ตอนที่ 149 สินเดิมลดครึ่งหนึ่ง
หัวหน้าตระกูลอวิ๋นโกรธจนอยากจะตบหน้าผู้เฒ่าอวิ๋นให้รู้แล้วรู้รอด น้องชายของเขาคนนี้ เหตุใดถึงได้ลำเอียงขนาดนี้?
“หูข้างไหนของเ้า ตาข้างไหนของเ้าที่ได้ยินได้เห็นว่าเจียวเอ๋อร์พูดออกมาเล่า? สาวใช้ปกป้องเ้านายผิดตรงไหน? อยู่ดีไม่ว่าดี วันๆ เอาแต่หาเื่ใส่ตัว”
เขาเบื่อหน่ายกับน้องชายคนนี้เต็มทนแล้ว ต่อหน้าคนนอก หัวหน้าตระกูลอวิ๋นพูดเช่นนี้ นับว่าไม่ให้เกียรติผู้เฒ่าอวิ๋นเลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่ศักดิ์ศรีภายนอก แม้แต่หน้าตาภายในก็ไม่มีเหลือ ผู้เฒ่าอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็หน้าเขียวคล้ำสลับซีดขาว แทบอยากจะมุดดินหนี
อวิ๋นเจียวเด็กคนนี้ ทำไมทุกครั้งที่มีนางอยู่ เขาต้องเป็ฝ่ายเสียเปรียบทุกที ผู้เฒ่าอวิ๋นมองอวิ๋นเจียวด้วยแววตาเคียดแค้น ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
เถาซื่อกับอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์นอนแผ่อยู่บนพื้น พื้นก็เย็นะเื แต่กลับไม่มีใครเข้ามาช่วยพยุงพวกนางให้ลุกขึ้น ตอนนี้เห็นว่าหัวหน้าตระกูลอวิ๋นกับผู้ใหญ่บ้านมาถึงแล้ว เถาซื่อก็เห็นช่องทางที่จะเอาตัวรอดได้ รีบลุกขึ้นยืนทันที
“พี่ใหญ่ ท่านต้องให้ความเป็ธรรมกับข้าและลูกสาวด้วย นางคนอกตัญญูเฉาซื่อมันมาตบหน้าพี่หญิงของมันก่อน พวกข้าแค่จะเข้าไปถามให้รู้เื่ ไม่คิดเลยว่าจะถูกสาวใช้ของอวิ๋นเจียวทำร้าย กระดูกกระเดี้ยวยายแก่เช่นข้าเจ็บไปหมด ไม่รู้ว่าหักตรงไหนบ้างหรือไม่”
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ก็ร้องไห้โวยวายตาม “ท่านลุงใหญ่ พี่สะใภ้สามจะฆ่าข้า ท่านต้องให้ความเป็ธรรมกับข้าด้วยนะเ้าคะ!”
อวิ๋นโส่วเย่าถลึงตาใส่นาง “ถ้าเ้ากล้าใส่ร้ายป้ายสีพี่สะใภ้เ้าอีก ระวังข้าจะฉีกปากเ้า!”
ด้วยความที่เพิ่งโดนโม่ซ่านทำร้าย อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์จึงไม่กล้าพูดจาไม่ดีใส่อวิ๋นเจียว จึงได้แต่พุ่งเป้าไปที่เฉาซื่อ แต่ไม่คิดเลยว่าจะไปทำให้อวิ๋นโส่วเย่าโกรธ
ในความทรงจำของนาง อวิ๋นโส่วเย่า พี่ชายคนที่สาม เป็คนซื่อสัตย์ พูดน้อย ทำแต่งานมาตลอด
เขากลับกลายเป็คนโเี้ขึ้นมา ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่พอนึกถึงอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ที่ต้องแต่งงานเข้าบ้านนาง ต้องได้รับความยินยอมจากนาง นางก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมา
เจียงต้าไห่เห็นว่าอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์กำลังจะพูดอีก จึงรีบขวางไว้ก่อน แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สาม เจวียนเอ๋อร์เป็คนพูดจาไม่คิด ท่านอย่าถือสานางเลย”
จากนั้นจึงเอ่ยต่อ “ในเมื่อพี่สามเชิญหัวหน้าตระกูลอวิ๋นกับผู้ใหญ่บ้านมาที่นี่แล้ว เช่นนั้นคงเป็เพราะเื่ของเหลียนเอ๋อร์สินะ ข้าเองก็ไม่ใช่คนเื่มาก แต่เื่ของเหลียนเอ๋อร์ ทุกคนก็รู้กันหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าข้ารังเกียจเหลียนเอ๋อร์ แต่เื่นี้มันเสื่อมเสียชื่อเสียง”
อวิ๋นโส่วเย่าแทบจะะโออกมา “เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือ เหลียนเอ๋อร์ถึงขั้นคิดสั้นะโน้ำตาย จะไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงได้หรือ?”
ก่อนหน้านี้มีคนในตระกูลอวิ๋นที่ว่องไว ไปขอยืมม้านั่งจากเพื่อนบ้านมาหลายตัว เชิญหัวหน้าตระกูลอวิ๋น ผู้ใหญ่บ้าน และผู้าุโคนอื่นๆ นั่งลง
ผู้เฒ่าอวิ๋นก็นั่งลงเช่นกัน เขาเคาะกล้องยาสูบบนเก้าอี้ ก้มหน้าลง เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เ้าสาม ในเมื่อเ้ามาที่นี่แล้ว แถมยังเชิญผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลมาด้วย เช่นนั้นก็คงอยากจะแก้ไขเื่ของเหลียนเอ๋อร์สินะ เื่นี้เราจะไม่พูดว่าใครถูกใครผิด อย่างไรเสียตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง แต่ท่าทีของพวกเ้าเช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะพูดคุยเื่ของเหลียนเอ๋อร์”
ได้ยินดังนั้น ไม่ว่าจะเป็เถาซื่อหรืออวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ต่างก็ยืดอกขึ้น ถูกต้อง หากอยากจะให้ลูกสาวได้แต่งงาน ก็ต้องแสดงท่าทีให้ดีหน่อย
แต่พออวิ๋นโส่วเย่าได้ยินเช่นนั้น กลับไม่โกรธ แถมยังหัวเราะออกมา เขามองผู้เฒ่าอวิ๋นแล้วเอ่ยถามว่า “เช่นนั้นท่านพ่อคิดว่า พวกข้าควรมีท่าทีเช่นไรหรือขอรับ? เหลียนเอ๋อร์เกือบตาย พวกข้าควรมีท่าทีเช่นไรเล่า? เชิญท่านพ่อพูดมา ลูกฟังอยู่!”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังต่อผู้เป็บิดา ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ หากไม่โง่ ก็คงได้ยินน้ำเสียงประชดประชันในนั้น
ผู้เฒ่าอวิ๋นกระแอมอย่างอึดอัดแล้วเอ่ยว่า “พวกเราเป็ครอบครัวเดียวกัน นั่งลงคุยกันดีๆ ตกลงกันดีๆ ไยต้องทำให้ความสัมพันธ์ตึงเครียดเช่นนี้ สุดท้ายคนที่ต้องเสียเปรียบก็คือเหลียนเอ๋อร์”
คนที่แต่งงานออกไปคือเหลียนเอ๋อร์ ต่อให้เจียงต้าไห่จะเป็ลูกเขย แต่เขาก็ไม่สามารถก้าวก่ายได้มากนัก ยิ่งเห็นท่าทีของอวิ๋นโส่วเย่าและเฉาซื่อเช่นนี้ เหลียนเอ๋อร์แต่งเข้าตระกูลเจียงจะสงบสุขได้อย่างไร?
อวิ๋นโส่วเย่าเอ่ย “เหลียนเอ๋อร์เกือบตายไปแล้ว ยังไม่เรียกว่าเสียเปรียบอีกหรือขอรับ?”
ผู้เฒ่าอวิ๋นถูกคำพูดของอวิ๋นโส่วเย่าดักไว้ได้แต่เปิดปากค้าง สุดท้ายก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์พูดอย่างไม่ยอมแพ้ “แต่ตอนนี้เหลียนเอ๋อร์ไม่ได้เป็อะไรแล้วนี่ ส่วนเทียนเป่าของพวกข้ายังนอนาเ็อยู่บนเตียง ยังลุกไม่ขึ้นเลย ผู้ใหญ่ทุกคนอยู่ที่นี่พอดี งั้นก็มาคุยกันให้รู้เื่ไปเลยดีกว่า”
เถาซื่อรีบพูดต่อ “เ้าสามเอ๋ย เ้าเป็ลูกที่เกิดจากท้องข้า แม่รู้ดีว่าเกิดเื่แบบนี้ขึ้นเ้าต้องเสียใจมาก แต่เื่มันเกิดขึ้นไปแล้ว จะทำอะไรได้อีก ตอนนี้เหลียนเอ๋อร์ปลอดภัยแล้วมิใช่หรือ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือคิดว่าต่อไปเหลียนเอ๋อร์จะใช้ชีวิตอย่างไร”
อวิ๋นโส่วเย่ามองเถาซื่อด้วยสายตาเ็า ราวกับกำลังมองคนแปลกหน้า ไม่ใช่แม่ของตน “เช่นนั้นท่านแม่ว่า ต่อไปนี้เหลียนเอ๋อร์ควรใช้ชีวิตอย่างไรเล่า?”
เถาซื่อกระแอม แล้วเอ่ยว่า “สำหรับลูกสาวแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือชื่อเสียง เหลียนเอ๋อร์ทำเื่แบบนี้ ชื่อเสียงของนางก็เสื่อมเสียแล้ว โชคดีที่เทียนเป่าเป็ลูกชายของน้องสาวเ้า พวกเราเป็ครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าอะไรก็ตกลงกันได้ง่าย ในความคิดของข้า เ้าก็เตรียมสินเดิมให้เหลียนเอ๋อร์มากหน่อย พวกเราสองผู้เฒ่าจะช่วยพูดให้เทียนเป่ารับเหลียนเอ๋อร์เป็ภรรยาเอง”
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์รีบพูดเสริมทันที “สินเดิมต้องไม่น้อยกว่าสิบหีบ และต้องมีสูตรเครื่องปรุงเม่าไช่ของพวกท่านมาด้วย หากไม่มีก็ไม่ต้องมาคุยกัน!”
คำพูดของเถาซื่อและอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ทำให้อวิ๋นเจียวอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ส่วนคนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่รอบๆ ต่างก็ซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา สินเดิมสิบหีบ อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์กล้าพูดออกมาได้อย่างไร
ในหมู่บ้านของพวกเขาตอนที่แต่งงาน เ้าสาวหลายคนมีเพียงชุดแต่งงานใหม่หนึ่งชุดกับห่อสัมภาระอีกหนึ่งห่อเท่านั้น หากเจอครอบครัวฐานะดีหน่อย ก็อาจจะมีสินเดิมหนึ่งหรือสองหีบ
ครอบครัวทั่วๆ ไป ไม่เรียกสินสอดก็ดีแค่ไหนแล้ว ช่างน่าขันนัก ยังจะเอาสูตรทำอาหารของคนอื่นอีก
“โอ๊ย พวกเ้าไม่รู้หรอก วันก่อนข้าไปตลาด เห็นหลานเอ๋อร์กับพวกพี่น้องขายเม่าไช่ หอมมากเลยล่ะ”
“ใช่ๆ ได้กลิ่นหอมมาแต่ไกล ขายดิบขายดีเชียวล่ะ!”
“ข้าเห็นคนจากร้านอาหารไปถามเื่สูตรเม่าไช่จากพวกเขาด้วย”
“จริงๆ เลยเชียว อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์นี่โลภมากนัก พอเปิดปากก็ได้ทีขอสูตรอาหารที่ทำให้ร่ำรวย”
“แล้วจะทำอย่างไรได้ล่ะ อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์เกิดเื่แบบนี้ ชื่อเสียงก็ป่นปี้แล้ว อยากแต่งงานก็คงยาก”
“อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ถึงได้ฉวยโอกาสตอนนี้ เรียกร้องจะเอาไงล่ะ”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นรอบทิศทาง หัวหน้าตระกูลอวิ๋นกับผู้ใหญ่บ้านได้ยินดังนั้นก็หน้าบึ้ง แต่เื่นี้เป็เื่ภายในของตระกูลอวิ๋น จะจัดการอย่างไรก็ต้องฟังความคิดเห็นของเ้าตัวก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นเื่นี้... ทางเดียวที่อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์จะรอดพ้นจากเื่นี้ได้ ก็คือการแต่งงานกับเจียงเทียนเป่า
ผู้ใหญ่บ้านจึงถามอวิ๋นโส่วเย่าว่า “โส่วเย่า เื่นี้น่ะ พวกเ้าสามีภรรยาคิดเห็นอย่างไร บอกมาเถิด”
เฉาซื่อไม่พูด เพียงแต่หันไปมองอวิ๋นโส่วเย่า อวิ๋นโส่วเย่ามองผู้เฒ่าอวิ๋นด้วยสายตาเ็า แต่ภายใต้แววตาเ็านั้น กลับมีความหวังอยู่ริบหรี่ เขาเอ่ยถามว่า “ท่านพ่อก็คิดแบบนี้หรือขอรับ?”
ผู้เฒ่าอวิ๋นหันไปมองเขาเช่นกัน ในใจรู้สึกเ็ป ลูกทั้งสองคนล้วนเป็ก้อนเนื้อก้อนเืของเขา แต่พอนึกถึงคำพูดของเจียงต้าไห่ นึกถึงเงินหนึ่งร้อยตำลึงที่เขาสัญญาไว้ สุดท้ายก็ทำได้เพียงเก็บความเมตตาสงสารเอาไว้
“ท่านแม่ของเ้าพูดถูก นี่เป็ทางเดียวที่เหลียนเอ๋อร์จะเลือกได้ สถานการณ์ของบ้านเ้าตอนนี้พ่อก็รู้ดี สินเดิมสิบหีบมันมากเกินไป พวกเ้าคงหาได้ไม่ทันเวลา พ่อตัดสินใจแล้ว เอาสินเดิมห้าหีบก็แล้วกัน น้องสาวกับน้องเขยของเ้าไม่เหมือนเ้ารอง พวกเขาเชื่อฟังคำพูดของพ่อ”