หลิวซื่อเอ่ยกับหลานสาวทั้งสามคนว่า “ท่านปู่เจ็ดของพวกเ้าเป็ถึงผู้ใหญ่บ้าน ยังเป็ผู้นำตระกูล เพียงแต่ในบ้านมีเด็กมากกว่าบ้านพวกเรา ตอนนี้ครอบครัวพวกเราสามารถกินข้าวได้ทุกมื้อ ในขณะที่อาหารเย็นบ้านพวกเขายังเป็ข้าวต้มอยู่”
ผู้เฒ่าหวังทอดถอนใจเล็กน้อยแล้วเอ่ย “ในบ้านมีเด็กเยอะภาระจึงหนัก เป็เื่ยากที่จะมีชีวิตที่ดี”
หวังจื้อก้มศีรษะต่ำโดยไม่เปล่งเสียงใดออกมา ในบรรดาพี่น้องสามคน ตัวเขามีความพิการ และมีบุตรสาวอีกสามคน เขากลายเป็ตัวถ่วงความเจริญของครอบครัวไปแล้ว
หลี่ชิงชิงเอ่ยกับหลานสาวสามคนด้วยสีหน้าอ่อนโยน “วันนี้พวกเ้าได้กินหมี่ฮวาถังแล้ว งานกินเลี้ยงไม่มีหมี่ฮวาถังให้กินหรอกนะ”
หวังเจาตี้หัวเราะเบาๆ พร้อมกล่าว “ใช่แล้ว ข้าได้กินหมี่ฮวาถังแล้ว”
เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่ชิงชิงทําข้าวปั้นผักสองร้อยกว่าก้อนตามคําร้องขอของผู้เฒ่าหวังสามีภรรยา
หลิวซื่อเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา “ชิงชิง เหตุใดเ้าถึงทําข้าวปั้นน้อยกว่าเมื่อวานเกือบสองร้อยก้อนเล่า?”
“เมื่อวานเซียงเยวี่ยไจหนึ่งร้านซื้อข้าวปั้นหนึ่งร้อยก้อน ข้าไม่ยอมขายสูตรให้ร้านพวกเขา วันนี้พวกเขาคงไม่ซื้อข้าวปั้นของบ้านเรา ข้าจึงทําน้อยลงเ้าค่ะ” หลี่ชิงชิงเห็นผู้เฒ่าหวังมีสีหน้าไม่พอใจ จึงเอ่ยขึ้นอีก “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากลัวว่าจางต้าหู่ที่ขายข้าวผัดก็จะขายข้าวปั้นเช่นกัน ยามนั้นทั้งสองร้านล้วนขายอาหารเหมือนกัน เช่นนั้นก็ขายไม่ได้ง่ายๆ ขนาดนั้นแล้ว”
หลี่ชิงชิงกลัวว่าจะเกิดคู่แข่งขึ้น ผักที่ใช้ทำข้าวปั้นผักในครั้งนี้จึงถูกเปลี่ยนเป็ถั่วลันเตาและหูหลัวปัว [1]
ถั่วลันเตาสีเขียว หูหลัวปัวสีส้ม ข้าวสีขาวบริสุทธิ์ รวมกันแล้วสีสันสดใสเป็อย่างยิ่ง
นอกจากนี้หลี่ชิงชิงยังเอ่ยโน้มน้าวผู้เฒ่าหวังสามีภรรยา ให้นำงาดำคั่วสุกที่ในบ้านมีอยู่เพียงสองเหลี่ยงมาโรย้าของข้าวปั้นทุกก้อน
เช่นนี้ก็กลายเป็ข้าวปั้นผักโรยงาแล้ว
หวังเลี่ยงนำข้าวปั้นใส่ลงในตะกร้าไม้ไผ่อย่างระมัดระวัง เอ่ยว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ วันนี้ข้าวปั้นน้อย พวกท่านไม่ต้องไปที่อําเภอแล้ว ข้ากับพี่ใหญ่ไปก็พอขอรับ”
หลิวซื่อเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ไม่ได้ ข้ากับพ่อเ้าต้องจับตาดูพวกเ้าสองพี่น้องปฏิเสธเซียงเยวี่ยไจ”
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสี่คนจึงออกเดินทางไปยังตัวอำเภออย่างรีบร้อนด้วยกัน
หลี่ชิงชิง จางซื่อ หวังจวี๋ยังคงพากันสับพริกอยู่ที่บ้าน เมื่อวานทั้งสามคนสับพริกได้สองร้อยกว่าจินแล้ว หลี่ชิงชิงนำพริกที่สับเสร็จใส่ลงไปในไหใบใหญ่แล้วดองด้วยเกลือและสุรา พร้อมปิดผนึกอย่างแ่า
พริกสับที่ดองไว้เมื่อวาน วันนี้ก็สามารถกินได้แล้ว ทว่าหากเวลาเพียงพอ พริกสับที่ดองเป็เวลาหนึ่งเดือนถึงจะมีรสชาติอร่อยที่สุด
เพื่อหาเงินจากการทำพริกสับดอง หลี่ชิงชิงยอมควักกระเป๋าตนเองซื้อเกลือ สุราขาว และจ่ายค่าแรงให้จางซื่อกับหวังจวี๋
หลี่ชิงชิงยังไม่ได้บอกเื่ค่าแรงแก่จางซื่อกับหวังจวี๋ นางวางแผนว่าจะจ่ายค่าแรงหลังได้เงินจากการขายพริกสับดอง
พวกนางสับพริกโดยใช้มีดทำครัว ต้องคอยเกลี่ยพริกให้อยู่ใต้คมมีด และยังต้องใส่พริกลงในไหอีก พวกนางทั้งสามคนสับพริกเพียงวันเดียว มือทั้งสองข้างก็บวมแดงจากความเผ็ดแสบของพริก ิัรู้สึกปวดแสบร้อนเล็กน้อย
เฮ้อ ที่นี่ไม่มีถุงมือ หากใส่ถุงมือก็จะไม่โดนน้ำจากพริกกัดผิวแล้ว
ทั้งสามคนสับพริกที่ลานบ้านของเรือนรอง เพราะว่าไม่อยากให้คนในหมู่บ้านล่วงรู้
ชื่อเสียงความอัปมงคลของผู้เฒ่าหวังแพร่กระจายออกไปไกล ในอดีตหมู่บ้านหวังไม่ค่อยมีคนแวะมาเยี่ยมเยียนตระกูลหวัง ต่อมาเมื่อหวังจวี๋ที่คลอดก่อนกําหนดค่อยๆ เติบใหญ่ขึ้นอย่างปลอดภัย ทุกคนจึงเข้าใจว่าความโชคร้ายของผู้เฒ่าหวังคงจะหมดไปแล้ว จึงมีคนคอยมาเยี่ยมเยียนตระกูลหวังบ้าง
หลายวันมานี้ทุกคนล้วนยุ่งอยู่กับการเก็บพริกขายพริก ลูกสะใภ้คนเล็กและบุตรสาวตระกูลหวังจึงไม่มีเวลามาเยี่ยมเยือนบ้านตระกูลหวัง
วันนี้ประจวบเหมาะกับที่บ้านพี่ชายคนโตของผู้เฒ่าหวังจัดงานกินเลี้ยง คนในตระกูลทุกครอบครัวล้วนส่งคนมาเข้าร่วม เื่เช่นนี้ผู้ใดได้เข้าร่วมงานเลี้ยงก็สามารถได้กินอาหารดีๆ ผู้เข้าร่วมแต่ละคนจึงล้วนเต็มไปด้วยความปีติยินดี
เสียงะโของสตรีสองนางดังมาจากลานหน้าบ้าน “บ้านพวกท่านผู้ใดจะไปกินงานเลี้ยงบ้านท่านลุงใหญ่?”
“รีบไปจับจองที่นั่งดีๆ เร็ว!”
สองคนนี้เป็หลานสะใภ้และหลานสาวของผู้เฒ่าหวัง
หลานสาวคนนี้เป็สตรีที่แต่งออกไปแล้ว เมื่อวานกลับมาเยี่ยมบิดามารดาที่บ้านเดิม ประจวบกับที่วันนี้มีงานกินเลี้ยง นางจึงขอไปกินเลี้ยงด้วย ทำเอาพี่สะใภ้ทั้งสองของนางโกรธจนจมูกเบี้ยวแล้ว
สตรีในชนบทแถบเมืองเซียงไม่ค่อยมีนิสัยอ่อนโยน ส่วนใหญ่ล้วนเป็คนพูดจาโผงผางยิ่งนัก หากเป็คนที่ไม่รู้ ฟังแล้วคงคิดว่าพวกนางกำลังทะเลาะกันอยู่
หลี่ชิงชิงเห็นใบหน้าตั้งตารอของหวังจวี๋ผู้เป็น้องสาวสามี ก็พลันยิ้มแล้วเอ่ยว่า “น้องสาวรีบไปเถิด”
จางซื่อหยัดกายลุกขึ้นไปคุยกับสตรีสองนางที่ลานหน้าบ้านโดยเฉพาะ “บ้านพวกข้าเป็หวังจวี๋ที่ไป พวกเ้าช่วยดูแลนางสักหน่อย อย่าให้นางกินไม่อิ่มกลับมาเล่า!”
สตรีสองนางหัวเราะเสียงดังก่อนกล่าวว่า “วางใจได้ ย่อมต้องให้นางได้กินของอร่อยแน่นอน!”
“ย่อมให้หวังจวี๋กินจนอิ่มแน่”
หวังจวี๋ล้างมือให้สะอาด ผลัดเปลี่ยนชุดกระโปรง แม้ว่ากระโปรงจะทั้งเก่าและเต็มไปด้วยรอยปะชุน แต่ก็สะอาดเป็อย่างยิ่ง
จางซื่อรีบร้อนหวีผมเป็ทรงมวยผมง่ามคู่ให้หวังจวี๋ และยังปักปิ่นสั้นลวดลายดอกท้อของตนลงบนมวยผมของหวังจวี๋อีกด้วย
จางซื่อไม่รู้หนังสือทว่าหัวไวมือคล่อง มองทรงผมของสตรีเพียงไม่กี่คราก็สามารถกลับมาทำให้คนในบ้านได้แล้ว
หวังจวี๋เปลี่ยนทรงผมและสวมใส่เครื่องประดับ ทำให้นางดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
“วันนี้น้องหญิงจวี๋งดงามเสียจริง!”
“ไปเร็ว พวกเราไปดื่มกินให้อิ่มหนำสำราญกันเถิด”
สตรีสองนางและหวังจวี๋เดินจากไป สามพี่น้องตระกูลหวังยืนอยู่หน้าประตูรั้ว สีหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความอิจฉา
แสงแดดสว่างสดใสมีลมโชยพัดมาอ่อนๆ เส้นทางมุ่งสู่ถนนทางการของเมืองเซียงในสารทฤดูไม่มีฝนตก ถนนหนทางไม่มีโคลนตมให้ลื่นไถล เดินทางสะดวกอย่างยิ่ง
บนถนนทางการเต็มไปด้วยผู้คนที่สัญจรไปมา ครั้นหลิวซื่อเห็นว่าตลอดเส้นทางนี้ล้วนขายพริกไปแล้วครึ่งหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยกับผู้เฒ่าหวังว่า “พริกสับดองที่ชิงชิงทําจะขายได้ราคาดีหรือไม่?”
“ข้าก็มิรู้” ผู้เฒ่าหวังเอ่ยเช่นนี้ ทว่าในใจกลับเฝ้ารอให้พริกสับดองขายดีเหมือนไข่เค็ม ถึงขนาดที่สามารถดึงดูดให้เซียงเยวี่ยไจมาขอซื้อสูตรได้
มิอาจรู้ได้ว่าเดินมานานเท่าไรแล้ว หลิวซื่อกลัวว่าขาที่พิการของหวังจื้อจะเหนื่อยล้า จึงให้ทุกคนนั่งพักบนก้อนหินใต้ต้นไม้ใหญ่สองข้างทางของถนนทางการ
พักเพียงประเดี๋ยวเดียวทั้งสี่คนก็รีบออกเดินทางอีกครั้ง ครั้นเดินมาถึงอำเภอเหอก็เป็ยามเฉินสองเค่อ [2] แล้ว
สองข้างทางของประตูอำเภอเต็มไปด้วยชาวไร่ชาวนา พ่อค้า คนหาบเร่และชาวบ้านอำเภอเหอรวมถึงบริเวณใกล้เคียง ที่พากันมาตั้งแผงขายของกันอย่างคึกคัก
ชายขายไข่ไก่เมื่อวานยืนอยู่ด้านข้างตลาด ะโเรียกลูกค้าเสียงดัง “ข้าวปั้นไข่ หนึ่งก้อนสองเหรียญทองแดง!”
ตะกร้าไม้ไผ่ที่เคยใส่ไข่ไก่เมื่อก่อน มาวันนี้เปลี่ยนเป็ใส่ข้าวปั้นไข่แล้ว
ข้าวปั้นไข่ที่เขาทําเป็การใช้ไข่ต้มสุกหั่นเป็ชิ้นเล็กๆ จากนั้นก็ขยำปั้นกับข้าวให้เป็ก้อน
ไข่ไก่ต้มสุกมีสีขาวบริสุทธิ์ มีเพียงไข่แดงเท่านั้นที่เป็สีเหลือง ปริมาณไข่น้อยกว่าข้าวเยอะ ทำให้ข้าวปั้นหนึ่งก้อนเห็นเพียงไข่แดงที่มีสีเหลืองอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มองจากสีสันแล้วดูไม่ชวนลิ้มรสเท่าใดนัก
แต่ว่าไข่ไก่หนึ่งจินราคาหกเหรียญทองแดง เมื่อฟังดูแล้วข้าวปั้นใส่ไข่ไก่จึงดึงดูดความน่าสนใจกว่าข้าวปั้นใส่ผักสดอย่างเห็นได้ชัด
รอบกายของเขามีคนหลายคนกำลังรุมล้อมดูข้าวปั้นไข่อยู่
เหล่าผู้เฒ่าหวังทั้งสี่คนเพิ่งเดินเข้าไปในตลาดก็เห็นฉากนี้เข้า พลันเกิดความรู้สึกกลัดกลุ้มใจขึ้นมาทันที
จากนั้นไม่ไกลกันเท่าไรก็มีเสียงะโเรียกลูกค้าของบุรุษอีกสองสามคนดังขึ้น “ข้าวปั้นผัก ข้าวปั้นหนึ่งก้อนหนึ่งเหรียญทองแดง!”
“ข้าวปั้นผักกินได้เลยมิต้องก่อไฟ รีบมาซื้อกันเร็ว!”
นั่นคือจางต้าหู่กับชาวบ้านอีกสองคนที่กำลังขายข้าวปั้นผัก
ยามบ่ายของเมื่อวานนี้ จางต้าหู่หาเงินจากการขายข้าวปั้นผักไปแล้วรอบหนึ่ง มาวันนี้เขาถือครองความได้เปรียบของบ้านที่อยู่ใกล้อำเภอมากกว่า ตั้งใจมาขายข้าวปั้นผักเร็วเป็พิเศษ เพราะ้าชิงนำหน้าตระกูลหวัง
---------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] หูหลัวปัว (胡萝卜) หมายถึง แคร์รอต
[2] ยามเฉินสองเค่อ หมายถึง เวลา 08.30 น.
