หลิวเต้าเซียงยิ้มแล้วพยักหน้ารับ นางกล้าพูดได้เลยว่า หวงเสียวหู่คงติดใจกับการสั่งสอน อีกทั้งซุนต้าเตาผู้นั้นก็น่าชิงชังจริงๆ การสั่งสอนเขาอย่างลับๆ ก็ถือว่าไม่เลว
กระนั้น นางจึงใช้น้ำเสียงประสาเด็กน้อยออดอ้อน “พี่หูจื่อ ก่อนหน้านี้ข้าใเพราะท่าทางดุร้ายของเขา”
สิ่งนี้เรียกว่าการหยิบยืมกำลัง หลิวเต้าเซียงใช้ลูกไม้นี้ทันใด
หวงเสียวหู่ถ่มน้ำลายอย่างแรงอีกหนึ่งรอบ เขาก็เกลียดชังซุนต้าเตาเช่นกัน รู้สึกว่าบุรุษคนนั้นไม่เหมือนลูกผู้ชายทั่วไป
ถ้าโลกนี้มีการกล่าวถึงพวกลูกผู้ชายจอมปลอม แน่นอนว่าซุนต้าเตาต้องถูกหวงเสียวหู่จัดอยู่ในหมวดหมู่นี้
“ไม่ต้องกลัว ข้าได้ยินหมดแล้ว ฮี่ๆ เ้าผอมแห้งแรงน้อยสู้กับเขาไม่ไหว วางใจเถิด พี่หูจื่อมีวิธี”
สำหรับวิธีการที่จะใช้จัดการซุนต้าเตา หวงเสียวหู่ไม่ได้เอ่ยออกมา
“นั่นไง ย่าของเ้าอยู่ที่นั่น”
ในขณะที่พูดคุยกัน ปรากฏว่าทั้งสองมาถึงประตูสวนผักด้านหลังของตระกูลหวงแล้ว
“ท่านย่า พี่ชายของป้ารองมาที่บ้าน”
เมื่อเห็นว่าหลิวฉีซื่อยังคงนั่งและโก่งหลังเก็บต้นกล้าฟักทองอยู่ในแปลงผัก นางก็ใช้ไหวพริบ แล้วก็เปล่งเสียงอีก “เขายังหิ้วขาหมูมาเยี่ยมท่านป้าหนึ่งคู่ด้วย”
จริงตามคาด หลิวฉีซื่อเพิ่งได้ยินคำพูดของนางก็ลุกขึ้นช้าๆ แล้วพึมพำบ่นว่าตนเองปวดหลัง
หลิวเต้าเซียงเหลือบมองนางด้วยความรังเกียจ คิดว่าตนเองจะไปปรนนิบัตินางเหมือนคนรับใช้หรือ
อย่าแม้แต่จะคิด!
“ท่านย่า ท่านลุงนั้นท่าทางดุร้ายยิ่งนัก เอาแต่สบถคำว่ามารดาเถอะ แล้วยังบอกว่าป้ารองไม่ควรซักผ้า บอกว่าจะฟันอะไรสักอย่าง”
นางยัง้าพูดอ้อมค้อมกว่านี้ จนหวงเสียวหู่ที่อยู่ข้างๆ เพิ่มความยุ่งเหยิงอย่างเต็มที่ “ท่านย่าฉี ซุนต้าเตาผู้นั้นบอกว่าบ้านของท่านไม่ควรให้ผู้หญิงตระกูลของเขาที่ออกเรือนแล้วทำงานบ้าน แล้วยังบอกว่า จะฟันท่าน บอกว่าท่านเอาแต่ทรมานลูกสะใภ้แล้วยังชอบต่อว่าต่างๆ นานา ฮึ ปากอสรพิษยิ่งนัก ด่ากระทั่งบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของท่านด้วย”
ท่านย่าหวงที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินสิ่งที่หลานชายพูด แล้วเห็นว่าใบหน้าของหลิวฉีซื่อเริ่มเขียวปั๊ด จึงกลัวว่าหวงเสียวหู่จะพูดอะไรที่น่าเกลียดอีกครั้ง นางจึงรีบด่าอย่างร้อนรน “หวงเสียวหู่ เ้าลูกลิง วันๆ ไม่หัดเรียนรู้สิ่งดีๆ เก่งจริงยืนรออยู่ตรงนั้นเลยนะ”
“ท่านย่า นี่จะโทษข้าไม่ได้ ข้ากับเพื่อนฝูงได้ยินกันทั่ว” หวงเสียวหู่เกรงว่าหลิวฉีซื่อจะไม่เชื่อ จึงเสริมเข้าไปอีก
โอ้โห เพื่อนยาก จับมือหน่อย
คําพูดของหวงเสียวหู่ทําให้หลิวเต้าเซียงมีความสุขมาก นางตัดสินใจว่าครั้งต่อไปที่ไปที่ตำบลจะซื้อขนมงาให้เขากิน
“เ้าเด็กบ้า อยากโดนตีหรือไง? รอก่อนนะ ดูสิว่าข้าจะสั่งสอนเ้าอย่างไร อีกเดี๋ยวกลับไป ข้าจะบอกปู่ของเ้า” ย่าหวงเห็นหลิวฉีซื่อโกรธจนใบหน้าสลับม่วงกับขาว เกรงว่าจะโมโหจนเป็อะไรขึ้นมา จึงรีบด่าหวงเสียวหู่
เมื่อหวงเสียวหู่ได้ยินว่าเขาจะถูกตีจึงตัวสั่นไปชั่วขณะ แล้ววิ่งหายหัวไป
ส่วนหลิวเต้าเซียงได้แต่ยืนอึ้งไป
ส่วนหลิวฉีซื่อที่อยู่ในแปลงผักขณะนี้ ไม่สนใจต้นกล้าฟักทองที่ขุดเสร็จแต่อย่างใด นางเดินจ้ำอ้าวเข้ามาทางหลิวเต้าเซียง
“ซุนต้าเตาพูดเช่นนั้นจริงหรือ?”
มือที่เปื้อนโคลนสองข้างบีบไหล่บางๆ ของหลิวเต้าเซียงไว้แน่น
ความเ็ปทําให้นางขมวดคิ้วจนเป็ปื้นดุจหมึก
“ท่านย่า ท่านลุงซุนเขา…ฮือๆ ดุร้ายมาก!” ดวงตากลมโตเมื่อครู่กำลังมีน้ำตาคลอเบ้า
บ้าจริง ข้าเจ็บนะ
หลิวฉีซื่อมองนางเหมือนนางกลัวจริงๆ ในใจกลับรู้สึกได้ใจไปชั่วขณะ สมควรโดนด่า
“ท่านย่า ท่านลุงซุนสาปแช่งท่านย่า...” หลิวเต้าเซียงอดทนกับความอยากที่จะสะบัดมือ แล้วกัดฟันเค้นเสียงเพื่อยุยง
ซุนต้าเตา ฮึ อยากอาศัยจังหวะเอาเื่ชั่วผลักภาระมาให้ครอบครัวของนาง ฝันไปเถอะ
ต้นกำเนิดของหลิวฉีซื่อเดิมทีก็ต่ำต้อย ชั่วชีวิตของนางเกลียดผู้ที่ดูถูกนางที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสาปแช่งนางให้ตายในเร็ววัน จึงยิ่งทวีไฟโทสะ บีบไหล่เล็กของหลิวเต้าเซียงเต็มแรง แล้วถาม “นางตัวดี รีบบอกมา เ้าสารเลวนั่นด่าอะไรข้าอีก?”
ท่านย่าหวงที่อยู่ด้านข้างมองไปที่ใบหน้าเล็กๆ ของหลิวเต้าเซียงที่กำลังซีดขาว และทนดูต่อไปไม่ไหวจริงๆ จึงดึงมือของหลิวฉีซื่อออก แล้วเอ่ย “เพียงแค่เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบ จะไปรู้เื่ซับซ้อนเช่นนี้ได้อย่างไร หากจะให้ข้าพูด เ้าควรกลับไปดูเองเสียดีกว่า ถึงอย่างไรก็เป็ฝั่งครอบครัวลูกสะใภ้มาถึงบ้าน”
ท่านย่าหวงหมายความว่าเ้าตัวเขามาถึงบ้านแล้ว เหตุใดเ้าจึงยังระบายอารมณ์กับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องอีก
ไม่รู้ว่าหลิวฉีซื่อฟังความออกหรือไม่ แต่นางก็ปล่อยตัวหลิวเต้าเซียง แล้วหันไปทางย่าหวงบอกว่าจะให้หลิวเต้าเซียงเป็คนนำต้นกล้าฟักทองกลับไป
จากนั้นตนเองก็รีบร้อนกลับไปบ้าน
“น้องสาวเต้าเซียง รีบกินผลหม่อนเร็ว” หวงเสียวหู่ไม่รู้ว่าไปเอาผลหม่อนมาจากไหน แล้วไว้ในกะละัะเบื้องขนาดเล็ก
“ยังมัวทำอะไรอยู่ตรงนั้น ไม่รีบไปอีก?”
ท่านย่าหวงเอื้อมมือออกไปผลักหลิวเต้าเซียง ยิ้มแล้วเอ่ย “ไปเร็ว ลูกลิงนั่นน่ะไม่ชอบกินอาหารแมลง มือไม้อ่อนนัก”
หลิวเต้าเซียงเม้มริมฝีปาก แล้วมองไปทิศทางที่หลิวฉีซื่อจากไปด้วยสีหน้าเป็กังวล
หวงเสียวหู่ไม่ชอบนิสัยของนางเช่นนี้ จึงด่า “เ้าซื่อบื้อหรือ ย่าของเ้าไม่ได้ดีกับเ้าเสียหน่อย เ้าจะรีบร้อนกลับไปด้วยเหตุใดกัน? ไม่เห็นมีอะไรน่าดู ไม่แน่ว่าอาจจะตกกระไดพลอยโจนด้วยก็ได้”
หลิวเต้าเซียงไม่คิดว่าหวงเสียวหู่จะเป็คนกล้าพูด ท่านย่าหวงเริ่มกระวนกระวายอีกครั้ง “เสี่ยวหูจื่อ เ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่ได้ตีหลายวันเห็นทีคงคันเนื้อคันตัวใช่หรือไม่?”
“ท่านย่า ข้าก็โตมากแล้ว ไม่เชื่อเื่ที่ท่านขู่ข้าแล้ว น้องเต้าเซียง ย่าของข้าไม่ใจร้าย ทีนี้เป็อย่างไร หากไม่ใช่เพราะย่าของเ้าร้ายกาจเกินไป ย่าของข้าเมื่อครู่ก็คงไม่เสียงดังใส่ข้า”
หวงเสียวหู่ไม่ได้เห็นหลิวฉีซื่ออยู่ในสายตา ตระกูลหลิวเป็บ้านที่ร่ำรวย แต่ตระกูลหวงเองก็ไม่ต่างกันนัก ยิ่งไปกว่านั้น บิดาของเขาเป็ถึงซิ่วไฉ หากไม่ใช่เพราะมารดาของเขากำลังตั้งครรภ์อีก และบิดาของเขาต้องเตรียมตัวสอบในสามปีให้หลัง เขาคงไม่ต้องถูกส่งมาให้อยู่ในที่กันดารเช่นนี้
หลิวเต้าเซียงเม้มริมฝีปาก สำหรับสายกินแล้ว ผลหม่อนสดใหม่ย่อมเป็อะไรที่อร่อยแน่นอน
ผลหม่อนไม่ใหญ่นัก แล้วยังเป็ผลไม้ที่มีหาง ต้องเก็บอย่างมีความอดทน เมื่อคว้ามาหนึ่งกำมือหย่อนเข้าไปในปากแล้วกัด อื้อหือ มีแต่กลิ่นผลหม่อนเต็มปากไปหมด
หวงเสียวหู่กวักมือเรียกหลิวเต้าเซียง เมื่อนางเดินเข้าไปหาก็กระแอมแล้วเอ่ย “ข้าจะบอกกับเ้า ย่าของเ้าต้องปะทะฝีปากกับซุนต้าเตาเป็แน่ หากว่านางเห็นเ้า คงต้องระบุถึงตัวเ้าแน่นอน ซุนต้าเตาเป็คนเ้าคิดเ้าแค้น หากว่าทำให้เขาโกรธ ลำพังรูปร่างผอมแห้งราวถั่วงอกเช่นเ้า คงเละคามือเขาแน่”
หวงเสียวหู่บุคคลนี้พูดจาตรงไปตรงมา ผู้ที่เขายินดีคบหามักจะคล้อยตามทุกอย่าง แต่หากเป็คนที่ไม่เข้าตาละก็ เขาจะคิดหาหนทางวางกับดักให้แก่อีกฝ่าย
หลิวเต้าเซียงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ใส่ผลหม่อนที่เด็ดก้านทิ้งแล้วหย่อนเข้าไปในปาก ลิ้นสีชมพูอ่อนถูกย้อมเป็สีแดงในพริบตาเดียว
หวงเสียวหู่ฉีกยิ้มและหัวเราะคิกคัก หลิวเต้าเซียงมองเขาด้วยแววตาขยะแขยง ฮึ คนบ้าหัวเราะคนบ้าว่าเป็คนบ้า
ไม่เอากระจกส่องดูตนเองก่อน ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ปากดำไปหมด เผยฟันสีขาว กลางวันแสกๆ มองดูแล้วน่ากลัวชะมัด
แน่นอนว่าหวงเสียวหู่เป็ผู้มีศีลธรรมมาก หลิวเต้าเซียงจึงไม่ได้คิดจะหัวเราะเยาะ
“อืม ย่าของข้าโมโหร้าย”
นางชี้ทางอย่างเงียบๆ
หวงเสียวหู่กล่าวขณะกินผลหม่อน “ใช่โมโหร้ายที่ไหนกัน จะให้ข้าพูดละก็ ย่าของเ้าทั้งตระหนี่ทั้งชอบวางมาด”
หลิวเต้าเซียงเข้าใจทันทีจากคำพูดนี้ ความหมายคือหลิวฉีซื่อเป็เพียงหญิงเฒ่าต่ำต้อยแต่กลับอยากมียศฐาบรรดาศักดิ์
“เราไม่สมควรพูดจาไม่ดีกับผู้าุโนะ”
หวงเสียวหู่โกรธเล็กน้อยและพูดว่า “ข้ากําลังต่อสู้เพื่อเ้า”
หลิวเต้าเซียงคิดตามและเสริมว่า “หากผู้าุโได้ยิน จะถูกทุบตีเอาได้”
หวงเสียวหู่อ้าปากเหวอมองนาง
นางถูกเด็กสาวปั่นหัวอยู่หรือนี่
หลิวเต้าเซียงยังคงยิ้มให้เขา ข้าคือเด็กสาวที่เรียบร้อยและนอบน้อมต่างหาก
จากนั้นยังคงกินผลหม่อนอย่างช้าๆ
นางอยู่ในบ้านหลี่เจิ้งจวบจนตะวันลับฟ้า ท่านย่าหวงบ้านหลี่เจิ้งรั้งนางให้อยู่ทานข้าวกัน จากนั้นนางจึงโบกมือลาหวงเสียวหู่แล้วเดินกลับบ้านไปด้วยขาอันสั้น
ก่อนออกไป หวงเสียวหู่กำชับนางอีกรอบ อย่าไปปรากฏตัวต่อหน้าย่าของนาง
หลิวเต้าเซียงคิดในใจ นางดูเหมือนคนโง่เช่นนั้นหรือ?
มิฉะนั้น เหตุใดหวงเสียวหู่เอาแต่พูดถึงเื่นี้ไม่หยุดหย่อน?
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางก็เดินกลับด้วยท่าทางเยื้องย่างเฉกเช่นชายชรา แน่นอนว่าไม่ได้ลืมเื่ที่หลิวฉีซื่อฝากไว้ก่อนหน้านั้น
เมื่อนางมาถึงประตูก็ยืนรออยู่หน้าบ้านสักพัก เมื่อไม่ได้ยินเสียงอันใด จึงย่องเข้าไปในบ้านเงียบๆ
หลังจากหันซ้ายแลขวา อืม ประตูห้องปีกทั้งสองฝั่งเปิดไว้ ประตูเรือนหลักก็เปิดไว้ ในห้องครัวก็มีกลิ่นหอมของเปลือกโป๊ยกั๊กโชยออกมา
นี่น่าจะเป็ขาหมูน้ำแดงที่แม่ผู้แสนดีของนางทำ
เท้าเล็กของหลิวเต้าเซียงกระดกซ้ายขวา สุดท้ายก็เลือกเดินไปทางห้องปีกตะวันตก
“น้องรอง เ้ากลับมาแล้วหรือ ย่าไม่ได้ทำอะไรเ้าใช่หรือไม่?” หลิวชิวเซียงพุ่งมาสำรวจดูนาง
หลิวเต้าเซียงถอนหายใจและพูดว่า “ท่านพี่ สุราข้าวที่หนก่อนแอบรินมายังมีอยู่หรือไม่?”
“มีสิ ท่านพ่อจิบเพียงคืนละอึกเท่านั้น เขาไม่กล้าดื่มมากไปกว่านั้น มีอะไรหรือ?” หลิวชิวเซียงเอ่ยถามด้วยใบหน้าตื่นเต้น
หลิวเต้าเซียงขยับไหล่สองข้างบนบ่าที่มีรอยมือบีบ แล้วเอ่ย “เจ็บบ่า ถูกท่านย่าบีบจนเขียว”
“ฮึ ท่านย่าช่างโหดร้าย แต่ว่าวันนี้ท่านย่าเองก็ไม่ดีเลยแม้แต่น้อย”
ทันใดนั้น หลิวเต้าเซียงก็รู้สึกว่าความเ็ปเล็กน้อยนั้นไม่อาจนับอะไรได้
นางถามหลิวชิวเซียงว่าเกิดอะไรขึ้น
หลิวชิวเซียงยิ้มอย่างไร้หัวใจและตอบว่า “จะมีอะไรอีก ซุนต้าเตาดุย่าของเราน่ะสิ ไม่รู้ว่าเขาเข้าไปในห้องครัวแล้วหยิบมีดผ่าฟืนมาั้แ่เมื่อใด แล้วยังลับจนคมกริบ เมื่อท่านย่ากลับมาคิดบัญชีกับเขา เขาก็ไม่พูดจา แล้วชักมีดที่เป็ประกายแวววาวออกมา”
หลิวเต้าเซียงไม่เชื่อ “ท่านพี่ ซุนต้าเตาไม่กล้าฟันท่านย่าจริงๆ หรอก หากว่าทำร้ายท่านย่า ลำพังความสัมพันธ์ของเรากับจวนตระกูลหวง ซุนต้าเตาจำต้องเข้าคุกแน่”
หลิวชิวเซียงยิ้มและพูดว่า “เอ๋ ใช่สิ ขืนเ้าไม่พูดข้าก็ลืมเื่นี้ไปเลย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองทะเลาะกันอย่างดุเดือดในตอนนั้น ส่วนป้ารองก็เอาแต่ร้องไห้อยู่ข้างๆ”
“ท่านย่าไม่มีทางยอมเสียเปรียบ แล้วต่อมาเื่จบลงอย่างไร?” สำหรับเื่นี้ หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าน่าแปลก
หลิวชิวเซียงเอื้อมมือออกไป ตบหลังศีรษะและยิ้ม “ข้าลืมบอกเ้าว่า พอเ้าออกไปหาท่านย่า ท่านแม่ก็ออกจากแปลงผักเพื่อไปตามท่านปู่กับท่านพ่อกลับมา”
หลิวฉีซื่ออยู่ในบ้านหลี่เจิงซึ่งใกล้บ้านมากกว่า ดังนั้นนางจึงกลับมาถึงก่อน
ต่อมาจางกุ้ยหัวไปหาหลิวต้าฟู่และหลิวซานกุ้ย แต่เนื่องจากทุ่งนาอยู่ไกลจากหน้าหมู่บ้าน ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามคนจึงกลับมาช้า
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ประจวบเหมาะกับจังหวะที่ซุนต้าเตาถือมีดผ่าฟืนข่มขู่หลิวฉีซื่อ
หลิวต้าฟู่และหลิวซานกุ้ย คนหนึ่งถือพลั่วและอีกคนหนึ่งถือจอบเห็นสถานการณ์ดังนั้น จึงหยิบเครื่องมือทำสวนและทุบตีจู่โจมเข้าไป
-----
