"อาจิ่ว พวกเราไปกันเถอะ ท่านอ๋องเสด็จมาแล้ว"
เสี่ยวจิ่วฮวาที่กำลังยืนมองด้วยความสงสัยพลันได้สติคืนมาเมื่อได้ยินเสียงของเสี่ยวเย่วหยา นางหันไปมอง ก่อนจะเอ่ยถาม
"เ้าสนทนากับคุณชายใหญ่ไป๋เป็เช่นไรบ้าง"
เสี่ยวเย่วหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะพยักหน้าพลางเอ่ยตอบ
"อืม เขาสุภาพมาก"
เสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้เห็นเช่นนี้ก็เพียงพยักหน้าเล็กน้อย เสี่ยวเย่วหยายื่นมือมาจับแขนของเสี่ยวจิ่วฮวาให้เดินไปพร้อมกับนาง เสี่ยวจิ่วฮวาจ้องมองมือนั้นของเสี่ยวเย่วหยาก่อนจะถอนหายใจออกมา ชาติก่อนก็เป็เช่นนี้ เสี่ยวเย่วหยามักจะคอยจับมือจับแขนนาง ทุกๆ คราที่ไปไหนพร้อมกันก็จะทำเช่นนี้ แต่ยามนั้นนางสลัดมือพี่สาวออก และชี้หน้าด่าว่าอย่าเสนอหน้าเข้ามาใกล้
ความรักและความห่วงใยที่เสี่ยวเย่วหยามีต่อนางไม่เคยน้อยลงเลยสักวัน
สองพี่น้องเดินมาหยุดที่ด้านหน้าเรือนใหญ่ของจวนตระกูลไป๋ เสี่ยวจิ่วฮวาพยายามจ้องมองใบหน้าของท่านอ๋องผู้นั้น แต่นางอยู่ห่างจากเขามาก จึงมองไม่ชัดเท่าใดนัก
แต่เหตุใดจึงรู้สึกคุ้นตาจังนะ?
เสี่ยวจิ่วฮวาขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปเอ่ยถามเสี่ยวเย่วหยา
"นี่เย่วหยา เ้าเคยเห็นใบหน้าของท่านอ๋องหรือไม่ เมื่อครู่ข้าได้ยินเหล่าคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์บอกว่าเขาเป็บ้าใบ้สติไม่ดี"
เสี่ยวเย่วหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบดึงเสี่ยวจิ่วฮวาให้เข้ามาใกล้นาง ก่อนจะกระซิบบางอย่างที่ข้างหู เสี่ยวจิ่วฮวายังไม่เคยชินจึงมีท่าทางเก้ๆ กังๆ ไม่น้อย
"เ้าอย่าได้พูดไปเชียว ข้าได้ยินเื่เล่าลือมาว่าท่านอ๋องผู้นี้มีนามว่าเติ้งิซี ที่เขาได้ตำแหน่งจวิ้นอ๋องเพราะสืบทอดตำแหน่งต่อมาจากบิดา อดีตจวิ้นอ๋องแต่ก่อนเก่งกาจและเชี่ยวชาญการรบมาก แต่เมื่อกลับจากสนามรบและปราบฏต่างแคว้นได้ก็ล้มป่วยและตายลง ตอนนั้นจวิ้นอ๋องคนปัจจุบันมีอายุสิบหกปีแล้ว ผู้คนเล่าลือกันว่าเขานี่แหละคือเทพาต่อจากบิดาของตน เขาออกรบทำศึกได้ชัยชนะต่อเนื่อง แต่เพราะตอนที่เข้าร่วมต่อสู้ในาครั้งสุดท้าย ได้ยินว่าเขาถูกศัตรูของฏใช้ธนูอาบยาพิษยิงเข้าที่หน้าอกฝั่งขวาของเขา และตกจากหลังม้าจนศีรษะได้รับการกระแทก เขารอดตายมาได้ แต่หลังจากนั้นก็กลายเป็ใบ้ สมองไม่ดี ได้หน้าลืมหลัง ออกไปที่ไหนก็ต้องมีคนคอยประคอง บางคราก็หัวเราะเล่นสนุกเหมือนกับเด็กน้อย"
เสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกใไม่น้อย แต่ทว่านางกลับครุ่นคิดเื่ราวบางอย่างขึ้นมา
จวิ้นอ๋องหรือ?
เหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักที่แต่จำไม่ได้
เสี่ยวจิ่วฮวาพยายามครุ่นคิด นางคิดถึงตอนที่หนีออกจากวังพร้อมพี่ชายพี่สาว พี่ชายพานางหนี แต่หลังจากนั้นนางจำไม่ได้ว่าพี่ชายจะพานางหนีไปรวมกับผู้ใด นางจำได้เพียงว่าท่านแม่และพี่สาวพี่ชายตายหมด ส่วนท่านพ่อก็ไม่ได้พบกันอีก หลังจากนั้นเติ้งเจี๋ยอดีตสามีของนางก็ถูกสังหาร แต่ใครเป็คนสังหารเขานางกลับจำไม่ได้ ภาพนั้นมันเลือนรางเสียเหลือเกิน
เหมือนว่าความทรงจำในชาติก่อนของนางจะลืมเลือนใครบางคนไป นางเองก็จำไม่ได้ว่าคนผู้นั้นคือใคร พยายามคิดเท่าใดก็คิดไม่ออก
เสี่ยวเย่วหยาที่เห็นว่าอยู่ๆ เสี่ยวจิ่วฮวาก็หน้าซีดเผือดจึงคิดว่านางป่วยหรือเกิดไม่สบายขึ้นมา จึงยื่นมือมาแตะหน้าผากของเสี่ยวจิ่วฮวา ก่อนจะเอ่ย
"อาจิ่ว เ้าเป็อันใด เหตุใดหน้าจึงซีดเผือดเช่นนี้เล่า"
เสี่ยวจิ่วฮวาหลับตาลงพลางขมวดคิ้ว ทุกครั้งที่คิดถึงเื่นี้นางจะต้องปวดหัวเหมือนจะหน้ามืดทุกครั้ง นางพยายามตั้งสติ ก่อนจะลืมตามามองเสี่ยวเย่วหยา เสี่ยวเย่วหยาที่เห็นอย่างนั้นก็สะดุ้ง ก่อนจะรีบเอามือออกมาจากหน้าผากของน้องสาวทันที เสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นอย่างนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาทันที
"ข้าไม่เป็อันใด คงเพราะหิวน่ะ"
"หิวหรือ ข้ามีขนมดอกกุ้ยเหลืออยู่ เ้ารับไปสิ"
เสี่ยวเย่วหยาวางขนมดอกกุ้ยใส่มือของเสี่ยวจิ่วฮวา ก่อนจะยิ้มตาหยี เสี่ยวจิ่วฮวาจ้องมองเสี่ยวเย่วหยา รู้สึกขอบตาเริ่มจะแดงระเรื่อขึ้นมาอีกแล้ว แต่ทว่านางกลับเงยหน้าขึ้นก่อนจะเอ่ย
"อืม ขอบคุณ"
เสี่ยวเย่วหยาแม้จะแปลกใจแต่ก็ดีใจไม่น้อย น้องรองไม่หาเื่นางนับว่าเป็เื่ดี แต่น้องรองที่เป็เช่นนี้ดูน่ารักมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก เื่เก่าก่อนนางไม่ถือสา ออกจะสงสารด้วยซ้ำที่เสี่ยวจิ่วฮวาต้องถูกเลี้ยงดูจากอนุจนกลายเป็คนมีปมในใจเช่นนี้
เสี่ยวจิ่วฮวากัดขนมดอกกุ้ยกินคำหนึ่ง ตอนนี้ผู้คนกำลังเข้าไปคำนับจวิ้นอ๋องใบ้คนนั้น นางได้ยินเสี่ยวเย่วหยาบอกอีกว่า มารดาของจวิ้นอ๋องผู้นี้เป็บุตรสาวของฮูหยินผู้เฒ่าไป๋ที่แต่งกับอดีตจวิ้นอ๋อง เสี่ยวจิ่วฮวาจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดเขาจึงมาที่นี่
เพราะเป็เครือญาติใกล้ชิดกันนี่เอง
ผู้คนแม้เบื้องหน้าจะเคารพนบนอบ แต่มีบางคนลอบดูแคลนเขา ฮูหยินผู้เฒ่าที่เห็นอย่างนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาทันที
"วันนี้ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน วันนี้งานเลี้ยงจบแล้ว ขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง"
ทุกคนในงานต่างรู้ดีว่าวันนี้งานเลี้ยงคงจบลงเพียงเท่านี้แล้ว จึงแยกย้ายกันกลับจวนของตนไป เสี่ยวจิ่วฮวาและเสี่ยวเย่วหยาเดินเข้ามาหามารดาของตนที่กำลังเอ่ยร่ำลาคนตระกูลไป๋อยู่ที่โถงใหญ่ ไป๋หล่างยังคงมองเสี่ยวเย่วหยาอย่างอ่อนโยนเช่นเดิม
"วันนี้ขออภัยที่บุตรสาวก่อเื่ หวังว่าทุกท่านจะไม่ถือสา"
"เสี่ยวฮูหยินกล่าวหนักเกินไปแล้ว ไป๋หล่างบอกข้าหมดแล้ว คุณหนูหลินน่ะก่อเื่ก่อนแล้วยังลงไม้ลงมือกับเย่วหยา โชคดีที่ได้คุณหนูรองเสี่ยวช่วยพี่สาวจึงไม่เจ็บตัวนัก จะว่าไปข่าวลือด้านนอกก็เชื่อถือไม่ได้เลยจริงๆ ดูสิ เย่วหยาและจิ่วฮวาก็ดูรักใคร่กันดี"
เสี่ยวฮูหยินไม่เอ่ยสิ่งใดเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอำลาและเดินทางกลับจวน ระหว่างนั้นที่เสี่ยวจิ่วฮวากำลังเดินหันหลังกลับ นางก็สบตาเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพ์ นางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น ใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ในใจครุ่นคิดเพียงแค่ว่า
เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที่แต่จำไม่ได้!!!
ด้านเติ้งิซีก็จ้องมองเสี่ยวจิ่วฮวาเช่นเดียวกัน เขาทำท่าทางเอียงคอมองนางราวกับเด็กน้อย ก่อนจะหัวเราะชอบใจออกมาและปรบมือเปาะแปะเหมือนกับเด็กๆ พร้อมกับชี้ไม้ชี้มือทำท่าเหมือนจะพูดกับนางอยากเล่นกับนาง ฮูหยินผู้เฒ่าจวนตระกูลไป๋ที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเอ่ยทันที
"ขออภัยที่ทำให้คุณหนูรองเสี่ยวใ ท่านนี้คือจวิ้นอ๋องเติ้งิซี พวกเ้ารีบพาท่านอ๋องกลับไปพักที่จวนเถอะ งานเลี้ยงจบแล้ว ของขวัญชิ้นนี้ข้าจะเก็บเอาไว้เป็อย่างดี ท่านอ๋องเดินเหินลำบาก พวกเ้าจะต้องดูแลเ้านายให้ดี!!"
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยกับนางจบก็หันไปเอ่ยกับคนที่ติดตามจวิ้นอ๋องมาต่อทันที เพราะเกรงว่าเติ้งิซีจะทำให้เสี่ยวจิ่วฮวาใ เสี่ยวจิ่วฮวาเอาแต่ครุ่นคิดจนลืมพิธีการมรรยาท เมื่อเห็นสายตาตำหนิของมารดานางจึงนึกขึ้นได้ และย่อกายคำนับจวิ้นอ๋องทันที
"ขออภัยที่หม่อมฉันเสียมรรยาทเพคะ"
เติ้งิซีเอียงคอมองนางอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มตาหยี และปรบมืออยู่เช่นนั้น จนกระทั่งมีคนรับใช้พากลับออกไป เมื่อคนไปแล้วเสี่ยวจิ่วฮวาจึงเดินทางกลับจวนพร้อมมารดาและพี่สาว ระหว่างทางนางเองกลับสงสัยในใจ ในเมื่อเป็เครือญาติกันเหตุใดต้องทำท่าทางเหมือนไม่อยากพบหน้า และยังเอ่ยวาจาไล่ทางอ้อมด้วยเล่า
หรือว่ารังเกียจที่เขาเป็เช่นนี้ จะโหดร้ายเกินไปแล้วกระมัง?
ด้านเติ้งิซีนั้นตอนที่เขากำลังจะเดินขึ้นไปบนรถม้า ก็หันกลับมามองเสี่ยวจิ่วฮวาอีกครา แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มตบมือเหมือนคนไม่รับรู้สิ่งใด แต่ในใจของเขากลับครุ่นคิด
เจอกันอีกแล้ว สตรีที่ข้าฝันถึงนางนั้น!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้