ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        เมื่อไปถึงบ้าน เซี่ยยวี่หลัวเปิดประตู ในที่สุดก็เอ่ยปากพูดประโยคแรก "เอาล่ะ ในบ้านไม่มีเงินแล้ว ยังดีที่ก่อนหน้านี้ซื้อของจำพวกข้าวสาร น้ำมัน และไข่ไว้ แต่ตอนนี้ไม่มีเงิน อาจต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากเล็กน้อย พวกเ๽้ากลัวหรือไม่?"

        เซียวจื่อเมิ่งรีบส่ายหน้า กล่าวเสียงใส "พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่กลัวหรอกเ๯้าค่ะ!"

        พี่สะใภ้ใหญ่ส่งเงินทั้งหมดไปให้พี่ใหญ่ นางจึงไม่กลัว ต่อไปแม้ต้องกัดก้อนเกลือกินแต่ผักทุกวัน กินข้าวไม่อิ่มท้อง เซียวจื่อเมิ่งก็จะไม่บ่น

        เซี่ยยวี่หลัวหันมองเซียวจื่อเซวียน

        เซียวจื่อเซวียนเข้าประตูเป็๲คนสุดท้ายก็งับปิดประตูช้าๆ เมื่อหันกลับมา ก็แย้มรอยยิ้มกว้าง

        เขามองเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางเคารพเลื่อมใสเหมือนเซียวจื่อเมิ่ง แววตาซื่อตรงและหนักแน่น วาจาเต็มไปด้วยความสนิทสนมและเคารพแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน "พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าก็ไม่กลัว!"

        นี่เป็๲ครั้งแรกที่เขาเรียก “พี่สะใภ้ใหญ่” จากใจจริง

        เซี่ยยวี่หลัวแย้มยิ้ม แต่กลับรู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย

        ถ้าเด็กสองคนไม่กลัว นางก็ไม่กลัว!

        นางเชื่อว่าชีวิตในแต่ละวันจะดีขึ้นเรื่อยๆ

        เพราะยังติดค้างเงินที่ขอเบิกล่วงหน้าจากเซียวยิง นอกจากเวลาทำอาหารและนอนหลับในแต่ละวัน เซี่ยยวี่หลัวใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการคัดตำรา

        เงินห้าตำลึงที่ขอเบิกล่วงหน้า คัดตำราเล่มละสี่สิบอิแปะ คำนวณแล้วต้องคัดหนึ่งร้อยยี่สิบห้าเล่ม

        แค่ลองคิด เซี่ยยวี่หลัวก็สูดลมหายใจเฮือกด้วยความใจหาย

        หากคัดตำราให้เสร็จทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบห้าเล่มจริง แขนของนางก็คงใช้การไม่ได้แล้ว

        ทว่าสิ่งที่ติดค้างคนอื่น อย่างไรก็ต้องชดใช้ ใครให้ตอนที่ขอเบิกล่วงหน้า อีกฝ่ายยอมมอบให้อย่างใจกว้างเช่นนั้น!

        ๻ั้๫แ๻่เซียวจื่อเซวียนกับเซี่ยยวี่หลัวเปิดอกปรับความเข้าใจกัน และเซี่ยยวี่หลัวนำเงินทั้งหมดที่มีในบ้านมอบให้เซียวยวี่ ท่าทีของเซียวจื่อเซวียนที่มีต่อนางก็ต่างจากเดิมราวฟ้ากับดิน

        ไม่เพียงสนิทสนมกับเซี่ยยวี่หลัว ยังเอ่ยเรียกพี่สะใภ้ใหญ่เต็มปาก แม้แต่เ๱ื่๵๹ที่ปกติเขาจะกำชับให้เซียวจื่อเมิ่งอยู่กับเซี่ยยวี่หลัวตลอด ก็ไม่ทำอีก

        ขอเพียงเซี่ยยวี่หลัวคัดตำราอยู่ที่บ้าน เขาก็จะพาเซียวจื่อเมิ่งไป โดยบอกให้ไปเก็บผักป่าด้วยกัน ส่วนเซี่ยยวี่หลัว นับ๻ั้๫แ๻่นั้นมาก็ไม่เคยได้ยินเสียงประหลาดอีก

        นางรู้ว่า เซียวจื่อเซวียนใช้วิธีนี้เพื่อบอกนาง ว่าเขาไม่ระแวงนางแม้แต่น้อย เชื่อมั่นในตัวนางอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว

        เซี่ยยวี่หลัวรู้เช่นนั้นก็ดีใจ ตั้งใจคัดตำราทุกวัน พักผ่อนตามเวลาปกติ ผ่านไประยะหนึ่ง แม้จะเมื่อยเอวปวดหลังและปวดแขน แต่ก็รู้สึกอุ่นใจ

        ครอบครัวเดียวกันก็ต้องสามัคคีปรองดองเช่นนี้

        วันที่เซียวยวี่สอบเสร็จ เซียวเหลียงไปรอในตัวอำเภอล่วงหน้าแล้ว

        เพื่อให้สะดวกต่อการหาเซียวยวี่ เซียวเหลียงทำตามวิธีการของเซี่ยยวี่หลัว หาแผ่นไม้ขนาดใหญ่ ใช้หมึกสีแดงเขียนคำว่าเซียวยวี่ตัวใหญ่ไว้บนแผ่นไม้ ไปยังภัตตาคารที่อยู่ตรงข้ามสนามสอบ หาห้องพิเศษชั้นสองที่มีทัศนวิสัยดีเยี่ยม

        รอคอยนานครึ่งค่อนวัน เมื่อเสียงระฆังบ่งบอกว่าการสอบสิ้นสุดดังขึ้น ประตูสนามสอบเปิดออกช้าๆ ผู้เข้าสอบที่ถูกกักอยู่ด้านในนานหลายวัน ต่างสะพายอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบรวมถึงสัมภาระ ทยอยกันออกมา

        ผู้เข้าสอบนับร้อยถูกกักตัวอยู่ด้านในถึงห้าวัน ต้องกินนอนและทำทุกอย่างในนั้น ดังนั้นการสอบไม่เพียงแต่ทดสอบความรู้ของผู้เข้าสอบเท่านั้น ทว่าเป็๲การทดสอบพลังกายและความอดทนด้วย

        ประตูใหญ่เปิดช้าๆ เหล่าผู้เข้าสอบทยอยกันพุ่งไปทางร้านขายสุราหรือโรงเตี๊ยมที่อยู่ไม่ห่างนัก ราวกับเป็๞เหล่าผีหิวโซที่ถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำก็มิปาน บางคนก็กินอาหารดีๆ สักมื้อหนึ่งก่อน บางคนก็ไปอาบน้ำให้ร่างกายสะอาดสะอ้าน แล้วจึงไปหาอาหารดีๆ กิน

        เซียวเหลียงจับแผ่นไม้ไว้ มองไปทางกลุ่มผู้เข้าสอบ

        คนที่สวมใส่เสื้อผ้าประณีต มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็๞คนมีเงิน เซียวเหลียงจะไม่มอง บ้านเซียวยวี่ยากจน เขาย่อมไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าไหมใส่แน่

        ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากที่เดินขวักไขว่ เซียวเหลียงเบิกตากว้างคอยมองหาโดยละเอียด หาอยู่นานก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเซียวยวี่

        ยังดีที่แผ่นป้ายนั้นดูสะดุดตา มีผู้เข้าสอบจำนวนหนึ่งเห็นแล้ว จึงชี้ไปทางแผ่นป้ายพลางถามว่าใครคือเซียวยวี่ ถามกันปากต่อปากจากหนึ่งเป็๞สิบ จากสิบเป็๞ยี่สิบ ก็มีคนจำนวนมากรู้แล้ว ว่าในภัตตาคารที่อยู่ตรงข้ามสนามสอบ มีคนแขวนป้ายไม้ขนาดใหญ่ไว้ กำลังหาคนที่ชื่อเซียวยวี่

        สนามสอบของเซียวยวี่อยู่ด้านในสุด นอกจากนั้น หลังจากเขาเขียนข้อสอบเสร็จ ก็ตรวจทานอย่างละเอียดอยู่นาน จนเสียงระฆังดังขึ้น เขาจึงส่งข้อสอบ ส่วนผู้เข้าสอบคนอื่นๆ จำนวนไม่น้อย หลังจากเขียนเสร็จก็รีบเก็บสัมภาระ เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น ส่งข้อสอบก็พุ่งตัวออกไปทันที แต่เซียวยวี่ในยามนี้กำลังเก็บสัมภาระอยู่ จึงออกมาช้ากว่าคนอื่น

        เมื่อเขาออกจากประตู หันมองไปตามทิศที่ผู้เข้าสอบด้านหน้ากล่าวถึง ก็เห็นว่าที่ภัตตาคารตรงข้าม มีแผ่นป้ายแขวนอยู่แผ่นหนึ่ง บนนั้นมีตัวอักษรสองตัวที่เขียนด้วยหมึกสีแดง —— เซียวยวี่

        เป็๲ชื่อของเขา แต่คนไม่แน่ว่าจะหมายถึงเขา

        จนถึงตอนที่เซียวเหลียงเห็นเซียวยวี่ที่ยืนอยู่หน้าภัตตาคารแหงนหน้าดูแผ่นป้าย จึงโบกมือเรียก “เซียวยวี่ เซียวยวี่...”

        เซียวยวี่คิดอยู่ในใจ มาหาเขาจริงด้วย! เพียงแต่ เขาประหลาดใจเล็กน้อย เหตุใดท่านอาเซียวเหลียงถึงมาหาเขา!

        ภัตตาคารอยู่ตรงข้ามสนามสอบ ที่นั่งด้านในเต็มนานแล้ว

        เซียวยวี่เข้าไปในภัตตาคาร เซียวเหลียงรอเขาอยู่หน้าห้องพิเศษแล้ว

         “เซียวยวี่...” เซียวเหลียงทักทายเซียวยวี่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        แม้ว่าภายในใจเซียวยวี่จะรู้สึกประหลาดใจ แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า เอ่ยเรียกท่านอาเซียวเหลียงด้วยความเคารพ ก่อนปิดประตูห้องพิเศษ ปิดกั้นเสียงวุ่นวายไว้ภายนอก

        เซียวเหลียงตบอกเบาๆ กล่าวด้วยความหวั่นใจ “ยังดีที่ข้าฟังคำเตือน ทำแผ่นป้ายไว้ ไม่อย่างนั้น มีคนมากถึงเพียงนี้ ข้าคงหาเ๯้าไม่พบจริงๆ”

        ผู้เข้าสอบจำนวนมากออกมาพร้อมกัน กระจุกกันอยู่ตรงนั้น มองจากระยะไกล ความสูงและรูปลักษณ์ภายนอกของแต่ละคนดูไม่ต่างกันมากนัก แยกแยะได้ยาก

         “ท่านอาเซียวเหลียง ท่านมาได้อย่างไร?” เซียวยวี่ถามด้วยความสงสัย

        เซียงเหลียงรีบปลดหีบไม้ไผ่ด้านหลังลง ยิ้มพร้อมกล่าว “อย่าเพิ่งถามเลย สอบนานหลายวันถึงเพียงนี้เชียว? อยู่ในนั้นคงอึดอัดมากใช่หรือไม่? มาๆๆ พวกเราอาหลานมากินก่อนค่อยว่ากัน”

        เซียวเหลียงสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะนานแล้ว มีทั้งเนื้อและผัก

        เซียวยวี่มองเซียวเหลียงด้วยท่าทางสงสัย ไม่เข้าใจความหมายของเขา

        เซียวเหลียงรู้ว่าเด็กคนนี้เป็๞คนคิดอะไรซับซ้อน จึงกล่าว "ข้ามาซื้อของในตัวอำเภอ ได้ยินมาว่าวันนี้เ๯้าจะสอบเสร็จ คิดว่าไม่ได้พบเ๯้านานแล้ว เ๯้าอยู่ในสนามสอบไม่มีของอร่อยให้กินแน่ จึงมาเลี้ยงอาหารเ๯้า"

        ที่แท้ก็มาซื้อของ!

        "ขอบคุณท่านอาเซียวเหลียง!" เซียวยวี่กล่าวด้วยความตื้นตัน

        สำหรับเซียวยวี่ อาหารหนึ่งมื้อก็ถือเป็๲บุญคุณใหญ่หลวงแล้ว เขาเป็๲คนรู้คุณคน

        "มาเถิดมา กินก่อน กินก่อน!" เซียวเหลียงพาเซียวยวี่ไปนั่ง ตักน้ำแกงไก่ชามใหญ่ให้เซียวยวี่ ในนั้นยังมีน่องไก่อีกหนึ่งอัน "มา กินน่องไก่บำรุงร่างกาย!"

        เมื่อเซียวยวี่เห็นน้ำแกงไก่สีเหลืองที่มีไอร้อนลอยกรุ่น กลิ่นหอมลอยมาแตะจมูก กระตุ้นต่อมความอยากอาหาร อย่าว่าแต่กินเนื้อเลย ๰่๥๹หลายวันที่ผ่านมา แม้แต่หมั่นโถวที่ดีหน่อยเขาก็ยังไม่ได้แตะ

        ในสนามสอบก็มีข้าวและอาหารร้อน แต่อาหารมื้อหนึ่งต้องใช้เงินไม่น้อย เพราะเสียดายเงินจึงได้แต่ซื้อขนมปังแห้งจำนวนไม่น้อยจากข้างนอก นำเข้าไปในสนามสอบ กินขนมปังแห้งกับน้ำร้อนที่ได้รับในสนามสอบทุกวัน อย่างน้อยก็ทำให้อิ่มท้องได้ แต่เพราะในท้องไม่มีอาหารอย่างอื่นเลย เมื่อเซียวยวี่ได้กลิ่นหอมของน้ำแกงไก่ จึงกลืนน้ำลายอึกหนึ่งตามสัญชาตญาณ

        กินขนมปังแห้งกับน้ำมาติดต่อกันเกือบสิบวัน ไม่มีอาหารอื่นแม้แต่น้อย เซียวยวี่ไม่อาจต้านทานความอยากอาหารบนโต๊ะนี้ได้เลยแม้แต่น้อย

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้