“ยายหนูน้อย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอเป็ผู้มีพลังวิเศษในคลิปน่ะดูอะไรไม่ออกหรอก บอกมาตามตรงเถอะว่าเกิดเื่อะไรขึ้นไม่งั้นเธอได้ซวยแน่” ซย่าโหวซานเหอพูดขึ้นด้วยความน่ากลัว
“คนในตระกูลซย่าโหวของคุณตาย แล้วพวกคุณจะมาเอาอะไรจากฉันล่ะ ซวยก็ซวยไปสิในเมื่อคุณรู้แล้วว่าฉันเป็ผู้มีพลังวิเศษ งั้นเราก็มาประลองกันหน่อยไหมถ้าชนะแล้วฉันจะบอก” หนานกงหลิงโม่พูดเสียงดังจากนั้นก้อนหินก็แหลกราวกับเม็ดทรายบนตึกก็ลอยขึ้นกลางอากาศ
“กะแล้วเชียวว่าเื่ของหลานชายฉันเกี่ยวข้องกับยายหนูนี่” ซย่าโหวซานเหอพูดด้วยเสียงดัง ทั่วทั้งร่างกายมีลมปราณไหลรั่วออกมาจากนั้นก็เดินตรงไปหาหนานกงหลิงโม่
“เซียนเทียนระยะกลาง ขอฉันดูหน่อยสิว่ามีความสามารถอะไรกันแน่คิดจะหาเื่ฉันเหรอ คิดว่าฉันเป็เด็กหรือไง”
“ยายหนูน้อย ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาหรอกนะ ผู้คุมกาลตัวน้อยๆ อย่างเธอกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ” ซย่าโหวซานเหอไม่ได้สนใจก้อนหินเลยแม้แต่น้อยเขามุ่งโจมตีไปทางหนานกงหลิงโม่
“ปัง!” เสี่ยวหลิงโม่เห็นว่าซย่าโหวซานเหอพุ่งเข้ามาก็โยนลูกเหล็กสีดำทึบสองก้อนที่ไม่รู้มาอยู่ในมือั้แ่เมื่อไหร่ไปทางซย่าโหวซานเหอต่อมาก็มีเสียงะเิเกิดขึ้น ลูกเหล็กแตกออกข้างในเห็นไม่ชัดว่าเป็เข็มหรือว่าเป็อะไร แต่สรุปแล้วภายในชั่วขณะเดียวซย่าโหวซานเหอก็ะเิพลังปราณมาปกป้องตนเอาไว้ คราวนี้ซย่าโหวซานเหอก็ไม่กล้าประมาทอีกต่อไปจากนั้นก็มีมีดยาวอยู่ในมือของเขา
“ให้ตาย ขนาดนี้แล้วยังไม่ตาย สู้ไม่ไหวแน่” หนานกงหลิงโม่มองซย่าโหวซานเหอที่ทั้งตัวอาบไปด้วยเืเขาพูดขึ้นเบาๆ ด้วยสีหน้าอันดุดัน
“ยายหนู แกบังอาจทำร้ายฉันเหรอ ถึงจะไม่ใช่แก แกก็ต้องตาย” ในขณะที่พูด มีดยาวก็มุ่งไปทางหนานกงหลิงโม่
“พี่ไฮว่ ช่วยฉันด้วย ฆ่าตาบ้านี่ให้ที” จู่ๆหนานกงหลิงโม่ก็ร้องะโเสียงดังลั่นซย่าโหวซานเหอชะงักไปครู่หนึ่งราวกับเจอศัตรูตัวฉกาจ เขาหันไปด้านหลังไม่พบแม้แต่เงาคน เขาจึงหันกลับมาอีกครั้ง คราวนี้หนานกงหลิงโม่ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ไหน ทั่วทั้งดาดฟ้ามีเพียงเขาแค่คนเดียว
“ยายเด็กตระกูลหนานกง อย่าให้ฉันเจอเธอก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันฆ่าแกแน่ เหอะๆๆ” ซย่าโหวซานเหอตะคอกเสียงดัง เขาบำเพ็ญเพียรมาตั้งหลายปีเคยเสียเปรียบแบบนี้ที่ไหนกัน
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงซย่าโหวซานเหอหาทั่วทั้งโรงเรียนแต่ก็ไม่พบร่องรอยของหนานกงหลิงโม่เขาจึงออกจากโรงเรียนมัธยมแห่งมหาลัยอู่เฉิงไป
“ใแทบแย่” หนานกงหลิงโม่ที่เอาสองมือเกาะดาดฟ้าเอาไว้บินลอยขึ้นมาปรากฏตัวที่ดาดฟ้าอีกครั้งจากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “ว่างๆ ไปเอาลูกสายฟ้าดำจากพี่อวี้เอ๋อร์ดีกว่าเซียนเทียนระยะกลางเป็แบบนี้นี่เอง!”
“พี่ไฮว่ พี่อยากได้กุศลแต่ถ้ารักษาวันละสิบคนก็ได้บุญไม่เยอะเท่าไหร่หรอกนะ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆตอนนี้อวี้เอ๋อร์กับกัวไฮว่มายังคลินิก
“ฉันรักษาแค่สิบคน แล้วฉันจะทำยาลูกกลอนสักหน่อยแล้วก็ขายให้คลินิกเอาไปขาย บุญนี่ก็จะเป็ของฉัน เจอคนรวยก็แล้วไป ถ้าเจอคนจนถึงจะไม่มีเงินก็รักษา ไม่แค่รักษาคนนะ ฉันจะส่งเสริมการแพทย์แผนโบราณด้วยถ้าทำเื่นี้ได้ก็ได้บุญมาไม่น้อยเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“งั้นพี่ก็ค่อยๆ สะสมบุญเถอะ ยังไงซะในโลกก็มีพลังปราณน้อยซะขนาดนี้ต่อให้ให้เวลาพี่เป็ร้อยปี อย่าว่าแต่บินขึ้นไปเลย บำเพ็ญเป็เทพก็ไม่ได้หรอก” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “พี่บอกว่าจะรับสมัครพนักงานไม่ใช่เหรอเราไปกันเถอะ”
“คลินิกไม่ มีใครอยู่ไหม” ตอนที่กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์คุยกันอยู่นั่นเองจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนะโอยู่ที่ประตูใหญ่
“ปัญหามาแล้วล่ะ” กัวไฮว่ชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเสียงก็รู้ว่าไม่ได้มาดี
“ไม่ทราบว่ามาที่คลินิกไม่ของผมมีอะไรหรือเปล่าครับคลินิกไม่เปิดทำการวันเสาร์ ถ้าอยากมารักษาค่อยมาวันเสาร์เถอะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับคนสิบคนที่แต่งตัวเป็คุณหมอที่ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่
“ไอ้หนู รู้หรือเปล่าว่าถนนเส้นนี้ชื่อว่าอะไร” คนที่มีรูปร่างอ้วนท้วมคนหนึ่งถามขึ้นด้วยเสียงดังคนคนนี้มีชื่อว่าหูปู้ไป๋ เป็เ้าของคลินิกปู้ไป๋ที่อยู่ข้างๆ คลินิกไม่
“ลุงอ้วน ลุงอ่านหนังสือไม่ออกเหรอ เห็นลุงแต่งตัวอย่างกับหมอไม่คิดเลยว่าอ่านไม่ออก เฮ้อ งั้นก็อย่าแต่งตัวอย่างนี้เลยใครเห็นเดี๋ยวจะเข้าใจผิดเอา ผมขอบอกลุงไว้เลยนะว่าถนนเส้นนี้ชื่อว่าถนนซิ่งหลิน” กัวไฮว่ยังไม่ทันจะพูดอะไร อวี้เอ๋อร์ก็พูดขึ้นยิ้มๆ
“เด็กป่านี่มาจากไหนกัน ในเมื่อรู้ว่านี่คือถนนซิ่งหลินก็น่าจะรู้ความหมายของคำว่าซิ่งหลินดี” หูปู้ไป๋พูดด้วยเสียงดังเดิมทีสีหน้าก็ขรึมอยู่แล้ว โดนที่อวี้เอ๋อร์พูดไปสักครู่ก็หน้าขรึมเข้าไปใหญ่อีก
กัวไฮว่ก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสองคนนี่ เรียกเ้าของคลินิกออกมาเลยนะในเมื่อจะเปิดคลินิกที่ถนนซิ่งหลิน ไม่ใช่อยากเปิดก็เปิดได้แสดงความสามารถมาให้พวกเราดูหน่อยสิ” หูปู้ไป๋พูดเสียงดัง
“พี่ไฮว่ พวกเขาหาเ้าของคลินิก พี่เป็เ้าของคลินิกไม่ใช่เหรอลุงหน้าโหดนี่ไม่รู้ประสาทหรือเปล่า พี่ดูให้เขาหน่อยสิ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆคนที่ตามอยู่ข้างหลังหูปู้ไป๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาส่วนหูปู้ไป๋ก็โมโหจนแทบจะเป็ลม
“เด็กบ้า รีบเรียกเ้าของคลินิกออกมาเร็วเข้า ถ้าไม่กล้าออกมาพวกแกก็ไม่ต้องเปิดคลินิกไม่ ปิดไปซะก็สิ้นเื่” หูปู้ไป๋พูดเสียงดัง “หมอเป็อาชีพชั้นสูง ไม่ใช่ว่าใครหน้าไหนจะมาทำก็ได้”
“ใช่ ตอนนี้การแพทย์แผนปัจจุบันกุมอำนาจเอาไว้คนส่วนใหญ่จะไปหาหมอก็เลือกการแพทย์แผนปัจจุบันเพราะเห็นผลไว” กัวไฮว่มองทั้งสิบกว่าคนพร้อมกับพูดขึ้น “แต่ในสถานการณ์นี้ในบรรดาแพทย์โบราณดันมีคนไม่รู้แต่แกล้งทำเป็รู้ จ่ายยาจีนมั่วซั่วอยู่”
“พ่อหนุ่มนี่ แกหมายความว่าไง” ชายวัยกลางคนแต่งตัวดูมีภูมิฐานคนหนึ่งก็ก้าวมายืนขึ้นข้างหน้า “ฉันชื่อไป๋มู่เซิงจากสมาคมแพทย์แผนโบราณ เป็เ้าของคลินิกซิ่งหลินคนก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าที่พ่อหนุ่มพูดว่าใครงั้นเหรอ”
“จะว่าใครคนนั้นก็ย่อมรู้แก่ใจตอนเช้ามีชายแก่มาซื้อยาที่คลินิกตรงถนนซิ่งหลินถึงหมอจะวินิจฉัยอาการป่วยของเขาได้ถูกต้องแม่นยำแต่ทำไมต้องบังคับให้เขาซื้อยาบำรุงราคาแพงไปตั้งสิบแผงด้วยล่ะเื่นี้ใครทำก็ย่อมรู้ตัวดีล่ะมั้ง” กัวไฮว่มองหูปู้ไป๋พร้อมกับพูดด้วยเสียงดังเมื่อสักครู่นี้เอง กัวไฮว่ได้ใช้วิชาอ่านจิตกับหูปู้ไป๋จึงได้ทราบว่าเช้าวันนี้ตาแก่หูนี่บังคับให้ชายชราซื้อยาบำรุงไปสิบแผง
“วันนี้ที่คลินิกฉันไม่มีคนแก่นะ แล้วของพวกแกล่ะ” สิบกว่าคนมองหน้ากันแล้วต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“จะเป็ฉันได้ยังไง ยาย่อมมีพิษสามส่วน ตอนเรียนแพทย์แรกๆเลยอาจารย์เคยบอกแล้วว่าถ้าจะใช้ยาให้ใช้ปริมาณที่เหมาะไม่งั้นจรรยาแพทย์จะอยู่ไหน” หมอวัยกลางคนรายหนึ่งพูดขึ้นเบาๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้