ไม่รู้ว่าอวี่เหลียนเอ๋อร์ไปหาบันไดมาจากที่ใด และข้างหลังนางก็สะพายย่ามเล็กๆ ใบหนึ่ง ดูไปแล้วเหมือนจะเตรียมตัวมาอย่างดี
เหยาเชียนเชียนไม่กล่าวอะไรและตามหลังนางไป ทั้งคู่ไม่มีผู้ใดพูดอะไรมากเพราะต่างรู้สึกรีบร้อนลนลาน ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังหลบหนีไปจนสุดขอบฟ้าจริงๆ
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง เมื่อข้ามถนนข้างหน้าไปเราก็จะปลอดภัยแล้วเพคะ รอฟ้าสว่างและประตูเมืองเปิดแล้วเราก็จะรีบออกไปทันที เมื่อถึงเวลานั้นท่านอ๋องก็ตามหาเราไม่เจอแล้ว”
เหยาเชียนเชียนหยุดพักเพื่อกอบโกยลมหายใจ นางมองไปยังเด็กน้อยด้วยสายตาซับซ้อน “เหลียนเอ๋อร์”
“เพคะ?” อวี่เหลียนเอ๋อร์หันกลับมา ท่าทางยังคงบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเช่นเคย
ที่จริงเหยาเชียนเชียนอยากถามนางเหลือเกินว่าเหตุใดถึงต้องทำเช่นนี้ คนที่อยู่เื้ัเป็ผู้ใดกันแน่ เพียงแต่พอจะเอื้อนเอ่ยก็หยุดชะงักลงอีกครั้ง นางเงยหน้าขึ้นเป็สัญญาณและกล่าวว่า “เ้าดูทางนั้นสิ”
เป่ยเหลียนโม่ที่เดิมทีควรจะอยู่ที่จวนอ๋องปรากฏตัวออกมาจากมุมทางเลี้ยวอย่างกะทันหันโดยมีองครักษ์กลุ่มหนึ่งอยู่ข้างหลัง ดูท่าทางเหมือนรอมาสักพักแล้ว
“ท่านอ๋อง” อวี่เหลียนเอ๋อร์ใกลัวจนหน้าถอดสีและรีบคุกเข่าลง “ท่านอ๋อง ไม่เกี่ยวกับหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงเลยนะเพคะ ทั้งหมดเป็ความผิดของเหลียนเอ๋อร์ พระองค์อย่าได้ตำหนิหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงเลยนะเพคะ หาก้าจะกล่าวโทษก็โทษเหลียนเอ๋อร์เถิด”
เป่ยเหลียนโม่มีสีหน้าไม่แยแสและหลุบตามองนาง “ย่อมต้องกล่าวโทษเ้า”
ร่างของอวี่เหลียนเอ๋อร์ชะงัก ไม่ทันตอบสนองต่อความหมายอันลึกซึ้งในคำกล่าวของเขา นางทำได้เพียงโขกศีรษะเพื่อขออภัยโทษต่อไป
“ท่านอ๋อง เหลียนเอ๋อร์สงสารหวังเฟยเหนียงเหนี่ยง ไม่อาจปล่อยให้นางร้องไห้อยู่ในห้องเพียงลำพังได้ ดังนั้นจึงรับปากทำตามคำขอของหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงและพานางหนีเพคะ” อวี่เหลียนเอ๋อร์เงยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมา ท่าทางโศกเศร้าราวกับจะเป็ลมล้มไปในวินาทีต่อมา
“ท่านอ๋อง หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงอาจจะมีความลำบากใจที่จำต้องทำเช่นนี้ แม้ว่านางจะขโมยแผนที่จัดวางกำลังคุ้มกันนครหลวงมา แต่ก็อาจจะไม่ได้้าจะทำร้ายท่านอ๋องจริงๆ อาจจะมีคน้าหลอกใช้ความจริงใจของหวังเฟยเหนียงเหนี่ยงก็เป็ได้ ดังนั้นจึงได้วางกับดักนี้ขึ้นมา หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงก็ถูกหลอกเช่นกันเพคะ!”
เหยาเชียนเชียนเกือบหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ คำกล่าวเช่นนี้กล่าวได้ดีเลยทีเดียว
เริ่มจากแจ้งเป่ยเหลียนโม่ว่านางขอร้องให้อีกฝ่ายพาหลบหนี พอยามนี้ถูกจับได้ ภายนอกก็บอกว่าเพื่อช่วยให้นางได้หลุดพ้น บอกว่านางเพียงแค่ถูกคนหลอกมาอีกทีเช่นกัน แต่ขอถามว่าในใต้หล้านี้คนที่สามารถทำให้เหยาเชียนเชียนรู้สึกลึกซึ้งด้วยได้ นอกจากเป่ยเซวียนเฉิงแล้วยังมีผู้ใดอีกหรือไม่?
ยิ่งไปกว่านั้น คำกล่าวนี้ของอวี่เหลียนเอ๋อร์ยังเป็การยืนยันความผิดที่นางขโมยสิ่งของอีกด้วย โดยกล่าวว่าความจริงใจของนางถูกหลอกใช้ นั่นเป็การบอกต่อเป่ยเหลียนโม่ทั้งโดยนัยและอย่างชัดเจนว่านางและองค์ชายสามยังมีสัมพันธ์กันอยู่ และนางยังถูกยุยงให้ขโมยแผนที่จัดวางกำลังคุ้มกันนครหลวงอีกด้วย
หากไม่ใช่เพราะเวลาไม่เหมาะสม เหยาเชียนเชียนก็เกือบจะปรบมือให้อวี่เหลียนเอ๋อร์ไปแล้วและกล่าวว่า ดี ดียิ่งนัก!
“เหลียนเอ๋อร์ ข้าให้โอกาสเ้าอีกครั้ง ความจริงอันวกวนนี้เป็เช่นไรกันแน่ หากเ้าแจ้งแก่ท่านอ๋องอย่างชัดเจนยามนี้ก็อาจจะมีหนทางรอดอยู่”
อวี่เหลียนเอ๋อร์หมุนตัวกลับมาโขกศีรษะต่อเหยาเชียนเชียน ช่างเหมือนกับบ่าวแสนดีที่จะอุทิศชีวิตเพื่อผู้เป็นายเหมือนในละครเหลือเกิน ทว่าการที่นางคุกเข่าให้เหยาเชียนเชียนครั้งนี้ กลับทำให้นางรู้สึกเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังส่งิญญานางก็ไม่ปาน
“หวังเฟยเหนียงเหนี่ยง พระองค์วางใจเถิดเพคะ ไม่ว่าผู้ใดจะถามขึ้นมา เื่เหล่านี้ล้วนเป็ความผิดของเหลียนเอ๋อร์ทั้งหมด ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพระองค์” นางกล่าวด้วยความเศร้าโศก “ขอเพียงท่านอ๋องโปรดเห็นแก่ที่หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงเป็ภรรยาของพระองค์ เป็สามีภรรยากันเพียงหนึ่งวัน แต่เมตตากันตลอดไป อย่าได้สืบหาเื่นี้อีกเลยเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ เช่นนั้นเปิ่นหวังจะไม่สืบหาแล้ว”
อวี่เหลียนเอ๋อร์หยุดโขกศีรษะไปชั่วครู่ ไม่สืบหาแล้ว?
นางอดเงยหน้าขึ้นมองเขาไม่ได้ และสบเข้ากับั์ตาสีดำสนิทคู่นั้นเข้าพอดี เห็นได้ชัดว่ามุมปากของเขายังคงประดับรอยยิ้มบาง ทว่าในแววตาไร้ซึ่งแววขบขันโดยสิ้นเชิง
“ท่านอ๋อง...”
“ในเมื่อเ้าจงรักภักดีเช่นนี้ เช่นนั้นเปิ่นหวังก็จะสนองชื่อเสียงอันดีงามนี้ของเ้า” เป่ยเหลียนโม่เดินเข้าไปและค่อยๆ ประคองเหยาเชียนเชียนให้ลุกขึ้น “ขโมยแผนที่จัดวางกำลังคุ้มกันนครหลวง ยุยงหวังเฟย คนผู้นี้คิดไม่ซื่อ นำตัวนางไป รอเปิ่นหวังตัดสินโทษในวันรุ่งขึ้น”
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อวี่เหลียนเอ๋อร์ไม่ทันตอบสนองไปชั่วขณะเสียด้วยซ้ำ จนกระทั่งองครักษ์เข้ามาจับตัวนางถึงได้นึกขัดขืนขึ้นมาได้
“ไม่ ไม่ใช่นะ หวังเฟยเหนียงเหนี่ยงได้โปรดตรัสอะไรหน่อยสิเพคะ ช่วยเหลียนเอ๋อร์ด้วย เหลียนเอ๋อร์ทำเพื่อพระองค์ทั้งนั้น ช่วยเหลียนเอ๋อร์ด้วยเพคะ!”
เหยาเชียนเชียนผ่อนลมหายใจ ทว่าเมื่อได้ยินนางร้องขอให้ช่วยก็อดหันไปมองไม่ได้
“ใช่ เ้าทำไปก็เพื่อข้าทั้งนั้น ดังนั้นข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าผู้ใดเป็คนบงการเ้า วางแผนเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อทำให้ท่านอ๋องฆ่าข้า”
นางเผชิญกับแววตาตื่นตระหนกของอวี่เหลียนเอ๋อร์และขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เ้าคิดว่าข้าไม่ควรสงสัยเ้าหรือ อายุยังน้อยแต่มั่นใจในตัวเองเหลือเกิน เมื่อครู่ข้าก็พูดไปแล้วว่าหากเ้ายอมพูดความจริง ท่านอ๋องก็จะให้อภัยไม่เอาชีวิตเ้า คำนี้ยังคงมีผลอยู่ เ้าไตร่ตรองด้วยตัวเองให้ชัดแจ้งเถิด”
เป่ยเหลียนโม่เลิกคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเขาใกล้ชิดกับนางมากขึ้นจริงๆ คาดไม่ถึงว่านางสามารถตัดสินเช่นนี้แทนตัวเขาได้ นั่นทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย
จริงๆ แล้วที่เหยาเชียนเชียนกล่าวในครั้งนี้เป็เพราะความผิดหวังมีมากกว่าความกลัว เดิมทีนางเชื่อใจเด็กคนนี้มาก แต่อีกฝ่ายกลับใส่ร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่า
นางไม่ใช่คนที่มีแสงสว่างโรจน์ของพระแม่ คนอื่นใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการทําร้ายนาง ถ้าไม่ใช่เพราะคนผู้นี้ยังเด็ก นางก็ไม่อยากไว้ชีวิตอีกฝ่าย
“กลับไปเถิด” เป่ยเหลียนโม่โอบไหล่นาง “ที่เหลือให้เปิ่นหวังจัดการก็พอ”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้า ทว่าเดินไปได้สองก้าวก็หยุดลง นางกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นเงาร่างเล็กๆ ที่คุ้นตา
“หาอะไรหรือ?” ชิงผิงอ๋องเอ่ยถาม
“ท่านอ๋อง พระองค์เห็นเสี่ยวไกวไกวบ้างหรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนกังวลเล็กน้อย นางตกลงหนีไปกับอวี่เหลียนเอ๋อร์ในยามนั้นเพราะว่าเห็นเ้าแมวดำ ทว่ามันวิ่งตามมาได้สักพักแล้วก็หายไป นางยังคิดว่ามันกลับไปอยู่กับชิงผิงอ๋องแล้วเสียอีก เหตุใดยามนี้ถึงยังหาตัวไม่พบอีกเล่า
ชิงผิงอ๋องส่ายหน้าอย่างใจเย็น “เปิ่นหวังไม่เห็น บางทีมันอาจจะกลับจวนไปแล้วกระมัง มันไม่ชอบร่วมวงครึกครื้นประเภทนี้มากเท่าไร”
นี่จะเรียกว่าร่วมวงครึกครื้นได้อย่างไร เหยาเชียนเชียนเม้มปาก หากไม่ใช่เพราะเ้าแมวดำ นางก็คงไม่ยอมตามอวี่เหลียนเอ๋อร์ออกมา โชคดีที่นางไม่ได้เชื่อใจผิด ชิงผิงอ๋องยืนอยู่ฝั่งเดียวกับนางจริงๆ ด้วย
“ท่านอ๋อง พระองค์สั่งให้คนออกตามหาเถิดเพคะ ดึกมากแล้วมันอยู่ข้างนอกเพียงลำพังก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน” เหยาเชียนเชียนยิ้มให้เขาอย่างประจบประแจง “มันเป็สัตว์เลี้ยงของท่านอ๋องไม่ใช่หรือเพคะ หากเกิดอะไรขึ้นพระองค์ก็จะปวดใจเหมือนกัน”
เป่ยเหลียนโม่รู้สึกแน่นหน้าอกชั่วครู่ เขายืนอยู่ข้างนางแท้ๆ เหตุใดนางถึงเอาแต่คิดถึงแมวตัวหนึ่งเล่า?
“เ้ากลับไปก่อน เปิ่นหวังจะสั่งให้คนออกตามหารอบๆ และไม่แน่ว่ามันอาจจะกลับจวนไปก่อนแล้วก็ได้ ไม่จำเป็ต้องกังวลมากนัก”
เหยาเชียนเชียนจำต้องเห็นด้วยและกลับไปยังจวนอ๋องอย่างไม่วางใจนัก เดิมทีเป่ยเหลียนโม่อยากสั่งให้นางรีบพักผ่อนเสีย แต่เห็นว่านางไม่อยากกลับเรือนของตัวเองเลยแม้แต่น้อยจึงหยุดฝีเท้าลงอย่างห้ามไม่ได้
“มีเื่อะไรอีกหรือเพคะ?”
เหยาเชียนเชียนไม่กล้าบอกว่านางอยากรอเ้าแมวดำอยู่ที่นี่ จึงทำได้เพียงพยายามหาประเด็นสนทนาขึ้นมาส่งๆ
“ท่านอ๋อง พระองค์รู้อยู่ก่อนแล้วว่าอวี่เหลียนเอ๋อร์ไม่ธรรมดาใช่หรือไม่?”
เป่ยเหลียนโม่พยักหน้า และบอกนางว่าหากมีเื่ใดไว้ค่อยคุยกันวันพรุ่งนี้ ยามนี้ดึกมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเสียดีกว่า
แต่เหยาเชียนเชียนก็ยังไม่เห็นผู้ใดกลับมารายงาน นั่นหมายความว่ายามนี้ยังไม่พบแมวดำ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงดื้อแพ่งอยู่ข้างๆ เป่ยเหลียนโม่ไม่ยอมไปที่ใด
“วันนี้หวังเฟย...” เป่ยเหลียนโม่หยุดพูดชั่วคราวและยิ้มบางอย่างห้ามไม่ได้ “เข้ามาสิ ข้างนอกอากาศเย็น ในห้องอบอุ่นกว่าหน่อย”
เหยาเชียนเชียนไม่เข้าใจรอยยิ้มที่มุมปากของเขา แต่ถ้าสามารถเข้าไปรอข้างในได้ย่อมดีกว่า
นางไม่เคยเข้าไปในห้องนอนของเป่ยเหลียนโม่มาก่อน ก่อนหน้านี้เห็นเขาอยู่แต่ในห้องหนังสือ เหยาเชียนเชียนลอบพินิจดูห้องนี้ มันสะอาดและเรียบง่าย ไม่มีเครื่องลายครามโบราณหรือเครื่องหยกเป็ของประดับตกแต่งใดๆ สิ่งที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็โต๊ะทรงอักษรตัวนั้น
ด้านข้างเป็ห้องหนังสือ ทว่าคนผู้นี้ยังต้องตั้งโต๊ะในห้องนอนนี้ด้วย เขามีเื่ที่ต้องจัดการมากเท่าไรกันเชียว
“ท่านอ๋องรู้สึกว่าเหลียนเอ๋อร์แปลกๆ ั้แ่เมื่อใดหรือเพคะ และเมื่อไรที่ทรงรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็แผนการของนาง?”
เป่ยเหลียนโม่รินชาจอกหนึ่งยื่นให้นาง นับั้แ่ที่อาเหยียนบอกว่าไม่ชอบอวี่เหลียนเอ๋อร์ ในยามนั้นเขาก็ตัดสินได้แล้วว่าเด็กหญิงผู้นี้ไม่ใช่เด็กธรรมดา เพียงแต่กล่าวเช่นนี้ก็ดูจะรีบร้อนเกินไปสักหน่อย
“อาเหยียนมีนิสัยที่บริสุทธิ์ เปิ่นหวังไม่เคยเห็นเขาผลักไสผู้ใดแบบนั้นมาก่อน ดังนั้นในยามนั้นจึงให้คนจับตามองนางมากขึ้น จากนั้นไม่ว่านางจะไปที่ใดก็จะเกิดเื่ราวขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เปิ่นหวังยากจะลืมเลือนนาง”
ท้ายที่สุดแล้ว อวี่เหลียนเอ๋อร์ก็รีบร้อนเกินไปหน่อย นาง้าให้เหยาเชียนเชียนแตกคอกับชิงผิงอ๋อง ไหนเลยจะสามารถทําได้ในชั่วข้ามคืน นางเชื่อมั่นในแผนการเหล่านี้มากเกินไป หรือไม่นางก็คิดว่าเหยาเชียนเชียนและชิงผิงอ๋องไม่มีความเชื่อใจให้กันเลยแม้แต่นิดเดียว
“เช่นนั้นท่านอ๋องก็รู้เื่จดหมายเ่าั้ รวมไปถึงเื่แผนที่จัดวางกำลังคุ้มกันนครหลวงว่าไม่เกี่ยวข้องกับหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่?”
ไม่เพียงแค่เื่เหล่านี้ ยังมีเื่ของอาเหยียนด้วย ดูเหมือนว่าในยามนั้นอาเหยียนจะเป็ผู้บริสุทธิ์จริงๆ ดังที่เขาพูด ไม่อาจเรียกว่าไม่ตั้งใจได้ด้วยซ้ำ เดิมทีอวี่เหลียนเอ๋อร์ก็เป็คนตกลงไปในน้ำเอง
“หม่อมฉันควรขอโทษอาเหยียนด้วย" เหยาเชียนเชียนนอนฟุบอยู่บนโต๊ะ นางรู้สึกเสียใจมาก แม้ว่าจะไม่ได้ตําหนิอาเหยียนก็จริง แต่ความคิดในคราแรกของนางก็ยังรู้สึกว่าอาเหยียนไม่ระวังจึงทําให้อวี่เหลียนเอ๋อร์ตกลงไปในทะเลสาบ
“เขาไม่โทษเ้า” เป่ยเหลียนโม่มองนางอย่างขบขัน “อาเหยียนไม่มีทางโกรธเ้าได้เลย เขารู้ว่าควรโทษผู้ใด”
เหยาเชียนเชียนยังคงรู้สึกละอายใจ นางตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปขอโทษอาเหยียนั้แ่เช้า
เมื่อเห็นท่าทางหงอยเหงาเศร้าซึมของนาง เป่ยเหลียนโม่จึงจิบน้ำชาไปหนึ่งอึก
“มีเื่หนึ่ง แม้ว่าจดหมายเ่าั้ อวี่เหลียนเอ๋อร์จะเป็คนรื้อออกมาให้เปิ่นหวังเห็น แต่นั่นก็เป็สิ่งของของหวังเฟยจริงๆ หากไม่ใช่เพราะหวังเฟยเก็บรักษาไว้อย่างใส่ใจ เกรงว่านางก็คงไม่มีโอกาสเช่นนั้น”
เหยาเชียนเชียนค่อยๆ ยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรงและกะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าจดหมายเ่าั้เ้าของร่างเดิมเป็คนเขียนให้องค์ชายสามเองจริงๆ หรือ?
แล้วเหตุใดนางถึงไม่รู้?
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่รู้จริงๆ เพคะ ไม่ได้้าจะหลอกลวงพระองค์” นางขมวดคิ้วอย่างขมขื่น “พระองค์ก็คิดเสียว่าก่อนหน้านี้หม่อมฉันมองคนไม่ออก ของเ่าั้นางไปหามาจากที่ใดหม่อมฉันก็ไม่ทราบ และไม่ได้เก็บมาใส่ใจจริงๆ ถึงได้วางทิ้งไว้นานขนาดนั้น หม่อมฉันไม่เหลือเยื่อใยใดๆ แล้วจริงๆ เพคะ”
ชิงผิงอ๋องดื่มชาอย่างสงบนิ่ง เขาย่อมรู้ว่าเื่ราวไม่ได้เป็อย่างที่อวี่เหลียนเอ๋อร์กล่าว ร้องไห้ทุกค่ำคืน ใช้สิ่งเ่าั้ปลอบประโลมจิตใจอะไรกัน เขาค้างแรมกับนางออกจะบ่อยก็เห็นนางนอนหลับสนิททุกคืน
“ท่านอ๋อง เื่ราวในอดีตสำหรับหม่อมฉันเป็เพียงเมฆหมอกที่ผ่านตา ไม่มีค่าพอให้กล่าวถึงเลยเพคะ คราวนี้เกิดเื่เช่นนี้ขึ้น หม่อมฉันหวังเป็อย่างยิ่งว่าต่อไปท่านอ๋องจะไม่เชื่อเื่เหล่านี้อีก ทุกอย่างเป็เพราะคนนอกจงใจยุยงทั้งนั้น เมื่อกล่าวคำเช่นนั้นออกมา คนที่กล่าวก็ไม่ได้มีเจตนาดีหรอกนะเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ทว่าใบหน้ากลับสุขุมเหลือเกิน เขาพยักหน้าน้อยๆ
“เปิ่นหวังจะไม่เชื่อถ้อยคำเหล่านี้ง่ายๆ หวังเฟยวางใจได้”
เขาทำท่าทางสบายๆ ลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะทรงอักษรและบอกว่าเขายังมีงานที่ต้องจัดการ หากนางอยากรอแมวดำก็รออยู่ที่นี่เถิด
เหยาเชียนเชียนทั้งรู้สึกประหลาดใจและดีใจด้วยคาดไม่ถึงว่าเขาจะยอมให้นางรอเสี่ยวไกวไกวกลับมาอยู่ที่นี่ ชิงผิงอ๋องมีน้ำใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!
ในยามดึกแสงจันทร์ส่องกระจ่าง เป่ยเหลียนโม่อุ้มคนที่นอนซบอยู่บนโต๊ะไปนอนบนเตียงอย่างระมัดระวัง ปลายนิ้วลากไล้ผ่านแก้มของนางแ่เบา
“เมื่อใดที่เปิ่นหวังสามารถเทียบเท่ากับแมวตัวนั้นในใจของเ้าได้ เปิ่นหวังก็น่าจะพอใจแล้ว”
