เป้าหมายของภารกิจก็ยังดาวน์โหลดไม่เสร็จ หร่านซวี่จือที่ตั้งใจอ่านการตั้งค่าตัวบุคคลครั้งนี้อย่างจริงจังอยู่ตอนนี้ รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าใส่เล็กน้อย
ไป๋หลิงในโลกนี้ดันเป็เกย์ที่เกิดในชนบท การเป็เกย์ได้ก็นับว่าอัศจรรย์มากจริงๆ และก็ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากการที่ไป๋หลิงเสียพ่อไปั้แ่เด็กหรือไม่
ไป๋หลิงนั้นหน้าตาอ่อนหวาน ดูแล้วเหมือนผู้หญิง ตอนที่เขายังเป็เด็กก็ยังนับได้ว่าเขานั้นร่าเริงสดใส แต่เคยถูกผู้ชายลวนลามตอนห้าขวบแม้จะไม่เกิดเื่อะไรใหญ่โต และผู้ชายคนนั้นก็ถูกคนในชุมชนจัดการแล้ว แต่นิสัยของไป๋หลิงกลับมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวง
ไป๋หลิงในตอนนี้ ดูจากภายนอกแล้วเหมือนเป็เด็กเรียนที่สุภาพนิ่งขรึมจากภายใน ยามปกติมักจะนิ่งเงียบเก็บปากเก็บคำ แต่กลับเ้าแผนการ ฉลาดเฉลียว ไม่ว่าจะทำเื่อันใดก็มักจะมีสติใจเย็น เหมือนหมาป่าที่สวมขนแกะไว้
แม่ของไป๋หลิงคือสาวงามประจำหมู่บ้าน เธอมีนิสัยไร้เดียงสาและจิตใจดี เนื่องจากพ่อเสียชีวิตเร็วเพราะเกิดอุบัติเหตุขณะที่ทำงานข้างนอก พูดไปแล้ว ไป๋หลิงสามารถมีชีวิตที่ดีได้แบบนี้ ก็ต้องพึ่งพาอาศัยโชคจากไป๋หลิงฮัว
ดังนั้น ไป๋หลิงฮัวกับไป๋หลิงจึงมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน
ไป๋หลิงฮัวเป็ผู้หญิงที่ฉลาด เธอล้วนจัดการพวกซื่อๆ ในหมู่บ้านไว้ในกำมือ แต่ความฉลาดนั้นกลับไม่ได้ใช้ในทิศทางที่มีศีลธรรมนักจึงทำให้กลายเป็นางจิ้งจอกที่พวกแม่บ้านคอยซุบซิบว่าร้าย
แต่ในความเป็จริง ไม่ได้มีเื่นางจิ้งจอกอะไรเทือกนั้นเลย เต็มที่ก็แค่ผู้ชายพวกนั้นไม่อาจต้านทานเสน่ห์ที่งดงามของเธอได้เองต่างหาก
ไป๋หลิงฮัวไม่เคยจงใจอ่อยผู้ใดอย่างจงใจมาก่อน มีเพียงพวกผู้ชายที่มาหาเธอถึงที่เอง
หลังจากที่หร่านซวี่จือถึงที่หมายแล้ว เขาก็มองเห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังรวมตัวอยู่ด้านหน้า
ไป๋เหมยดีใจเป็อย่างมาก เธอจึงรีบช่วยหร่านซวี่จือยกสัมภาระ “โอ๊ย เรียนอยู่ข้างนอกคงผอมไปเยอะ รีบมาเร็ว”
ข้างกายเธอมีผู้หญิงผิวขาวนวลเนียนยืนอยู่หนึ่งคน ใบหน้านั้นสวยสดงดงามกว่าไป๋เหมยมาก เดาว่าคงเป็พี่สาวคนรอง “ยัยหลิงฮัวนั่นเป็อะไรกัน? สายขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นตัว? ”
“นอนอยู่ที่บ้าน” มีคนเตือนเสียงค่อย
หร่านซวี่จือเดินเข้าประตูไป ตรงประตูยังมีรวงข้าวสาลีสีเหลือง กลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศคือกลิ่นหญ้าของชนบทซึ่งกลิ่นนั้นสดชื่นอย่างมาก
“เสี่ยวหลิงกลับมาแล้วหรือ? ” มีเสียงใสไพเราะดังขึ้นจากบ้าน หญิงสาวสวมชุดนอนเปิดไหล่สีแดง เธอเป็หญิงที่มีรูปร่างอ่อนช้อย มือข้างหนึ่งกำลังเกาผมยาวลอนเป็คลื่นที่ยุ่งเล็กน้อย พร้อมกับสวมรองเท้าแตะเดินออกมาอย่างอ่อนเพลียและนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ราวกับไร้กระดูก
หร่านซวี่จือเอ่ยอย่างมีมารยาท “พี่สาม ไม่เจอกันนาน”
ไป๋หลิงฮัวลูบผมของหร่านซวี่จือ เธอทาสีทาเล็บเจลสีแดง มีทรวงอกที่เอิบอิ่ม พอซ่อนอยู่ใต้ผ้าไหมยิ่งทำให้ดูเป็ส่วนที่น่าดึงดูดอย่างหาสิ่งใดเทียบไม่ได้
“หลิงฮัว! รีบกลับห้อง! ใส่เสื้อผ้าอะไรกันเนี่ย! ” ไป๋ซวงสีหน้าเปลี่ยนและกล่าวต่อว่าทันที
ไป๋หลิงฮัวตอบรับแล้วเดินกลับไปอย่างเกียจคร้าน
นั่งรถมานานขนาดนี้ ใบหน้ามีแต่เศษทรายจากลม หร่านซวี่จือจัดการวางสัมภาระเสร็จ ก็เดินไปลำธารเล็กๆ ตรงปากทางขึ้นเขาแล้วยื่นมือออกไปกวักน้ำล้างหน้า
หลังจากถอดแว่นตา น้ำใสบริสุทธิ์ก็สะท้อนใบหน้าสวยของเด็กหนุ่ม ใบหน้าของไป๋หลิงนั้นสะสวยได้รูป พอมองอย่างละเอียดก็จะเห็นได้ว่าหางตานั้นชี้ขึ้นเล็กน้อย มีความสวยดั่งได้รับพรจาก์ ใบหน้ามีไฝอันสวยงามตรงข้างแก้ม มีความคล้ายกับไป๋หลิงฮัวอยู่บ้าง
“นี่ๆ! คนข้างหน้าน่ะ! ถอยหน่อย! ” ด้านข้างมีเสียงพูดแบบห่ามๆ ดังขึ้น
เมื่อหร่านซวี่จือหันศีรษะไป ด้านหน้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังลากรถม้า เนื้อตัวของเขาสกปรก หลังจากเห็นใบหน้าของไป๋หลิงก็ชะงักไปเสี้ยววินาที
หร่านซวี่จือก้มศีรษะให้อีกฝ่ายเล็กน้อยและลุกขึ้นจากข้างลำธาร แล้วสวมแว่นตาเหมือนเดิม จากกนั้นก็เดินไปทางที่ไม่มีน้ำ
“คนเมื่อครู่คือใครน่ะ? ” ชายหนุ่มคนนั้นตกตะลึง “หน้าตาเหมือนพรายน้ำขนาดนี้? ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อน? ”
ตำแหน่งที่รถม้าขวางอยู่ซึ่งเป็จุดที่หร่านซวี่จือมองไม่เห็น มีชายหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อกล้ามสีขาวคาบบุหรี่ไว้ในปาก เขาตัดทรงผมเกรียนที่เรียบง่าย ใบหน้าองอาจหล่อเหลาราวกับแกะสลักมา สายตาที่มองร่างบางด้านหลังของหร่านซวี่จืออย่างสะอิดสะเอียน ชายหนุ่มส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเยือกเย็น “จะชายก็ไม่ใช่ จะหญิงก็เชิง น่าขยะแขยง”
หร่านซวี่จือนั่งเก็บผักอยู่ข้างไป๋เหมยก็ได้ยินผู้หญิงกลุ่มที่อยู่ถัดไปคุยกัน
“บ้านแซ่ตงที่อยู่ปากทางหมู่บ้าน่นี้กำลังหาลูกเขยไม่ใช่หรือ? ถึงขั้นหิ้วของไปเจอคนด้วยล่ะ! ”
“เป็ไปได้อย่างไรกัน! พี่หวังไม่ชอบใครไม่ใช่หรือ? ”
“พี่หวังก็สนิทกับนางจิ้งจอกในหมู่บ้านเรานั่นแหละ”
“ฉันได้ยินว่านางจิ้งจอกเสนอตัวไปถึงที่เอง แต่พี่หวังเขาไม่ได้ตกลงหรอกนะ! ”
หร่านซวี่จือก้มศีรษะเก็บผักเงียบๆ
พี่หวังที่ผู้หญิงพวกนั้นพูดถึง ชื่อจริงคือ หวังเฉิง เป็คนที่ได้รับความนิยมชมชอบจากสาวๆ มากที่สุด หลายปีก่อนหน้านี้ทำงานอยู่ข้างนอกตลอด ปีที่แล้วเพิ่งกลับมาและอายุก็เพิ่งจะยี่สิบห้า นาที่ตรงปากทางเข้าทิศตะวันออกเป็ของบ้านเขาทั้งผืน ได้ยินว่าที่บ้านยังมีสัมพันธ์กับนายกเทศมนตรีอีกด้วย
แน่นอน ก็เขาหน้าตาหล่อเหลาที่สุด ไม่อย่างนั้นจะมีผู้หญิงมากมายมาชอบอย่างนั้นหรือ
เพียงแต่ว่า หวังเฉิงนั้นไม่ได้มีท่าทีอยากจะหาสะใภ้แต่อย่างใด ทำเอาผู้หญิงพวกนั้นเอาแต่คิดกันไปเองต่างๆ นานา และคนในครอบครัวหวังก็ร้อนใจแทบแย่
หวังเฉิงเป็สัญลักษณ์ของคนรวยมีฐานะในหมู่บ้าน ใครได้เขา ชาตินี้คงไม่มีทางตกทุกข์ได้ยาก ครอบครัวไป๋เองก็มีแค่ไป๋เหมยที่แต่งออกไป สามีทำงานสู้ชีวิตอยู่ข้างนอก ในบ้านจึงมียังไป๋ซวงกับไป๋หลิงฮัวที่ยังไม่ได้ลงหลักปักฐาน ด้วยความที่ทั้งบ้านมีแต่ผู้หญิงจึงทำให้การใช้ชีวิตนั้นมีความลำบากอยู่บ้าง
ไป๋เหมยเองก็เป็กังวลใจ เธอเริ่มเลียนแบบครอบครัวอื่นที่ส่งข้าวของไปให้บ้านตระกูลหวัง เผื่อจะได้ใกล้ชิดสนิทสนมบ้าง
หร่านซวี่จือจ้องใบผักในกะละมังอย่างตั้งใจ เมื่อได้ยินไป๋เหมยเอ่ย “เสี่ยวหลิง นายช่วยพี่ส่งของไปที่บ้านตระกูลหวังหน่อย บ้านเลขที่สองศูนย์เก้า อยู่บนถนนเส้นนี้ ท่าทีต้องกระตือรือร้นหน่อย พี่ยังมีเื่อื่นต้องทำ”
หร่านซวี่จือรับห่อผ้าที่ไป๋เหมยยื่นมาแล้วพยักหน้า
บ้านตระกูลหวังอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หร่านซวี่จือเดินไม่กี่นาทีก็ถึง ตรงประตูมีเด็กหลายคนกำลังเล่นกับสุนัขอยู่
“พี่ไป๋หรือฮะ? ” มีเด็กจำหร่านซวี่จือได้ เขาจึงดีใจะโโลดเต้นแล้ววิ่งมาหา
หร่านซวี่จือพยักหน้า
เด็กคนนั้นดีใจมากแล้วเอ่ยกับเพื่อนที่กำลังสงสัยอยู่ข้างๆ ด้วยความภูมิใจ “แม่ฉันบอกว่า พี่ไป๋คือความหวังของหมู่บ้านเราด้วยนะ! พี่ไป๋คือคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้! ”
หร่านซวี่จือฟังอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่ง ดวงตาเผยรอยยิ้มเล็กน้อย
ไม่นานนักเด็กเ่าั้ก็วิ่งอย่างสนุกเริงร่า หร่านซวี่จือเห็นว่าโดยรอบไม่มีคน จึงก้าวเท้าเข้าบ้านตระกูลหวัง
“หืม นี่ไม่ใช่เด็กบ้านแซ่ไป๋หรือ? ” มีแม่บ้านคนหนึ่งเดินถือตะกร้าออกมาพอดี เมื่อเห็นหร่านซวี่จือที่ใบหน้าสะสวยอย่างมากก็มองออกและรู้สึกดีใจ “เธอกลับมาแล้วหรือ? ”
หร่านซวี่จือพยักหน้า “คุณน้าเซวีย สวัสดีครับ ผมเอาของมาให้น่ะครับ”
น้าเซวียคือแม่ของหวังเฉิง เธอชอบหร่านซวี่จือมาก เพราะถึงอย่างไรก็เป็คนมีการศึกษา ซึ่งในชนบทแบบนี้ย่อมได้รับความสนใจเป็อย่างมาก
“เห้อ เธอนี่เก่งจริงๆ ไม่เหมือนเด็กบ้านเราเลย วันๆ เอาแต่บ้าตามพี่ชาย การเรียนก็แย่จนไม่ไหว” น้าเซวียถอนหายใจ คนที่เขาพูดถึงคือน้องชายของหวังเฉิง ชื่อหวังหลง ปีนี้เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้า
จู่ๆ น้าเซวียก็เอ่ย “เสี่ยวหลิง หรือไม่อย่างนั้นเธอก็มาสอนเ้าเด็กหลงบ้านฉันไหมล่ะ? ”