ที่โลกภายนอก
พื้นที่บางส่วนบนูเายังคงมีไฟลุกไหม้ แต่อีกไม่นานคงจะดับ ทว่า แม้เพลิงจะดับง่าย แต่ควันกลับกำจัดยาก
บัดนี้ ทั่วทั้งพรรคต้าเฟิงมีควันหนาทึบเต็มไปหมด บนท้องฟ้าก็ยังมีเมฆหนา และเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังสนั่น ดูราวกับเป็วันสิ้นโลก
ในบรรยากาศเช่นนี้ น้อยคนนักที่เต็มใจออกจากห้องพักอันอบอุ่น หลังสอบถามถึงสาเหตุเพลิงไหม้ กับคนของพรรคต้าเฟิงแล้ว ผู้คนก็กลับเข้าที่พำนักทันที
ส่วนกู่ไห่ กลับใช้ประโยชน์จากหมอกหนาทึบนี้ เดินไปยังเขตรอบนอกของพรรคต้าเฟิง
“ตามที่เิไท่บอกมา มีเส้นทางลับอยู่ในลานประลอง ข้าต้องไปเอาหน้ากากสิบอันมาวางที่ลานประลอง และเปิดใช้งานค่ายกล” ขณะเดิน ชายหนุ่มก็นึกถึงบทสนทนาระหว่างตนกับเิไท่
“แม้จะพูดคุยกับคนผู้นี้เพียง่สั้นๆ แต่จากน้ำเสียง เขาเป็คนที่ไม่ควรมีเื่ด้วย เิไท่้าใช้เยว่เหยาเพื่อบีบหลี่เหว่ย? เขาจะใส่หน้ากากให้นาง เพื่อบังคับให้หลี่เหว่ยบอกวิธีถอดหน้ากาก” กู่ไห่สาวเท้า พลางครุ่นคิด
แม้ชายหนุ่มจะรังเกียจ ความคิดที่จะใช้หญิงสาวมาบีบหลี่เหว่ย แต่นี่เป็เื่ที่เกี่ยวพันถึงชีวิตของตน ยิ่งกว่านั้น เขาก็มิใช่คนที่จะลงมือ ในเวลานี้ จึงทำได้แค่ข่มกลั้นความรู้สึกเท่านั้น
กู่ไห่ค่อยๆ เดินมาถึงเชิงเขาแห่งหนึ่ง จัดการเก็บกวาดต้นไม้ใบหญ้าและเศษหิน ตามที่เิไท่บอก แล้วก็เจอปากอุโมงค์เล็กๆ ในที่สุด
“มีอุโมงค์ลับอยู่ เิไท่มิใช่ตะเกียงไร้น้ำมันจริงๆ แม้จะเป็ศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน แต่ก็ยังเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ ดูเหมือนเขาจะมิใช่คนซื่อสัตย์จริงใจอันใด ไม่แปลกที่จะตัดศีรษะของเยว่เหยาได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น” ชายหนุ่มรำพึง
เมื่อเข้าสู่อุโมงค์ลับแล้ว กู่ไห่ก็จัดการปิดทางเข้า และเดินไปในอุโมงค์ เส้นทางนั้นคดเคี้ยวมาก แต่ไม่นานก็มาถึงปลายอุโมงค์ ซึ่งมีไข่มุกราตรีส่องแสงสว่างไสว
มีคันโยกอยู่ที่ผนังด้านหนึ่ง
ชายหนุ่มคว้า และผลักมันในทันที
ทันใดนั้น ประตูเล็กๆ บนกำแพงก็เปิดออก เผยให้เห็นคลังพัสดุขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า
คลังแห่งนี้ ก็มีแสงสว่างไสวจากไข่มุกราตรีเช่นกัน ภายในคลังมีหน้ากากอยู่เป็ูเาเลากา ชายหนุ่มเก็บหน้ากากสิบอันลงไปในช่องว่างมิติของตนอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ก็กวาดตามองไปรอบๆ และในที่สุด ก็พบกว้านมืออันหนึ่ง ติดอยู่บนผนัง ตามคำบอกเล่าของเิไท่
“นี่คือกลไกใช่หรือไม่” กู่ไห่ขมวดคิ้ว พร้อมมองดูกว้านมือ
ชายหนุ่มจับกว้านมือ ก่อนที่จะหมุนเบาๆ ตามที่เิไท่บอก
แกรกๆๆๆ
ทันใดนั้น เชือกก็เริ่มขยับ และส่งเสียงดังออกมา
ขณะเดียวกัน เสียงฟันเฟืองก็ดังขึ้นในลานประลอง
เมื่อคนในพรรคต้าเฟิงที่ประจำการอยู่ในนั้น ได้ยินเสียง บางคนก็เลือกที่จะเพิกเฉย ขณะที่บางคนขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เ้าได้ยินหรือไม่? นั่นเสียงอะไรกัน? เราลองไปดูดีหรือไม่?”
“ดูอะไร? ฝนตกหนักเช่นนี้ อย่าคิดมากเลยน่ะ!”
“ถูกต้อง! มาๆ… เล่นต่อๆ!”
…
ภายในคลังพัสดุ หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กู่ไห่ก็ออกมาจากประตูเล็กๆ บนผนัง ก่อนที่จะดันคันโยกกลับเข้าที่เดิม
แกรก!
ประตูบานเล็กปิดลงอีกครั้ง ราวกับไม่เคยมีใครเข้าไปมาก่อน
กู่ไห่เดินย้อนไปทางเดิม และกลับไปที่ปากทางเข้าอุโมงค์
เมื่อออกจากอุโมงค์ ก็มองดูหน้ากากสำริดในมือ มันเป็แบบเดียวกับที่อาชญากรทุกคนต้องสวม เพื่อป้องกันการหลบหนี
“ต่อไป ก็ต้องเอาหน้ากากไปวางไว้ที่อัฒจันทร์ในลานประลอง แล้วรอให้เิไท่มาเอามันไปสินะ” กู่ไห่เอ่ย พลางขมวดคิ้ว
“ไม่สิ! เราไม่ควรเชื่อคนเช่นเิไท่อย่างสนิทใจ เขาอาจไม่ช่วยอย่างเต็มความสามารถ ข้าไม่สามารถฝากความหวังทั้งหมดไว้กับผู้อื่น” ชายหนุ่มพึมพำ พร้อมนิ่วหน้า
...
กู่ไห่ซ่อนทางเข้าถ้ำ แล้วรีบกลับไปยังพื้นที่รับรอง และมองหาร้านขายยาสมุนไพร
“นายท่าน มีสิ่งใดให้รับใช้หรือขอรับ?” ผู้จัดการร้านถาม พร้อมยิ้มกว้าง
“ข้าจะเขียนรายการให้ เ้าแค่เตรียมของตามนั้น ข้าจะจ่ายเ้าอย่างงาม” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเคร่ง
“ขอรับ!”
กู่ไห่ร่างรายการสิ่งของที่้าอย่างรวดเร็ว
“โอ้! นี่คือ?... พวกสมุนไพรธรรมดาๆ ที่พบเห็นได้ทั่วไปนี่นา ประสิทธิภาพของมันค่อนข้างแย่ แม้จะเอามันมามัดรวมกันทั้งหมดก็ยังหาประโยชน์อันใดมิได้ ท่าน้าใช้มันทำสิ่งใดหรือ ข้าสามารถช่วยแนะนำท่านได้นะ” ผู้จัดการร้านยิ้มทันที เมื่อเห็นรายการที่ชายหนุ่มเขียน
“ไม่จำเป็! เ้ามีพวกมันหรือไม่?” กู่ไห่ถามเสียงหนัก
“จะว่ามี มันก็มีอยู่หรอก เพียงแต่...” ใบหน้าของผู้จัดการร้าน เปลี่ยนเป็ปั้นยากทันที สมุนไพรเหล่านี้มีราคาต่ำมาก มีค่าไม่ถึงหนึ่งก้อนหินิญญาระดับต่ำด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มหยิบหินิญญาระดับต่ำสามสิบก้อนออกมา “ทั้งหมดนี้ข้าให้เ้า ทั้งยังอยากจะขอยืมใช้เตากลั่นยาด้วย”
“ขอรับ!” ผู้จัดการรีบหยิบหินิญญาไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าดูมีความสุขยิ่ง
...
ผ่านไปสองชั่วยาม สมุนไพรในหม้อก็กลั่นตัวอย่างช้าๆ จนกลายเป็สีใส
“นายท่าน นี่คือยาอันใดหรือขอรับ?” ผู้จัดการร้านถาม ด้วยความงุนงง
“อย่าถามในเื่ที่ไม่สมควร!” กู่ไห่กล่าวเสียงเคร่ง
ผู้จัดการร้านยิ้มหยัน ก่อนจะเดินออกจากห้องปรุงยาไป
ส่วนผสมที่โปร่งใสนั่น เริ่มมันวาวและข้นขึ้น
ชายหนุ่มหยิบแปรงออกมา และจุ่มลงในส่วนผสมเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ทาลงไปบนหน้ากากเป็ชั้นบางๆ หากไม่สังเกตดูให้ดี ก็คงไม่อาจมองเห็นมันได้
กู่ไห่รอให้พวกมันแห้ง ก่อนเก็บหน้ากากลงไปในช่องว่างมิติอย่างระมัดระวัง
จากนั้นก็เดินออกจากร้านขายยาสมุนไพร เดินทางไปยังอัฒจันทร์ที่อยู่ในลานประลอง และซ่อนหน้ากากทั้งสิบเอาไว้ในสถานที่ต่างๆ กันสิบแห่ง ตามที่เิไท่บอกไว้
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย กู่ไห่ก็หาที่ซ่อนตัว
...
ด้านนอกพรรคต้าเฟิง
“หัวหน้าสังกัดติง เหตุใดถึงรีบไปนักเล่า? ข้ายังไม่ทันได้ทำหน้าที่เ้าบ้านที่ดีเลย” หลี่เหว่ยพยายามเกลี้ยกล่อม ให้พวกติงรุ่ยอยู่ต่อ
“ไม่จำเป็! หลี่เหว่ย ข้ามีเวลาไม่มากนัก ขืนอยู่ที่นี่นานกว่านี้ จะยิ่งเสียเวลา ข้าต้องหาชีพจรัให้พบโดยเร็วที่สุด” ติงรุ่ยส่ายศีรษะปฏิเสธ
“แต่...” หลี่เหว่ยยังคิดจะโน้มน้าวต่อ
“พอแล้ว! หลี่เหว่ย เ้าต้องรู้จักเรียงลำดับความสำคัญบ้าง สำนักซ่งเจี่ยของข้า ยังมีเื่สำคัญมากมายต้องจัดการ เ้าอยู่ดูแลพรรคให้ดีเถอะ” หัวหน้าสำนักซ่งเจี่ยกล่าวปราม พลางส่ายหน้า
“ช่างเถอะ! เช่นนั้นข้าจะไปส่งพวกท่านก็แล้วกัน” หลี่เหว่ยทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะเกลี้ยกล่อมพวกเขา
“ไม่จำเป็! แค่เตรียมหินิญญาเอาไว้ก็พอ ครั้งหน้าข้าจะมารับ” ติงรุ่ยส่ายหน้ายับยั้ง
นางสะบัดมือ จู่ๆ ยานเหาะลำหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ผู้ติดตามของติงรุ่ยกลุ่มหนึ่ง รีบไปเตรียมการ ก่อนที่ทุกคนจะขึ้นเรือเหาะ และบินจากไปด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ
เมื่อรู้ข้อมูลเื่ชีพจรัแล้ว ติงรุ่ยก็ไม่อยากเสียเวลาแม้แต่เค่อเดียว เพราะอยากจะหามันให้พบโดยเร็วที่สุด
หลี่เหว่ยมองพวกติงรุ่ยจากไป สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็เ็า “หึ! เห็นพรรคต้าเฟิงของข้า เป็แหล่งเงินของพวกเ้าหรือ?”
หลี่เหว่ยแม้จะโกรธมาก แต่ก็ทำได้เพียงข่มกลั้นเท่านั้น
“โอ๊ะ! ใช่แล้ว... ศิษย์หลานของติงรุ่ยล่ะ? ข้าว่า ข้าไม่เห็นเขาไปพร้อมกับคนพวกนั้นนะ?” จู่ๆ หลี่เหว่ยก็นึกถึงกู่ไห่ขึ้นมา
“ท่านหัวหน้าๆ... แย่แล้วขอรับๆ!” ทันใดนั้น คนในพรรคคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหา
“มีเื่อันใด?” หลี่เหว่ยถาม พลางย่นหัวคิ้ว
“ฮูหยินของท่าน... ถูก... ถูกลักพาตัวไปแล้วขอรับ!” คนผู้นั้นรายงานด้วยสีหน้าหนักใจ
“ถูกอะไรนะ? เกิดสิ่งใดขึ้น? มีอันใดขึ้นกับเยว่เหยา?” หลี่เหว่ยหน้าเผือดสีทันที
“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ ชายผู้นั้นดูคล้ายท่านอดีต... อดีตหัวหน้าใหญ่ขอรับ!” คนผู้นั้นตอบ สีหน้าย่ำแย่
“ผู้ใดนะ?” หลี่เหว่ยเบิ่งตาโตอย่างใ
“ข้า... ข้าไม่ทราบขอรับ แต่เขาดูคล้ายอดีตหัวหน้า... อดีตหัวหน้าใหญ่! ข้า... ข้า...”
ฟิ้ว!
หลี่เหว่ยรีบพุ่งกลับยังพรรคทันที ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
...
ภายในพรรคต้าเฟิง
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
“ไอ้สารเลว!... ปล่อยฮูหยินท่านประมุขเสีย”
“ยิงธนู!”
“ปล่อยฮูหยินท่านประมุข!”
บัดนี้ ภายในพรรคต้าเฟิงกำลังปั่นป่วนอย่างหนัก
เิไท่หนีออกมาแล้ว ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ตัวเต็มไปด้วยาแและโลหิต พิษจากเถาวัลย์ยังคงออกฤทธิ์อยู่ ใบหน้าของเขาจึงซีดเซียวยิ่ง
แม้จะหลบหนีมาได้ แต่หลังจากถูกทรมานมายี่สิบปี ร่างกายของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เคยเป็
แค่กๆๆ!
เิไท่กระอักโลหิต พลางหนีบเยว่เหยาไว้ข้างเอว ทะยานไปยังลานประลอง ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
พลังฝึกปรือของเยว่เหยา ดูเหมือนจะถูกผนึกไว้ ไม่ตอบโต้แม้แต่น้อย สีหน้าของนางวางเปล่า
จู่ๆ ร่างเยว่เหยาที่ถูกอุ้มอยู่ ก็สั่นเทา ราวกับกำลังหวาดกลัวเิไท่ นางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเ็ป
“เ้าเป็ใคร?” นางจ้องเิไท่ด้วยสีหน้าปวดร้าว
“เยว่เหยา เ้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ เพียงแต่จิตของเ้าในเวลานี้ กลับเหลือเพียงดวงเดียว ไม่ต่างจากศพเดินได้ แม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่จะมีความหมายใด?” เิไท่กล่าว น้ำเสียงจริงจัง
“ข้ามีนามว่าเยว่เหยา ข้าคือผู้หญิงของพี่หลี่เหว่ย” เยว่เหยาที่ตัวสั่นเทา กล่าวด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
“มิใช่ทั้งมนุษย์ มิใช่ทั้งิญญา ทั้งหมดเป็เพราะเ้าทำตัวเอง มิเช่นนั้น สถานการณ์ของเราสี่พี่น้อง คงไม่เป็เช่นวันนี้... หึ! หวังว่าเฟิงหลิงจะไม่เป็ไร มิฉะนั้น แม้ว่าเ้าจะเหลือเพียงจิตแห่งิญญา ข้าก็จะทำลายมันเสีย” เิไท่เค้นเสียง กล่าวอย่างเกลียดชัง
“เฟิงหลิง? เฟิงหลิงคือผู้ใด? ฟังดูคุ้นหูนัก” เยว่เหยากุมศีรษะด้วยความเ็ป
“เฟิงหลิงหรือ? ตอนที่เ้ายังเด็ก ผู้ใดดีกับเ้าที่สุด? ไม่ว่านางจะมีของกินอะไร ล้วนมอบให้เ้าจนหมด ไม่ว่าเสื้อผ้าอะไร นางก็มอบให้ ปฏิบัติกับเ้าดั่งน้องสาวลูกสาว
แล้วเ้าล่ะ? เพื่ออนาคตของตน ไม่เพียงวางยาเฟิงหลิง แต่ยังเกือบสังหารนางด้วย เ้ามันอสรพิษ สุนัขจิ้งจอก... เลี้ยงไม่เชื่อง!” เิไท่บริภาษ
“ข้าคิดจะฆ่าเฟิงหลิง? เยว่เหยาคิดจะสังหารเฟิงหลิง?” เยว่เหยากุมศีรษะของตนเอาไว้ ดูเ็ปยิ่ง
“หึ!” เิไท่แค่นหัวเราะ เยาะหยัน พลางหลบหลีกลูกธนูนับไม่ถ้วน จนมาถึงลานประลอง
...
ที่นอกลานประลอง
ใบหน้าของกู่ไห่แข็งค้างอย่างตกตะลึง “เร็วมาก! เิไท่หนีออกมาได้เร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ปัง!
เิไท่พาเยว่เหยามาอยู่บนอัฒจันทร์ และพบหนึ่งในหน้ากากที่กู่ไห่ทิ้งไว้อย่างรวดเร็ว
เขายื่นมือออกไป พลันหน้ากากก็พุ่งเข้ามาอยู่ในมือ
ตูม!
เิไท่สวมหน้ากากลงบนใบหน้าของเยว่เหยาทันที
“ตรงนั้น... รีบไปช่วยฮูหยินเร็ว!”
“อ๊ะ! เข้าไปในลานประลองแล้ว?”
“แย่แล้ว! ชายผู้นั้นสวมหน้ากากให้ฮูหยิน”
“เร็ว! รีบปิดล้อมลานประลองเอาไว้”
คนในพรรคต้าเฟิงร้องะโ ด้วยความตื่นตระหนก
เิไท่พาตัวเยว่เหยาเข้าไปในลานประลองแล้ว
ปัง!
เขาต่อยลงไปบนกำแพงในลานประลอง ทันใดนั้น หินก้อนหนึ่งก็โผล่ออกมา เิไท่จึงวางมือลงบนนั้น
วิ้ง!
จู่ๆ เชือกแสงสีแดงขนาดใหญ่ ก็พุ่งออกมาจากค่ายกลในลานประลอง เหล่าคนในพรรคต้าเฟิงที่รีบเข้าไปในลานประลอง ล้วนถูกเชือกฟาด แม้แต่ผู้ที่มีฝีมือ ก็ยังถูกตัดเป็สองซีก โลหิตสาดกระเซ็นขึ้นไปกลางเวหา
“แย่แล้ว!... เราไม่อาจควบคุมค่ายกลในลานประลองได้”
“ค่ายกลทั้งหมดไม่ทำงาน!”
คนในพรรคต้าเฟิง ต่างร้องะโด้วยความหวาดหวั่น เชือกสีแดงจำนวนมาก ตวัดใส่พวกเขา ราวกับแส้แห่งความตาย
ฟิ้ว!
จู่ๆ ก็มีร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏบนท้องฟ้า... เป็หลี่เหว่ยที่รีบร้อนกลับมานั่นเอง
“เิไท่? ปล่อยเยว่เหยาเสีย!” หลี่เหว่ยถลึงตา และะโใส่อีกฝ่ายอย่างโกรธเกรี้ยว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้