ถึงแม้ว่าในร้านเหล้าจะเสียงดังอยู่พอสมควร แต่ในตอนที่เซี่ยเจิงยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนไปนั้น ชวีเสี่ยวปอกลับได้ยินเสียง “แก๊ง” ดังขึ้นมาอย่างชัดเจน... ความจริงคือ เขารู้ว่านั่นเป็เพียงการจินตนาการอย่างไม่มีมูลของตัวเอง ทว่าเสียงนี้กลับฟังดูเหมือนแก้วที่ถูกคนยกขึ้นมาสูงมาก จากนั้นก็ขว้างลงมาที่พื้นอย่างแรงจนแตกกระจายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากมาย
รู้สึกทะแม่งๆ
ชวีเสี่ยวปอยืนนิ่งอยู่ตรงนานนับหลายวินาที ภาพตรงหน้าราวกับถูกหยุดเอาไว้ จนกระทั่งเซี่ยเจิงร่ำลาคนที่อยู่ในโต๊ะนั้นเสร็จเรียบร้อย จากนั้นถึงค่อยเดินออกมาหาเขา
“ทำให้นายรอนานอีกแล้ว” ทันทีที่เดินออกจากร้านเหล้ามา เซี่ยเจิงก็คว้ามือของชวีเสี่ยวปอใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมพร้อมกับมือตัวเอง เมื่อถึงฤดูหนาว เซี่ยเจิงเองก็มักจะชินกับการติดแผ่นอุ่นเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อ ไม่ว่าชวีเสี่ยวปอจะจับมือเขาตอนไหนก็จะอุ่นอยู่ตลอดเวลา
แต่ครั้งนี้อุณหภูมิจากปลายนิ้วของเซี่ยเจิงที่ส่งผ่านมากลับไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่นัก ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าเขาอาจจะยืนอยู่ด้านนอกเป็เวลานานจนทำให้ร่างกายแข็งทื่อไปหมด จนทำให้แม้แต่ปฏิกิริยาตอบสนองก็ช้าลงไปหลายวินาที
“เปล่า” ชวีเสี่ยวปอตอบไปเสียงเบา “ไปกันเถอะ จะไปกินร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนั้นไม่ใช่เหรอ? ถ้าไปช้าอีกนิดร้านก็จะปิดแล้วนะ”
“เดี๋ยวก่อน” เซี่ยเจิงกดไหล่ของชวีเสี่ยวปอให้เขาหันหน้ามาเผชิญกับตัวเอง จากนั้นก็มองดูอย่างละเอียดครั้งหนึ่ง “อารมณ์ไม่ดีเหรอ? ”
“ฉันจะอารมณ์ไม่ดีอะไรเล่า” ชวีเสี่ยวปอรีบหันหลังและเดินไปข้างหน้าอยู่หลายก้าว แต่ก็ยังอดไม่ดีที่จะหันกลับมาะโพูดกับเซี่ยเจิงว่า : “ตกลงนายจะกินไหม! มันหนาวเนี่ย! ”
เสียงะโนี้ของชวีเสี่ยวปอทำให้ผู้คนที่เดินสัญจรไปมาพากันหันมามองเขาทั้งสองคน ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าพวกเขาสองคนเป็อะไรกัน แต่ด้วยท่าทางเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาทั้งคู่กำลังทะเลาะกันอยู่
ไม่สิ พูดให้ถูกคือ ความจริงเป็ชวีเสี่ยวปอที่โพล่งออกมาอย่างบ้าคลั่งอยู่เพียงฝ่ายเดียวต่างหาก
“นี่มันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” แม้ว่าเซี่ยเจิงจะยังไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น แต่อารมณ์แบบนี้ของชวีเสี่ยวปอ ท่าทีตอบโต้แรกของเซี่ยเจิงก็คือเดินเข้าไปและตั้งใจจะกอดเขาเอาไว้
คาดไม่ถึงว่าทันทีที่อ้าแขนออกมา ชวีเสี่ยวปอก็ชี้มาที่เขา “ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ !”
ใช่เลย ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่า อารมณ์แบบนี้มันพุ่งมาที่เขาโดยตรง
“ตกลงเป็อะไร? ” เซี่ยเจิงหยุดยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง ทั้งสองคนอยู่ห่างกันออกไปประมาณห้าถึงหกเมตรได้ ยืนะโคุยกันภายใต้ลมแรงโดยที่มีความว่างเปล่าคั่นกลาง และบอกได้เลยว่า ใครที่เห็นเข้าล้วนพูดเป็เสียงเดียวว่าสติไม่ดี
“คนนั้นคือใคร !” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าเขาเองบ้าไปแล้วจริงๆ ผู้ชายที่โตขนาดนี้แล้วยังจะมายืนพูดะโโวยวายอยู่ข้างถนน เพียงเพราะคู่รักของตัวเองไปดื่มเหล้ากับคนอื่น แต่เมื่อนึกถึงในขณะที่เขากำลังรออยู่ด้านนอก ส่วนเซี่ยเจิงกลับดื่มเหล้ากับคนอื่นอยู่ด้านใน ชวีเสี่ยวปอก็รู้สึกว่า เขาะโโวยวายแค่นี้ยังไม่พอเลยด้วยซ้ำ เขาไม่เพียงแต่้าที่จะะโออกไป ทั้งในตอนนี้ยังรู้สึกเสียใจมาด้วยที่ในตอนนั้นไม่เดินเข้าไปอีกนิด แล้วคว่ำแก้วเหล้าของเซี่ยเจิงทิ้งไปซะ !
“ฮะ? คนไหน? ” เซี่ยเจิงผงะไปทันที “ปอเอ๋อร์ นาย...”
“ก็คนที่นายดื่มเหล้ากับเขาเมื่อกี้ไง? ” ชวีเสี่ยวปอพูดแทรกเขาขึ้นมา ทั้งยังะโเสียงดังออกไปทุกคำ “ไอ้บ้านั่นมันเป็ใคร !”
“ฉันไม่รู้จัก ก็แค่ลูกค้าในร้าน” เซี่ยเจิงตอบ “ปอเอ๋อร์ นายเดินเข้ามาก่อนได้ไหม? ”
“ฉันไม่ไป !” ชวีเสี่ยวปอโมโหขึ้นกว่าเดิม “นายไม่รู้จักแล้วยังจะไปดื่มกับเขาอีก ดื่มไปให้ตายไปเลยสิเซี่ยเจิง บ๊ายบาย !”
“นายพูดอะไรหน่อยสิ” ชวีเสี่ยวปอเตะซือจวิ้นที่เอาแต่เงียบหลังจากฟังเื่ราวที่เขาเล่าจนจบ “เด็กประถมอ่านนิทานยังต้องเขียนความรู้สึกหลังอ่านเลย นายไม่ต้องมาทำเป็เงียบกับฉันเลยนะ”
“รุนแรงเกินไปแล้ว! ความรุนแรงแก้ไขปัญหาไม่ได้หรอก! ” ซือจวิ้นตบลงไปตรงที่ที่โดนชวีเสี่ยวปอเตะ ก้มหน้าพลางพูดขึ้นว่า : “มีความรักต้องสงบสติอารมณ์ลงหน่อย ถึงจะสามารถอยู่ด้วยกันยืนยาวเข้าใจไหม เข้าใจซึ่งกันและกัน นึกถึงอีกฝ่าย...”
“ปิด Q&A ในไป่ตู้ [1] ของนายไปเดี๋ยวนี้เลย !” ชวีเสี่ยวปอกัดฟัน
“ไม่ใช่ แล้วหลังจากนั้นล่ะ? ” ซือจวิ้นถอนหายใจออกมา “นายด่าเซี่ยเจิงไปยกหนึ่ง เขาก็ปล่อยนายไปทั้งอย่างนั้นเลย? ”
“อืม น่าจะไม่มีเหตุผลมาแย้งละมั้ง” ชวีเสี่ยวปอยังคงกัดฟันเอ่ยขึ้นมา “ก็ถูกฉันสะกิดความรู้สึกผิดเข้าแล้วนี่”
“จู่ๆ ก็นึกถึงตอนที่นายสองคนเพิ่งจะรู้จักกันขึ้นมาเลย” ซือจวิ้นแอบขยับก้นออกมาด้านข้าง เพื่อให้นั่งห่างจากชวีเสี่ยวปอเล็กน้อย “มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้กัน ต่อยกันสักยกก็จบแล้ว ถ้ายกเดียวยังไม่พออีกสักก็ได้”
ถ้าหากมันง่ายขนาดนั้นก็ดีสิ
ถ้าการสู้กันสักตั้งสามารถแก้ปัญหาได้จริงๆ เขาเองก็คงจะไม่ต้องมาพัวพันยุ่งเหยิงอยู่ตลอดสองวันนี้หรอก ทั้งกินไม่ได้นอนไม่หลับ แล้วยังต้องมาเล่าปัญหาความรักของตัวเองให้ซือจวิ้นฟังอีก
มันช่างไม่เป็ชวีเสี่ยวปอเลยจริงๆ
“ที่จริงข้อสรุปนี้ของนายมันไม่ถูก” ในที่สุดซือจวิ้นก็จริงจังขึ้นมาแล้ว “ฉันจะวิเคราะห์ให้ นายอยากฟังไหม? ”
“อืม” ชวีเสี่ยวปอเหลือบตาขึ้นมามอง “ไหนพูดมาสิ”
“พูดถึงความคิดในตอนนี้ของนายก่อนเลย” ซือจวิ้นพูดขึ้นมาเป็ลำดับขั้นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง “เซี่ยเจิงจะชอบคนอื่นหรือเปล่า นี่มันเป็สิ่งที่นายคิดขึ้นมาเองนะ”
“ทำไมถึงเป็ฉันคิดขึ้นมาเองแล้วล่ะ เขาไปดื่มกับคนอื่นแล้วนะ” ชวีเสี่ยวปอเถียงออกมาทันที
“ใช่ ดื่มเหล้า แล้วยังไงล่ะ? ” ซือจวิ้นพูดขึ้นมาอย่างเป็ธรรม “ดื่มเหล้าก็แสดงว่าเขาชอบอื่นแล้ว แบบนี้นายไม่หาเื่ใส่ร้ายปรักปรำเขาไปหน่อยเหรอ? ”
ชวีเสี่ยวปอไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา แต่ในหัวของเขากำลังเล่นคำพูดของซือจวิ้นวนซ้ำไปซ้ำมา หลังจากที่ตั้งใจคิดทบทวนอยู่หลายรอบ ดูเหมือนว่าคำพูดนี้จะมีเหตุผลอยู่จริงๆ ในตอนที่เขาเห็น เนื่องด้วยความโมโห ดังนั้นจึงคิดไปสุ่มสี่สุ่มห้าว่าต้อง “เป็แบบนี้” แน่นอน แต่สาเหตุสำคัญมากส่วนหนึ่งของการ “เป็แบบนี้” นั้นเป็ก็เพราะเขามีอคติในใจของตัวเอง
“การที่เซี่ยเจิงไปดื่มเหล้ากับคนอื่นมันยืนยันอะไรไม่ได้เลย” ซือจวิ้นตบไหล่เขาเบาๆ “แต่ว่าฉันรู้อยู่อย่างหนึ่ง ปอเอ๋อร์ นายเหมือนว่าจะขาดความรู้สึกมั่นคงไปหน่อยนะ”
“ไม่ใช่ ยังมีอีกเื่” ทันใดนั้นชวีเสี่ยวปอก็นึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้
“ยังมีอีกเหรอ? เขาไปทำอะไรมาอีก? ”
“ไม่ใช่เซี่ยเจิง แต่เป็คนที่เขาดื่มเหล้าด้วย” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่ารังสีของความดุร้ายแผ่ขยายของมาจากตัวเขาแล้ว “ฉันรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นสนใจเซี่ยเจิง”
“นายด่วนตัดสินเกินไปไหม !” ซือจวิ้นมองท่าทางชวีเสี่ยวปอ แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกว่าการมีความรักมันไม่ได้ดีเลยสักนิด เพราะถึงยังไงการมีความรักก็ทำให้แม้แต่ไอคิวยังต่ำลงไปได้เลย แบบนี้มันช่างไม่คุ้มเสียจริงๆ “นายมองแค่แวบเดียว ก็ดูออกเลยเนี่ยนะ? ”
“นายไม่เข้าใจ” ชวีเสี่ยวปอจ้องมองเขา พร้อมทั้งพูดขึ้นอย่างจริงจัง : “ฉันรู้สึกได้ว่า เขาเป็แบบเดียวกับเซี่ยเจิง”
“แบบเดียวกัน? ” ซือจวิ้นกระแอม รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรพูดคำนี้ออกมาดีไหม “นายหมายความว่า เป็แบบที่ว่าชอบเพศ...”
“ใช่ แบบที่เป็ั้แ่เกิดนั่นแหละ” ชวีเสี่ยวปอพูดขึ้นอย่างหนักแน่น “ฉันก็แค่รู้สึกแบบนั้นอะ”
“ก็ได้ๆ ถือว่านายพูดถูกก็แล้วกัน” เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของชวีเสี่ยวปอกำลังพุ่งขึ้นมาแล้ว ซือจวิ้นจึงรีบตามน้ำไปทันที “สมมติว่าถ้าผู้ชายคนนั้นสนใจเซี่ยเจิงจริง แล้วเซี่ยเจิงไปดื่มกับเขา ก็พิสูจน์อะไรไม่ได้อยู่ดี”
“ไม่ !” ชวีเสี่ยวปอตบลงไปบนต้นขาอย่างแรง ซือจวิ้นที่ได้ยินเสียงนั้นก็สะดุ้งขึ้นมาด้วยความรู้สึกเจ็บแทน “ในเมื่อฉันยังดูออกเลย เพราะงั้นเซี่ยเจิงก็ต้องดูออกแน่นอน !”
.............................
เชิงอรรถ
[1] ไป่ตู้ (百度) เป็เว็บไซต์ที่คนจีนนิยมเอาไว้ใช้ค้นคว้าข้อมูลกัน