ราวกับถูกไฟฟ้าช็อตก็ไม่ปาน เฟิ่งเฉี่ยนรีบดึงมือกลับมาพร้อมกับละเลื่อนสายตาไปทางอื่นอย่างไม่เป็ตัวของตัวเอง
เซวียนหยวนเช่อจับจ้องท่าทีไม่เป็ตัวเองของนาง แววตาของเขานิ่งลึกแล้วเอ่ยเสียงทุ้ม “เจิ้นมิได้ไม่เชื่อใจเ้า เพียงแต่เกรงว่าจะทำให้เื่ราวใหญ่โต ส่งผลให้มีปัญหาใหม่สอดแทรกเข้ามาอีก”
เฟิ่งเฉี่ยนกระพริบตาปริบๆ นี่เขากำลังอธิบายกับนางใช่หรือไม่ แต่เหตุใดนางฟังแล้วยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
“ความหมายของท่านคือ หากข้ารู้ความจริงแล้วจะทำให้เื่ราวยิ่งยุ่งยากหรือ” เฟิ่งเฉี่ยนยิ่งคิดยิ่งโมโหจึงะโใส่เขาว่า “หรือในสายตาท่าน ข้าเป็คนไม่หนักแน่นถึงเพียงนี้”
เซวียนหยวนเช่อมองนางเงียบๆ เขาเลิกขึ้นเล็กน้อย “เ้าว่าอย่างไรเล่า”
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยถากถาง ราวกับกำลังพูดว่า เ้าดูท่าทางของเ้าในตอนนี้สิ เหมือนคนใจคอหนักแน่นหรือ
เฟิ่งเฉี่ยนหน้าแดง เอ่ยขึ้นอย่างร้อนตัว “นั่นมิใช่เป็เพราะถูกท่านยั่วโทสะหรือ ปกติข้าไม่ได้เป็เช่นนี้!”
“เ้าแน่ใจหรือ” คิ้วคมนั้นเลิกขึ้นอีกครั้ง มุมปากของเซวียนหยวนเช่อยกขึ้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เฟิ่งเฉี่ยนยืดอกเท้าสะเอวอย่างโมโห นางะโใส่เขาว่า “แน่นอนอยู่แล้ว!”
เซวียนหยวนเช่อพลันเดินเข้ามาหนึ่งก้าว ร่างสูงใหญ่ของเขาจ้องนางเขม็ง “วันนั้น ผู้ใดกันที่ด่าทอคณะทูตของแคว้นหนานเยียน”
“อุ๊บ...” เฟิ่งเฉี่ยนตกตะลึง ท่าทีอ่อนลงหนึ่งส่วน
เขาเดินเข้ามาอีกหนึ่งก้าว “เป็ผู้ใดกันที่ตบตีองค์หญิงหลานซิน”
เฟิ่งเฉี่ยนก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ท่าทีอ่อนลงอีกหนึ่งส่วน
เขาก้าวเข้ามาใกล้อีก “เป็ผู้ใดกันที่ยั่วโทสะจนไทเฮาเกือบหมดสติ”
เฟิ่งเฉี่ยนถอยหลังอีก
เขาเดินเข้ามาอีก “และเป็ผู้ใดกันที่ตบตีแม่นมของเจิ้น”
เฟิ่งเฉี่ยนถอยหลังติดๆ กันสองก้าวอย่างหมดท่า
เขายังคงไม่ยอมปล่อยนางไป บีบนางจนถอยไปชนกับป้ายไม้ หมดทางถอยหนี
เขาพลันยืดกายขึ้น ั์ตาดำขลับนั้นจับจ้องนางไม่วางตา ส่งเสียงเป็คำถามขึ้นจมูกเซ็กซี่อย่างร้ายกาจ “หืม?”
แผ่นหลังของเฟิ่งเฉี่ยน มือทั้งคู่ เท้าทั้งคู่แนบติดไปกับป้ายไม้ นางกลั้นหายใจสุดฤทธิ์ไม่ขยับ!
มิใช่นางไม่เอาถ่าน แต่เป็เพราะเขาอยู่ใกล้เกินไป ใบหน้าคมสันของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม นางััฮอร์โมนเพศชายอันเข้มข้นของเขาได้อย่างชัดเจน ลมหายใจหอมสดชื่นของเขา เหล่านี้ล้วนทำให้คนคลั่งไคล้ได้ยิ่งกว่าโอสถมอมเมาใดๆ
เซวียนหยวนเช่อก้มหน้ามองนางกลั้นลมหายใจจนหน้าตาแดงก่ำ หางตาของเขาพลันโค้งลงเมื่อเขาหัวเราะขึ้นมากะทันหัน ทำให้ใบหน้าคมสันประหนึ่งรูปปั้นแกะสลักนั้นยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์ขึ้น แทบทำให้คนตาพร่า
ทันทีที่เขายิ้มออกมาทำให้เฟิ่งเฉี่ยนแทบจะสติแตก ความร้อนสายหนึ่งพุ่งออกมาทางจมูก นางเกือบจะกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
ทันใดนั้น นางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดจมูก มืออีกข้างหนึ่งออกแรงผลักเขาออกไป นางพูดหน้าแดงหูแดง “ท่านอยู่ให้ห่างๆ ข้าหน่อย! ตอนนี้ข้ายังไม่อยากพูดกับท่าน!”
พูดแล้วนางก็วิ่งออกไปทางด้านข้าง อ้าปากหอบหายใจแฮ่กๆ
เห็นท่าทีอเนจอนาถของนางแล้ว รอยยิ้มบนริมฝีปากของเซวียนหยวนเช่อยิ่งกดลึกขึ้น
ลั่วหยิ่งเห็นปฏิกิริยาของคนทั้งสองั้แ่ต้นจนจบ ั์ตาของเขาแทบจะหลุดออกมานอกเบ้า เมื่อสักครู่เขาเห็นอะไรนะ
เขาถึงกับเพิ่งเห็นฮ่องเต้เกี้ยวพาฮองเฮา!
อีกทั้งฮ่องเต้ถึงกับยิ้มออกมาอย่างไม่เคยเป็มาก่อน...
ในฐานะบุรุษคนหนึ่ง เขาควรจะควบคุมสติอารมณ์ของตนได้ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ยากจะเห็นของฝ่าา เขาถึงกับตาพร่าอย่างไม่เอาไหน!
ยามนี้ หลีต้าซือและพวกมาถึงปากทางเข้าหุบเขาแล้วเช่นกัน อาจารย์หลีแค่นหัวเราะเสียงเย็นเมื่อเหลือบไปเห็นอักษรบนป้ายไม้ “ถึงกับมีคนหลงเชื่อเื่เล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้หรือ”
เขาส่ายหน้า แล้วเดินเข้าไปในหุบเขา
ผู้ติดตามบางคนพูดขึ้นด้วยความวิตก “ต้าซือ หากเป็เื่จริงเล่า”
“พวกเรามีคนมากมายเช่นนี้ กลัวอะไรกัน อีกอย่างหนึ่งเซียนพิษอยู่ในหุบเขา คนข้างนอกโขกศีรษะหรือไม่ โขกกี่ครั้ง เขาจะรู้ได้อย่างไร” เขาชี้ไปที่ตัวอักษรบนป้ายไม้อีกครั้งแล้วพูดกลั้วหัวเราะ “อักษรบนป้ายเ่าั้ เป็เพียงคำข่มขู่พวกชาวบ้านที่ไม่รู้เื่ เพื่อไม่ให้พวกเขาบุกเข้าไปในหุบเขา รบกวนความสงบของเซียนพิษ พวกเ้าเชื่อจริงๆ หรือ ฮ่าๆๆๆ...”
จากนั้นเขายังหันมาตวัดสายตามองเซวียนหยวนเช่อด้วยแววตาแฝงนัยอย่างอื่นปราดหนึ่ง ชัดเจนเหลือเกินว่าแววตานั้นเป็การเยาะเย้ยความขี้กลัวของพวกเขา
ผู้ติดตามไม่มีข้อติดใจสงสัยอันใดจึงตามหลีต้าซือเข้าไปในหุบเขา
เห็นพวกเขาค่อยๆ เดินไกลออกไป ลั่วหยิ่งก้าวขึ้นมากล่าวว่า “ฝ่าา พวกเราจะตามพวกเขาไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
มีคนเหล่านี้ทำหน้าที่กรุยทางอยู่ข้างหน้า อันตรายของพวกเขาย่อมต้องลดลงไม่น้อย ลั่วหยิ่งดีดลูกคิดรางแก้วในใจเสร็จสรรพ ทว่าเซวียนหยวนเช่อไม่ได้ตัดสินใจในทันที เขาหันไปมองเฟิ่งเฉี่ยน เห็นนางนั่งยองๆ อยู่ท่ามกลางดอกไม้ ไม่รู้ว่ากำลังพิจารณาสิ่งใดด้วยท่าทีตั้งอกตั้งใจ
ครั้งนี้เขาไม่ได้เร่งนาง แต่กลับรอนางเงียบๆ
เนิ่นนาน เฟิ่งเฉี่ยนจึงชี้ไปยังต้นหญ้าที่ถูกเหยียบจนล้มลงไปกับพื้นท่ามกลางดอกไม้ “พวกท่านดูสิ นี่คือหญ้าชางเอ๋อร์[1] เป็ยาสมุนไพรที่ใช้ถอนพิษได้! ตามบันทึกของตำราแพทย์ได้กล่าวเอาไว้ว่ามันมักจะขึ้นอยู่ตามหน้าผาและพื้นที่สูงชัน พบเห็นบนพื้นที่ราบน้อยยิ่งยวด ดูเหมือนมีคนจงใจปลูกหญ้าชางเอ๋อร์เหล่านี้”
เซวียนหยวนเช่อเดินเข้ามาย่อกายลงข้างกายนาง เขาพิจารณาหญ้าชางเอ๋อร์และใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ั์ตาของเขาพลันทอประกายเจิดจ้า “เจิ้นเข้าใจแล้ว! ที่จริงแล้วตัวอักษรบนป้ายไม้ที่เขียนเอาไว้นั้นเป็เพียงกุศโลบาย จุดประสงค์ที่แท้จริงคือ้าให้ัักับต้นหญ้าชางเอ๋อร์ เช่นนี้แล้วย่อมทำให้ถอนพิษได้!”
เฟิ่งเฉี่ยนหันไปยิ้มให้เขาอย่างยินดี “ถูกต้อง ขอเพียงนำหญ้าชางเอ๋อร์มาัักับร่างกายก็จะเข้านอกออกในหุบเขาไป่ฮวาได้อย่างปลอดภัย!”
ลั่วหยิ่งมองคนทั้งสองท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่องลงบนร่างของพวกเขาทั้งสอง ราวกับถูกเคลือบไว้ด้วยแสงสีทองจางๆ ชั้นหนึ่ง ให้ความรู้สึกอบอุ่นและงดงามเหลือเกิน
คนทั้งหมดถอนหญ้าชางเอ๋อร์แล้วนำมันมาัักับหน้าผาก เตรียมออกเดินทาง
หันกลับมาเห็นเฟิ่งเฉี่ยนกำลังนั่งยองๆ ปั้นดินด้านข้าง ลั่วหยิ่งจึงก้าวเข้าไปถามอย่างประหลาดใจ “เหนียงเหนียง ท่านกำลังทำอันใดกัน”
เฟิ่งเฉี่ยนตอบทั้งที่ไม่เงยหน้า “ปั้นดินน่ะสิ!”
ลั่วหยิ่งประหลาดใจกว่าเดิมอีก “ปั้นดินไปเพื่ออะไรกัน”
ริมฝีปากเฟิ่งเฉี่ยนโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์ “ประเดี๋ยวย่อมได้ใช้ประโยชน์จากมัน!”
แววตาเซวียนหยวนเช่อไหววูบ หางตาโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
มีหญ้าชางเอ๋อร์อยู่ในมือ การเข้าไปในหุบเขาจึงราบรื่นไร้อุปสรรค ไม่รู้ว่าเดินมานานเท่าใด พลันได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากด้านหน้า คนทั้งหมดจึงเร่งฝีเท้าเข้าไป
เมื่อเดินเข้าไปใกล้พบว่าคนที่กำลังร้องขอความช่วยเหลืออยู่นั้นมิใช่ใครอื่น แต่เป็พวกหลีต้าซือที่เข้ามาในหุบเขาก่อนหน้าพวกเขานั่นเอง
เห็นริมฝีปากของพวกเขาแต่ละคนกลายเป็สีม่วง ใบหน้ากลายเป็สีดำคล้ำนอนอยู่บนพื้น เหลือเพียงเรี่ยวแรงร้องขอความช่วยเหลือเท่านั้น สภาพของพวกเขาในตอนนี้อเนจอนาถยิ่ง ไหนเลยจะมีท่าทีหยิ่งผยองเช่นเมื่อสักครู่
เห็นเฟิ่งเฉี่ยนและพวกเดินเข้ามาอย่างไร้อุปสรรค พวกเขาดูเหมือนพบกับดาวนำโชค จึงพากันร้องะโโหวกเหวกโวยวายเพื่อขอให้ช่วยชีวิต
หลีต้าซือตะเกียกตะกายจนยืนขึ้นมาได้ เขาเดินล้มลุกคลุกคลานเข้ามาหาเซวียนหยวนเช่อเพื่ออ้อนวอน “คุณชายท่านนี้ ในตัวของพวกท่านจะต้องมียาถอนพิษแน่นอนกระมัง ช่วยชีวิตคนได้บุญยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ขอร้องท่านช่วยพวกเราด้วย!”
เขายื่นมือออกมาคิดจะจับแขนของเซวียนหยวนเช่อ แต่ถูกกระบี่ไร้ตาของลั่วหยิ่งขวางเอาไว้เสียก่อน
“นายท่านของเข้าเป็ถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยเยียน เ้าจะมาแตะต้องส่งเดชได้อย่างไรกัน”
หลีต้าซือได้ยินแล้ว แทบจะสิ้นสติ
อะไรนะ? ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยเยียนหรือ ฮ่องเต้ที่อายุหนุ่มแน่นที่สุดของแคว้นต้าเยียนที่ถูกกล่าวถึงหรือ
เขา...เขาถึงกับเกือบจะล่วงเกินฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยเยียน
เขาถึงกับหน้าถอดสี ขาทั้งคู่สั่นเทิ้ม ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านราวกับลูกตะกร้อ แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
แม้เขาจะทำตามคำสั่ง แต่ไท่จื่อไม่ได้บอกกับเขาว่า อีกฝ่ายคือฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยเยียนนี่นา!
แย่แล้ว คราวนี้เขาแย่แล้วจริงๆ!
[1] หญ้าชางเอ๋อร์ หรือ ชางเอ๋อร์จื่อ เป็สมุนไพรมีรสเผ็ด ขม อุ่น มีพิษ เข้าสู่เส้นลมปราณปอด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้