จิ่งฝานใบหน้าไร้อารมณ์ แต่กลับถูมืออย่างควบคุมไม่ได้ บนมือยังมีรอยน้ำมันลื่นๆ อยู่ เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเขาเป็อะไร ถึงได้ทำเื่ไร้สาระพวกนี้ขึ้นมา
จิ่งเซียงที่ดึงสติกลับมาได้แล้วพูดออกมาว่า “พวกท่านสองคนอายุสามขวบหรือ? เมื่อกี้ใครยังหัวเราะข้าว่าเป็เด็กอยู่เลย?”
อ๋าวหรานยิ้มหวาน ยื่นมือที่เลอะน้ำมันไปหยิกแก้มนาง “มีผ้าเช็ดมือหรือไม่?”
จิ่งเซียงปัดมือเขาออก ถูหน้าอย่างรังเกียจ ส่งผ้าเช็ดมือสีขาวให้เขา อ๋าวหรานเห็นแล้วก็ทำใจเอามาเช็ดมือไม่ได้
จิ่งเซียง “เ้าใช้ไปเถิด ใช้เสร็จแล้วก็ทิ้งได้เลย ข้ายังมีอีกเยอะ”
อ๋าวหรานจึงทำได้แค่พยักหน้า ตอนที่กำลังจะเช็ดมือกลับนึกขึ้นได้ว่ามือของจิ่งฝานก็คงจะสกปรกเหมือนกัน อ๋าวหรานเห็นเขา ยืนทำหน้าไร้อารมณ์อยู่อีกทาง พูดอย่างทำอะไรไม่ได้ว่า “นี่... ล้อเล่นแค่นี้เ้าไม่ต้องเก็บมาใส่ใจมากก็ได้ ข้าเองก็ถูกเ้าเอาคืนแล้ว ถือว่าหายกันแล้วนะ”
จิ่งฝานหรี่ตามองเขาไปทีหนึ่ง ไม่พูดอันใด อ๋าวหรานหัวเราะส่งผ้าเช็ดมือให้เขา “เอ้า เช็ดมือหน่อย แล้วก็ปากกับคางด้วย”
พวกเขาล้อเล่นรื่นเริงกันพักหนึ่งจนตอนนี้ดึกกว่าเดิมแล้ว แต่โคมไฟกลับยิ่งสว่างสดใสมากขึ้น โดยเฉพาะดอกจินมู่นั้นเรียกได้ว่าใสดุจหยกเลยก็ว่าได้ ได้ลำแสงจากเทียนช่วยทำให้ดูเหมือนเปล่งแสงได้ งดงามจนแทบทนไม่ไหว ตรงปลายสุดถนนมีเสียงเพลงไพเราะอ่อนหวานเคล้าคลอเสียงเสนาะหูของดนตรีลอยออกมา ยิ่งเดินก็ยิ่งใกล้ เหมือนว่ากำลังค่อยๆ เคลื่อนมาทางนี้
จิ่งเซียงพูดอย่างตื่นเต้น “เทพธิดาดอกจินมู่! เทพธิดาดอกจินมู่นี่! ร้องเพลงเพราะจังเลย!”
ไม่ใช่แค่จิ่งเซียงคนเดินถนนทั้งหลายก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา พากันยืดคอมอง สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดีและรอคอยที่ปิดไม่มิด
อ๋าวหรานเองก็ค่อยๆ ชะเง้อมอง นี่คงเป็ดอกท้ออีกดอกหนึ่งของตัวเอกสินะ สาวน้อยที่บริสุทธิ์ราวกับเซียน
คนที่อาศัยอยู่บนพื้นที่บริเวณโดยรอบของตระกูลจิ่งนี้ ทุกคนถือว่าดอกจินมู่เป็ดอกไม้แห่งเทพที่ลงมาจาก์ เหตุเพราะดอกไม้ชนิดนี้รูปลักษณ์ไม่เหมือนสิ่งที่อยู่บนโลกมนุษย์ ั้แ่อดีตเมื่อกว่าพันปีมาแล้วก็มีเทศกาลที่ใช้ชื่อดอกจินมู่ตั้งเป็ชื่อเทศกาลแล้ว สืบทอดต่อกันมาถึงปัจจุบัน พัฒนาจนยิ่งใหญ่อลังการ ทุกครั้งที่เวียนมาถึงเทศกาลนี้ ความคึกคักรื่นเริงก็จะเกิดขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ที่นี่ทุกๆ สองปีจะมีการเลือกหญิงสาวที่งดงามที่สุดมาหนึ่งคน ตั้งให้เป็เทพธิดาดอกจินมู่ หญิงสาวที่ได้รับคัดเลือกจำเป็ต้องไปอาศัยอยู่ที่ตำหนักเทพดอกจินมู่เป็เวลาหนึ่งปี ในหนึ่งปีนี้นางจะเรียนการร้องเพลงเต้นระบำเพื่อขอพร เพื่อรอจะเต้นให้ผู้คนได้ชมในวันเทศกาล นอกจากนี้นางจะต้องกินดอกจินมู่ทุกวันวันละดอก แฝงความหมายว่านางรวมเป็หนึ่งเดียวกับดอกจินมู่ นางเป็ร่างแปลงของดอกจินมู่นั่นเอง
เทศกาลดอกจินมู่ในทุกปีเทพธิดาจะนั่งเกี้ยวสิบหกคนหามจากตำหนักเทพผ่านถนนเส้นที่คึกคักที่สุดนี้ เทพธิดาดอกจินมู่จะทั้งร้องทั้งรำอยู่บนเกี้ยวไปตลอดทาง
อิ่นซีเิปีนี้อายุสิบหก ปีที่แล้วได้รับคัดเลือกให้เป็เทพธิดาดอกจินมู่ พักอยู่ในตำหนักเทพมาหนึ่งปี ปีนี้เป็ปีแรกที่นางปรากฏตัวออกมาในงานเทศกาล เพื่อขอพรให้กับผู้ที่มาชม ทุกคนยังไม่เคยเจอนาง ความตื่นเต้นและรอคอยจึงมากล้น อีกทั้งมีข่าวลือว่านางเป็เทพธิดาที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยมีมา คนที่นี่ทุกคนนั้นเคยเห็นเทพธิดาของปีก่อน รูปลักษณ์แน่นอนว่าราวกับเทพเซียน งดงามจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็คำพูดได้ วันนี้มีคนที่งดงามยิ่งกว่าความงามราวเทพเซียนที่เคยผ่านๆ มา คนบนถนนต่างก็แหงนหน้ารอคอยสงสัยว่านางจะงามได้ถึงเพียงใด
เสียงเพลงใกล้เข้ามา คนด้านหน้าไม่รู้ว่าเห็นอะไรเข้าค่อยๆ เงียบเสียงลงไป ราวกับอากาศได้แข็งค้างไปแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ทำให้คนด้านหลังหัวใจคันยุบยิบอย่างทรมาน แต่ละคนดันตัวเองไปด้านหน้า ฝูงชนบนถนนถูกเกี้ยวขนาดใหญ่นั้นแหวกออก มองเห็นสาวน้อยจากไกลๆ อยู่บนเกี้ยว สวมชุดสีทองอ่อน บนชุดมีลายดอกไม้สีแดงประดับกระจัดกระจาย ชุดปกปิดมิดชิดเป็อย่างมาก ไม่เปิดเอว ไม่เปิดขา ปกคลุมร่างแน่งน้อยของสาวน้อยเอาไว้ มีเพียงข้อเท้าขาวนั่นที่โผล่ออกมาด้านนอก เหยียบอยู่บนเกี้ยวสีแดงอิฐ บางครั้งก็จะโค้งขึ้นราวจันทร์เสี้ยว ชุดบนร่างปลิวขึ้นตามท่าทางการร่ายรำ เมื่อมารวมกับโคมไฟโบราณ รวมถึงดอกจินมู่ สลัวๆ จึงงดงามราวกับภาพฝันก็มิปาน
แค่เห็นท่าทางจากร่างนั้นก็ทำให้ฝูงชนตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อเกี้ยวเคลื่อนเข้ามาใกล้ ฝูงชนด้านหลังก็เงียบลงเหมือนกับฝูงชนด้านหน้า จิ่งเซียงจับมืออ๋าวหรานอย่างตกตะลึงพลางพูดว่า “งดงามมากจริงๆ งามกว่าพี่ชายข้าอีก! เหมือนพี่สาวนางฟ้าลงมาจากสรวง์!”
อ๋าวหราน “......” เ้าแน่ใจนะว่าเ้าพูดเช่นนี้พี่เ้าจะไม่ตีเ้า?
แต่ทว่าก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่างดงามมากจริงๆ เป็ความงามแบบบริสุทธิ์สดใส งดงามสูงส่งปราศจากมลทิน ทำให้คนมองไม่เบื่อ ไม่รู้ลืม เมื่ออยู่ตรงหน้านางก็อยากจะเฝ้ามองอย่างเงียบๆ ไม่กล้าแสดงความบังอาจใดๆ กลัวว่าจะส่งเสียงทำให้นางใ หรือไปรบกวนนาง
จิ่งเซียงพูดอย่างตื่นเต้น “เป็อย่างไรเล่า! สวยกว่าหลางฉาอะไรนั่นใช่หรือไม่! ให้โอกาสเ้า หลางฉากับนางเ้าเลือกผู้ใด?”
อ๋าวหรานแอบมองจิ่งฝานที่ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะหันไปกรอกตาใส่จิ่งเซียง “......” แม่นาง นามที่เ้ากล่าวคือพี่สะใภ้เ้าทั้งหมดเลยนะ ตัวข้าที่เป็แค่ตัวรับะุแทนทำได้แค่มองเท่านั้น
จิ่งเซียงเขย่าชุดของเขา “รีบพูด ไม่ต้องอายหรอก!”
อ๋าวหราน “......”
จิ่งเซียง “เร็วเข้า”
อ๋าวหรานทำอะไรไม่ได้ “ข้าถอยให้พี่ชายเ้าหมดเลย”
จิ่งเซียงทำเสียงฮึ “พวกนางไม่คู่ควรกับพี่ชายข้า พี่ชายข้างดงามเกินไป”
อ๋าหราน “......” เมื่อกี้เ้ายังบอกว่าอิ่นซีเิงดงามกว่าพี่เ้าอีกนะ
อ๋าวหรานดีดกะโหลกนางไปทีหนึ่ง “ไม่แน่พี่เ้าอาจจะชอบก็ได้นะ”
พูดจบก็เอียงศีรษะ หันไปยักคิ้วให้จิ่งฝาน ถามเขาว่าตนพูดถูกหรือไม่
ที่เขามั่นใจว่าจิ่งฝานจะต้องชอบอิ่นซีเินั้นก็มีเหตุอ้างอิงอยู่ ในนิยายต้นฉบับจิ่งฝานถูกลักษณะราวกับเทพเซียนไม่เหมือนคนธรรมดาของอิ่นซีเิทำให้ตกตะลึงไป อีกทั้ง ในเนื้อเื่เขาค่อนข้างดูแลอิ่นซีเิดีมากทีเดียว แล้วมาประกอบกับใบหน้าที่นักเขียน ว่านเฟิง มอบให้กับอิ่นซีเิ งดงามหยาดเยิ้มจนไม่มีผู้ใดเทียบได้ เหมาะสมกับจิ่งฝานเพียงคนเดียวเท่านั้น มนุษย์ธรรมดาทั่วไปไม่คู่ควรกับแม่นางคนนี้จริงๆ
จิ่งฝานเห็นอ๋าวหรานยักคิ้วมาทางเขา อดดึงขนคิ้วเขาไม่ได้ หัวเราะเย็นๆ เสียงหนึ่ง ก่อนหันกายจากไป
ทิ้งให้อ๋าวหรานต้องเป่าปากออกมาทีหนึ่ง แล้วลูบๆ คิ้วตัวเอง จิ่งเซียงหัวเราะฮ่าฮ่า “วันนี้เ้าทำพี่ข้าโกรธเข้าแล้วล่ะสิ”
อ๋าวหราน “......” เป็พี่เ้าที่ใจแคบเกินไปต่างหากเล่า
จิ่งจื่อเองก็ส่ายหัว “อ๋าวหราน เ้าเก่งมาก”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้