ไท่ไท่รองไม่ออกจากเรือนนานแล้ว ยากยิ่งนักที่จะออกมาอย่างวันนี้ แต่พอเห็นแม่หนูน้อยมาถึงก็ทำตัวโอ้อวด ก็รู้สึกแน่นอก จิตใจร้อนรนกระวนกระวายขึ้นก็ไม่ได้ลงก็ไม่ได้
ของแบบนี้เหตุใดถึงให้ฮูหยินผู้เฒ่าสวม ป้าสะใภ้รองอย่างนางก็้ามากเหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กเล็กเหมือนกัน คนอื่นประจบสอพลอแทบตายไม่เคยมีผลอันใด แต่นางเด็กเหลือขอซูเฉียวเยว่กลับได้ของขวัญมากมาย นึกมาถึงตรงนี้ก็ถลึงตาใส่บุตรสาวของตนเองอย่างแรง
หรงเยว่ไหนเลยจะไม่รู้ว่ามารดาของตนเองคิดอย่างไร นางมักเปรียบเทียบกับป้าสะใภ้ใหญ่และอาสะใภ้สาม แต่ไม่นึกบ้างว่าป้าสะใภ้ใหญ่มีชาติกำเนิดในตระกูลผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ ส่วนอาสะใภ้สามก็เป็บุตรสาวของตระกูลนักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งต้าฉี พวกนางไหนเลยจะเทียบเทียมได้
หรงเยว่ก้มหน้างุด
ส่วนเฉี่ยวเยว่กับชิงเยว่ต่างก็อิจฉาตาร้อน นางกระต่ายอ้วนตุ๊ต๊ะสมควรตายไปที่ไหนก็ประจบสอพลอจนเป็ที่รักใคร่ของทุกคน เพราะนางมีท่านตาที่ล้ำเลิศ กับท่านลุงผู้เก่งกล้าสามารถ แต่ละคนถึงดีต่อนางนัก
ต้องเป็เช่นนี้อย่างแน่นอน
สีหน้าที่แปลกไปของแต่ละคน ฮูหยินผู้เฒ่ากลับไม่เคยใส่ใจ นางสนใจแต่เฉียวเยว่หลานสาวสุดที่รัก ทว่าซูเยียนหรันซึ่งนั่งอยู่ข้างฮูหยินผู้เฒ่ากลับมองเห็นอย่างชัดเจน มุมปากของนางประดับรอยยิ้มเหยียดหยัน สมกับที่เป็บุตรอนุที่ไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้โดยแท้
จู่ๆ เฉียวเยว่ก็เงยหน้าขึ้น "ท่านอาเ้าคะ อีกสักครู่พวกเราไปเรือนสามด้วยกันดีหรือไม่?"
"อะไรนะ?" ซูเยียนหรันตกตะลึง
"ท่านอารูปโฉมงามสง่า ท่านแม่บอกว่าไม่รู้จะเลือกสีสันเช่นไรให้ท่านดี ดังนั้นให้ข้าพาท่านอาไปเลือกด้วยตนเอง ท่านอาไปเถอะ ไปเถอะนะเ้าคะ"
คิดอะไรได้ก็ต้องทำทันที หลังจากนั้นก็ลากซูเยียนหรันไปเรือนสาม
ไท่ไท่รองทนไม่ได้อีกต่อไป "โธ่เอ๊ย ยายหนูเจ็ดช่างเลือกที่รักมักที่ชังแท้ๆ ไม่เห็นเ้าจะปฏิบัติต่อข้ากับป้าสะใภ้ใหญ่ของเ้าเช่นนี้เลย"
"นั่นเพราะว่าข้าสามารถพบกับพวกท่านได้ทุกวัน พวกท่านก็อยู่ที่เดียวกับข้า อย่างไรเสียก็ต้องมีโอกาส แต่ท่านอาสองปีถึงจะกลับมาครั้งหนึ่ง พ้นปีใหม่นี้ไปก็ต้องไปยังสถานที่ห่างไกลมาก กว่าจะกลับมาอีกก็อีกสองปีข้างหน้า ไม่ได้เจอหน้ากับอีกแสนนาน ตอนนี้ข้ามีของดีก็ต้องนึกถึงท่านอาก่อน ถึงอย่างไรข้าก็ประจบสอพลอเก่ง ท่านพี่จ้านต้องมอบของขวัญให้ข้าอีกอยู่แล้ว เอาไว้ครั้งหน้าข้าค่อยส่งให้ป้าสะใภ้ใหญ่กับป้าสะใภ้รองก็ได้ ข้ารู้พวกท่านล้วนไม่ถือสาใช่ไหมเ้าคะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะขบขันอย่างอดไม่ได้ "ถึงเ้าจะไม่เขินอาย และรู้จักทำตัวน่ารักสอพลอเก่ง แต่เ้าจะขอสิ่งของล้ำค่าราคาแพงเช่นนี้จากอวี้อ๋องได้อย่างไร บิดามารดาเ้ามิต้องส่งของขวัญตอบแทนหรือ?"
ฮูหยินผู้เฒ่าบอกสะใภ้คนอื่นๆ ให้รู้อยู่เป็นัย ว่าสิ่งของจากเรือนสามใช่ว่าได้มาเปล่าๆ ต้องส่งของขวัญตอบแทน
เฉียวเยว่ยกมือน้อยๆ ขึ้นโบก ตอบอย่างฉาดฉาน "ท่านพี่จ้านไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเด็กน่าเอ็นดูเช่นข้าอยู่แล้ว"
ฮูหยินผู้เฒ่าจิ้มหน้าผากของนางด้วยความจนใจ "เ้าจะรู้อันใด"
เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ "ข้าไม่จำเป็ต้องรู้นี่เ้าคะ ข้ายังเล็ก รู้เพียงว่าทุกคนล้วนชอบข้าก็พอ อืม... ส่วนของขวัญตอบแทน ข้าจะทำของขวัญให้เขาหนึ่งชิ้น ไม่ต้องให้ท่านพ่อท่านแม่ส่งของขวัญตอบแทน นี่เป็เื่ระหว่างข้ากับท่านพี่จ้าน"
หลังจากนั้นก็ดึงซูเยียนหรัน "ท่านอาไปเถอะ ไปเถอะ ที่เรือนข้ามีลูกสุนัขด้วย ข้าจะพามันมาให้ท่านดู พี่จ้านเป็คนมอบให้ ท่านพ่อบอกว่าเป็สุนัขที่เ้าก้อนหิมะของไทเฮาคลอดออกมา"
ฟังมาถึงตรงนี้ ทุกคนต่างตกตะลึงขึ้นอีก แต่เฉียวเยว่กลับไม่สังเกตเห็น นางไหนเลยจะรู้ว่าเ้าก้อนหิมะมีความสำคัญต่อไทเฮามากเพียงไร
ลูกของเ้าก้อนหิมะส่งให้ผู้อื่นตามอำเภอใจได้ที่ไหนกัน
ซูเยียนหรันมองมารดาของตน ฮูหยินผู้เฒ่าอมยิ้มเอ่ยว่า "เมื่อเด็กมีน้ำใจ เ้าก็ไปหน่อยเถอะ"
ซูเยียนหรันตอบอื้อ ั้แ่นางกลับมา ยังไม่เคยไปเรือนสามสักครั้ง
หลายปีมานี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เฉียวเยว่เริ่มพูดไม่หยุดปาก "ท่านอา ข้าจะบอกอะไรท่านให้ บุคลิกเช่นท่านเหมาะสมกับอาภรณ์สีสันสดใสมากกว่า ท่านทราบหรือไม่เพราะเหตุใด?"
ซูเยียนหรันเลิกคิ้ว "เพราะเหตุใดหรือ?"
"เพราะเดิมทีท่านสวยสดงดงามตระการเช่นดอกท้อ แต่กลับสวมแต่เสื้อผ้าสีสันจืดชืด ทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าท่านเ็ามาก เมื่องดงามก็ควรเปิดเผย เหตุใดต้องเก็บงำเอาไว้ด้วยเล่า เหมือนเช่นข้า ข้าสวยที่สุด ข้ากล้าประกาศบอกใต้หล้า ให้ผู้อื่นได้รู้ถึงความงามและพร์ความสามารถของตนเอง"
เฉียวเยว่ะโโลดเต้น ร่าเริงสดใสเป็พิเศษ
ซูเยียนหรันทอยิ้มน้อยๆ "พี่สามกับพี่สะใภ้สามเลี้ยงเ้ามาดีจริงๆ"
เฉียวทำเสียงจิ๊จ๊ะ "เลี้ยงดีอันใดกันเล่า ตีเด็กก็เก่ง ข้าศึกษาเรียนรู้เอง ข้าเก่งมาก ท่านแม่... ท่านแม่ของข้าประเสริฐที่สุด ทั้งอ่อนโยนและงดงาม"
ไท่ไท่สามได้ยินเสียงเรียกท่านอาอย่างนั้น ท่านอาอย่างนี้มาแต่ไกล พอออกมาก็เห็นเ้าตัวน้อยกำลังนินทาพวกนางอยู่พอดี
ทว่าพอเห็นไท่ไท่สามปรากฏตัว เฉียวเยว่ก็รีบพาอ้อมไปคุยเื่อื่นทันควัน
ซูเยียนหรันเห็นนางทำตัวเป็ต้นหญ้าน้อยข้างกำแพง ก็หัวเราะขบขันอย่างอดไม่ได้
"ท่านแม่ ข้าพาท่านอามาแล้ว พวกเราให้ท่านอาเลือกแพรพรรณสักพับเถิด ท่านอาเอาไปตัดชุดสวมตอนปีใหม่คงจะสวยมาก"
ไท่ไท่สามเข้าใจความคิดของบุตรสาวตัวน้อยทันควัน หัวใจพลันรู้สึกอบอุ่น
เฉียวเยว่ดูเหมือนจะทำตัวเอาแต่ใจไร้เหตุผล แต่กลับทำให้สถานะของนางในครอบครัวมั่นคงยิ่งขึ้น หากมิใช่ว่าอิ้งเยว่ก็ฉลาดปราดเปรื่องมาก นางคงอดสงสัยไม่ได้ว่าบุตรสาวของตนเองจะถูกปิศาจจิ้งจอกสิงร่างหรือไม่
แต่เด็กสองคนล้วนเป็เช่นนี้ ฉีอันก็เป็เด็กน้อยที่ฉลาดเป็พิเศษไม่เหมือนเด็กวัยเดียวกัน นับวันนางยิ่งรู้สึกว่าบุตรทั้งสามฉลาดเกินไปเหมือนซานหลาง และนางก็เริ่มเคยชินกับความเฉลียวฉลาดของพวกเขาแล้ว
หลายปีมานี้ซูเยียนหรันไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับไท่ไท่สาม เมื่อมาเรือนสามเช่นนี้ ก็เกิดความกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง นางยิ้มน้อยๆ กล่าวทักทายเสียงเบา "พี่สะใภ้สาม"
"รีบเข้ามาเถอะ" ไท่ไท่สามกล่าว
ฉีอันอุ้มลูกสุนัขเข้ามาในห้องอย่างทะนุถนอมราวกับสมบัติล้ำค่า "ท่านอามาแล้ว ดูสิขอรับ นี่คือสุนัขน้อยของเฉียวเยว่ น่ารักมากใช่หรือไม่?"
เฉียวเยว่ไหนเลยจะไม่รู้ว่าฉีอันชอบมากแค่ไหน
"ไม่ใช่ของข้าคนเดียวเสียหน่อย แต่เป็ของพวกเราสามคนพี่น้องต่างหาก ข้าคนเดียวจะดูแลมันได้อย่างไร ข้ายุ่งมาก ต้องเรียนหนังสือ คัดอักษร ซ้ำยังต้องทำตัวน่ารัก ไม่อาจใช้เวลาทั้งหมดกับการดูแลสุนัขน้อยตัวหนึ่งได้ ดังนั้นนี่คือลูกสุนัขของพวกเราสามคน"
ฉีอันทำตาโต "ของพวกเราสามคนอย่างนั้นหรือ?"
เฉียวเยว่พยักหน้า "แน่นอนสิ ฉีอัน เ้าตั้งชื่อเก่งกว่าข้า เ้าตั้งชื่อให้มันดีหรือไม่?"
ฉีอันรีบพยักหน้า "ได้ ข้าจะตั้งให้เอง"
เขาลูบตัวลูกสุนัขสีขาว มันแลบลิ้นเลียมือน้อยๆ ของเขา ฉีอันหัวเราะออกมา "เรียกมันว่าเสี่ยวไป๋ดีหรือไม่?"
แล้วกล่าวเสริมอีกว่า "เมื่อเช้าท่านพ่อบอกว่าการตั้งชื่อต้องเรียบง่ายหน่อย มันถึงจะคุ้นชินเร็ว ขนของมันฟูฟ่องเป็สีขาว เรียกว่าเสี่ยวไป๋ได้หรือไม่?"
เฉียวเยว่ปรบมือ "เป็ชื่อที่เยี่ยมมาก เรียกมันว่าเสี่ยวไป๋นี่แหละ"
สองพี่น้องเรียกเสี่ยวไป๋ เสี่ยวไป๋ หยอกเล่นกับลูกสุนัข ซูเยียนหรันพลันเกิดความรู้สึกอิจฉา เดิมทีนางคิดว่าไม่มีบุตรก็ไม่เป็ไร บุตรมักไม่ค่อยเชื่อฟัง แต่เมื่อเห็นพวกเขาสองพี่น้อง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าหากมีบุตรน่ารักเฉลียวฉลาดเช่นนี้ก็คงจะดีมาก
แม้ว่าเฉียวเยว่จะดูเหลวไหลไปบ้าง แต่เื่สำคัญกลับไม่เคยเลอะเลือน นางสามารถแบ่งปันของขวัญของตนเองให้กับผู้อื่น สามารถแบ่งปันลูกสุนัขกับฉีอัน แม้ว่านางเองจะชอบมันมาก ก็ยังยินดีมอบสิทธิ์การตั้งชื่อให้กับผู้อื่น เด็กธรรมดาทั่วไปทำได้เสียที่ไหน
นางเอ่ยเสียงเบา "การมีบุตรช่างดีจริงๆ"
ไท่ไท่สามรู้ปมในใจของนาง จึงกุมมือของนางไว้ "สักวันต้องมีอยู่แล้ว"
ซูเยียนหรันเงยหน้าขึ้นมองนาง หลังจากนั้นก็ดึงมือออก พลางเอ่ยเสียงเบา "เห็นบอกให้มาเลือกแพรพรรณมิใช่หรือ?"
เฉียวเยว่ตอบทันควัน "ข้าไปล้างมือก่อน ข้าจะช่วยท่านอาเลือก"
เพราะมีเฉียวเยว่กับฉีอันอยู่ด้วย ประกอบกับเสียงร้องของเสี่ยวไป๋ ซูเยียนหรันกับไท่ไท่สามจึงปรานีปราศรัยต่อกันอย่างที่เห็นได้ยากยิ่ง ไม่เ็าเกินไปนัก ดูสมัครสมานกลมเกลียวกันดี จนกระทั่งซูเยียนหรันจากไปแล้ว ไท่ไท่สามก็มีน้ำตาซึม ดึงเฉียวเยว่มากอด "ขอบใจนะจ๊ะ เฉียวเยว่"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ ด้วยสีหน้างุนงง
"ความสัมพันธ์ของแม่กับท่านอาของเ้าไม่กลมเกลียวเช่นนี้มานานมากแล้ว เมื่อก่อนที่แม่กับนางยังไม่ออกเรือก็นับว่าเป็สหายสนิทสนมกันอยู่ แต่ต่อมา..."
กลับกลายเป็เื่ที่พูดยาก
เฉียวเยว่ไหนเลยจะไม่รู้ นางเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา "ข้าทราบเ้าค่ะ แต่ท่านแม่อย่าวิตกไปเลย ท่านอาเข้าใจทุกอย่าง ไม่ถือโทษโกรธเคืองท่านแม่เื่นี้แล้วล่ะ"
แท้จริงแล้วอีกสาเหตุหนึ่งที่นางพยายามสร้างความรู้สึกที่ดีกับท่านอาก็คือ กลัวว่าท่านอาจะไปพูดอะไรบางอย่างที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของท่านย่าที่มีต่อมารดานาง
แต่ถ้อยคำเหล่านี้ไม่จำเป็ต้องเอ่ยออกมาอีกแล้ว
"เสี่ยวไป๋ เสี่ยวไป๋ไป๋ เ้ามองข้า คนน่ารักๆ คนนี้ชื่อเฉียวเยว่ ส่วนคนที่อุ้มเ้าอยู่ชื่อฉีอัน เป็คุณชายน้อยที่หล่อที่สุดในเรือนของพวกเรา"
นางหันไปหยอกกับสุนัขราวกับเมื่อครู่นี้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งสิ้น
ฉีอันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก "เฉียวเยว่ก็เป็คุณหนูเล็กที่สวยที่สุดในเรือนของพวกเรา"
ฝาแฝดชมกันไปชมกันมา ไท่ไท่สามกลับไม่รู้สึกว่าทนมองไม่ได้ ในหัวใจรู้สึกอบอุ่นเป็พิเศษ
ครอบครัวอื่นไหนเลยจะมีบุตรที่น่ารักอย่างพวกเขาสองคน
ขณะที่ไท่ไท่สามอยู่ในอารมณ์ตื้นตัน ก็เห็นหลันหมัวมัวเดินเข้ามา สีหน้าดูผิดปรกติ
"มีอันใด?" ไท่ไท่สามเอ่ยถาม
หลันหมัวมัวชำเลืองมองเฉียวเยว่ "นึกดูแล้วก็กระซิบข้างหูไท่ไท่สามสองสามประโยค ไท่ไท่สามแทบจะหายใจไม่ออก ความอบอุ่นซาบซึ้งใจเมื่อครู่นี้เหือดหายไปในพริบตา
"ซูเฉียวเยว่" นางเอ่ยด้วยความโกรธ
ซูเฉียวเยว่แทบไม่เคยเห็นมารดาโกรธเคืองเช่นนี้ ก็หันมาอย่างงุนงง ทำตัวเรียบร้อยทันควัน "ท่านแม่!"
"เ้าตามข้ามา" ไท่ไท่สามสูดหายใจลึก
เฉียวเยว่ยังไม่เข้าใจนัก
"เ้าก่อเื่อีกแล้วหรือ?" ฉีอันถาม
เฉียวเยว่ส่ายหน้า "ข้าเป็เด็กว่านอนสอนง่าย จะเป็ไปได้อย่างไร"
นางตามไท่ไท่สามกลับห้องของตนเอง หัวใจพลันเต้นโครมคราม เื่ที่จะทำให้ท่านแม่บันดาลโทสะถึงเพียงนี้...
ทันใดนั้นก็อึ้งงัน
ซูซานหลางนั่งอยู่ข้างโต๊ะ บนโต๊ะเต็มไปด้วยขนม ยังมีที่แกะกล่องกินหมดไปแล้วหลายชิ้น
ทั้งหมดล้วนเป็ของที่นางซุกซ่อนเอาไว้
เฉียวเยว่ยกมือปิดหน้า "คราวนี้จบเห่กันแล้ว"
ซูซานหลางโกรธจนแทบสำลัก เ้าตัวเล็กของพวกเขาคนนี้ชักกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว ขนมเหล่านี้มาจากที่ใดก็น่าสงสัยมาก
ไท่ไท่สามชี้ไปที่ขนมบนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงดุดัน "ซูเฉียวเยว่ เ้าพูดมาให้ข้าฟัง เ้าไปเอาของเหล่านี้มาจากไหน?"
เฉียวเยว่เห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบคุกเข่าลง ทำตัวลีบอย่างน่าสงสาร
"ท่านพ่อ ท่านแม่ เป็ความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรซุกซ่อนของ ล้วนเป็ความผิดของข้า" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้