“แม่นางผู้นี้พูดถูก องค์ชายเหลียงปู้ผั่วเป็คนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาองค์ชายแห่งอาณาจักรเหลียง อายุเพียง 22 ปีก็เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 8 บรรลุพลังแห่งขั้นผันแปร่ปลาย ทั้งยังปลุกิญญาาคู่ ขั้นเขียวและขั้นคราม ไม่ว่าจะเป็ตบะหรือพลังต่อสู้ก็ล้วนโดดเด่นกว่าคนรุ่นเยาว์ของแดนชิงอวิ๋น และยังมีหวงเหยียนิ เว่ยเจิ้นเทียน และจ้าวหยางที่เป็สี่อัจฉริยะบุรุษ”
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์กล่าว พร้อมดวงตาเผยแววเลื่อมใสศรัทธา
ผู้คนมากมายแหงนหน้ามองท้องฟ้าและเลื่อมใสศรัทธาเหลียงปู้ผั่วเช่นเดียวกัน ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งไปที่ใดก็จะมีผู้คนเลื่อมใสศรัทธาอยู่เสมอ นี่คือความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ต่อจากนั้นมีรถม้าศึกัทองคำแล่นทะยานเหนือท้องฟ้าด้วยความรวดเร็ว รถม้าศึกถูกสร้างขึ้นจากทองคำ ดูหรูหราและแข็งทนทาน ทั้งยังเปล่งแสงสีทองสว่างไสว
“องค์ชายใหญ่จ้าวหยางแห่งอาณาจักรจ้าวมาถึงแล้ว!” คนผู้หนึ่งเห็นรถม้าศึกัทองคำก็กล่าวเช่นนั้น ดูเหมือนจะรู้จักรถม้าศึกนี้เป็อย่างดี
“แม้อาณาจักรจ้าวจะค่อนข้างมีอำนาจ แต่ต้องยอมรับว่าองค์ชายใหญ่ผู้นี้โดดเด่นจริง ๆ เขาอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 8 เหมือนเหลียงปู้ผั่ว ระยะนี้พลังแห่งอำนาจของเขาก็บรรลุขั้นผันแปร่ปลาย ทั้งยังมีิญญาาคู่ จึงถูกเลือกให้เป็หนึ่งในสี่อัจฉริยะบุรุษแห่งแดนชิงอวิ๋นเช่นกัน” ผู้คนต่างพากันชื่นชมจ้าวหยาง
ขณะที่เย่เฟิงแหงนหน้ามองรถม้าศึกัทองคำที่แล่นอยู่บนฟากฟ้า ดวงตาของเขาก็เผยประกายคมกริบ เขาไม่คิดว่าจะเจอคนรู้จักที่นี่
ในเวลาไล่เลี่ยกันพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้คนเห็นว่ามีกลุ่มคนมุ่งหน้ามาทางนี้จากอีกด้านหนึ่งของถนน คนกลุ่มนี้คือทหารม้า เป็ผู้ฝึกยุทธ์ของจวนเ้าเมืองลอยฟ้า และมีสัตว์เทพกิเลนที่น่าเกรงขามตนหนึ่งเดินอยู่ใจกลางกลุ่มทหารม้า ซึ่งขี่โดยชายหนุ่มคนหนึ่ง
ชายผู้นี้หน้าตาหล่อเหลา อายุประมาณ 21-22 ปี สายตาดุดันกวาดมองฝูงชน ประหนึ่งาาลงมาเยือนอย่างไรอย่างนั้น แต่เหล่าผู้คนมองชายผู้นี้ด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธา
“งานประมูลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จะขาดเขาไปได้อย่างไร” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว ซึ่งผู้มาคือหนึ่งในสี่อัจฉริยะบุรุษแห่งแดนชิงอวิ๋น บุตรแห่งเ้าเมืองลอยฟ้า นามว่าหวงเหยียนิ
หวงเหยียนิไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่ฐานะยังสูงศักดิ์ เขาเป็ถึงบุตรชายของเ้าเมืองลอยฟ้า และเป็องค์ชายแห่งเมืองลอยฟ้า
“องค์ชายหวงแกร่งยิ่งนัก ไม่เพียงแต่เดินผ่านพวกเราไป แต่ยังทำให้ใจข้าเต้นระรัว แกร่งจริง ๆ!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวพร้อมตัวสั่นสะท้าน ตอนที่สัตว์เทพกิเลนของหวงเหยียนิเดินผ่านฝูงชน พลันมีพลังมหาศาลเข้ากดทับผู้คนที่มีตบะต่ำต้อย
ชาวเมืองลอยฟ้านั้นเรียกขานหวงเหยียนิว่าองค์ชายหวง ด้วยฐานะและตำแหน่งของเขา เขาจึงมีคุณสมบัติที่จะใช้ชื่อนี้
“โฮก!” ทันใดนั้นมีเสียงคำรามของัดังมาจากที่ไกล ๆ ทำให้ผู้คนหันไปมองทางด้านนั้นทันที
จากนั้นผู้คนเห็นัธาราทะยานมาทางนี้ ซึ่งเป็ปลายยอดปีศาจพิภพ แม้ไม่ใช่ัธาราสายเืบริสุทธิ์ แต่เ้านายของมันก็ดูสง่าผ่าเผยและเกรงขาม
“เป็เว่ยเจิ้นเทียน องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรเว่ยมาถึงแล้ว” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่ใช่แค่คนคนนี้ แต่มีหลายคนจำผู้มาได้ในทันที
องค์รัชทายาทเว่ยเจิ้นเทียนแห่งอาณาจักรเว่ย ผู้โดดเด่นที่สุดในสี่อัจฉริยะบุรุษ เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดในวัย 23 ปี บรรลุพลังแห่งอำนาจขั้นผันแปร่ปลาย ปลุกิญญาาคู่ซึ่งอยู่ขั้นคราม เพียงเื่นี้ก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน
เมื่อเทียบกับเว่ยฉีเทียน เว่ยเจิ้นเทียนโดดเด่นและเก่งกาจกว่าเขาไม่รู้ตั้งกี่เท่า
ัธาราบินโฉบเหนือท้องฟ้า พร้อมกับแผ่ปราณัออกมา จู่ ๆ ทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกดดันและต้องใจเต้นระรัว
“ัธาราตนนี้ทรงพลังมาก สมแล้วที่เป็สัตว์อสูรเผ่าั แม้ไม่ใช่สายเืบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สัตว์อสูรเผ่าพันธุ์อื่นจะทัดเทียม!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว
งานประมูลของหอการค้าเทียนจี๋ไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้ฝึกยุทธ์มาจากทั่วสารทิศ แต่กระทั่งหวงเหยียนิ เหลียงปู้ผั่ว จ้าวหยาง และเว่ยเจิ้นเทียนแห่งสี่อัจฉริยะบุรุษก็มางานนี้ด้วยเช่นกัน
เย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์ยังคงปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ตอนที่มาถึงหอการค้าเทียนจี๋ก็ได้พบเจอเฉินซงและจิ้งหยาอีกครั้ง พวกเขาได้ยินว่างานประมูลจะจัดขึ้นที่หอการค้าเทียนจี๋ จึงพักอยู่ที่เมืองลอยฟ้าอยู่หลายวัน
“พวกไม่เจียมตัว ไม่นึกว่าจะมาที่หอการค้าเทียนจี๋จริง ๆ ไม่รู้ว่าคนอย่างพวกเ้าจะประมูลอะไรไปจากที่นี่ได้บ้าง”
ทันทีที่จิ้งหยาเห็นพวกเย่เฟิงอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็พูดจาดูถูกเช่นนั้น
“ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวกับพวกเ้านะ สนใจเื่ของตัวเองไปเถอะ!” กงซุนหลิงเอ๋อร์กล่าวด้วยความไม่พอใจ
“พวกเขาอาจจะมาเพื่อดูเฉย ๆ ก็เป็ได้ ไยศิษย์น้องต้องสนใจเล่า?” เฉินซงกล่าวโดยไม่เห็นพวกเย่เฟิงอยู่ในสายตา
“ฉู่มู่มาถึงแล้ว!”
ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลังพวกเย่เฟิง จู่ ๆ เหล่าผู้คนรวมถึงเฉินซงและจิ้งหยาต่างก็หันไปมองทางด้านนั้น
“ฉู่มู่ยังคงสง่าผ่าเผยเช่นเคย ข้าได้ยินมาว่าหลังจากอู๋เจ๋อตายโดยไม่รู้สาเหตุ ฉู่มู่ก็มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะได้เป็คนโปรดปรานขององค์หญิงเจาอี๋”
ผู้คนต่างมองไปที่ฉู่มู่และผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลฉู่ที่เดินมาทางนี้ด้วยสายตาอิจฉา
ฉู่มู่นั้นสวมชุดจีนโบราณ ดูน่าเกรงขาม หลังจากผ่านเหตุการณ์อันน่าใที่ชายแดนเทือกเขาลอยฟ้ามาหลายวัน ฉู่มู่ก็ดูเหมือนจะลืมเื่นั้นไปแล้ว เขากลับมามีความมั่นใจเฉกเช่นก่อนหน้านี้อีกครั้ง
จากนั้นฉู่มู่กวาดตามองฝูงชน ก่อนจะหยุดอยู่ที่เย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์ครู่หนึ่งแล้วละสายตาไป แน่นอนว่าเขาไม่มีทางล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์
“ไม่ตายจริง ๆ ด้วย ดูท่าสาเหตุที่ตระกูลอู๋รู้เื่ที่ข้าชิงเรือรบอินทนิลทองคำคงจะมาจากคนผู้นี้”
เย่เฟิงมองไปที่ฉู่มู่พร้อมคิดในใจ ก่อนจะเข้าใจในทันทีว่าเหตุใดตระกูลอู๋ถึงเคลื่อนไหวเร็วเพียงนี้ หากพลังจิตของเย่เฟิงไม่แกร่งกล้าแล้วไม่รู้ว่ากำลังถูกผู้นำตระกูลอู๋ไล่ล่า เกรงว่าเย่เฟิงคงเจอหายนะไปแล้ว
จากนั้นฉู่มู่เดินมาทางนี้ เมื่อเฉินซงเห็นฉู่มู่เดินมาก็เผยรอยยิ้มสดใส “ได้ยินชื่อเสียงคุณชายฉู่มู่มานาน ช่างเป็เกียรติยิ่งนักที่ได้เจอในวันนี้!”
ฉู่มู่ปรายตามองเฉินซงแวบหนึ่งด้วยสีหน้าเฉยชา ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เ้าคือใคร?”
“ข้าคือศิษย์สำนักไท่อี คนนี้คือจิ้งหยาศิษย์น้องข้า วันนี้มาก็เพื่อที่จะเข้าร่วมงานประมูลของหอการค้าเทียนจี๋” เฉินซงกล่าวแนะนำจิ้งหยาให้กับฉู่มู่ด้วยท่าทีสุภาพ พร้อมกับโค้งตัวคำนับให้ฉู่มู่ แม้ว่าเฉินซงจะเป็ศิษย์สำนักไท่อี แต่เขาก็ถือว่าเป็ศิษย์ระดับหัวกะทิของสำนักไท่อี
แต่ฉู่มู่กลับแตกต่าง เขาคือลูกหลานสายตรงของตระกูลฉู่ มีฐานะสูงส่งกว่าเฉินซงมาก ดังนั้นเฉินซงจึงนอบน้อมถ่อมตนเมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่มู่ ไม่เพียงแต่เป็ฝ่ายเข้าหาฉู่มู่ก่อน แต่ยังให้เกียรติอีกด้วย ราวกับว่าตั้งใจประจบประแจง
การกระทำเช่นนี้แตกต่างจากการปฏิบัติต่อเย่เฟิงและกงซุนหลิงเอ๋อร์เมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด
“ที่แท้ก็คนของสำนักไท่อี ยินดีที่ได้พบ”
เฉินซงเป็ฝ่ายเข้าหาก่อน เช่นนั้นฉู่มู่จะเสียมารยาทไม่ได้ ถึงอย่างไรสำนักไท่อีก็เป็กองกำลังหนึ่งที่ทรงอิทธิพลของแดนชิงอวิ๋น
