“ตอนนี้ท่านพี่รัชทายาทเป็ห่วงญาติของตนจึงมาขอร้องอยู่ที่นี่แต่พวกท่านพยายามรวมหัวสาดโคลนใส่เขาใช่ไหม?”
ขณะที่กงอี่โม่กล่าวนั้น นางก็ถลึงตาใส่เหล่าขุนนางไปในเวลาเดียวกัน
กงเช่ออ้าปากเล็กน้อย เขาคิดจะโต้แย้งเพราะเขาไม่สามารถมองท่านตารับผิดแต่เพียงผู้เดียวได้เช่นนี้จะแตกต่างจากสัตว์เดรัจฉานที่ตรงไหน? ทว่าขณะที่เขาคิดจะเอ่ยปากนั้น กงอี่โม่พลันถลึงตาใส่เขา
“ท่านพี่รัชทายาทช่างเลอะเทอะเสียจริง แม้ว่าอัครเสนาบดีฝ่ายขวาจะเป็ญาติของท่านพี่ข้าเข้าใจว่าท่านพี่รัชทายาทกังวลจนความคิดสับสนแต่ท่านพี่รัชทายาทไม่คิดถึงเสด็จแม่หรือ? ตอนที่ข้ามานั้นเสด็จแม่เกือบปลิดชีวิตตัวเองเสียแล้ว ท่านรู้ไหม?”
กงเช่อได้ยินเช่นนี้มือที่ทิ้งอยู่ข้างกายจึงกำหมัดแน่น
“เสด็จแม่!”
“โชคดีที่ข้าไปทันเวลาจึงไม่เกิดเื่ใดๆ” กงอี่โม่กล่าวอีกครั้ง
“นี่เป็เพราะเหตุการณ์นี้ถูกเปิดโปงแล้ว จึงคิดฆ่าตัวตายใช่ไหม? ฝ่าาโปรดตรวจสอบให้ชัดเจนด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินว่าฮองเฮา้าปลิดชีพของตนจึงมีใครบางคนกล่าวเย้ยหยัน
เมื่อได้ยินเช่นนี้กงอี่โม่จึงถลึงตาใส่เขา จากนั้นรีบหันไปหาฮ่องเต้พร้อมกล่าวอธิบาย
“เสด็จแม่ทราบว่าเหตุการณ์นี้เป็การกระทำของตระกูลหลิวนางรู้สึกผิดต่อเสด็จพ่อจึงตัดสินใจทำเช่นนี้”
“นางกล่าวกับข้าว่า นางไม่ได้ดูแลตระกูลทางมารดาให้ดี นางต้องรับผิดชอบกับเื่นี้เพียงแต่ท่านพี่รัชทายาทไม่มีความผิดอันใด หวังว่าเสด็จพ่อจะเมตตาอีกทั้งท่านพี่รัชทายาทเป็คนเตือนข้ามีความดีความชอบที่คุ้มกันขบวนรถม้าออกไปนอกเมืองเสด็จพ่อได้โปรดอย่าลงโทษคนดีนะเพคะ”
“ช่างเป็คำพูดที่เหลวไหลจริงๆ การช่วยภัยแล้งในครั้งนี้มีของบรรเทาทุกข์นับพันนับหมื่นแค่อัครเสนาบดีฝ่ายขวาเพียงคนเดียว? ถึงเขาจะมีความโลภมากเพียงใดก็ไม่อาจจัดการได้ทั้งหมด”มีคนโพล่งออกมาอย่างโกรธจัด
“ใต้เท้าท่านนี้กล่าวถูกต้องยิ่งนัก นี่คือการทุจริตครั้งหนึ่ง ข้าเข้าใจเป็อย่างดีมันก็คือสถานการณ์ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เป็การทุจริตอย่างเป็ขั้นเป็ตอนพอลองคิดดูก็น่าสนใจจริงๆข้าได้ยินมาว่าการทุจริตของบรรเทาทุกข์แดนประจิมเป็เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็ประจำแล้วอัครเสนาบดีฝ่ายขวาได้ส่วนแบ่งเยอะสุดหรือ? ข้าไม่เชื่อเื่แบบนี้เลย ข้าคิดว่าควรตรวจสอบให้ถึงที่สุด” ั์ตากงอี่โม่พลันแฝงไปด้วยรอยยิ้มดวงตาของนางสะท้อนประกายเ็า
คำพูดของนางทำให้ขุนนางที่เคยร่วมทุจริตโครงการของแดนประจิมต่างไม่กล้าเอ่ยปากการถกเถียงในห้องโถงจึงเงียบลงไปกว่าครึ่ง
ฮ่องเต้ฟังนางกล่าวเหตุผลอันยาวเหยียด แต่กลับไม่ได้ห้ามนางั้แ่แรกการกระทำเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกโล่งใจอยู่บางส่วนนางกล่าวโน้มน้าวองค์รัชทายาทอย่างใจเย็น
“ท่านพี่รัชทายาทท่านคิดจะรับผิดชอบการกระทำความผิดของตระกูลมารดาของท่านจริงๆ หรือ?”
เวลานี้กงเช่อจึงเข้าใจเป็อย่างดีว่ากงอี่โม่มีเจตนาเช่นไรเขามองนางทำาลิ้นกับเหล่าขุนนางเพื่อตัวเอง ในใจรู้สึกอบอุ่นยิ่งนักทว่าเขายังคงตัดสินใจคุกเข่าอยู่ตรงนั้นเหมือนเช่นเคย
“น้องไม่จำเป็ต้องพูดแล้ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะข้ากระหม่อมยินดีออกจากตำแหน่งรัชทายาท หวังว่าเสด็จพ่อจะปรานีต่อตระกูลหลิวบ้าง”
เมื่อกล่าวจบเขาจึงโขกศีรษะอย่างแรง การกระทำนี้แฝงไปด้วยการตัดสินใจบางอย่าง
“ท่านพี่รัชทายาท ท่านไม่กลัวเสด็จแม่เสียใจเกินไปจนเสียชีวิตหรือ?”
กงอี่โม่พลันร้อนใจ นางเน้นคำว่าเสียชีวิตอย่างเต็มที่กงเช่อเข้าใจความหมายของนางเป็อย่างดี หากเขาไม่ใช่องค์รัชทายาทแล้วชีวิตของเขาคงไม่ค่อยปลอดภัยนัก ส่วนเสด็จแม่ของเขาก็ไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างราบรื่นสักวันจะต้องเสียชีวิตอยู่ท่ามกลางการแก่งแย่งของสตรีในวังหลังทว่าเพราะเหตุผลเหล่านี้ เขาจะต้องปล่อยท่านตาไปอย่างนั้นหรือ?
กงเช่อมองผมด้านข้างของอัครเสนาบดีฝ่ายขวาที่อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงเขารู้สึกทนไม่ได้จริงๆ
กงอี่โม่พลันหันไปตะคอกใส่อัครเสนาบดีฝ่ายขวา “เป็เพราะท่านทั้งสิ้นทำร้ายเสด็จแม่คนเดียวก็ยังไม่พอ แล้วยังทำร้ายท่านพี่รัชทายาทอีกทำไมท่านจึงไม่ไปตายเสียล่ะ?!”
คำพูดของนางทำให้อัครเสนาบดีฝ่ายขวาคิดได้ทันที เขาเหลือบมองกงอี่โม่ชั่วครู่สาวน้อยเบื้องหน้ามีท่าทีจริงจังเห็นได้ชัดว่านาง้าช่วยองค์รัชทายาทอย่างเต็มที่จริงๆ เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว อัครเสนาบดีน้ำตาไหลพรากเขาพลันร้องะโเสียงสูง
“องค์รัชทายาท ตาทำผิดต่อท่านจริงๆ”
ขณะที่กล่าวนั้นเขาพุ่งศีรษะเข้าชนเสาัอย่างรวดเร็วโลหิตทะลักราวกับสายน้ำ บริเวณนี้กลายเป็ความโกลาหลทันที กงเช่อนิ่งงันเขายกมือขึ้นอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
เขามองท่านตาที่ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อยอยู่บนพื้น จากนั้นจึงหันไปมองกงอี่โม่สายตาของเขามองตรงไป ั์ตาแฝงไปด้วยความว่างเปล่าและความเย็นะเื
“ฝ่าาอัครเสนาบดีฝ่ายขวาสิ้นใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อฉางสี่ลูบศพด้านข้างของตน เขาจึงกล่าวออกมาเช่นนี้ ภายในตำหนักเงียบกริบในชั่วพริบตาจากนั้นจึงมีคนเข้ามาลากศพออกไปอย่างรวดเร็วบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งอย่างยาวนาน ตอนรุ่งเรืองนั้นมีผู้คนมากมายคอยต้อนรับขับสู้ทว่าเวลานี้กลับเหมือนไม่เคยมีชีวิตอยู่มาก่อน
เมื่อได้ยินเช่นนี้กงเช่อจึงตัวอ่อนทรุดนั่งลงบนพื้น
เขาไม่สามารถตั้งสติได้ในทันที เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินไปเสด็จแม่้าปลิดชีพตนเอง ส่วนกงอี่โม่กลับบีบให้ท่านตาของเขาจบชีวิตเช่นนี้
“ฝ่าา บุคคลผู้นี้ฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดเขาคิดว่าเขาตายแล้วจะสามารถช่วยให้ตระกูลหลิวรอดพ้นจากความผิดครั้งนี้หรือ?” อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายพลันก้าวขึ้นไปด้านหน้าพร้อมกล่าวเย้ยหยัน
“ส่วนองค์รัชทายาท เหตุการณ์นี้ต้องเกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทอย่างแน่นอนฝ่าาโปรดตรวจสอบด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้เขาจะต้องทำลายตระกูลหลิวอย่างราบคาบให้จงได้
องค์รัชทายาทตะลึงงันไปเสียแล้ว ท่านตาที่เคยให้กำลังใจบอกให้เขาพยายามฝึกฝนอย่างหนักอยู่เสมอผู้นั้นกลับสิ้นใจอยู่เบื้องหน้าเขาอีกทั้งยังเกิดจากการบีบบังคับของกงอี่โม่เวลานี้เขารู้สึกราวกับอยู่ในนรกเลยทีเดียว
บางครั้งการเข่นฆ่าในราชสำนักอาจโเี้ยิ่งกว่าในสนามรบเสียอีก
กงอี่โม่มองกงเช่อพร้อมถอนหายใจ
“อัครเสนาบดีฝ่ายขวาเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่ขอกล่าวถึงความผิดในอดีตขอกล่าวถึงแค่ครั้งนี้ ตระกูลหลิวก่อคดียังไม่สำเร็จแต่หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากองค์รัชทายาท ข้าก็คงไม่มีโอกาสรู้ล่วงหน้า ดังนั้นข้าคิดว่าองค์รัชทายาทได้ทำความดีความชอบทดแทนแล้วเสด็จพ่อ ปล่อยท่านพี่รัชทายาทไปนะเพคะ”
เดิมทีฮ่องเต้กำลังคลึงหน้าผาก เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาจึงเหลือบมององค์รัชทายาทที่ดูหมดสภาพอยู่ชั่วครู่จากนั้นจึงเอ่ยปาก
“เอาเถิด องค์รัชทายาททำความดีชดใช้ความผิดแล้ว อีกทั้งไม่ได้ทำผิดอะไรส่งองค์รัชทายาทกลับไปที่ตำหนัก”
ฉางสี่น้อมรับคำสั่ง เขารีบก้าวขึ้นไปด้านหน้า เวลานี้กงเช่อพลันเงยหน้าขึ้นเขามองฮ่องเต้ด้วยสายตาเ็า “แล้วตระกูลหลิวล่ะ?”
ตระกูลหลิวกระทำผิด มีหลักฐานชัดเจนแต่เขาคิดขอร้องเพื่อขอละเว้นโทษอย่างนั้นหรือ? ในฐานะที่เป็องค์รัชทายาท เพราะเหตุใดจึงไม่เข้าใจสถานการณ์นี้
เมื่อคิดถึงจุดนี้ฮ่องเต้จึงกริ้วจัด
“ทุจริตโจ่งแจ้ง ใช้ของคุณภาพแย่แทนของคุณภาพดี ตระกูลหลิวมีโทษสถานหนัก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กงเช่อจึงสะบัดมือฉางสี่ทิ้ง เขาโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงน้ำเสียงแฝงก้อนสะอื้น
“เสด็จพ่อ เหตุการณ์นี้ยังไม่สำเร็จ อีกทั้งกระหม่อมเชื่อว่าเหตุการณ์ในอดีตต้องไม่ใช่ความผิดของตระกูลหลิว เสด็จพ่อโปรดตรวจสอบอย่างชัดเจนอย่าได้รีบตัดสินในทันที ได้โปรดคืนความยุติธรรมให้กับตระกูลหลิวด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เวลานี้คนของกรมพิธีการพลันหัวเราะพร้อมกล่าวขึ้น“องค์รัชทายาทกล่าวได้น่าสนใจจริงๆหรือว่าต้องรอให้ทำสำเร็จจึงจะสามารถตัดสินความผิดอย่างนั้นหรือ? ตระกูลหลิวในฐานะพระญาติของราชวงศ์รู้กฎหมายแต่กลับทำผิดกฎหมาย อันที่จริงควรเพิ่มความผิดมากกว่า”
คำพูดของเขาทำให้สีหน้าของฮ่องเต้แย่ยิ่งขึ้น เขาตัดสินใจทันที“ยังตะลึงอะไรอีก รีบส่งองค์รัชทายาทกลับตำหนักสิ”
กงอี่โม่ร้อนใจมาก ชาติที่แล้วกงเช่อสูญเสียทุกอย่างจนต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในเมื่อนางรับปากช่วยเหลือเขาแล้วนางจึงไม่้าให้เขามีชีวิตซ้ำรอยเดิมอีกครั้งในชาตินี้ ดังนั้นนางจึงรีบคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้พร้อมกล่าวเสียงดัง
“เสด็จพ่อ แม้ทำผิดกฎหมายเช่นเดียวกันทว่าการตัดสินใจที่แตกต่างกันย่อมขึ้นกับความร้ายแรงของสถานการณ์นั้นๆในเมื่อตระกูลหลิวยังทำไม่สำเร็จ อัครเสนาบดีหลิวก็ใช้ความตายชดใช้ความผิดแล้วครั้งนี้เสด็จพ่อได้โปรดปล่อยตระกูลหลิวไปนะเพคะ”
ฮ่องเต้กำลังบันดาลโทสะ เขาเห็นว่ากงอี่โม่บังอาจค้านการตัดสินใจของตนเขาจึงหรี่ตาอย่างไม่พอใจ “หุบปาก ดูเหมือนว่าข้าจะตามใจเ้ามากเกินไปแล้วเ้าจึงกล้าสงสัยการตัดสินใจของข้า”
ความกดดันจากพระราชอำนาจของฮ่องเต้ทำให้กงอี่โม่หายใจติดขัดนางเข้าใจเป็อย่างดีว่าการขอร้องต่อไปจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงทว่าในเมื่อนางกล่าวออกไปแล้ว จึงถอนคำพูดไม่ได้อีก นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆพยายามสงบสติอารมณ์
“เสด็จพ่อ ท่านมักตรัสว่า บ้านเมืองมั่นคง เชิดชูทหาร บ้านเมืองสงบสุขชื่นชมความมีเมตตา แล้วเพราะเหตุใดจึงไม่อาจปรานีต่อตระกูลหลิวล่ะเพคะ?”
“บังอาจ! ยังตะลึงอะไรอีก รีบพาองค์หญิงออกไป ห้ามก้าวออกจากตำหนักไท่จี๋อย่างเด็ดขาด”นางช่างกล้าจริงๆ คิดจะสั่งสอนเขาหรือ? ฮ่องเต้กริ้วจัด เขากล่าวเสียงดัง