องค์หญิงหวายหนิงและฉีฟู่ฟางไม่เพียงแค่มาที่ห้องยาสำนักหมอหลวงเพื่อรอคอยกูเฟยเยี่ยนเท่านั้น แต่ทั้งสองคนยังมาทำธุระอีกด้วย
เมื่อเห็นแผ่นหลังของกูเฟยเยี่ยนจากไปไกลแล้ว ฉีฟู่ฟางก็แสดงสีหน้าเป็กังวล พลันเอ่ยถามเสียงเบา “องค์หญิง หม่อมฉันได้ยินมาว่ากูเฟยเยี่ยนช่วยชีวิตคนในค่ายของเฉิงอี้เฟย ความสามารถน่าจะมีอยู่บ้าง นาง…จะมองของสิ่งนั้นออกหรือไม่? ”
องค์หญิงหวายหนิงหัวเราะอย่างเ็า “แพทย์หญิงตัวน้อยคนหนึ่งจะมีความสามารถได้มากเพียงใดกัน? วางใจเถอะ ยาสมุนไพรชนิดนั้นหาใช่สิ่งที่ผู้คนธรรมดาทั่วไปจะมองออกถึงเบาะแส”
เมื่อได้ยินองค์หญิงหวายหนิงรับประกันเช่นนี้ ฉีฟู่ฟางก็วางใจลงไปเยอะ เนื่องจากองค์หญิงหวายหนิงเป็ผู้หาของชิ้นนั้นมา แต่ตัวนางเองเป็ผู้ออกหน้าจัดการเื่ราว องค์หญิงหวายหนิงถือว่าตนเองเป็ลูกสะใภ้ของตระกูลฉีมาตั้งนานแล้ว ครั้นอยู่กับฉีฟู่ฟางที่เป็ว่าที่พี่สามี องค์หญิงหวายหนิงจึงไม่วางมาดโอหังเลยแม้แต่น้อย นางดึงมือของฉีฟู่ฟางมาจับเอาไว้ พลางกล่าวอย่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ท่านพี่ฟู่ฟาง เดิมทีข้าคิดว่าจะต้องรอสามเดือนหลังจากนี้ถึงจะสามารถจัดการกูเฟยเยี่ยนได้! ในครั้งนี้ขอบคุณพี่มากที่ช่วยเหลือข้า”
“สามเดือน? สิบวันนางก็อย่าได้คิดเพ้อเจ้อ!” ฉีฟู่ฟางจริงจังขึ้นมาในทันที “องค์หญิง เื่นี้พัวพันไปถึงจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ไม่ว่าเื่ราวจะเล็กหรือใหญ่ พวกเราจะต้องไม่ให้บุคคลที่สามรับรู้เื่นี้เด็ดขาด! ”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ท่านพี่ฟู่ฟางวางใจได้เลย” ความสุขขององค์หญิงหวายหนิงล้วนปรากฏให้เห็นบนใบหน้า “วางใจได้เลย ข้ารับประกันว่าจะไม่พูดออกไป หลังจากที่เื่ราวสำเร็จแล้วก็จะไม่บอกท่านพี่ฉีอวี้ด้วย! ”
เมื่อมีการรับรองจากองค์หญิงหวายหนิง ฉีฟู่ฟางก็โล่งใจมากยิ่งขึ้น นางลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะถาม “องค์หญิง อาการประชวรของฮ่องเต้ทรงไม่รุนแรงใช่หรือไม่? ”
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาฮ่องเต้ได้ทรงว่าราชกิจ เพียงแต่ว่าหลังจากว่าราชกิจแล้วพระองค์ไม่พบปะขุนนางชั้นผู้ใหญ่เลยแม้แต่คนเดียว แม้ว่าแม่ทัพใหญ่ฉีและฉีอวี้จะไม่รีบร้อนในการยื่นเื่ร้องเรียน แต่ก็้าหยั่งเชิงท่าทีของฮ่องเต้ เพียงแต่ว่าหาโอกาสไม่ได้ตลอด แม่ทัพใหญ่ฉีแอบรู้สึกสงสัยว่าฮ่องเต้อาจจะไม่ได้เจตนาหลบหลีกไม่ให้พบ แต่เป็เพราะอาการประชวรเลวร้ายลงจริงๆ องค์รัชทายาททรงพระเยาว์วัย ถึงแม้ว่าจะมีจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยให้การปกป้อง แต่ถึงอย่างไรจิ้งหวางก็เพิ่งจะกลับมาได้เพียงแค่แค่สามปีเท่านั้น อำนาจยิ่งใหญ่ก็จริง ทว่ารากฐานยังไม่มั่นคง หากว่าฮ่องเต้ทรงมีอันเป็ไป สถานการณ์ของราชสำนักนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
ฉีฟู่ฟางเข้ามาในพระราชวัง แม่ทัพใหญ่ฉีจึงกำชับเป็พิเศษว่าจักต้องสืบข่าวถึงอาการขององค์ฮ่องเต้ให้ได้
องค์หญิงหวายหนิงไม่ได้คิดอะไรมากนัก นางทำหน้าบึ้ง กล่าวโทษออกมา “ล้วนเป็เพราะกูเฟยเยี่ยน อย่าว่าแต่ฟู่หวง [1] เลย แม้กระทั่งหมู่เฟย [2] ข้าก็ไม่กล้าที่จะไปพบ กลัวว่าพวกเขาจะบ่นข้าอีก เ้าบอกกับท่านพี่ฉีอวี้ว่าให้เขาวางใจได้เลย ต่อให้ฟู่หวงและหมู่เฟยจะทรงคัดค้าน ทว่านอกจากเขาแล้วข้าจะไม่แต่งงานกับผู้ใดทั้งนั้น! ”
ฉีฟู่ฟางยังจะถามต่อ ทว่าองค์หญิงหวายหนิงประคองนางขึ้นมากระซิบกระซาบอย่างสนิทสนม “ท่านพี่ฟู่ฟาง ที่นี่ไม่เหมาะกับการพูดคุย พวกเราไปคุยกันที่ตำหนักของข้ากัน วันนี้พี่อยู่เป็เพื่อนข้าที่ตำหนัก พวกเรานั้น ฮิๆ รอคอยดูฉากเด็ดด้วยกัน! ”
องค์หญิงหวายหนิงและฉีฟู่ฟางหลบหลีกผู้คนออกไปทางประตูด้านข้าง ์ทราบดีว่าพวกเขามาทำอะไรที่ห้องยาสำนักหมอหลวงและกำลังวางแผนร้ายอะไรอยู่
ในเวลานี้กูเฟยเยี่ยนถูกบ่าวยาพามาที่ห้องโถงใหญ่ด้านข้างของห้องนำส่งแล้ว
ทันทีที่เข้ามาด้านในกูเฟยเยี่ยนก็ได้พบกับแพทย์หญิงหนึ่งคน แพทย์ชายหนึ่งคน และโมะโมะผู้เฒ่าแห่งวังหลังกำลังตรวจสอบยา
สมุนไพรของห้องยาสำนักหมอหลวง ไม่ว่าจะเป็การหยิบจับต้มตุ๋นหรือว่าการนำออกไปส่ง ในแต่ละขั้นตอนล้วนต้องมีแพทย์หญิงหรือแพทย์ชายอย่างน้อยสองคน แพทย์ชั้นสูงอีกหนึ่งคน คอยตรวจสอบร่วมกัน ซึ่งมันไม่เพียงแค่ป้องกันการเกิดความผิดพลาดแล้ว แต่ยังควบคุม กันและกันอีกด้วย
กูเฟยเยี่ยนมองแวบเดียวก็จำแพทย์ชายผู้นั้นได้ แพทย์ชายผู้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็แพทย์ชายที่มอบห่อสมุนไพรปลอมและใบสั่งยาปลอมให้กับเ้าของร่างเดิมในคืนวันนั้น เขามีนามว่าเฉินซานหยวน นางไม่แน่ใจว่าห่อสมุนไพรปลอมกับใบสั่งยาปลอมในตอนนั้น ถูกสับเปลี่ยนเป็ของปลอมก่อนที่จะนำไปส่งมอบให้เฉินซานหยวนหรือไม่ แต่ว่านางก็ยังคงระวังตัวเอาไว้
เมื่อเห็นกูเฟยเยี่ยนเข้ามาเฉินซานหยวนและแพทย์หญิงรีบทิ้งโมะโมะผู้เฒ่าพลางก้าวเท้าพรวดพราดเข้ามาทันที
แพทย์หญิงนำห่อยาที่วางไว้ด้านข้างยกขึ้นมา เฉินซานหยวนเอ่ยอย่างสุภาพว่า “แพทย์หญิงกู ห่อยาของจิ้งหวางฝู่ถูกจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ข้าจะตรวจสอบพร้อมเ้าไปเลย”
กูเฟยเยี่ยนกล่าวเสียงสุภาพ “ไม่รีบร้อน พวกเ้าไปตรวจสอบงานที่อยู่ในมือก่อนเถอะ อีกสักครู่จะได้ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่”
เฉินซานหยวนไม่ได้ยืนหยัดต่อ กูเฟยเยี่ยนนั่งรออยู่ด้านข้าง หญิงสาวเหมือนจะเอ้อระเหย แต่ในความเป็จริงแล้วจุดสนใจล้วนกองรวมกันที่สมุนไพรที่อยู่บนโต๊ะ
ภายในห่อย่าวซ่านมีสมุนไพรเกือบสิบชนิด เฉินซานหยวนกับแพทย์หญิงทำการตรวจสอบสมุนไพรแต่ละชนิดพร้อมกับใบสั่งยา พวกเขาตรวจสอบทีละชนิดให้โมโมะผู้เฒ่าดู พร้อมกับกำชับข้อควรระวังในการต้มอย่างละเอียด ตัวอย่างเช่นสมุนไพรชนิดไหนควรต้มก่อน สมุนไพรชนิดไหนควรต้มทีหลัง สมุนไพรชนิดไหนจำเป็ที่จะต้องแช่ก่อน และสมุนไพรชนิดไหนสามารถต้มได้เลย เป็ต้น
กูเฟยเยี่ยนมองไปด้วยฟังไปด้วย ไม่ช้าก็ทำความเข้าใจตำรับยาย่าวซ่านนี้แล้ว ตำรับยานี้ช่วยในการบำรุงเื ทำให้จิตใจสงบ โดยทำการต้มร่วมกับแม่ไก่แก่ เป็ตำรับสมุนไพรที่ดีในการบำรุงร่างกายใน่เหมันต์ฤดู
โมโมะผู้เฒ่ารับห่อย่าวซ่านแล้วเดินออกไป ในที่สุดก็ถึงตาของกูเฟยเยี่ยน
แพทย์หญิงนำห่อยามาเปิดอ้าออก เฉินซานหยวนนำตำรับยาย่าวซ่านมามอบให้แก่กูเฟยเยี่ยนอย่างยิ้มแย้ม “แพทย์หญิงกู แม้ว่าเ้าจะสามารถตรวจสอบสมุนไพรเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง ทว่าตามกฎระเบียบแล้วยังต้องให้พวกเราสองคนตรวจสอบให้เ้าดู”
กูเฟยเยี่ยนพยักหน้าพลางชายตามองใบสั่งยาบนฝ่ามือเพื่อให้แน่ใจว่าใบสั่งยาแผ่นนี้จะตรงกับใบสั่งยาของโมโมะผู้เฒ่าที่เพิ่งจะได้รับไปเมื่อสักครู่นี้
ใบสั่งยาไม่มีความผิดปกติ ต่อมาก็ต้องดูว่าสมุนไพรนั้นจะมีความผิดปกติหรือไม่
เฉินซานหยวนกับแพทย์หญิงปฏิบัติขั้นตอนเดียวกันกับเมื่อสักครู่นี้ ทั้งสองคนทำการเปิดห่อสมุนไพรทุกห่อออก จากนั้นตรวจสอบร่วมกับใบสั่งยา รวมไปถึงกำชับข้อควรระวังกับกูเฟยเยี่ยน
กูเฟยเยี่ยนไม่เพียงแค่จะตรวจสอบสมุนไพรแล้ว แต่ยังวัดปริมาณโดยสายตาอีกด้วย ตำรับย่าวซ่านนั้นแม้ว่าจะง่ายดายมากแต่ว่าคนร้ายตัวจริงไม่ง่ายนี่นา! เขาสามารถใช้สมุนไพรหนึ่งชนิดมาทำลายใบสั่งยารักษาอาการอย่างเร่งด่วนของซูไท่อีเพื่อสังหารเฉิงอี้เฟยได้ ไหนจะยังสามารถเขียนจดหมายลับสุดยอดในใบสั่งยาเ่าั้ออกมาได้ คนร้ายตัวจริงจะต้องเป็ผู้เชี่ยวชาญและทำให้ยากที่จะป้องกันไว้ได้!
การตรวจสอบสมุนไพรผ่านมาแล้วหลายชนิด กูเฟยเยี่ยนก็ยังไม่พบว่ามีอะไรแปลกไป นางยังคงตั้งใจดูและตั้งใจฟัง
แพทย์หญิงเปิดห่อยาถุงเล็กต่อไป ในห่อยาห่อนี้มีโสมเล็กขนาดหนึ่งชุ่น [3] จำนวนสามต้น
“แพทย์หญิงกู นี่คือโสมเล็กขนาดหนึ่งปี ทั้งหมดสามต้น เป็ส่วนสำคัญของยาทั้งหมด และไม่สามารถตัดให้ขาดได้ โสมนี้ต้องนำไปยัดไว้ในท้องของแม่ไก่แก่ จากนั้นเย็บติดไว้ ในขณะที่ต้มไม่สามารถให้มันหลุดไหลออกมาได้ หลังจากที่ต้มเสร็จแล้วไม่ดื่มน้ำแกง ไม่กินเนื้อ กินเพียงแค่โสมเล็กสามต้นนี้เท่านั้น”
เฉินซานหยวนกำชับอย่างจริงจัง พร้อมกับนำโสมเล็กสามต้นยื่นมาให้กูเฟยเยี่ยน กูเฟยเยี่ยนมองอย่างจริงจัง ภายในใจบังเกิดเสียง “ตึกตัก” ขึ้นมา
์!
สมุนไพรสามต้นนี้คือโสมเล็กเสียที่ใด? เห็นได้ชัดว่านี่คือลิ่วตันซางลู่! คาดไม่ถึงเลยว่านางจะพบลิ่วตันซางลู่ที่นี่ อีกทั้งยังมีถึงสามต้น! ซางลู่ชนิดทั่วไปจะมีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงโสมเล็กมาก แม้ว่าผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญจะแยกแยะออกได้ยาก ทว่าผู้ที่เชี่ยวชาญจะทราบได้ในทันทีที่มองแวบเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ซางลู่ที่มีความล้ำค่าคือ “ลิ่วตันซางลู่” มันมีลักษณะคล้ายคลึงกับโสมแทบจะทุกประการ ยากที่จะแยกแยะเป็อย่างยิ่ง แม้ว่าจะเป็แพทย์ชั้นยอดก็อาจจะมองไม่ออก แม้กระทั่งยังมีแพทย์มากมายที่ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของ “ลิ่วตันซางลู่” หากไม่ใช่ว่าท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวเคยสอนเอาไว้ กูเฟยเยี่ยนก็จะไม่สามารถแยกแยะออกได้
ลิ่วตันซางลู่ล้ำค่าเป็อย่างยิ่ง หากใช้งานอย่างถูกวิธีมันจะเป็ยาชั้นสูง หากใช้งานผิดวิธีมันก็จะเป็พิษสำหรับคร่าชีวิตผู้คนได้! โดยวิธีการใช้งานที่เฉินซานหยวนได้กล่าวมาเมื่อสักครู่นี้ อย่าว่าแต่ใช้สามต้นเลย แม้แต่ครึ่งต้นก็สามารถทำให้ผู้คนถึงแก่ความตายได้แล้ว
คนร้ายตัวจริงลงมือแล้วจริงเสียด้วย!
“แพทย์หญิงกู โสมเล็กสามต้น ไม่ผิดใช่หรือไม่? ” เฉินซานหยวนยังคงประคองโสมเล็กสามต้นนั้นด้วยใบหน้าเอาจริงเอาจัง
——————————
เชิงอรรถ
[1] ฟู่หวง หมายถึง คำที่โอรสและธิดาเรียกพระบิดาผู้เป็ฮ่องเต้
[2] หมู่เฟย หมายถึง มารดาที่เป็พระชายาหรือพระสนม
[3] ชุ่น หมายถึง มาตราวัดของจีน มีค่าเท่ากับนิ้ว