เมื่อได้ยินหยางเฉินกล่าวออกมาเช่นนี้หลินรั่วซีก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรออกมา เธอเพียงหันไปจ้องมองหยางเฉินอย่างเงียบๆ
หยางเฉินเห็นหลินรั่วซีไม่ได้ตอบสนองใดๆก็กล่าวว่า
"ไม่ได้ก็ไม่เป็ไรไปกินอาหารเย็นกันก็ได้"
หลินรั่วซีส่ายหัวเบาๆ
"จะเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเปล่า?"
"เปลี่ยนเสื้อผ้า?"
"เสื้อผ้าสำหรับเดต" หลินรั่วซีเอ่ยขึ้นด้วยความขวยเขินเล็กน้อย
เมื่อหยางเฉินเข้าใจในสิ่งที่ภรรยาของตนกำลังพูดถึง เขาก็หัวเราะออกมาอย่างง่ายดาย
"ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกครับเปลี่ยนรถก็พอ ให้ผมเป็คนขับพาคุณไปเอง"
หลินรั่วซีพยักหน้าและขับรถไปยังลานจอดรถที่หยางเฉินจอดไว้ และออกไปพร้อมกับรถ M3 ของเขา
"เราจะไปที่ไหนกัน?" นี่คือการเดตครั้งแรกดังนั้นน้ำเสียงของหลินรั่วซีจึงค่อนข้างเบาคล้ายเสียงกระซิบ
หยางเฉินรู้สึกสนใจเป็อย่างยิ่งภรรยาที่เ็าของเขา กลายเป็สาวน้อยที่เพิ่งรู้จักความรักเป็ครั้งแรกเขาอยากจะลูบหัวสาวน้อยคนนี้ แต่ก็กลัวว่าจะะเินิวเคลียร์จะะเิดังนั้นจึงชูสามนิ้วแล้ว เอ่ยขึ้นว่า
"มีสามตัวเลือก ดูหนังไปช้อปปิ้ง หรือไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ "
ดวงตาของหลินรั่วซีตาเป็ประกายทันทีด้วยรูปลักษณ์ที่สดใส เธอคิดเรียงลำดับ และมองไปข้างหน้าเล็กน้อย
"ไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำก็แล้วกัน ฉันเคยอ่านเจอว่าปลาเขตร้อนเ่าั้สวยงามมาก"
"นี่ก็เย็นแล้วอีกไม่นานพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคงจะปิด เลือกที่อื่นเถอะ" หยางเฉินกล่าว
"ถ้าอย่างนั้น... ไปช้อปปิ้งในห้างที่ไม่เคยไปเป็ยังไง" หลินรั่วซีเลือกสิ่งที่ดีที่สุดต่อไป
หยางเฉินส่ายหัว
"ช้อปปิ้งอีกแล้วเหรอผมได้ยินมาว่าผู้หญิงจะช้อปปิ้งโดยไม่คำนึงถึงชีวิตและความตาย"
หลินรั่วซีนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น
"แล้วจะไปที่ไหน?"
"ไปดูหนัง!!" หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินดังนั้นหลินรั่วซีก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปเธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า
"แล้วจะให้ฉันเลือกไปทำไมนายบอกว่าอยากจะไปดูหนังก็จบแล้ว"
หยางเฉินยิ้ม "เพราะผมต้องทำตามระบบประชาธิปไตยยังไงล่ะครับอย่างแรกเลยผมให้คุณสามตัวเลือก และวัดดวงให้คุณเลือกดูหนังในครั้งแรกแต่ไม่ว่าคุณจะเลือกตัวเลือกไหน สุดท้ายกุญแจรถก็อยู่ในมือผมอยู่ดีถึงคุณจะพูดยังไงคนขับรถก็ใหญ่ที่สุด จริงมั้ย?..."
"นายมันขี้โกง! ฉันไม่อยากไปกับนายแล้ว!" ใบหน้าของหลินรั่วซีขณะนี้ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหิมะและหมอกควัน เธอเตรียมตัวจะลงจากรถ
หยางเฉินหัวเราะ "สายไปแล้ว!"
รถ BMW กระหึ่มพร้อมพุ่งทะยานออกไปดั่งลูกธนูหลุดออกจากแหล่ง
หลินรั่วซีที่กำลังปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยถูกแรงกระชากของรถติดหนึบกับเก้าอี้ทันที!
"ตาบ้า! ฉันจะลงจากรถ!"
"ที่รักพูดว่าอะไรนะครับผมไม่ได้ยินเลย!!"หยางเฉินหัวเราะ
เสียงเครื่องยนต์คำรามทำให้ทุกคนในละแวกนั้นต่างหันมามอง
เพราะการจราจรในบริเวณศูนย์การประชุมนั้นมีน้อยดังนั้นหยางเฉินจึงสามารถเร่งเครื่องยนต์จนรถ M3 พุ่งทะยานเป็ลำแสงเส้นหนึ่งและยังสามารถสวมิญญาดอม โดมินิค โทเร็ตโต้ ดึงเบรกมือเพื่อดริฟต์ได้อีกด้วย!
"ตาบ้า! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เบาหน่อย!!! กรี๊ด...!!!"
หลินรั่วซีกรีดร้องออกมาในที่สุดสุดท้ายเธอก็ไม่ได้ขัดขวางหยางเฉินอีกเพราะกลัวว่าเผลอไปทำให้หยางเฉินเสียสมาธิจนชนเข้ากับที่กั้นข้างทางเธอทำได้เพียงเอามือปิดใบหน้าไว้ พร้อมยอมรับชะตากรรม
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่หลินรั่วซีเจอกับสถานการณ์แบบนี้แต่หัวใจของเธอก็ยังเต้นรัว ราวกับิญญาจะหลุดจากร่างความเร็วเช่นนี้อาจพบได้แค่ในหนังเท่านั้นซึ่งน้อยคนนักที่จะสามารถพบเจอในชีวิตจริง
เมื่อมีการจราจรบนถนนมากขึ้นหยางเฉินจึงชะลอความเร็วลง นั่นทำให้หลินรั่วซีรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
หลังจากเริ่มปรับตัวได้แล้วหลินรั่วซีก็จ้องมองไปที่หยางเฉินคล้ายกับ้าจะ "บีบคอ" หยางเฉินให้ได้
หยางเฉินไม่ได้ใส่ใจเขากล่าวว่า
"อย่ามองมาที่ผมอย่างนั้นสิผมเห็นคุณขับรถที่ยอดเยี่ยมแบบนี้แต่กลับไม่เคยได้ลิ้มลองประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้มันก็ออกจะน่าเสียดายเกินไป เดี๋ยวผมจะให้คุณลองความเร็วที่มากขึ้นกว่าเดิม"
"อย่านะฉันไม่อยากได้ประสบการณ์บ้าบอแบบนี้"หลินรั่วซีหน้าซีดไปในทันที
"ไม่ใช่ประสบการณ์บ้าบอสักหน่อยทักษะการขับขี่ของผมนั้นยอดเยี่ยมที่สุด แม้ว่าจะเร็วแต่ก็ปลอดภัยขับรถช้าก็ชนได้ถ้าประสาทน่ะ ไม่เชื่อคุณลองดูพวกแม่บ้านที่ขับรถชนในข่าวสิ นี่คือความมั่นใจของผมแน่นอนว่าคุณอาจไม่เชื่อ" หยางเฉินกล่าว
หลินรั่วซีได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเยาะพร้อมกล่าวว่า
"คนที่ไม่มีใบขับขี่อย่างนายมาพูดแบบนี้ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว”
"ใบขับขี่ไม่ต่างอะไรกับเศษกระดาษใบหนึ่งดูอย่างใบปริญญาสิ หลายๆ มหาวิทยาลัยเปิดรับสมัครนักศึกษาทั้งปริญญาตรีและโทมากมาย ยิ่งกว่าตลาดสดขายกระดาษประทับตราปริญญาเสียอีก หลายๆ ที่ถึงกับสามารถซื้อมันได้ด้วยเงินคุณคิดหรือว่าแค่มีใบขับขี่ก็หมายความว่าคุณจะขับรถเก่งและปลอดภัย "หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินรั่วซีหัวเราะในลำคอ
"ไม่เถียงกับนายแล้ว พวกตรรกะวิบัติ”
"ตรรกะวิบัติเป็แค่ทฤษฎีเหมือนทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์นั่นแหละ?"
ั้แ่เล็กจนโตเธอไม่เคยเห็นใคร พูดเล่นไปซะทุกเื่ได้เช่นนี้นั่นทำให้หลินรั่วซีรู้สึกว่าน่าสนใจเป็อย่างมาก เธอถามกลับไปว่า
"นี่นายอยากเป็หลวงจีนหรือไง?"
หยางเฉินใช้มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัยและอีกข้างลูบคางไปมา
"สิ่งที่หลวงจีนเสียใจที่สุดในชีวิตคือไม่อาจได้เห็นเรือนร่างของหญิงสาวได้อีกแต่ผมได้เห็นมาก่อนแล้ว"
กว่าหลินรั่วซีจะเข้าใจความหมายของหยางเฉินก็ต้องใช้เวลาเนิ่นนานแต่สุดท้ายเธอก็พูดคำว่า
"ทุเรศ" ออกมาเบาๆ และไม่สนใจหยางเฉินอีก
เมื่อไปถึงลานจอดรถของโรงภาพยนตร์หลินรั่วซีก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเอ่ยถามหยางเฉินว่า
"ดูหนังเื่อะไรดีล่ะฉันจะให้อู๋เยวี่ยจองให้"
"จองให้?" หยางเฉินถามอย่างสงสัย “จองทำไมเหรอครับ?”
"จะดูแบบวีไอพีก็ต้องจองก่อนไม่ใช่หรือไง?"หลินรั่วซีถามกลับ
หยางเฉินได้ยินดังนั้นก็ระมัดระวังคำถามมากขึ้นหลินรั่วซีไม่ได้ดูหนังแบบปกติ เธอสมัครแพคเกจวีไอพีเอาไว้ ทั้งยังให้อู๋เยวี่ยจองให้อีก เธอแค่แสดงบัตรก็สามารถเข้าไปดูหนังได้แล้ว
"ไม่ต้องหรอกครับ ไปกันเถอะไปเลือกหนังกัน ผมจะซื้อตั๋วให้เอง แพคเกจวีไอพีจะไปเข้าท่าอะไร ไปนั่งอยู่บนที่สูงๆแล้วคอยดูคนอื่นดูหนังกันน่ะเหรอ?"หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินรั่วซีที่ค่อนข้างไม่คุ้นเคยกับวิธีดูหนังแบบธรรมดาจึงได้แต่เดินตามหลังหยางเฉินไปเงียบๆ
คนที่มาดูหนังส่วนใหญ่เป็คู่รักหนุ่มสาว นั่นทำให้หลินรั่วซีรู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่นั้นดูแปลกใหม่
เมื่อเดินไปถึงที่ซื้อตั๋วหยางเฉินก็ชี้ไปที่โปสเตอร์หนังแล้วเอ่ยถามหลินรั่วซีว่า
“อยากดูเื่อะไรครับ?"
หลินรั่วซีกวาดสายตาไปมาแล้วสายตาก็ไปสะดุดอยู่ตรงโปสเตอร์
"อลิซในแดนมหัศจรรย์" จากนั้นไม่นานเธอก็หันไปดูโปสเตอร์อื่นๆและส่ายหัวพร้อมบอกกับหยางเฉินว่า "ฉันให้นายเลือก"
หยางเฉินหัวเราะอยู่ภายในหลินรั่วซีเหมือนจะชอบเื่อลิซ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
"งั้นเราดูอลิซในดินแดนมหัศจรรย์ด้วยกันมั้ยล่ะโปสเตอร์ดูสดใสดี"
"ได้!" หลินรั่วซีเผยรอยยิ้มเห็นด้วยขึ้นมาทันที
หยางเฉินมองไปที่หลินรั่วซีที่พยายามปิดบังความรู้สึกเอาไว้ด้วยท่าทีสนใจ
เมื่อซื้อตั๋วเสร็จแล้วหยางเฉินและคนอื่นๆ ก็เดินเข้าไปในห้องโถงที่นี่มีร้านค้าหลายแห่งต่างขายป๊อปคอร์น ขนมและเครื่องดื่มต่างๆ หยางเฉินจึงซื้อป๊อปคอร์นและน้ำส้มสองแก้วก่อนที่จะเข้าไปในโรงหนัง
หลินรั่วซีนั่งที่นั่งธรรมดาอยู่ตรงกลางและเมื่อมองไปรอบๆ เธอก็เห็นชายหญิงจำนวนมากกำลังเฝ้ารอหนังฉายอย่างใจจดใจจ่อบางคนก็กระซิบคุยกันอย่างเงียบๆ
แต่ทันใดนั้นเองถังป๊อปคอร์นก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอหลินรั่วซีหันศีรษะมองไปที่หยางเฉินอย่างสงสัย
"เอาสิ กินรองท้องไปก่อน"
"ไม่ต้องหรอกฉันไม่เคยกินมาก่อน”หลินรั่วซีกระซิบเบาๆ
"คุณภรรยาที่รักเดี๋ยวผมให้รางวัล?"หยางเฉินรู้สึกเหมือนกำลังชักชวนให้เด็กกินข้าว
หลินรั่วซีรับป๊อปคอร์นมาแล้วหยิบเข้าปากไปชิ้นหนึ่ง... หวานอร่อยกรุบกรอบฉันไปอยู่ที่ไหนมา หลินรั่วซีไม่อาจทนทานได้อีกเธอหยิบป๊อปคอร์นและทานเข้าไปอีกหลายคำ
หยางเฉินนำน้ำส้มวางไว้ข้างๆเก้าอี้ของหลินรั่วซีพลางกล่าวว่า
"น้ำผลไม้ แก้คอแห้ง"
หลินรั่วซีรู้สึกอบอุ่นในหัวใจตั๋วที่นั่งราคาถูก อาหารและเครื่องดื่มราคาถูก สภาพแวดล้อมที่มีมีเสียงเจ๊าะแจ๊ะสิ่งเหล่านี้เป็สิ่งที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อนและมันก็รู้สึกดีกว่าที่เธอคิด
เป็เพราะพวกเรามีคนรู้ใจมาดูหนังด้วยงั้นหรือ?
หลินรั่วซีดูดน้ำผลไม้และแช่ตัวเองอยู่ในความคิด ในขณะนั้นเอง "อลิซในแดนมหัศจรรย์" ภาพยนตร์บนหน้าจอใหญ่ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
เมื่อหนังฉายขึ้น ภาพในจอปรากฏฉากในโลกแฟนตาซีที่อลิซได้เผชิญหลินรั่วซีก็พลันถึงนึกเื่ที่เคยได้ยินมาเนิ่นนานแล้ว...
"มีโรคชนิดหนึ่งที่เรียกว่าโรคอลิซในแดนมหัศจรรย์ อาการของผู้ป่วยโรคนี้คือจะเห็นภาพบิดเบี้ยวผิดสัดส่วนไปจากเดิม คล้ายอยู่ในโลกความฝันอยู่ทุกวัน ถ้าฉันเป็โรคแบบนั้นล่ะก็ฉันจะเป็คนไร้ประโยชน์คนนั้น เปลี่ยนไปเป็คนละคน?"
เมื่อคิดได้ดังนั้นแก้มของหลินรั่วซีก็แดงขึ้นมา...
ตายแล้วน่าอายจริงๆ! ฉันกลายเป็คนน่าอายแบบนี้เมื่อไหร่! ความคิดที่น่าขนลุกนี้ผุดมาจากส่วนไหนของสมองกัน...
อาจเป็เพราะไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปหลินรั่วซีแอบชำเลืองมองหยางเฉิน และก็รีบหันกลับมาก้มหัวลงเพื่อซ่อนสีหน้าเขินอายของตนเองไปในทันที
เธอโอเคหรือเปล่าเนี่ย? ทำไมแก้มแดงอย่างนั้น? หรือหลินรั่วซีจะเป็ไข้?
ในความมืดหยางเฉินสังเกตเห็นหลินรั่วซีมีอาการแปลกๆก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...