ได้ยินคำว่าเซียน ใจของเฉินเนี้ยนหรานก็สั่นไหว
นางยังไม่ลืมว่ามีบุรุษที่ชื่อดาราดวงที่สิบแปดยามอยู่ต่อหน้านางมักเรียกตนเองว่าเซียน
“เซียนซือท่านนี้…เขาหน้าตาดูเสเพลมากหรือไม่ตัวสูงมาก ข้างกายเขายังมีบุรุษตัวเล็กๆ ?”
เฉินเนี้ยนหรานบรรยายรูปลักษณ์ของโม่เต้าจื่อกับชิงเฟิงออกไปสองคนนั้นรีบรับคำทันที
“ใช่ใช่ สองคนนี้แหละ จะให้พูดนะ สองคนนี้เป็เซียนซือจริงๆ ตอนอยู่ที่นี่เขานำเซียนลู่มาช่วยผู้คนแต่เื่มันแปลกๆ ั้แ่เซียนซือกับผู้ติดตามของเขาเข้ามาพักอยู่ที่เรือนของเ้าของที่ดินโจวผู้คนต่างไม่เห็นเขาออกมาอีกเลย จากที่คนในเรือนเ้าของที่ดินโจวเล่าเซียนซือได้ออกไปั้แ่วันนั้นแล้ว แต่พวกเรารู้สึกว่าเื่มันแปลกๆ ”
คำพูดของเมาเอ๋อร์ลึกลับมากทำให้เฉินเนี้ยนหรานที่ฟังอยู่ไม่เข้าใจ
“เื่นี้เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น?หรือเ้าของที่ดินโจวมีความลับใด?”
“ท่านพี่เดาได้ถูกต้องจริงๆ” เมาเอ๋อร์หรี่ตาลง หน้าแดง
“ท่านพี่ข้าจะบอกความจริงกับท่าน เรือนเ้าของที่ดินโจวน่ะ ไปไม่ได้หรอก”
“เพราะเหตุใด?”
“เ้าของที่ดินโจวน่ะแต่ก่อนก็รับคนที่เดินทางจากต่างแดนเข้าไปในเรือน ทว่าคล้ายกับเซียนคนนั้นหลังจากเข้าไปแล้วล้วนไม่เคยออกมาอีกเลย”
เฉินเนี้ยนหรานไม่มีกะจิตกะใจจะทานข้าวต่อจะต้องรู้ว่า จากที่ดูแล้วหนิงเซียงเหมือนจะเข้าไปในเรือนของเ้าของที่ดินโจวเช่นกัน
นางสามารถไม่สนใจเซียนซือหน้าเหม็นคนนั้นได้แต่กับหนิงเซียงนางย่อมไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
“หยานายหญิงของข้าจะต้องอยู่กับคนพวกนั้นเป็แน่ หากอยู่กับท่านโม่เต้าจื่อจริง นายหญิงจะต้องอยู่ในอันตรายเป็แน่”สาวใช้สีที่อยู่ด้านข้างไม่สามารถใจเย็นอยู่ได้แล้ว
“ทำไมในบรรดาคนพวกนี้ยังมีญาติของพวกเ้าอยู่ด้วยหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ในที่สุดโก่วเอ๋อร์ก็เข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง
“อืมหากข้าเดาไม่ผิด สามคนนั้นคงเป็คนที่เดินทางมาด้วยกันกับพวกเรา”
“เช่นนั้นก็แย่แล้ว”โก่วเอ๋อร์ส่ายหน้า “ที่ข้ารู้ ก่อนหน้านี้ก็มีคนกลุ่มหนึ่งมา จากที่เขาพูดกันว่าเป็พ่อค้าที่มีชื่อเสียงมากเดินทางผ่านมาที่นี่หัวหน้าเป็คุณชายสกุลโจว หน้าตาหล่อเหลาจริงๆ น่าเสียดายหลังจากถูกเ้าของที่ดินโจวเชิญไปที่เรือน ก็ไม่เคยออกมาอีกเลย”
“อะไรนะยังมีคุณชายสกุลโจวอีกหรือ เ้าว่า เขาคงไม่ได้รูปร่างหน้าตา…”
เฉินเนี้ยนหรานอธิบายรูปร่างหน้าของโจวอ้าวเสวียนออกไปรอบหนึ่งโก่วเอ๋อร์ก็ตบหน้าขาไปทีหนึ่ง “ใช่ คุณชายคนนี้เลย ข้ายังจำได้ว่าตอนนั้นเขายังสนใจพริกป่าของหมู่บ้านเรามากยังบอกให้คนในหมู่บ้านของพวกเราเก็บมาเยอะสักหน่อย เขาเตรียมจะขนกลับไป ไม่รู้ว่าเ้าของที่ดินโจวพูดอย่างไรถึงได้เชิญเขาไปพักที่เรือนตนเองได้ น่าเสียดาย พอเข้าไปแล้วกลับไม่เคยเห็นเขามาเกือบจะหนึ่งเดือน”
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้เฉินเนี้ยนหรานพลันใจเย็นวาบ รู้สึกว่าสถานที่ที่โจวอ้าวเสวียนเกิดเื่ไม่ใช่ที่เขตเปียนโม่ แต่เป็ในหมู่บ้านนี้
เ้าของที่โจวเป็คนเช่นไรกันถึงสามารถเชิญคนมากมายไปพักที่เรือนของเขาได้
ในตอนนี้ความรู้สึกของเฉินเนี้ยนหรานก็มึนงงสาเหตุที่นางออกเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อมาช่วยโจวอ้าวเสวียนออกไป
แต่ผู้ใดจะรู้ว่าการลงมือเพียงลำพังของหนิงเซียงกับโม่เต้าจื่อกลับทำให้นางได้รู้สถานที่ที่โจวอ้าวเสวียนอยู่ก่อนล่วงหน้า
***
“ท่านพี่ท่านเป็อะไร?ข้าพูดอยู่ท่านกลับไม่สนใจ”ลิ่วจื่อมองมาที่นางอย่างหงุดหงิด
“อาข้าไม่เป็อะไร พวกเ้าพูดต่อเลย” เมื่อพบว่าหากเื่เกี่ยวข้องกับโจวอ้าวเสวียนแล้วตัวนางจะเหม่อลอยเฉินเนี้ยนหรานจนปัญญาจริงๆ จึงฝืนทำท่าทีสดใสแล้วฟังโก่วเอ๋อร์กับเมาเอ๋อร์พูดเื่ราวของเ้าของที่ดินโจวเฉินเนี้ยนหรานพบว่า ตนอาจต้องอยู่ที่นี่นานอีกสักหน่อย
หลังจากส่งสองพี่น้องไปแล้วเฉินเนี้ยนหรานหมุนตัวกลับมา พบกับสายตาเป็กังวลของลิ่วจื่อ
“ท่านพี่ท่านมีเื่ปิดบังข้า”
“ลิ่วจื่อข้าอยากอยู่เงียบๆ พวกเ้าไปดูถวนถวนเถิด”
ทุกเื่ที่เกี่ยวข้องกับโจวอ้าวเสวียนล้วนคอยวนเวียนอยู่ในสมองของนางในคืนนี้
เดิมทีคิดว่าแค่ช่วยเขาออกมาจะสามารถลบหนี้บุญคุณไปได้สุดท้ายกลับพบว่า ตนเองยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะเป็ห่วงเขาได้เลย
“ช่างเถิดไปช่วยก่อนค่อยว่ากัน เพียงแต่ ตอนนี้ข้ายังไม่คุ้นเคยกับที่นี่ จะช่วยเขาออกมาได้อย่างไรกัน?”
สำหรับการไปช่วยคนที่เรือนของเ้าของที่ดินโจวเฉินเนี้ยนหรานไม่มีวิธีจริงๆ
ตอนนี้คำอธิษฐานเดียวคืออย่าให้เกิดเื่ใดกับพวกโจวอ้าวเสวียนที่เรือนเ้าของที่ดินโจวเลย
เช้าตรู่วันต่อมาบนโต๊ะอาหาร เฉินเนี้ยนหรานทำสีหน้าจริงจังประกาศกับทุกคน
“ลิ่วจื่อสาวใช้สี ข้าคิดว่าพวกเราจะต้องอยู่ในเขตโม่นี่สักพักแล้ว เหตุผลเพราะอะไรสาวใช้สีเ้าคงจะรู้ดี หนิงเซียงกับโม่เต้าจื่อ รวมถึงคนรู้จักของข้าคนหนึ่งมีความเป็ไปได้ที่จะติดอยู่ข้างในคฤหาสน์ของที่นี่ สิ่งที่พวกเราจะต้องทำคือไปสอบถามสถานการณ์ให้ชัดเจนหากพวกเขาติดอยู่ข้างในจริงๆ พวกเราจะต้องคิดหาวิธีช่วยคนออกมา”
ความจริงแล้วเฉินเนี้ยนหรานแปลกใจมาก โจวอ้าวเสวียนมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? พูดตามหลักเหตุผลแล้วเขาไม่สมควรจะอยู่ที่นี่ เมื่อคืนนางว้าวุ่นไปสักหน่อย จึงไม่ทันได้วิเคราะห์ออกมาทันเวลา
จะต้องรู้ว่าตอนที่หนิงเซียงนำจดหมายกลับมาบอกเพียงว่าโจวอ้าวเสวียนอยู่ที่ชายแดน ถูกคนมีอำนาจกักขังไว้
คนที่มีอำนาจมากจะเป็เ้าของที่ดินได้อย่างไร
คิดจนเข้าใจแล้วหัวใจของนางก็ไม่ว้าวุ่นอีก
แต่สถานการณ์เป็เช่นไรยังต้องส่งคนไปสืบหาสักรอบถึงจะได้
“ลิ่วจื่อเ้ากับจินจื่อไปสอบถามเื่ราวทั้งหมดเกี่ยวกับเ้าของที่ดินโจวจากคนในหมู่บ้านมาสาวใช้สี เ้ากับข้าอีกเดี๋ยวไปหาเ้าของเรือน พวกเราคงต้องเช่าเรือนนี้ต่ออีกหนึ่งเดือนแม่นม เ้าดูแลถวนถวนให้ดี ไม่มีอะไรก็อย่าออกมาวิ่งส่งเดช”
“เ้าค่ะฮูหยิน”หลังจากแม่นมรับคำก็อุ้มถวนถวนออกไป
ลิ่วจื่อกับจินจื่อสองคนหยิบหมั่นโถวคนละชิ้นและหมุนตัวเดินออกไป
เ้าของเรือนเป็คู่สองสามีภรรยาอายุมากพวกลูกชายทำค้าขายอยู่ในเขตโม่ เรือนนี้จึงว่าง บางครั้งหากมีคนมาเช่า มักจะมาหาสองคนนี้ราคาไม่ถือว่าแพง เพราะคนชราเพียงแค่้าให้ในเรือนมีกลิ่นอายความเป็คน
ตอนที่เฉินเนี้ยนหรานกับสาวใช้สีมาถึงคนชราทั้งสองกำลังตัดหญ้าหน้าเรือนอยู่ เมื่อเห็นพวกนางสองคนเข้ามา หญิงชราจึงไปยกเก้าอี้มา
“นั่งนั่ง…”
คนชรามีอายุเพิ่มขึ้นฟันย่อมร่วงจนพูดแล้วมีลมรอดออกมา แต่คนคนนี้ยังคงอัธยาศัยดีมากหลังจากพูดเื่ราวให้ฟังแล้ว เฉินเนี้ยนหรานจึงจ่ายค่าเช่าให้แก่คนชราทั้งสอง
ซึ่งนางไม่ได้ออกไปในทันทีแต่นั่งดูชายชราตัดหญ้าอยู่ในเรือนกับหญิงชรา
“ท่านลุงผักป่าพวกนี้สามารถทานได้ เหตุใดจะต้องตัดด้วยเ้าคะ?”
ชายชราหัวเราะโฮะๆจนเคราสั่นตามไปด้วย
“เฮ้อพวกเราทานกันแค่อาหารประเภทเนื้อ พวกจีฉ่านป่าเช่นนี้ ทานแล้วมันเปรี้ยวในปาก ฟันไม่ค่อยจะดีนักเลยไม่ชอบกินน่ะ หากฮูหยินชอบ ก็เอามันกลับไปทำอาหารได้เลย”
“ได้เ้าค่ะเช่นนั้นอีกเดี๋ยวราคาผักก็รวมอยู่ในนี้ด้วยแล้วกัน” เฉินเนี้ยนหรานรับผักพวกนี้อย่างยินดี
ชายชราดีใจมากทุกครั้งที่เฉินเนี้ยนหรานมา ล้วนซื้อผักสดพวกนี้ไป แม้เงินจะไม่มาก แต่อย่างไรก็สามารถขายผักพวกนี้ออกไปได้สำหรับคนแก่แล้ว รู้สึกประสบความสำเร็จมาก
เพราะการซื้อผักทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยิ่งสนิทสนมมากขึ้น
เมื่อเห็นโอกาสพอเหมาะแล้วเฉินเนี้ยนหรานจึงได้เริ่มเอ่ยปากถามเื่เกี่ยวกับเ้าของที่ดินโจว
“เ้าของที่ดินโจวหรือ? แม่นางทางที่ดีที่สุดพวกเ้าอย่าไปมีเื่กับคนเรือนนี้เชียว แม้พวกเขาจะเป็เพียงเ้าของที่ดินแต่ข้าได้ยินพวกพี่น้องพูดกันไม่น้อยเลยว่า สกุลโจว เป็คนที่ย้ายมาจากด้านนอกหลายปีก่อนมีคนเคยเห็นว่ามีคนจากเมืองหลวงมาที่นี่ บางครั้งก็มีคนจากราชวังขนของมาเยี่ยมพวกเขาแต่คนเข้าออกมากที่สุดกลับเป็คนที่เป็เซียน คนสกุลโจวเชื่อถือเซียนหากมีคนที่เป็เซียนผ่านมา มักถูกเ้าของที่ดินโจวเชิญให้เข้ามาพักอยู่่หนึ่ง”
ได้ยินข่าวพวกนี้ในใจของเฉินเนี้ยนหรานสงบลง บางทีพวกหนิงเซียงอาจไม่มีอันตราย
อย่างไรเสียสำหรับคนที่เชื่อเื่เซียนแล้วหากมีเื่กับเซียน นับเป็เื่ที่ไม่ให้เกียรติกันเพียงแต่เื่เกี่ยวกับบุรุษที่หายตัวไปจะเป็โจวอ้าวเสวียนหรือไม่นั้นเฉินเนี้ยนหรานไม่แน่ใจ
“ท่านลุงเหตุใดหลายปีมานี้ข้าถึงได้ยินเื่สกุลโจวว่าหากไม่มีเื่ใดก็จะรับคนจากนอกดินแดนเข้าไปเล่าเ้าคะ?”
คนชราชะงักไปก่อนจ้องนางอย่างมีความนัย
“อืมใช่ เ้าของที่ดินโจว หลายปีมานี้คลอดลูกสาวมาเพียงไม่กี่คน หนึ่งในลูกสาวเลี้ยงดูได้งามนักช้าเร็วย่อมต้องเกิดเื่”
ประโยคไม่มีหัวไม่มีท้ายนี้ทำให้เฉินเนี้ยนหรานที่ฟังอยู่ถึงกับขมวดคิ้ว
“ฮูหยินหากท่านมีครอบครัวคนใกล้ชิดเข้าไปติดอยู่ในเรือนสกุลโจว อย่าฝืนพาออกมาอีกเลย ลูกสาวคนหนึ่งของสกุลโจว…เฮ้อช่างเถิด จะพูดอย่างไร ข้าก็ถือเป็คนสกุลโจว เื่ฉาวโฉ่ พวกเราอย่าพูดเลยหากเ้าสงสัยจงไปถามเอาจากด้านนอก”
หลังจากบอกลาคนชราแล้วเฉินเนี้ยนหรานให้สาวใช้สีนำผักกลับไป ก่อนนางจะหมุนตัวเดินไปทางเขตโม่
เื่บางเื่หากไม่สอบถามให้ชัดเจน นางคงสงบใจไม่ได้เลย
เมื่อเดินมาถึงร้านของหลูต้าหยาสองพี่น้องกำลังยุ่งอยู่กับการทำเสื้อผ้า เมื่อเห็นนางมา หลูต้าหยาดีใจมาก
น้องสาวคนที่สี่ของสกุลหลูจึงรีบยกอาหารกับผลไม้ออกมาเมื่อเห็นท่าทางกังวลใจของนางจึงเอ่ยปากถามออกมาหลายประโยค
“ไม่เป็อะไรเ้าทำงานเถิด ข้าแค่มาเดินเล่นเท่านั้น”
อาศัยใน่สองคนนี้ว่างจากงานแล้วนางจึงถามเื่ของเ้าของที่ดินโจว ครั้งนี้กลับถามข่าวออกมาได้ไม่น้อยเลย
“โอ้เ้าของที่ดินโจวหรือ ข้ารู้ เรือนของข้าห่างจากเรือนของเขาไม่ไกล น้องสาววันหลังเ้าไปนั่งเล่นที่เรือนของข้าสิ”
คิดไม่ถึงเลยว่าน้องสาวคนที่สี่ของสกุลหลูจะแต่งงานกับคนที่อยู่เรือนใกล้ๆกับเรือนของเ้าของที่ดินโจว นั่นทำให้เฉินเนี้ยนหรานดีใจมาก
“หากเป็คนอื่นคงไม่รู้ว่าเ้าของที่ดินโจวมีเื่ราวมากเพียงใด แต่ข้ารู้เรือนของข้าอยู่ใกล้กับเรือนของเขา สามีของข้าทำงานในเรือนของเขาเื่เล็กเื่ใหญ่ ครอบครัวของพวกเราย่อมรู้กันอย่างชัดเจน”
“เ้าของที่ดินโจวชาตินี้แม้จะไม่ขูดเืขูดเนื้อคนในหมู่บ้าน แต่กลับไม่ได้มีชีวิตที่ดีชีวิตของเขาออกเรือนกับอนุหลายคน เลี้ยงดูอนุไม่น้อย แต่น่าเสียดาย มีลูกสาวเพียงสามคนทว่าลูกชายไม่มีสักคน สำหรับลูกสาวสามคน เ้าของที่ดินโจวรักมาก แต่อาจจะรักมากไปสักหน่อยลูกสาวสามคนนี้ชื่อเสียงไม่มีดีเลย”
“อ้อ…”ได้ยินถึงตรงนี้ เฉินเนี้ยนหรานแอบพูดคำว่าแย่แล้วในใจ
