จ้าวจือจุ่นมีความคิดของตนเอง ซึ่งต่างจากความคิดของหลี่ชุนฮัว เขา้าใช้เื่นี้สร้างชื่อเสียงของตนให้ไกลออกไป
“ขอเรียนถามผู้ใหญ่บ้านฝู เมื่อครู่เอ่ยถึงเื่าแของพี่ชายข้านั้นเกิดจากการกระทำของจ้าวกวงหรือ?”
ฝูอันไม่กระจ่างเหตุใดเขาจึงต้องย้ำชัดเื่นี้อีกครั้ง “เื่นี้คือสิ่งที่ลั่วชีเหนียงได้ยินและได้เห็นมา ส่วนที่ว่าจริงหรือปลอมเกรงว่าคงต้องให้จ้าวจือชิงฟื้นมาก่อน จึงจะรู้”
ฝูอันไม่กล้าพูดแบบโจ่งแจ้งเกินไป เขารู้สึกว่าคนสกุลจ้าวมีความคิดประหลาดเกิน จุดสนใจของแต่ละคนหาได้อยู่ที่ตัวจ้าวจือชิงไม่
เมื่อได้ยินว่าจ้าวกวงคือผู้ร้าย ตาของหลี่ชุนฮัวถึงกับเป็ประกาย ดีที่จ้าวเหลยรับรู้ถึงความคิดของนางและรีบดึงสตินางไว้
“แม้เ้าจะมีความคิดไปขอเงินกับจ้าวกวง ก็จงปกปิดไว้ให้ดี!” จ้าวเหลยข่มขู่ด้วยเสียงต่ำ หลี่ชุนฮัวดูไม่ออกว่าจ้าวจือจุ่นมีความคิดอย่างอื่น แต่จ้าวเหลยกลับดูออก
ถึงจะไม่รู้ว่าลูกชายตั้งใจทำอะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถให้หญิงม่ายผู้หนึ่งมาทำลายแผนการได้
จ้าวจือจุ่นเดินวนอยู่ที่เดิมสองรอบ เหมือนกับทำการตัดสินใจอย่างหนักหน่วงก่อนจะเอ่ยอย่างยากเย็น
“รบกวนผู้ใหญ่บ้านฝูกลับหมู่บ้านก่อน ขอให้ท่านหมอช่วยรักษาพี่ข้า ครอบครัวเราจะต้องทวงความยุติธรรมให้พี่ใหญ่แน่!”
ฝูอันได้รับสารก็รีบกลับหมู่บ้านต้าสือทันที ส่วนคนสกุลจ้าวกลับตรงไปหาเื่จ้าวกวงแทน
......
ตอนนี้จ้าวกวงไม่กล้ากลับอำเภอเฉา เขาห่วงว่าตนทำงานไม่ดี แล้วยังเกือบถูกคนบังคับให้สารภาพ หากผู้อยู่เื้ัรู้เข้า ชีวิตต่ำต้อยของตนคงรักษาไว้ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้เพียงแค่หลบซ่อนอยู่ในบ้านเสื่อมโทรมที่หมู่บ้านชิงเหอ รอคอยให้คลื่นลมผ่านพ้นไปก่อน
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่พ้นครึ่งวัน เื่ราวก็ถูกเปิดเผย หลี่ชุนฮัวที่อยู่ตรงหน้าเอามือเท้าสะเอว เมื่อเห็นเขาก็ยื่นมือมาขอเงิน
“ทำร้ายลูกชายสติไม่ดีของข้า ยังไม่รีบจ่ายเงินมาอีก!”
หลี่ชุนฮัวอาศัยว่าสามีกับลูกชายของตนอยู่ด้วย จึงไม่ปกปิดความเหิมเกริมแม้แต่น้อย
สำหรับนิสัยโลภมากของหลี่ชุนฮัว จ้าวกวงได้ตระหนักรู้มานานแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่คิดจะยอมรับอะไรทั้งนั้น
เขาเอาสองมือกอดอก พร้อมกับทำหน้ารำคาญ ดวงตามองไปทางจ้าวเหลยที่อยู่ด้านหลังหลี่ชุนฮัว “จ้าวเหลย เ้าไม่ดูแลภรรยาเ้าเสียบ้าง หากเ้าไม่ดูแล ข้าก็ยินดีจะช่วยสั่งสอนนางสักหน่อย!”
เสียงที่กะล่อนและสายตาเ้าเล่ห์นั้นทำให้หลี่ชุนฮัวรับรู้ถึงความหมายในคำพูดของเขา ฉับพลันจึงขยับถอยหลังหนึ่งก้าวไปยืนด้านหลังสามีตน
จ้าวจือจุ่นปั้นหน้าบึ้งตึง เขาได้ยินชื่อเสียงปลิ้นปล้อนของจ้าวกวงผู้นี้มานานแล้ว คิดไม่ถึงว่าพอได้เจอ กลับได้รู้เห็นความไร้ยางอายของเขา
“ตอนนี้พี่ชายข้าเป็ตายไม่ทราบ เ้าควรไตร่ตรองสักหน่อยว่าตนเองจะต้องอยู่ในคุกนานเท่าใดดีกว่า!”
เดิมทีจ้าวจือจุ่นคิดอยากสืบรู้สาเหตุที่จ้าวกวงทำร้ายคนาเ็ แล้วค่อยไถเงินสักหน่อย เพราะถึงอย่างไรการเที่ยวเล่นกับสหายร่วมชั้น มีเงินมากก็ย่อมดีกว่า ตอนนี้มารดาของตนถูกิ่เกียรติ ขอเพียงเป็บุรุษที่มีเืเนื้อย่อมไม่อนุญาตให้เื่เช่นนี้เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่อยากตอแยกับคนไม่จริงใจเช่นนี้แม้แต่น้อย เขาตั้งใจจะส่งคนผู้นี้เข้าห้องขัง ฟ้องร้องเื่จงใจทำร้ายคน เช่นนี้ไม่ว่าจ้าวจือชิงจะเป็หรือตาย ก็ถือว่าเขาได้ทำหน้าที่พี่น้องอย่างเต็มที่
เดาว่าหลังจากเื่นี้ ตนจำต้องได้รับการบันทึกชื่อจากนายอำเภอหยางคนนั้นแน่ เขาลำบากดิ้นรนหาทางมานาน ตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้า จึงไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาด
หลี่ชุนฮัวเห็นว่าขอเงินไม่ได้ ลูกชายก็จะจากไป จังหวะนั้นจึงไม่กล้าอยู่ต่อเช่นกัน จ้าวเหลยเองก็จับทางความคิดของลูกชายไม่ถูกเช่นกัน จึงได้แต่ตามจ้าวจือจุ่นไป
......
ทางด้านหลิงชางไห่ที่เริ่มทำการรักษาจ้าวจือชิง กลับคิดไม่ถึงว่ากลางวันวันถัดมา กลับมีคนของทางการมาหาถึงที่
พอสอบถาม คนสกุลลั่วถึงรู้ว่าที่แท้คนสกุลจ้าวไปฟ้องร้องจ้าวกวง ตอนนี้ชีเหนียงเป็ผู้ช่วยชีวิต จึงกลายเป็พยานคนสำคัญและต้องไปเป็พยานในศาล ส่วนจ้าวจือชิงเองก็ต้องไปให้การเช่นกัน
เพื่อให้แน่ใจว่าจ้าวจือชิงาเ็สาหัสจริงๆ ทางการยังเชิญหมอมาเป็พิเศษ
หลิงชางไห่กำลังช่วยฝังเข็มให้จ้าวจือชิง ตอนนี้กำลังอยู่ใน่ขั้นตอนสำคัญ เข็มถูกฝังลงบนตำแหน่งกะโหลกศีรษะ ในตำแหน่งเสวียเว่ยและตำแหน่งเซินเฉี่ยน ล้วนผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย เสียงเคาะประตูที่เร่งรีบจากด้านนอก เกือบทำให้เขาคร่าชีวิตจ้าวจื่อชิงแล้ว
“เ้ารอง ไปเฝ้าคนไว้ ใครกล้าเข้ามา ก็จัดการโยนมันออกไป!”
หลิงชางไห่ะโด้วยความโกรธ ลั่วจิ่งซีรีบไปขวางหน้าประตูทันที
......
“ใต้เท้าท่านนี้ใช่ว่าข้าไม่ยอม แต่ท่านหลิงกำลังช่วยลุงจ้าวอยู่ด้านใน ซึ่งกำลังอยู่ใน่คับขัน ไม่อาจให้ถูกรบกวนได้จริงๆ ขอรับ”
ลั่วจิ่งซีขวางและอธิบายไปพลาง ไหลไหลน้อยก็มาช่วยขวางตรงหน้าประตู ไม่ให้พวกเขาเข้าไป
ลั่วชีเหนียงรู้ความหวังดีของเด็กๆ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่เหมาะสมจะเข้าไปจริงๆ
“ใต้เท้าทั้งหลาย การรักษาเริ่มไปได้นานแล้ว คาดว่าอีกประเดี๋ยวก็คงเสร็จสิ้น” ชีเหนียงพูดไปและนำของว่างกับชานมในบ้านออกมารับรอง “ตลอดทางทุกท่านคงลำบาก ดื่มชาพักผ่อนกันก่อนนะเ้าคะ”
......
ไม่นานนักหลิงชางไห่ก็ออกมาจากห้องด้วยใบหน้าโมโหอย่างมาก
“เร่งอะไรกัน? ไม่รู้หรือว่าเวลารักษา การถูกรบกวนเป็เื่ต้องห้ามที่สุด?”
หลิงชางไห่อารมณ์ร้อน สำหรับลั่วชีเหนียง เขาคอยโอนอ่อนให้ ส่วนคนของทางการที่กล่าวถึง เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้น้ำเสียงจึงค่อนข้างไม่พอใจ
ส่วนท่านหมอซุนคือ ท่านหมอที่ทางการพามาตรวจดูผู้รับเคราะห์ครั้งนี้ เมื่อครู่เขาคือคนที่้าบุกเข้าไป คำพูดนี้ของหลิงชางไห่เหมือนกับกำลังตบหน้าเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ในฐานะคนฝั่งต้นตระกูลของตู้ิเจวียน ซุนโหย่วเต้าย่อมเรียกได้ว่าสถานะไม่ธรรมดา ไม่เพียงแค่เป็หมอของศาลาว่าการ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็หมอประจำของจวนนายอำเภอ มีโรงสมุนไพรขนาดใหญ่ของตัวเองในอำเภอเฉา
“เหอะ การแพทย์ไม่ปราดเปรื่อง นิสัยยังขี้โมโหไม่เบา ข้าอยากดูเหลือเกินว่าตกลงเ้ามีความสามารถใดจึงกล้าจองหองเช่นนี้!”
ท่านหมอซุนเองก็ไม่พอใจ ส่งเสียงฮึ่มและเดินบุกเข้าไปในห้องผู้ป่วย เมื่อเห็นคนบนเตียงที่ถูกฝังเข็มเต็มตัว ในใจถึงกับตกตะลึงเล็กๆ!
นี่มันวิชาฝังเข็มรมยา! การรักษาแบบนี้ได้รับการกล่าวขานว่ามีเพียงหมอหลวงในเมืองหลวงจึงจะมีวิชานี้ นอกจากนั้นวิชานี้เหมือนจะมีเพียงท่านผู้นั้นที่ทำเป็ มี่หนึ่งที่ตนเองคิดหาหนทางทุกอย่างเพื่อคำนับคนผู้นั้นเป็อาจารย์ แต่กลับไม่ได้เห็นแม้กระทั่งโฉมหน้าของอีกฝ่าย เหตุใดตอนนี้จึงมีบุคคลผู้นี้อยู่ในหมู่บ้านต้าสือที่เล็กๆ ได้!
ท่านหมอซุนไม่เชื่อว่าหลิงชางไห่จะมีความสามารถเช่นนี้ จึงยื่นมือไปจับชีพจร ใบหน้าทรงกลมเ้าเนื้อถึงกับตกตะลึงขึ้นมา
การไหลเวียนของเืถึงขั้นถูกสะกดไว้ หากการรักษาถูกต้องเหมาะสม ไม่เพียงแค่จะช่วยดึงคนผู้นี้ออกจากประตูยมโลก แล้วยังสามารถขจัดอาการเจ็บป่วยนานหลายปีบนตัวคนป่วยได้ด้วย
ท่านหมอซุนเก็บความคิดดูแคลนไว้และมีใจหยั่งเชิง “ชายคนนี้สถานการณ์ค่อนข้างคับขันอันตราย ทว่าดีที่ช่วยไว้ทันการ ภายภาคหน้าบำรุงให้ดีจำต้องฟื้นฟูได้แน่ เพียงแต่ไม่ทราบว่าเขาน่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใด?”
ชัดเจนว่าคำพูดนี้ยอมรับการแพทย์ของหลิงชางไห่แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย่อหยิ่งอวดดี
ถ้าเ้าอยากรู้ ข้าต้องบอกเ้าทุกอย่างหรือไงกัน!
ท่านหมอซุนรู้ว่าท่าทีก่อนหน้าของตนทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ เพียงแต่ให้เขาที่อายุครึ่งร้อยต้องไปขอโทษก่อน เขาข่มทิฐิไม่ได้จริงๆ แม้คนของทางการเห็นท่านหมอซุนที่ได้รับการเคารพถูกปฏิบัติเช่นนี้ แต่พวกเขาเองก็ไม่กล้าล่วงเกินผู้เฒ่าท่านนี้เช่นกัน
ชีเหนียงรู้ว่าคนหลิงชางไห่โมโหร้าย จึงกระตุกแขนเสื้อของเขา
“ตอนค่ำจะทำหมูน้ำแดงที่ท่านอยากกินให้นะ รีบส่งพวกเขาไปได้แล้ว”
หลิงชางไห่ได้ยินดังนั้นดวงตาก็กลมโต “จริงหรือ?”
เห็นเขาดีใจเช่นนี้ ชีเหนียงก็ปกปิดรอยยิ้มมุมปากไว้ไม่อยู่ “จริงสิ!”
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้