ได้ทอดมองต้นไม้แห่งความรักที่อยู่เบื้องหน้าเต็มตา ก่อนที่หยาดน้ำตาของหลินหร่านจะร่วงหล่นลงมา
เป็ไปตามที่อวี้ฉู่จาวคิด
อวี้ฉู่จาวยื่นมือออกมาเกลี่ยหยดน้ำตาที่ไหลรินของคนตรงหน้า แล้วก้มลงจูบราวกับ้าปลอบโยน
“เ้าไม่ต้องดูแลมันเองหรอก ยังมีต้นไม้อีกเป็ร้อยๆ ต้นที่กำลังจะถูกเคลื่อนย้ายมา หากเ้าจะเป็คนดูแลพวกมัน เกรงว่าคงเหนื่อยไม่น้อย”
“ร้อยๆ ต้น?” หลินหร่านตะลึงงัน เหตุใดจึงมีมากมายเช่นนั้น?
“ใช่ มีเพียงเท่านี้ไม่พอหรอก ข้าจะปลูกให้เ้าจนกลายเป็ป่าต้นถั่วแดง หลังจากนี้ มุมสำคัญของสวนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยต้นไม้แห่งความคิดถึง”
เวลานี้ หลินหร่านรู้สึกเหมือนหัวใจตนเองกำลังได้รับการเติมเต็ม
นี่ท่านอ๋อง้าปลูกเ้าต้นไม้แห่งความคิดถึงให้เต็มหัวใจเขาเลยงั้นหรือ
……..
เช้าวันที่สามของการอภิเษกสมรส ทุกวันหลินหร่านใช้ชีวิตราวกับอยู่ในไหน้ำผึ้ง ช่างหวานหยดย้อย
หลังจากสามวันผ่านไปจะต้องกลับไปเยี่ยมเยียนบิดามารดาที่จวน
แล้วสามวันนั้นก็ตรงกับวันที่ห้าเดือนสอง เป็วันที่ท่านอ๋องได้นำพระชายากลับไปเยี่ยมบิดามารดาอย่างยิ่งใหญ่
มีเหล่าทหารแกร่งคอยคุ้มกัน มาพร้อมกับกล่องไม้สีแดงเป็สิบกล่องตั้งเรียงราย
เหล่าชาวเมืองต่างพากันเข้ามารายล้อม
“ว้าว~”
“ช่างเป็ขบวนที่ยิ่งใหญ่เสียจริง”
“หลังจากแต่งงานกับจ้านหวังไปก็เปลี่ยนไปมากเชียว”
“ใช่ เ้าดูสิ มีกองทัพทหารคอยคุ้มกันด้วย”
บางครั้ง คนในฝูงชนก็เอ่ยออกมาด้วยความตกตะลึง
“ลองนึกถึงเมื่อก่อนดูสิ คุณชายน้อยตระกูลหลินช่างน่าเวทนาเพียงไหน ใครพบเจอต่างก็ดูถูกเหยียบย่ำ แต่ตอนนี้กลับโบยบินขึ้นไปสูงเสียดฟ้าเสียแล้ว”
“ใช่แล้ว ถึงแม้จะเป็ชายไม่อาจให้กำเนิดทายาทได้ แต่ได้ยินมาว่าท่านอ๋องหลงรักเขาน่าดู”
“ใครว่าเล่า” ชายผู้หนึ่งพูดแทรกขึ้นมาขณะที่ผู้คนในฝูงชนกำลังกระซิบกัน “พระชายาองค์นี้ของพวกเราไม่ใช่คนธรรมดา เขาให้กำเนิดทายาทได้ เหมือนจะมีหลอดเืดำคู่อะไรสักอย่างนี่แหละ”
“เป็ชายที่ให้กำเนิดได้อย่างนั้นหรือ?” ผู้คนรอบข้างพากันแสดงท่าทีใ
ก่อนที่บางคนจะเริ่มกระจายตัวออก “เป็ไปได้อย่างไรกัน? ชายที่ไหนจะให้กำเนิดทายาทได้”
“ใช่แล้ว แบบนั้นคือสัตว์ประหลาดมิใช่หรอกหรือ”
“ใช่ ชายที่ไหนจะให้กำเนิดทายาท นั่นมันสัตว์ประหลาด ปีศาจชัดๆ !” สาวๆ หลายคนที่ได้ยินล้วนพากันเข้ามารายล้อม
“จริงๆ นะ เขาบอกกับฮ่องเต้ด้วยตนเองเลยว่าให้กำเนิดทายาทได้ บอกว่าตนเองมีหลอดเืดำคู่ มีความสามารถที่จะให้กำเนิด” และยังมีอีกหลายคนที่ออกมายืนยันในเื่นี้
“หลอดเืดำคู่?”
“คืออะไรกัน?”
“ปีศาจไง มิน่าถึงได้กดโชคชะตาที่เลวร้ายของท่านอ๋องได้ ทำให้ท่านอ๋องสนใจ”
“ถ้าเช่นนั้นต้องเป็ปีศาจแน่นอน”
“ต้องเป็ปีศาจที่เป็ชาย ถึงจะให้กำเนิดทายาทได้”
เวลานี้ เหล่าหญิงสาวต่างพากันพูดพล่อยๆ ออกมาโดยไม่คิด
่ที่ท่านอ๋องกับพระชายาได้ผ่านหน้าพวกเขาไป เหล่าหญิงสาวพวกนี้ต่างก็กลั้นหายใจกันแทบแย่ อดกลั้นความรู้สึกเหล่านี้ไว้ตั้งนาน
……..
อวี้ฉู่จาวกับหลินหร่านที่อยู่ในรถม้าด้านหน้าไม่รู้ว่าฝูงชนด้านหลังนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ไม่นานนักก็มาถึงหน้าประตูจวนแม่ทัพฮวาเวย
บริเวณประตู หลินฮวาเหนียนได้นำผู้คนในตระกูลหลินมารออยู่ก่อน
ติงหร่วนเปิดม่านของรถม้าออก ก่อนที่ร่างของอวี้ฉู่จาวจะก้าวออกมาแล้วหันหลังไปยื่นมือรับฝ่ามือน้อยของหลินหร่าน
หลินฮวาเหนียนและเหล่าผู้คนในตระกูลหลินที่มายืนรอต่างพากันมองดู
หลินหร่านยื่นมือออกมาให้อวี้ฉู่จาวแล้วก้าวออกมาจากรถม้า ผิวหน้าเขาแดงก่ำ สวมอาภรณ์งดงาม เผยความสง่าของพระชายาออกมา
“ทุกคนในตระกูลหลินถวายความเคารพแด่จ้านหวัง ถวายความเคารพแด่พระชายา” หลินฮวาเหนียนนำผู้คนในตระกูลหลินคุกเข่าถวายความเคารพ
อวี้ฉู่จาวกับหลินหร่านยืนนิ่ง ไม่ได้เอ่ยคำพูดใด
หลินหร่านหันไปมองอวี้ฉู่จาว อวี้ฉู่จาวที่หันมามองเขาก็ทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อย
ภายหลังหลินหร่านได้รับสัญญาณจากอวี้ฉู่จาวจึงหันกลับมา ก่อนเอ่ยกับผู้คนตรงหน้าที่กำลังคุกเข่าอยู่ “ทุกคนลุกขึ้นเถิด”
จากนั้น หลินหร่านก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วย่อตัวลงประคองหลินฮวาเหนียน “ท่านพ่อ ลุกขึ้นเถิด”
หลินฮวาเหนียนมองบุตรชายของตน เขาพอมองออกว่าบุตรชายคงมีความสุขมากในวันนี้
เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้เป็บิดาอย่างตนจึงพลอยดีใจไปด้วย
“ท่านอ๋อง พระชายา เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ” หลินฮวาเหนียนโค้งคำนับ เชื้อเชิญอวี้ฉู่จาวกับหลินหร่านเข้ามาด้านใน
ผู้คนด้านหลังต่างพากันแหวกทางให้ทั้งสองคน
แม้ว่านางซ่งจะแสดงท่าทีออกมา แต่ก็ไม่เท่ากับหลินเสี่ยวฉีที่โกรธจนกัดฟัน อิจฉาริษยายิ่งนัก
หลังจากเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ด้านหน้าพลันเต็มไปด้วยผู้คน
อวี้ฉู่จาวดึงหลินหร่านให้นั่งลงด้านข้างซึ่งเป็ที่นั่งของผู้นำตระกูลเหมือนกัน ส่วนหลินฮวาเหนียนยืนอยู่ข้างกายด้วยความลังเล
กระทั่งอวี้ฉู่จาวเอ่ยปาก
“ถวายบังคมพระชายากันที่นี่แหละ”
เดิมที การที่พระชายากลับมาเยี่ยมครอบครัวต้องเข้าไปในเรือนด้านหลังของฟูเหริน แล้วให้ฟูเหรินของตระกูลเข้ามาถวายความเคารพ หลังจากนั้นถึงนั่งร่วมโต๊ะกัน
แต่เวลานี้ ตระกูลหลินไม่มีฟูเหรินแล้ว เช่นนั้นอวี้ฉู่จาวจะปล่อยให้หลินหร่านวิ่งเข้าไปในหมู่สนมได้อย่างไร
เอาเป็ว่าถวายความเคารพกันที่โถงด้านหน้านี่แหละ ร่วมโต๊ะกับเขาเช่นนี้ เขาย่อมรู้สึกวางใจเสียมากกว่า
“ที่นี่...พ่ะย่ะค่ะ” ถึงจะไม่เคยมีกฎระเบียบเช่นนี้มาก่อน แต่เมื่อท่านอ๋องขอมา หลินฮวาเหนียนก็ไม่อาจปฏิเสธได้
“เข้ามาถวายความเคารพพระชายาเร็ว” หลินฮวาเหนียนเอ่ยกับหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง
ในที่นี้ ไม่ได้มีเพียงแม่ทัพฮวาเวยที่เป็ผู้นำตระกูลเท่านั้น ยังมีผู้คนในตระกูลหลินอีกมากมาย
หลังจากรอให้คนเข้ามาครบ ผู้ที่ยืนอยู่ข้างกายหลินหร่านโดยถัดจากติงหร่วนไปคือหลานจื่อที่ก้าวออกมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด “โปรดเข้ามาถวายความเคารพพระชายาตามลำดับ”
หลังจากนั้นก็เป็่เวลาอันยาวนานในการถวายความเคารพ
“หม่อมฉันแซ่หวัง ภรรยาของแม่ทัพตระกูลหลิน บุตรชายหนึ่งคนบุตรสาวสองคน ขอถวายบังคมแด่พระชายา”
“รับของกำนัล!”
“หม่อมฉันแซ่จาง ภรรยาของแม่ทัพตระกูลหลิน บุตรสาวหนึ่งคน ขอถวายบังคมแด่พระชายา”
“รับของกำนัล!”
“หม่อมฉันแซ่ซ่ง ภรรยาของแม่ทัพตระกูลหลิน บุตรชายหนึ่งคนบุตรสาวหนึ่งคน ขอถวายบังคมแด่พระชายา”
“รับของกำนัล!”
จนท้ายที่สุด เมื่อทุกคนต่างพากันคุกเข่าเพื่อรอให้คนต่อมาเข้ามาถวายความเคารพนั้น
ขณะนี้กลับไม่มีคนต่อไปก้าวขึ้นมาเสียที
ผู้คนต่างเริ่มรู้สึกประหม่า
หลินฮวาเหนียนเอ่ยถามพ่อบ้านข้างกายก็พบว่าหลินเสี่ยวฉียังไม่ได้เข้ามาถวายความเคารพ
อันที่จริงยังเหลือหลินเสี่ยวฉีอีกหนึ่งคน นางไม่มีแม้แต่มารดาหรือสนมคนใดที่จะกล่าวนำถวายความเคารพ พี่ชายก็ลงจากเตียงไม่ไหวจึงไม่ได้มายืนอยู่ข้างกาย
“เสี่ยวฉี เ้ามัวทำอะไรอยู่ รีบถวายความเคารพพระชายาสิ”
หลินฮวาเหนียนกดเสียงต่ำ เตือนสติหลินเสี่ยวฉี แต่ตนเองไม่คิดขยับกาย
เวลานี้ ทุกคนต่างพากันจับจ้องมาที่นาง ทว่าหลินเสี่ยวฉีก็ยังไม่ขยับเขยื้อน
นางมองหลินหร่านด้วยแววตานิ่งเฉยและเต็มไปด้วยท่าทีน่ากลัว ราวกับพิษร้ายที่อาจทำให้ผู้คนหนาวสั่น
ั้แ่่ที่คุกเข่าอยู่หน้าประตู หลินเสี่ยวฉีก็เริ่มแสดงความรู้สึกอิจฉาริษยาออกมาอย่างไร้สติ
ตอนนี้นางไม่เหลืออะไรแล้ว คนที่เคยรองอยู่ใต้เท้าให้ตนเองเหยียบย่ำในตอนนี้ไม่มีแล้ว แถมต่อไปยังต้องหมอบกราบทำความเคารพคนผู้นั้นไปชั่วชีวิตอีก ทั้งหมดนี้ทำให้นางรับไม่ได้เลยสักนิด
หลินหร่านทอดสายตามองหลินเสี่ยวฉี ก่อนจะถูกสายตาที่มองมาทำให้ใ เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าหลินเสี่ยวฉีผอมลงมาก
ในตอนแรกเป็หญิงสาวที่ร่างกายอวบอิ่ม แต่เวลานี้ใบหน้ากลับซีดเซียว ดูซูบผอมลงไปมาก เสื้อผ้ากับเครื่องประดับหรูหราก็ลดลง
อวี้ฉู่จาวรู้สึกถึงปฏิกิริยาของคนในอ้อมแขน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ก่อนที่เขาจะขยับร่างหลินหร่านไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อปกป้องผู้เป็พระชายา
หลินฮวาเหนียนอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองสีหน้าของอวี้ฉู่จาว
เป็สีหน้าที่เต็มไปด้วยความดุดัน ดวงตาของอวี้ฉู่จาวแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
หลินเสี่ยวฉีไม่แม้แต่จะขยับตัว
“ควรจัดการเช่นไร” อวี้ฉู่จาวไม่คิดจะปล่อยโอกาสให้นางได้เอ่ย เขาหันไปถามหลานจื่อทันที
“ดูิ่พระชายา มีโทษโบยห้าสิบที!” หลานจื่อกล่าว
ทุกคนยังคงมองไปที่หลินเสี่ยวฉีเพื่อรอให้นางขยับตัว ครู่ต่อมา อวี้ฉู่จาวจึงออกคำสั่งให้คนเข้ามานำตัวนางไปลงโทษ
หลินเสี่ยวฉีเริ่มมีท่าทีหวั่นไหว นางค่อยๆ ตอบสนองในที่สุด หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ดูลุกลี้ลุกลนขึ้นมา
“ช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” หลินฮวาเหนียนนึกร้อนใจ เพราะถึงอย่างไรหลินเสี่ยวฉีก็เป็บุตรสาวของตน “เสี่ยวฉี ยังไม่รีบถวายความเคารพอีก!”
หลินเสี่ยวฉีรีบกุลีกุจอคุกเข่าแล้วก้มหัวลงกับพื้น “หม่อมฉัน...หม่อมฉันบุตรสาวหลินเสี่ยวฉี...ถวายบังคมพระชายา”
หลินหร่านรู้สึกเหมือนตนเองได้ยินเสียงของหลินเสี่ยวฉีกัดฟันในยามที่เอ่ยถ้อยคำออกมา
---------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้