจะหมดลมหายใจในไม่ช้า เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”
"ทางฝ่ายนั้นมีการตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ตราบใดที่เ้าไปตรวจรักษา ก็จะให้เงินมัดจำหนึ่งร้อยตำลึง เงินส่วนที่เหลือจะมอบให้เ้าเมื่อคนป่วยหายเป็ปกติ" ลู่จื่อยู่ถือพัดกระดาษแน่นพร้อมกับมือไพล่หลัง มองหลินกู๋หยู่อย่างกังวล
“ข้าสอนทุกอย่างที่จำเป็ต้องสอนแล้ว” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงของนางค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก “ข้าไม่อยากไป เ้าไปคนเดียวก็ได้แล้ว”
ก่อนที่ลู่จื่อยู่จะทันได้พูด หลินกู๋หยู่ก็เอื้อนเอ่ย "เมื่อตอนที่คนจำนวนมากป่วยเป็ไข้ทรพิษ เ้าก็รู้วิธีดูแลพวกเขานี่"
ฟางซื่อเดินเข้าไปจับข้อมือของหลินกู๋หยู่ เผยรอยยิ้มสนิทสนม "น้องสะใภ้ เ้าจะปฏิเสธงานดีๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?"
หลินกู๋หยู่ถอนมือออกอย่างใจเย็น
แสงแดดสาดส่องกระทบร่างของนาง แต่หลินกู๋หยู่ก็ยังคงรู้สึกอึดอัดมาก เงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่และพูดเบาๆ "เ้าไปคนเดียวก็ได้แล้ว"
“เ้าใจร้ายขนาดนี้ได้อย่างไร?” ก่อนที่ลู่จื่อยู่จะพูด ฟางซื่อก็ขมวดคิ้ว “คนกำลังจะตาย แต่เ้ากลับไม่เข้าไปช่วย”
"ข้าไปก็อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้” หลินกู๋หยู่ก้มศีรษะลง ขณะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ลู่จื่อยู่ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นและเอ่ยตักเตือน "สมาชิกในครอบครัวขุนนางนั้นค่อนข้างมีอำนาจ ... "
ค่อนข้างมีอำนาจ
หลินกู๋หยู่เข้าใจถึงสิ่งที่ลู่จื่อยู่หมายความถึง นางยิ่งรู้สึกลำบากใจ
“หรือไม่ก็รอให้ฉือหางกลับมาแล้ว ข้าจะไปกับเ้า” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามอย่างลองเชิง
“น้องสามขึ้นไปบนูเา ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร” ฟางซื่อพูดด้วยรอยยิ้ม “เ้าวางใจเถอะ รอให้เ้าสามกลับมาแล้วข้าจะบอกเขาเอง”
หันศีรษะมองที่ฟางซื่อ หลินกู๋หยู่ยืนอยู่ที่เดิม ยังคงไม่อยากจากไป
"ถ้าเราไปตอนนี้ เราจะไปถึงที่นั่นใน่บ่าย" ลู่จื่อยู่เม้มริมฝีปากเบาๆ เอ่ยพูดอย่างลำบากใจเล็กน้อย "ถ้าไปช้านานกว่านี้ เราอาจจะต้องเดินทางตอนกลางคืนแล้ว"
“น้องสะใภ้สาม เงินจำนวนมากขนาดนี้ เ้าต้องรักษาโอกาสไว้ให้ดี” ฟางซื่อกล่าวกับหลินกู๋หยู่อย่างเคร่งขรึม “ถึงเวลานั้นข้าจะบอกน้องสามเอง”
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่ ก่อนที่จะชำเลืองมองฟางซื่อที่อยู่ข้างๆ นาง และพูดด้วยความมั่นใจว่า "ข้าต้องรอให้พี่ฉือหางกลับมาก่อน ถึงจะไปกับเขาได้"
ถ้อยคำเหล่านี้ประหนึ่งมีดสั้นแทงเข้าที่หน้าอกของเขาโดยตรง
ลู่จื่อยู่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตอนนี้หลินกู๋หยู่ไม่สามารถจากบุรุษคนนั้นได้
บุรุษคนนั้นมีอะไรดีนักหนา ลู่จื่อยู่ขมวดคิ้ว บุรุษคนนั้นรู้จักตัวหนังสือเพียงสองสามตัว เขาไม่ชอบพูด ค่อนข้างจะน่าเบื่อมากเสียด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นท่าทีของหลินกู๋หยู่เช่นนี้ ฟางซื่อก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "น้องสะใภ้สาม คนป่วยอาจจะเสียชีวิตในอีกไม่ช้า เมื่อก่อนเ้าก็ไปช่วยตรวจรักษาคนป่วยเ่าั้ทุกๆ เช้าไม่ใช่หรือ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนไปแล้วล่ะ?”
ที่ที่ใจพักพิง ใจอยู่ที่ไหน ตัวก็อยากอยู่ที่นั่น
หลินกู๋หยู่ลดสายตาลงเล็กน้อย หัวใจของนางอยู่ที่ฉือหาง นางจะต้องคำนึงถึงคนสองคนในทุกสิ่งที่นางทำ
"ข้าจะให้สารถีอยู่ที่นี่คอยแจ้งพี่ฉือ เมื่อถึงเวลานั้นให้เขาไปหาพวกเราดีหรือไม่?" ลู่จื่อยู่เอ่ยถามอย่างลองเชิง
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
ูเาลูกนั้นใหญ่มาก แม้ว่าจะให้คนไปหาเขาตอนนี้ แต่กระนั้นก็ตามพวกเขาก็ไม่สามารถหาฉือหางได้ในชั่วขณะหนึ่ง
"ชีวิตคนกำลังตกอยู่ในอันตราย!" ลู่จื่อยู่อดไม่ได้ที่จะพูด
“เอาล่ะ ข้าจะไปคุยกับพี่สะใภ้ใหญ่สักครู่ แล้วข้าจะไปกับเ้า” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าของนางน่าเกลียดเล็กน้อย
หลังจากเก็บผ้านวมทั้งหมดในลานบ้านเข้าไปในบ้านแล้ว หลินกู๋หยู่ก็ลงกลอนประตู
แม้ว่าหญิงสาวจะรู้ว่าครอบครัวพี่รองยังมีเงินจำนวนมากซึ่งเพียงพอสำหรับพวกเขา แต่อย่างไรนางก็ยังเป็กังวลเล็กน้อย
หลังจากไปที่ลานข้างบ้าน หลินกู๋หยู่บอกเวลาให้ซ่งซื่อไปรับโต้ซาจากโรงเรียน จากนั้นบอกซ่งซื่อเกี่ยวกับเื่ที่นางจะไปช่วยดูแลรักษาคนป่วย
ซ่งซื่อพยักหน้า เมื่อนางได้ฟังสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด เหลือบมองเด็กสองคนที่กำลังเล่นอยู่ในโคลนในลานบ้านโดยไม่ได้ตั้งใจ นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย "เ้าไปเถอะ เมื่อถึงเวลาข้าจะไปรับโต้ซา เมื่อเ้าสามกลับมา ข้าจะบอกเขาเอง"
หลินกู๋หยู่นั่งอยู่ในรถม้าโดยนั่งตรงข้ามลู่จื่อยู่ เปิดม่านข้างๆ และมองดูทิวทัศน์ข้างนอก
"เมื่อถึงในตอนบ่าย หลังจากดูแลรักษาคนป่วยเสร็จแล้ว พวกเรารีบกลับกัน” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่และพูดอย่างเคร่งขรึม "ข้าไม่อยากอยู่ข้างนอกตอนกลางคืน"
"ตกลง"
ลู่จื่อยู่พยักหน้ารับคำ
เมื่อถึงเวลาเที่ยง ลู่จื่อยู่ซื้ออาหาร ทั้งสองคนทานอาหารอย่างเรียบง่ายในรถม้า
เมื่อสิ่งที่กินเข้าไปในท้องของหลินกู๋หยู่โคลงเคลงจนอยากจะอาเจียน ในที่สุดก็มาถึง
ด้านนอกบ้านขุนนาง
แผ่นจารึกอันงดงามตระการตาถูกแขวนไว้บนบานประตู
สองข้างมีเสาสีแดงขนาดใหญ่ ลงอักขระสีทอง
นี่ต่างหากถึงได้ชื่อว่าเป็บ้านของคนรวย
หลินกู๋หยู่เดินตามลู่จื่อยู่เข้าไปข้างใน
ในขณะที่ทั้งสองคนเดินเข้าไป สาวใช้หลายคนก็เข้ามาทักทายต้อนรับพวกเขา
"หมอลู่ ในที่สุดพวกท่านก็มาที่นี่สักที" หญิงสาวที่เดินอยู่ข้างหน้าสุดทรงผมมวยเมฆาเหิน ปิ่นแมลงปอหยกหุ้มทองคำเสียบเฉียงไว้บนศีรษะของนาง นางสวมชุดกระโปรงร้อยจีบสีขาวพระจันทร์ซิ่นดอกบ๊วย สวมรองเท้าพื้นนิ่มปักไข่มุก “ตามข้าไปหาท่านปู่เถอะ”
คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวอายุน้อยขนาดนี้จะแต่งงานแล้ว
หลินกู๋หยู่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจา เดินตามหญิงสาวเข้าไปด้านใน
หลังจากเดินไปถึงห้องขนาดใหญ่ หลินกู๋หยู่ก็เดินตามลู่จื่อยู่เข้าไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสีแดงสดมองมาที่ลู่จื่อยู่อย่างร้อนรน
"หมอลู่ ในที่สุดท่านก็มาถึง" ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างตื่นเต้น "ถ้าท่านยังไม่มาอีก พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว?"
ลู่จื่อยู่หันไปด้านข้างเล็กน้อย ชี้นิ้วมือไปที่หลินกู๋หยู่และกล่าวแนะนำ "หมอท่านนี้ต่างหากที่สามารถรักษาโรคไข้ทรพิษได้"
เมื่อลู่จื่อยู่พูดดังนั้น สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นก็หยุดชะงักชั่วคราว ก่อนที่จะพูดอย่างไม่เชื่อสายตาว่า "เ้าทำได้หรือ?"
หลินกู๋หยู่เพียงยิ้มบางและเดินตรงไปข้างหน้า
เมื่อฉือหางกลับถึงบ้าน ประตูบ้านถูกลงกลอน เขาเปิดประตูอย่างน่าสงสัย และเมื่อเข้าไปข้างในก็ไม่มีใครอยู่ในบ้าน
ฟางซื่อให้ความสนใจกับสถานการณ์ที่นี่มาโดยตลอด เมื่อเห็นดังนั้นนางก็รีบเดินบิดเอวมาจากอีกฝั่งอย่างเร่งรีบ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "น้องสาม น้องสะใภ้สามขอให้ข้าบอกเ้าว่ามีคนเป็ไข้ทรพิษ นางไปตรวจรักษาแล้ว”
พูดฉือหางยิ้มพลางพยักหน้า "ขอบคุณ พี่สะใภ้รอง"
ฟางซื่อก็เดินเข้ามาหาฉือหางด้วยรอยยิ้ม เอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ "เ้าสาม ตอนที่ข้ามองไปที่น้องสะใภ้สามกับผู้ชายคนนั้น ข้ารู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติหลายส่วน!"