หนิงเทียนนั่งขัดสมาธิ ณ ด้านล่างแจกัน พร้อมทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ของมันอย่างเงียบๆ
เขามีประสบการณ์และรู้วิธีการใช้รอยประทับในเส้นลมปราณที่สี่เป็แนวทางแล้ว จึงขจัดความเท็จและคงไว้ซึ่งความจริง ก่อนจะเข้าใจถึงความลึกลับในแจกันได้โดยตรง
ในบางครั้ง ร่างิญญารอบกายของซิ่งอวี่เจวียนจะรวมเข้ากับร่างจริงของนาง
หลังจากที่ร่างิญญาทั้งเก้ารวมกับร่างจริงอย่างสมบูรณ์ รากบ่มเพาะที่เสียหายของนางก็กลับมาเป็ปกติทันที ยามนี้นางหวนคืนสู่ขอบเขตผนึกดาราขั้นแปดแล้ว
ซิ่งอวี่เจวียนมีความสุขอย่างมาก หยดน้ำเป็ประกายในดวงตา และใบหน้าของนางในยามนี้ค่อนข้างน่าสงสาร
ไม่รู้ว่านานเพียงใดกว่าหนิงเทียนจะบรรลุกฎเกณฑ์ แต่ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ก็พบกับใบหน้าสดใสและมีเสน่ห์ที่ทำให้เขาตะลึงไปชั่วขณะ
“พี่สาวสดใสยิ่งนัก! ข้าเกือบจำท่านไม่ได้แล้ว” หนิงเทียนทั้งใและประหลาดใจ หลังจากรากบ่มเพาะฟื้นตัว ซิ่งอวี่เจวียนก็ดูอายุน้อยลงไปกว่าห้าปี รูปร่างหน้าตาและอารมณ์ของนางก็ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้ผู้พบเห็น
ซิ่งอวี่เจวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ปากของเ้าพูดสิ่งดีๆ ได้ด้วยสินะ การฟื้นฟูรากบ่มเพาะในคราวนี้ ข้าไม่รู้เลยว่าควรตอบแทนเ้าอย่างไร”
“พี่สาว ท่านไม่จำเป็ต้องเกรงใจ สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการฝึกฝนของท่านมาก ท่านควรจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน”
“เ้าอยากขึ้นไปต่อหรือไม่?”
“อืม ข้าตั้งใจจะไปดูทุกที่”
“เช่นนั้นจงระวังตัวด้วย”
หนิงเทียนกล่าวอำลาซิ่งอวี่เจวียนแล้วลอยตัวออกจากแจกัน ก่อนจะเข้าไปอยู่ใต้ร่มคลุมนภาบนเถาวัลย์เส้นที่แปด
ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าใด ขอบเขตของผู้บำเพ็ญที่รอดชีวิตก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น คนส่วนใหญ่ที่มีขอบเขตไม่เพียงพอหรือขาดโชคก็ล้วนเสียชีวิตระหว่างทาง
...
วันที่ห้าของการชุมนุมล่าสัตว์ฤดูเหมันต์ หนิงเทียนนั่งสมาธิเพื่อเสาะหาการรู้แจ้งภายใต้ร่มคลุมนภา สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงอัสนีบาตดังเปรี้ยง และก่อให้เกิดการพัฒนาด้วยพลังแห่ง์
เหนือร่มคลุมนภามีเถาวัลย์หนาหลายจั้งค้ำหอคอยเก้าชั้นไว้ แต่ละชั้นล้วนปล่อยแสงที่แตกต่างกันออกมา และประกอบด้วยความลึกลับสูงสุดแห่งฟ้าดิน
หอคอยนี้ตั้งอยู่บนยอดของเถาวัลย์ั์ ยอดหอคอยขนาดเล็กชี้ตรงไปยังท้องฟ้า ลำแสงเก้าสีรวมตัวกันบนยอดหอคอยและก่อตัวเป็วงแหวนเก้าสี ก่อนจะปล่อยแสงลงมาด้านล่าง
หลายคนยืนอยู่บนร่มคลุมนภา พวกเขามองขึ้นไปยังหอคอยพร้อมกับความคาดเดาในใจ
ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหลุมั์คือเถาวัลย์ั์ต้นนี้ และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับเถาวัลย์ั์ ก็คือการบ่มเพาะสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งเก้าชนิดขึ้นมาได้
ผู้คนมากมายมุ่งหน้ามาตามเส้นทางนี้ นอกจากอาวุธิญญาที่ชัดเจนในอ่างมหาสมบัติ แม้จะมีความลึกลับซ่อนอยู่ในที่อื่น แต่ก็น้อยคนนักที่จะเข้าใจมันอย่างแท้จริง
บางคนใจร้อนและปีนขึ้นไปบนหอคอยเก้าชั้นแล้ว แต่ทันทีที่พวกเขาเข้าไปก็มีเสียงกรีดร้องดังลอยมา พร้อมกับชีวิตที่ถูกหอคอยกลืนกิน
เข้าสู่วันที่หกของการชุมนุมล่าสัตว์ฤดูเหมันต์ เส้นลมปราณที่สี่ของหนิงเทียนได้ควบแน่นรอยประทับทั้งแปดเข้าด้วยกันแล้ว ซึ่งขาดเพียงรอยสุดท้ายเท่านั้น
เมื่อมาถึงภายนอกหอคอยเก้าชั้น เขาก็พบว่าหอคอยนี้สูงเก้าสิบเก้าจั้ง ชั้นแรกมีเส้นผ่านศูนย์กลางสามสิบหกจั้ง และภายในมีเส้นแสงคดเคี้ยวกะพริบสีแดงจางๆ ทั้งหมดหนึ่งร้อยห้าสิบสามเส้น
ซากศพจำนวนมากกองอยู่ตรงนั้น หนิงเทียนนับจำนวนพวกเขาพลางหยิบแหวนมิติขึ้นมา ซึ่งนับได้หนึ่งร้อยห้าสิบสามศพพอดี
บนชั้นสองมีศพน้อยกว่าเล็กน้อย โดยมีหนึ่งร้อยสามสิบห้าศพ ชั้นสามมีศพหนึ่งร้อยสิบเจ็ดศพ ชั้นสี่มีเก้าสิบเก้าศพ ชั้นที่เหลือก็ค่อยๆ ลดลงชั้นละสิบแปดศพ และเมื่อมาถึงชั้นบนสุดก็เหลือเพียงเก้าศพเท่านั้น รวมทั้งหมดเป็เจ็ดร้อยยี่สิบเก้าศพ
ระหว่างที่หนิงเทียนปีนขึ้นไปบนหอคอย ศิษย์จำนวนมากจากสำนักต่างๆ ก็ทยอยกันเข้ามาในหอ
เมื่อหอคอยกลืนกินิญญาจนครบเจ็ดร้อยยี่สิบเก้าดวงแล้ว มันก็ถูกเปิดใช้งานทันที พลังอันน่าขนพองสยองเกล้าเข้าปกคลุมทั่วหอคอย บังคับให้ทุกคนอพยพไปอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งหนิงเทียนก็ยังถอยกลับไปที่ชั้นหนึ่งของหอคอย
ในเวลานี้เถาวัลย์ั์ตื่นขึ้นมาแล้ว ใบเถาทุกใบะเิพลังอัสนี บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยสายฟ้าแลบ เตา หม้อ อ่าง ระฆัง ขาตั้ง อาคาร แจกัน ร่ม และหอคอยที่ปลายเถาวัลย์ล้วนเปล่งประกายพร้อมกัน เมฆแสงเก้าสีผุดขึ้นจากหลุมขนาดใหญ่แล้วส่องแสงสว่างไปทั่ว
แผ่นดินสั่นะเื อสูรร้ายทั้งหลายในูเาล้วนคำรามโดยพร้อมเพรียงจนเสียงดังกึกก้องไปทุกสารทิศ ซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้มีอำนาจนับไม่ถ้วน
ภายในพื้นที่หลักทั้งสามแห่ง เหล่าศิษย์ทั้งหมดรีบพุ่งไปยังหลุมั์ด้วย้าเห็นทัศนียภาพที่งดงาม
บนยอดเถาวัลย์ั์ สายตาของศิษย์แต่ละสำนักต่างร้อนแรง พวกเขารีบวิ่งไปยังยอดหอคอย ทั้งยังตระหนักดีว่าความลับของหลุมั์อาจจะใกล้ถูกเปิดเผยแล้ว
หอคอยเก้าชั้นสั่นะเือย่างต่อเนื่องด้วยแรงมหาศาลที่หลั่งไหลลงมา เสียงแห่งเต๋าโบราณอันไพเราะสะท้อนอยู่ในชั้นแสงทั้งเก้า พร้อมเผยให้เห็นแสงแห่งปาฏิหาริย์ในรูปแบบต่างๆ
ศิษย์หลักรวมตัวกันอยู่นอกหอคอยมากขึ้นเรื่อยๆ ในไม่ช้าจำนวนก็เกินหนึ่งพันคน
ทุกคนมองทางเข้าหอคอยด้วยสายตาร้อนแรง ซึ่งชั้นแรกเต็มไปด้วยหมอกสีเขียวแกมน้ำเงินบางเบา
คนใจร้อน้าคว้าโอกาสก็รีบพุ่งตรงเข้าไปทันที ส่วนคนที่เหลือต่างก็รุดไปข้างหน้าทีละคน เนื่องจากเกรงว่าตนจะสูญเสียโอกาสไป
ท่ามกลางฝูงชน หนิงเทียนเห็นศิษย์ผู้แสวงหาความตรงไปตรงมาอย่างตี๋เยี่ยนจวิน ซึ่งยามนี้อยู่ในขอบเขตผนึกดาราแล้ว
ภายในหอคอยมีแรงกดทับที่น่าสะพรึงกลัว ทุกคนที่อยู่ด้านนอกล้วนรีบพุ่งเข้ามา รวมแล้วมีมากกว่าหนึ่งพันสองร้อยคน
ขอบเขตของคนเหล่านี้มีั้แ่ขั้นสูงไปจนถึงขั้นต่ำ ผู้มีกำลังค่อนข้างอ่อนแอจะอยู่ในชั้นหนึ่งได้เพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น ก่อนจะมีอาการตาค้าง เืออกปากและจมูก จนต้องหนีไปด้วยความหวาดกลัว
เหนือพื้นชั้นแรกของหอคอย ปรากฏลวดลายแปลกประหลาดมากมาย มีทั้งดอกไม้ ต้นไม้ และเถาวัลย์ รวมถึงนก สัตว์ แมลง ปลา ูเา และสายน้ำ ตลอดจนอาวุธทุกประเภท
แต่ละอย่างล้วนแสดงถึงความหมายและการครอบคลุมพื้นที่ ซึ่งช่วยตีความวิถีทางอันยิ่งใหญ่ในใต้หล้าและรูปแบบการบ่มเพาะหลัก
ผู้คนเกือบพันตกอยู่ภายใต้ความกดดันมากเกินไป จึงเกิดการรวมตัวและตั้งสมาธิเรียนรู้ความลับอันมหัศจรรย์อยู่ ณ ที่แห่งนี้
หลายคนได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง ขอบเขตของพวกเขาจึงดีขึ้นทันตาเห็นใน่เวลาแห่งการรู้แจ้ง
ตัวอย่างเช่น ตี๋เยี่ยนจวินที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตผนึกดาราขั้นแรก ทว่าทันทีที่เขาตระหนักถึงความลึกลับบนชั้นหนึ่งของหอคอย เขาก็เข้าสู่ขั้นสองในทันที
ตี๋เยี่ยนจวินเดินไปยังชั้นสองทันทีที่ลืมตา ซึ่งดึงดูดสายตาแห่งความริษยาได้มากมาย
การรู้แจ้งภายในความเงียบสงบของหนิงเทียนนั้นค่อนข้างช้าและละเอียดอ่อน เขาไม่ใจร้อนเหมือนคนอื่นๆ ทั้งยังไม่กระตือรือร้นที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่เขากลับคาดเดาการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบอย่างละเอียดซ้ำแล้วซ้ำอีกจนถึงขีดสุด
แรงกดดันบนชั้นสองของหอคอยเพิ่มขึ้นเป็สองเท่าของชั้นแรก เมื่อหนิงเทียนเข้ามา บนชั้นสองก็มีคนมากกว่าสามร้อยคนแล้ว
ที่นี่เต็มไปด้วยร่างเงามืดมากมาย มีทั้งผู้ที่ฝึกการเคลื่อนไหวกลางอากาศ หรือผู้ที่ทะเลาะวิวาทกันเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนดึงดูดสายตาผู้คน
และความกดดันในชั้นสามก็เพิ่มขึ้นสองเท่าจากชั้นสอง แสงแห่งจิติญญาจำนวนนับไม่ถ้วนควบแน่นเป็กระบี่และกระบอง พร้อมเข้าต่อสู้เพื่อชัยชนะกลางอากาศ
ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าใด แรงกดดันในหอคอยก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น และแต่ละชั้นก็เต็มไปด้วยความลับขั้นสุดยอด
หนิงเทียนเดินหน้าไปอย่างเชื่องช้า เขาเดินขึ้นไปทีละชั้น ทันทีที่ถึงชั้นห้า ผู้ที่ขึ้นมาก็เหลือเพียงสามสิบถึงห้าสิบคนเท่านั้น และมีเพียงยี่สิบสี่คนที่สามารถปีนขึ้นถึงชั้นหกได้
หอคอยชั้นเจ็ดมีอุปสรรคจำนวนมาก หมอกแห่งความโกลาหลสร้างแรงกดดันมหาศาล ทำให้หลายคนต้องหยุดเพียงแค่ตรงนี้
ศิษย์ซิงซิวอย่างจี้ชิวสามารถขึ้นไปถึงชั้นเจ็ด แม้จะประสบความสำเร็จ แต่ิัทั่วตัวกลับแตกร้าว ร่างทั้งร่างอาบด้วยเื
ตี๋เยี่ยนจวินก็อาศัยความแข็งแกร่งทางกายภาพ และพยายามเข้าสู่ชั้นเจ็ดได้สำเร็จ
นอกจากนี้ยังมีคนอื่นๆ อีกหลายคน เช่น หลินหวาจากสำนักร้อยอสูร เหยียนเริ่นเฟิงจากโถงเพลิงทมิฬ และเหมยเอ้าซงจากสำนักหานเทียน พวกเขาทั้งหมดเป็หัวกะทิของกลุ่มต่างๆ ซึ่งอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้า ทว่าก็ต้องแลกด้วยราคาที่หนักหน่วงเช่นกัน
ชั้นเจ็ดนั้นท้าทายมากสำหรับหนิงเทียน แต่เนื่องจากความเข้าใจอันดีเลิศในความลึกลับของเขา รวมทั้งการนำทางของรอยประทับในเส้นลมปราณ และการปกป้องจากกายาสุวรรณะนิรันดร์ เขาจึงเป็คนที่ผ่อนคลายที่สุดในที่แห่งนี้
ผู้คนหลายพันต่างเข้าไปในหอคอยเก้าชั้น และมีเพียงเก้าคนเท่านั้นที่สามารถปีนขึ้นไปถึงชั้นเจ็ดได้
หนิงเทียนใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ทำให้เส้นลมปราณในร่างสั่นะเื ก่อนจะบุกทะลุเข้าสู่หอคอยชั้นที่แปด
ความโกลาหลแผ่กระจายไปทั่วสถานที่ ร่องรอยของหมอกควันสีเหลืองเข้มปรากฏขึ้น ซึ่งสิ่งนี้เป็ร่องรอยเดียวสามารถถล่มูเาได้
แม้หนิงเทียนจะมีกายาสุวรรณะนิรันดร์และมีร่างกายที่ทรงพลังนับแสนจิน แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความตึงเครียด
หลังจากตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงอันลึกลับบนชั้นแปดแล้ว ในที่สุดก็มาถึงชั้นสุดท้าย
ชั้นเก้าของหอคอยเต็มไปด้วยแสงสีดำ ราวกับกลืนกินแสงทั้งหมดในใต้หล้า
แรงกดดันที่มากเกินไปนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง ทันทีที่หนิงเทียนก้าวเท้าข้างหนึ่งออกมา ิัของเขาก็แตกออกจนเืสาดกระเซ็น
หนิงเทียนใมากจนถอยกลับอย่างเร่งรีบ ก่อนจะใช้พละกำลังทั้งหมดขับเคลื่อนกายาสุวรรณะนิรันดร์ เปลวเพลิงสีทองบานสะพรั่งไปทั่วร่าง ก่อนจะเริ่มการเคลื่อนไหวครั้งที่สอง ซึ่งก็ล้มเหลวเช่นกัน ทว่าหนิงเทียนก็ยังไม่คิดท้อแท้
เขาพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่ากว่าร้อยครั้ง แก่นแท้โลหิตที่เก็บไว้ในร่างกายถูกดูดซึมและขัดเกลาอย่างต่อเนื่อง ทำให้กายาสุวรรณะนิรันดร์เข้าสู่ระดับสี่ ดังนั้น เขาจึงต้านทานแรงกดดันที่มากเกินไปได้บ้างแล้ว
ชั้นที่เก้าของหอคอยเปรียบเสมือนแดนทมิฬ ด้านในมีป้ายคำสั่งลอยอยู่ ซึ่งเปล่งประกายด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวที่สั่นะเืใต้หล้า ทำให้หนิงเทียนแทบจะคุกเข่าอยู่ตรงนั้น
อำนาจแห่งป้ายคำสั่งช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้กระทั่งหนิงเทียนก็ไม่อาจทานทนได้
เขาพยายามเปิดใช้น้ำเต้าเจ็ดสี ทว่าถูกป้ายคำสั่งยับยั้งไว้ และใน่วิกฤตเช่นนี้ เส้นผมบนศีรษะของเขาก็สว่างขึ้นอีกครา กระบี่ไร้จำนงในแผนที่จิติญญาบนเส้นลมปราณที่สองตื่นจากการหลับใหล มันหมุนช้าๆ ก่อนจะปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งเข้าต่อต้านอำนาจยับยั้งของป้ายคำสั่ง
ร่างกายที่ตึงเครียดของหนิงเทียนค่อยๆ ผ่อนคลายลง เขาทิ้งร่างลงกับพื้นแล้วจับจ้องป้ายคำสั่งด้วยสายตาขุ่นมัว แต่กลับพบว่ายังมีสิ่งลึกลับอีกอย่างหนึ่งอยู่ในความมืด
เส้นสายแสนมืดมนจนแทบจะมองไม่เห็นกำลังพลิ้วไหวราวิญญาเริงระบำ ทว่ายังคงแฝงไว้ด้วยรูปแบบที่มีอยู่จริงบางประการ
หนิงเทียนรวบรวมพละกำลังทั้งหมดเพื่อใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ รอยประทับทั้งแปดในเส้นลมปราณที่สี่พากันส่งเสียงก้องกังวาน ทำให้ดวงตาของเขาค่อยๆ ชัดเจนขึ้นจนมองเห็นกฎแห่ง์ที่ซ่อนอยู่ในความมืด
หนิงเทียนไม่มีความคิดอื่นใด เขาเพียงทุ่มพลังทั้งหมดลงไป ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ และเกิดการควบแน่นรอยประทับใหม่ในเส้นลมปราณที่สี่
รอยประทับทั้งเก้าเกี่ยวพันซึ่งกันและกันพร้อมผสานเป็หนึ่งเดียว จากนั้นก็เกิดการวิวัฒนาการเป็แผนที่จิติญญา และพาเขาเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสี่ทันที
ยามนั้นข้างกายหนิงเทียนมีเถาวัลย์ปรากฏขึ้น ลำต้นของเถาวัลย์มีทั้งหมดเก้าเส้นราวกับัเข้ายึดที่มั่น ปลายเถาวัลย์ทอประกายแสงเก้าสีดุจหัวัที่กลืน์และโลกด้วยพลังที่น่าพรั่นพรึง
เถาวัลย์นี้มีลักษณะคล้ายเถาวัลย์ั์ในหลุม ซึ่งข้อแตกต่างก็คือสมบัติวิเศษทั้งเก้าชนิดไม่ได้เติบโตอยู่บนปลายเถาวัลย์
หนิงเทียนรู้สึกสับสนอย่างมาก ในเมื่อเถาวัลย์ข้างกายมีรูปร่างเหมือนเถาวัลย์ั์ แล้วเหตุใดจึงมีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้?
พลันเส้นลมปราณสั่นะเื ์บันดาลแผนที่จิติญญา
การเชื่อมต่อบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างหนิงเทียนและเถาวัลย์ั์ อาวุธวิเศษทั้งเก้าที่ปลายเถาวัลย์สั่นขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะปลดปล่อยพลังที่แตกต่างซึ่งส่งมาจากเถาวัลย์ั์ไปจนถึงยอดหอคอย แล้วหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของหนิงเทียน
พลังทั้งเก้ามากันบนแผนที่จิติญญาบนเส้นลมปราณที่สี่ แล้วควบแน่นเป็แส้เถาวัลย์ัซึ่งมีรากฐานอยู่บนแผนที่จิติญญา สุดปลายเถาวัลย์แต่ละเส้นมีเตาหลอม ไห อ่าง ระฆัง ขาตั้ง อาคาร แจกัน ร่ม และหอคอยซึ่งพันกันเป็เกลียว
แม้แส้เถาวัลย์ันี้จะเป็เพียงร่างเงา แต่ก็ยังมีพลังยับยั้งที่ไม่อาจอธิบายได้ และใน่เวลาแห่งการประกอบร่างก็เกิดภาพนิมิตนับไม่ถ้วนพรั่งพรูเข้ามาในจิตใจของหนิงเทียน นั่นคือความทรงจำของเถาวัลย์ั์ในอดีต ซึ่งนับว่าเป็ความลับของหลุมั์
ภาพแห่งกาลเวลาไหลย้อนกลับ ทำให้ภาพกระบวนการก่อตัวของปล่องูเาไฟขนาดใหญ่ถูกจำลองขึ้นมาอีกครั้ง ตลอดจนภาพอันน่าเหลือเชื่อของกระบวนการรวมอาวุธิญญาทั้งเก้าเข้ากับเถาวัลย์ั์ด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้