เช้าวันต่อมา ก่อนจะออกจากบ้านเซี่ยโม่คิดวางแผนอยู่ในสมอง
วันนี้จะปลอมตัวเป็หญิงผิวคล้ำสวมชุดทหารอีกไม่ได้ เธอเลยมองหาชุดหลวมๆ ของหญิงวัยกลางคนในโกดังสินค้าแทน
หลังจากไปส่งน้องชายกับสือโถวเรียบร้อยแล้ว เธอขี่จักรยานเข้าไปหลบหลังต้นไม้เพื่อแต่งหน้าเช่นเคย
หลังจากแต่งหน้าเป็หญิงวัยกลางคนเสร็จ เซี่ยโม่นำผ้ามาพันแถวบริเวณเอวก่อนจะสวมชุดที่เตรียมไว้ เสร็จเรียบร้อยก็สำรวจตัวเองในกระจกว่าดูเหมือนหญิงวัยกลางคนรูปร่างอวบอ้วนแล้วหรือยัง
จากนั้นถึงค่อยขี่จักรยานไปโรงเรียน
ขี่ไปได้พอประมาณก็เห็นเซี่ยวฉางเซิงดักรออยู่กลางถนน ทั้งยังพาเพื่อนมาด้วยอีกสี่ห้าคน
เซี่ยโม่หัวใจเต้นรัว อีกฝ่ายถึงกับพาเพื่อนมาเล่นงานเธอเลยหรือนี่
หากถูกอีกฝ่ายจับได้ เธอต้องไม่รอดแน่ มือแอบหยิบสเปรย์ออกมาจากในโกดังสินค้า หมายมาดไว้ว่าถ้าอีกฝ่ายจำเธอได้แล้วผลีผลามทำอะไรขึ้นมา เธอจะให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงรสชาติของการถูกเล่นงานบ้าง
ขณะกำลังขี่จักรยานผ่านเซี่ยวฉางเซิง เธอได้ยินอีกฝ่ายบอกกับเพื่อนๆ ว่า “พวกนายคอยจับตาดูอย่าให้คลาดสายตา เดี๋ยวจะมีผู้หญิงตัวเล็กๆ ผิวดำ สวมชุดทหารขี่จักรยานมา ถ้าเจอก็ให้แย่งจักรยานแล้วจัดการสั่งสอนสักหนึ่งรอบ เธอยอมเมื่อไรก็ค่อยปล่อย ฉันมีเื่จะคุยกับนังนั่นอีก”
เพื่อนๆ ของอีกฝ่ายยักคิ้วหลิ่วตาพร้อมพูดเย้าแหย่ “ฉางเซิง อย่าบอกนะว่านายถูกใจผู้หญิงคนนี้”
“พวกนายจะไปรู้อะไร นังนั่นคือนังบ้านนอกต่างหาก ฉันแค่แปลกใจว่าจู่ๆ ทำไมนังนั่นถึงกลายสภาพเป็แบบนั้นไปได้” เซี่ยวฉางเซิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
เซี่ยโม่เพิ่งได้รู้ในเวลานี้เองว่า ชาติที่แล้วเธอในสายตาเซี่ยวฉางเซิงก็เป็แค่นางบ้านนอกคนหนึ่ง ทั้งที่ตอนนั้นอีกฝ่ายพยายามเอาอกเอาใจเธอสารพัด แถมยังทำตัวติดกับเธอแทบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยก็ว่าได้
คราวก่อนนั้นมีเื่ไม่หยุดหย่อน เธอถูกแม่เลี้ยงหลอก ทั้งแม่เลี้ยงยังให้คนเอาน้องชายของเธอไปทิ้ง ต่อมาก็หาเื่เล่นงานเธอ
ส่วนเซี่ยวฉางเซิงก็เป็ผู้ชายสารเลว พูดฉอเลาะเธอสารพัดเพื่อให้เธอสอนหนังสือให้โดยไม่ต้องลงทุนอะไร
ซึ่งเธอก็ดันโง่ตอบตกลง ตั้งอกตั้งใจทุ่มเทสอนเนื้อหาบทเรียนของชั้นมัธยมปลายทั้งสองปีให้
ปรากฏว่าพอเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยติด แม่เลี้ยงกลับเอาหนังสือรับรองการเข้ามหาวิทยาลัยไปให้ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง ทั้งยังวางแผนกับเซี่ยอวิ๋นเพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ
พอรู้เื่นี้เซี่ยวฉางเซิงก็ทำเหมือนไม่รู้จักเธอ แล้วหันไปหาเซี่ยอวิ๋นแทน
ั้แ่ต้นจนจบผู้ชายคนนี้ไม่เคยเห็นเธอเป็มนุษย์ แต่เห็นเป็แค่หมากที่มีไว้หลอกใช้เท่านั้น
เธอนึกถึงอดีตพร้อมกับเร่งฝีเท้าปั่นจักรยานออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
เซี่ยวฉางเซิงมองดูนาฬิกา ใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว แต่นังนั่นกลับยังไม่ปรากฏตัว
หรืออีกฝ่ายจะล่วงรู้ว่าเขาเริ่มสงสัยก็เลยเปลี่ยนไปใช้ถนนเส้นอื่นแทน
คงเป็แบบที่เขาเดา
“เพื่อน ฉันพูดแล้วว่าไม่ว่าจะเจอหรือไม่เจอยังไงก็จะเลี้ยงข้าวพวกนาย งั้นเดี๋ยวตอนเที่ยงฉันเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหารของรัฐในตำบลนะ” เขาหันไปพูดกับเพื่อนทุกคนอย่างรู้สึกผิดที่ให้รอเก้อ
“ขอบใจมากพี่เซี่ยว”
เมื่อเซี่ยโม่ขี่จักรยานเข้าไปในตำบลก็หาที่ลับตาคนเพื่อเปลี่ยนชุดและลบเครื่องสำอางออก จะปล่อยให้เป็แบบนี้ต่อไปไม่ได้ แผนนี้ไม่เหมาะใช้ในระยะยาว
เธอจะจัดการสั่งสอนอีกฝ่ายอย่างไรดี ให้อีกฝ่ายหลาบจำและไม่กล้ามาดักรอเธออีก
เธอยังคงจำได้ว่าบ้านของเซี่ยวฉางเซิงตั้งอยู่ที่ไหน
เนื่องจากบิดามารดาของอีกฝ่ายมีงานการที่ดีจึงได้รับจัดสรรบ้านมาหนึ่งหลัง
ชาติที่แล้วเพื่อประจบเอาใจเธอ อีกฝ่ายถือโอกาสตอนที่พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านชวนเธอไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านหลายครั้ง
ตอนนั้นอีกฝ่ายพูดซะดิบดีว่า “โม่โม่ ฉันเห็นเธอผอมเกินไปแล้ว ไม่ค่อยมีเนื้อมีหนังเลย ตอนเที่ยงไปทำอาหารกินที่บ้านฉันกันเถอะ วางใจได้ พ่อกับแม่ฉันไม่อยู่บ้าน และพวกท่านก็ยังไม่กลับมาเร็วๆ นี้แน่นอน”
“แบบนี้มันจะดีเหรอ”
“ไม่เป็ไรหรอก ฉันเลี้ยงเอง ห้องครัวในบ้านฉันมีวัตถุดิบทุกอย่าง อีกอย่างกับข้าวที่โรงอาหารของโรงเรียนก็รสชาติไม่ได้เื่”
ความจริงแล้วเธอรู้สึกว่า กับข้าวที่โรงอาหารของโรงเรียนรสชาติก็ไม่ได้แย่อะไร
เป็เพราะเธอไม่มีเงิน ทุกเที่ยงเลยจะซื้อแค่ขนมถ้วยฟูไม่ก็ปิ่งชิ้นใหญ่ไปนั่งกินกับผักดองที่นำมาจากบ้านในที่ที่คนไม่พลุกพล่าน
ผิดกับเซี่ยอวิ๋นที่มักจะซื้ออาหารหลายอย่างในโรงอาหารของโรงเรียนไปนั่งกิน ถึงอย่างนั้นก็ยังบ่นว่ารสชาติอาหารไม่ได้เื่
แม่เลี้ยงเคยพูดกับเธอว่า “ร่างกายของเซี่ยอวิ๋นไม่ค่อยแข็งแรง ไหนจะไม่มีพ่อบังเกิดเกล้าเลยถูกคนรังแกสารพัด โม่โม่ หนูเป็เด็กรู้ความ ถ้าหนูช่วยประหยัดเงิน ที่บ้านก็จะไม่ลำบาก”
ชาตินี้เธอถึงได้เข้าใจ แม่เลี้ยงหลอกเธอทั้งเพ
ตอนนั้นเพื่อประหยัดเงิน เธอไม่กล้าแม้แต่จะใช้จ่ายอะไร
ส่วนเื่ที่ว่ากับข้าวในโรงอาหารของโรงเรียนไม่อร่อย เซี่ยวฉางเซิงกับเซี่ยอวิ๋นน่าจะแอบไปสนิทสนมกันลับหลังเธอ เซี่ยวฉางเซิงน่าจะเคยได้ยินเซี่ยอวิ๋นบ่นให้ฟัง อีกอย่างฐานะทางบ้านของเซี่ยวฉางเซิงก็ค่อนข้างดี จึงไม่แปลกถ้าจะไม่ชินกับอาหารพื้นๆ ของโรงอาหารในโรงเรียน
ทว่าชาติที่แล้ว เธอนึกว่าเซี่ยวฉางเซิงเจตนาดี เห็นว่าเธอผอมแห้งแรงน้อยก็เลยพากลับไปทำอาหารกินเองที่บ้านของเขา
ตอนนี้พอมาลองคิดดูให้ดี น่าจะเป็เพราะอีกฝ่ายไม่ชอบอาหารที่โรงอาหารของโรงเรียนมากกว่า ก็เลยแกล้งทำเป็อ้างว่าห่วงเธอแล้วชวนไปทำอาหารกินเองที่บ้านเขา แต่ความจริงแล้วคงเห็นเธอเป็แค่แม่ครัว ไม่ต้องเสียเงินจ้างทั้งยังได้กินของอร่อยเป็ของแถมอีกด้วย
คำชักชวนของเขาทำให้เธอผู้โง่เง่าในตอนนั้นดีอกดีใจและซาบซึ้งเป็นักหนา
เซี่ยโม่ดึงความคิดกลับมาปัจจุบัน ตอนเที่ยงไม่มีเวลามากพอ ไว้ตอนบ่ายเธอค่อยหาเวลาไปที่บ้านอีกฝ่าย เอาสลอด[1]ไปใส่ไว้ในน้ำของบ้านนั้น
เธอจำได้ว่าในบริเวณบ้านของเซี่ยวฉางเซิงมีบ่อน้ำอยู่หนึ่งบ่อ เพื่อนบ้านจึงชอบมาขอน้ำอยู่บ่อยๆ
ในห้องครัวของบ้านเซี่ยวฉางเซิงมีถังน้ำอยู่หนึ่งถัง เธอจะเอาสลอดแอบเข้าไปใส่ในถังน้ำใบนี้
ครอบครัวของอีกฝ่ายไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก ชาติที่แล้วครั้งสุดท้ายที่เธอเข้าไปทำอาหารในบ้าน ขณะกำลังจะลงมือรับประทาน พ่อแม่ของอีกฝ่ายก็กลับมา
ตอนนั้นเธอรู้สึกกลัวอย่างมาก รีบลุกขึ้นยืนแล้วขอปลีกตัว “เซี่ยวฉางเซิง ฉันกลับก่อนนะ”
แต่มารดาของอีกฝ่ายกลับเอ่ยรั้งด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “ในเมื่อมาแล้วก็อย่าเพิ่งรีบกลับ อยู่กินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับ”
เธอส่ายหน้า เอ่ยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “คุณป้า ขอโทษด้วยค่ะ หนูเสียมารยาทแล้ว”
“ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย เกรงใจอะไรกัน”
เธอตาโตด้วยความตกตะลึง ที่แท้มารดาของอีกฝ่ายก็รู้มาตลอดว่าตอนเที่ยงเธอมาใช้ห้องครัวที่บ้านหลังนี้
อันที่จริงไม่ใช่เื่แปลกหากจะทราบ วัตถุดิบในห้องครัวลดลงไป แม่บ้านคนไหนจะไม่รู้บ้าง
ต่อมาบิดาของอีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ “หนูชื่อเซี่ยโม่ใช่ไหม เื่สอนหนังสือให้ลูกชายฉัน ฉันต้องรบกวนหนูด้วยนะ ถ้าเขาสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ พวกฉันจะขอบคุณหนูมาก”
ตอนนั้นเธอยินดีเป็อย่างยิ่ง นึกว่าสองสามีภรรยารักและเอ็นดูเธอ
แต่ตอนหลังพอมาคิดทบทวนให้ดี สายตาหยิ่งยโสและน้ำเสียงห่างเหินของทั้งคู่ หมายความว่าพวกเขากำลังดูถูกเธอต่างหาก
พอหูตาสว่าง หลังจากนั้นเธอก็ไม่ไปที่บ้านของเซี่ยวฉางเซิงอีกเลย
ชาตินี้หากเธอวางยาสลอดสำเร็จ ไม่เพียงได้ชำระแค้นเมื่อชาติที่แล้ว ยังทำให้อีกฝ่ายไปเรียนไม่ได้อีกด้วย
เธอจะได้ขี่จักรยานไปโรงเรียนได้อย่างสบายใจอีกหลายวัน
รอจนอีกฝ่ายหายดีก็ค่อยขอลาหยุดกับคุณครู
ต่อมาถ้าอีกฝ่ายหายดีแล้ว เวลาไปโรงเรียนเธอก็แค่ออกจากบ้านให้ไวขึ้น แน่นอนว่ายังคงต้องแต่งหน้าปลอมตัว เพื่อเป็การป้องกันเอาไว้ก่อน
อีกฝ่ายคนเดียวยังพอรับมือได้ แต่เธอกลัวคนสารเลวจะพาพรรคพวกมาด้วย
ตอนบ่ายเธอหาเวลาออกไปนอกโรงเรียน
เซี่ยโม่ขี่จักรยานไปตามทางในความทรงจำจากชาติที่แล้ว เมื่อใกล้จะถึงจุดหมาย เธอจอดจักรยานและคล้องโซ่เอาไว้ภายในซอยแห่งหนึ่ง จากนั้นเดินเท้าต่อไปที่บ้านตระกูลเซี่ยว
เวลานี้ไม่น่ามีคนอยู่ในบ้าน
เมื่อเข้าไปใกล้พบว่าประตูหน้าบ้านถูกลงกลอนอย่างแ่า
หันมองรอบๆ พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้จึงเดินอ้อมไปที่หลังบ้าน
เซี่ยโม่จำได้ว่าหลังบ้านแม้จะมีกำแพงล้อมรอบมิดชิด แต่ก็มีต้นไม้ใหญ่อยู่หนึ่งต้น เธอเดินไปที่ต้นไม้ต้นนั้น ก่อนจะปีนขึ้นไปแล้วะโเข้าไปในบ้านอย่างเงียบเชียบ
ประตูหลังซึ่งเป็ประตูห้องครัวไม่ได้ลงกลอนเอาไว้เหมือนในความทรงจำของเธอเมื่อชาติที่แล้วไม่มีผิด เซี่ยโม่เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปข้างในด้วยฝีเท้าเบากริบ
ในห้องครัวมีถังน้ำที่มีน้ำบรรจุอยู่ครึ่งหนึ่ง
เธอหยิบยาสลอดออกมา ก่อนหน้านี้ได้ศึกษาเกี่ยวกับสมุนไพรต่างๆ จึงพอมีความเข้าใจเกี่ยวกับยาสลอดอยู่บ้าง
ยานี้ไม่ทำให้คนที่กินเข้าไปถึงแก่ชีวิต แค่ทำให้ท้องเสียจนหมดเรี่ยวหมดแรงเท่านั้น
หลังจากวางยาในน้ำเสร็จ ขณะกำลังจะกลับไปตามทางเดิม ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาในบ้าน เซี่ยโม่เหงื่อแตกพลั่ก “แย่แล้ว มีคนกลับมางั้นเหรอ”
------------------------
[1] สลอด เป็พืชชนิดหนึ่ง เมื่อรับประทานเมล็ดเข้าไปจะทำให้ท้องร่วงอย่างรุนแรง
