ในเช้าวันเดียวกันนั้น อวิ๋นซีพาหวานหว่านกลับไปยังบ้านเดิมของนาง ทว่า สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ ตอนที่ไปถึงโรงหมออวิ๋นซานนั้น ผู้เป็บิดากลับพานางไปยังจวนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่ง้าเหนือประตูจวนมีป้ายที่ถูกเขียนว่า ‘จวนอวิ๋น’ แขวนติดไว้
เมื่ออวิ๋นซีเห็นแล้วก็รีบถามบิดาตนด้วยความใ “ท่านพ่อ ท่านซื้อจวนนี้มาั้แ่เมื่อใดกันเ้าคะ? ” บ้านเรือนสองชั้นแห่งนี้ว่างเว้นจากผู้อยู่อาศัยมานานแล้ว เมื่อก่อนนางเองก็เคยสงสัยอยู่ตลอดว่า เป็จวนของผู้ใดกัน เพราะโดยปกตินอกจากจะได้เห็นบ่าวรับใช้สองสามคนยืนเฝ้าอยู่นอกจวน ห้องหับประตูเรือนที่ด้านในก็ล้วนถูกปิดอยู่ทั้งวัน
“ซื้อมาั้แ่เมื่อสองสามปีก่อนแล้ว ตอนนั้นพ่อคิดไว้ว่าจะหาเขยแต่งเข้าให้เ้าสักคน เพราะหากทำเช่นนั้น พวกเราก็จะได้อาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกันได้ แต่ใครเล่าจะไปรู้ว่าเ้าจะแต่งให้หานอ๋อง ถึงแม้พ่อจะยังตัดใจไม่ได้ แต่ก็คงต้องปล่อยให้เป็เช่นนี้แหละ ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เ้าก็แต่งออกไปแล้ว ดังนั้น ทุกครั้งที่กลับมาบ้านเดิม เ้าก็คงจะขลุกอยู่ที่เรือนหลังของโรงหมอไม่ได้แล้ว มันไม่ดี พ่อจึงให้คนเก็บกวาดที่นี่ เพื่อรอวันที่เ้าอยากจะกลับมา คิดอยากจะมาเมื่อไรก็มาพักที่นี่ได้”
อวิ๋นซานมองดูบุตรสาวที่เขาเฝ้าปกป้องดูแลมาสิบห้าปี ก่อนจะยิ้มแย้มให้พลางลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง “อีกประการ หากวันใดเ้าหานอ๋องนั่นทำไม่ดีต่อเ้า เ้าก็กลับมาบ้านเรา กลับมาจวนอวิ๋นแห่งนี้ได้เลย พ่อจะเลี้ยงดูเ้าเอง”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็ฉีกยิ้มกว้าง จากนั้นจึงกอดแขนบิดาเดินเข้าจวนไป ถึงแม้์จะโหดร้ายพรากชีวิตคนในตระกูลเฉียวไปมาก แต่ก็ยังเหลือพี่รองและหวานหว่านไว้ให้ อีกทั้ง ตอนนี้ยังได้มอบบิดาที่ทั้งกายและใจทำเพื่อบุตรสาวให้นางอีกคน ถึงแม้ตัวนางจะรู้ดีว่า ตนช่างชั่วช้าน่าไม่อายที่ยึดร่างของเ้าของร่างเดิมไว้ และรับเอาความรักจากบิดาที่เ้าของร่างเดิมควรได้รับ
ถึงแม้จะรู้ตัวว่าชั่วช้าไร้ยางอาย แต่ก็ไม่นึกเสียใจในภายหลัง ทั้งยังนึกอยากจะขอบคุณฟ้าที่ให้ตนได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
“ได้เ้าค่ะ หากว่าวันใดเขารังแกข้าจริงๆ ข้าก็จะพาหวานหว่านกลับมาที่นี่ และนับแต่นั้นจะไม่ไปมาหาสู่กับเขาอีกจนวันตาย” อวิ๋นซียิ้มพลางมองไปรอบทิศ ที่นี่ปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้ไม่น้อย เมื่อพิศดูแล้วก็ไม่เลวนัก
เมื่ออวิ๋นซานได้ยินบุตรสาวบอกว่าจะพาหวานหว่านกลับมาด้วยกัน เขาก็อดมองเด็กน้อยที่เดินไปเดินมาในเรือนไม่ได้ จากนั้นจึงหัวเราะเสียงเบาแล้วพูดว่า “ดูท่า เด็กคนนั้นกับเ้าจะเข้ากันได้ดี”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็พยักหน้าอืมออกมาเสียงหนึ่ง “ท่านพ่อ ยามนี้นางคือบุตรสาวของข้าแล้ว ต่อให้วันหนึ่งจวินเหยียนจะทรยศข้าขึ้นมาจริงๆ ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยมือไปจากเด็กคนนี้อย่างแน่นอน”
แม้จะมีเื่ไม่เป็ดังใจมากมาย หรือมีถ้อยคำอีกมากที่ไม่อาจบอกอวิ๋นซานได้ แต่สำหรับหวานหว่าน ธิดาที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือน ชาตินี้ทั้งชาตินางจะไม่มีวันปล่อยมือ นางจะปกป้องดูแลเด็กคนนี้จนเติบใหญ่ เฝ้ามองหวานหว่านพบเจอชายคนรัก และรอจนกระทั่งสามารถฝากฝังอีกฝ่ายให้กับคนที่สามารถเชื่อถือได้ หรือชายที่ยินดีใช้ทั้งชีวิตเพื่อปกป้องบุตรสาวเพียงคนเดียวคนนี้ของนาง
ส่วนจวินเหยียนนั้น ถึงแม้จะตัดใจไม่ได้ แต่ก็รู้ดีว่าความตัดใจไม่ได้เหล่านี้มีที่มามาจากอะไร ในตอนนี้นางยังไม่ได้เตรียมตัวใดๆ เพื่อเผชิญหน้ากับความรู้สึกนั้น
“บุตรสาวของเ้า ก็คือหลานสาวของพ่อ หากว่าพวกเ้ากลับมาเมื่อไร มั่นใจได้ว่ามีพ่ออยู่จักไม่ทำให้พวกเ้าต้องหิวท้องแน่นอน” เขาพูดยิ้มแย้ม สำหรับเด็กน้อยหวานหว่านนั้น เขาเองก็ชอบมากเช่นกัน คนทั้งตัวเล็ก นุ่มนิ่ม น่ารัก คล้ายกับอาซีของเขาตอนเด็กๆ ไม่ผิดเพี้ยน
หวานหว่านชอบอยู่ที่จวนอวิ๋นมาก เพราะมีเตี๋ยชุ่ยคอยเตรียมของอร่อยๆ ให้นางเยอะแยะ ทว่าในระหว่างนั้นอวิ๋นซีกับอวิ๋นซานพากันไปนั่งสนทนากันที่ศาลา ทันทีที่นึกถึงฮูหยินลู่ขึ้นมาได้ นางก็รีบเอ่ยถาม “ท่านพ่อ ไม่กี่วันก่อนท่านได้ไปตรวจชีพจรให้ฮูหยินของนายอำเภอลู่มาหรือเ้าคะ? ”
อวิ๋นซานไม่ทันได้คิดก็รีบกล่าวตอบ “เปล่า เมื่อไม่กี่วันก่อนเป็เพราะต้องออกไปเก็บสมุนไพรด้านนอก เมื่อวานถึงเพิ่งจะกลับมาถึงนี่เอง แต่เหตุใดเ้าจึงถามเช่นนี้? หรือคนตระกูลลู่มาหาเื่เ้าอีกแล้ว? ” บุตรสาวและคนตระกูลลู่มีความบาดหมางกัน เื่เหล่านี้แน่นอนว่าเขาทราบดี ดังนั้น เมื่อได้ยินบุตรสาวถามถึงตระกูลลู่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะมากน้อยเขาก็อดเป็กังวลไม่ได้
อวิ๋นซีส่ายศีรษะแล้วจึงตอบเรียบๆ “เปล่าเ้าค่ะ เพียงแต่ลองถามดูเฉยๆ ” เป็จริงดังคาด เมื่อวานฮูหยินลู่พูดจาโป้ปด ดังนั้น นางก็พอจะเดาได้แล้วว่า คนย่อมต้องตั้งครรภ์แล้วเป็แน่ และหากเป็เช่นนี้จริงๆ ละก็ อีกไม่นานตระกูลลู่ก็คงได้ครึกครื้นจริงๆ แล้ว
อวิ๋นซานมองบุตรสาว และเป็นานถึงพูดขึ้น “หากมีเื่ใดเกิดขึ้น เ้าต้องบอกพ่อ ห้ามเก็บไว้คนเดียวเป็อันขาด” อาซีเป็เด็กเชื่อฟังและรู้ความมาแต่ยังเล็ก ด้วยเื่นี้เขามักจะรู้สึกปลาบปลื้มใจมาโดยตลอด ทว่า ตอนนี้อาซีแต่งออกไปแล้ว หากมีเื่ใดเกิดขึ้น แต่คนไม่ยินดีที่จะบอกเล่าให้ผู้เป็พ่อเยี่ยงเขาได้กังวล ในใจเขาก็คงจะเศร้าหมองและยิ่งเป็กังวลยิ่งกว่า
ตอนนี้เขาคิดเพียงว่า หากอาซีเป็เด็กดื้อดึงสักนิด ซุกซนสักหน่อย เขาก็คงจะมีโอกาสได้ปกป้องนางให้มากขึ้นอีกหน่อย ใช่หรือไม่
“ท่านพ่อเ้าคะ ท่านไม่ต้องเป็ห่วงอันใดเลยเ้าค่ะ เพียงแต่เมื่อคืนที่จวนอ๋องได้เทียบเชิญบรรดาขุนนางและพ่อค้าบางส่วนไปเป็แขก ทำให้ลูกได้เห็นว่า สุขภาพของฮูหยินลู่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทว่า ลูกทราบดีว่าท่านพ่อเป็หมอที่เก่งที่สุดในเมืองนี้ จึงใคร่รู้ว่า่นี้ท่านได้ไปตรวจดูอาการให้ฮูหยินลู่บ้างหรือไม่ หากว่าไปตรวจมาแล้ว ไม่ทราบว่าข้าจะสามารถสืบความใดเกี่ยวกับอาการของนางจากท่านพ่อได้บ้าง”
อวิ๋นซีคิดไม่ถึงว่า การที่ตนถามไปเช่นนั้นจะทำให้บิดาเกิดความกังวล ในใจนางอดไม่ได้ให้รู้สึกผิดอยู่หลายส่วน ด้วยเพราะเคยสูญเสียไป ถึงได้รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนล้ำค่าและได้มายากเย็นเพียงไร สำหรับนางแล้ว อวิ๋นซานถือเป็คนที่สำคัญมาก สำคัญมากจริงๆ
“ั้แ่เล็ก เ้าก็ไม่เคยทำให้พ่อต้องเป็กังวล จริงๆ แล้ว บางครั้งพ่อเองก็ไม่อยากให้เ้าต้องเติบโต และเป็เด็กน้อยที่รู้จักออดอ้อน รู้จักร้องไห้” เมื่ออวิ๋นซานได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็คล้ายจะวางใจลงได้
อวิ๋นซียิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงบอกความประสงค์ของการมาเยือนบ้านเดิมในวันนี้พร้อมทั้งมอบตั๋วเงินให้บิดา อวิ๋นซานมองตั๋วเงินหนาในมือก็ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่คงจะถึงสองหมื่นตำลึงกระมัง”
ในรอยยิ้มของเขามีความปลาบปลื้มใจแฝงอยู่หลายส่วน ไม่ว่ายามใดบุตรสาวของตนก็มีจิตเมตตาเช่นนี้เสมอ บุตรสาวคนนี้คล้ายกับนางมากจริงๆ หากว่านางยังอยู่ และได้เห็นบุตรสาวเช่นนี้ ก็คงจะดีใจมากใช่หรือไม่
“อืม หมื่นกว่าตำลึงนั้นเป็ของเหล่าคุณชายทั้งหลาย ส่วนอีกห้าพันตำลึงเป็ของท่านอ๋อง” อวิ๋นซีไม่เคยคิดจะพูดชมจวินเหยียน และครั้งนี้นางก็แค่พูดไปตามความเป็จริงเท่านั้น เพราะก่อนออกจากจวนมา จวินเหยียนได้มอบให้นางห้าพันตำลึง เพื่อให้เงินกองนี้รวมกันได้สองหมื่นตำลึงพอดี หลังจากนั้นนางจึงได้นำตั๋วเงินทั้งหมดมามอบให้บิดา
อวิ๋นซานแค่นเสียงเ็า “หานโจวเป็ดินแดนพระราชทานของเขา ดังนั้น สิ่งที่เขาทำทั้งหมดเหล่านี้ก็ล้วนเป็เื่ที่สมควรกระทำอยู่แล้ว หากว่าแม้แต่ประชาชนของตนก็ยังไม่คิดจะสนใจ แล้วใครเล่าจะมาสนใจแทนเขา”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินถ้อยคำเ็า นางก็ได้แต่ต้องกุมขมับตน ดูท่า ระหว่างบิดาตนและจวินเหยียนจะผูกความแค้นกันไว้ค่อนข้างล้ำลึกทีเดียว ถึงแม้นางจะรู้จักอวิ๋นซานได้ไม่นาน แต่อวิ๋นซานในความทรงจำก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นนี้ เพราะหากเป็ผู้อื่นมอบเงินแก่เขาสักสองสามพันตำลึง เพื่อให้นำไปซื้อยาแจกจ่ายแก่ชาวบ้านผู้ยากไร้ ไม่ว่าอย่างไรเขาจักต้องพูดแน่ว่า คนผู้นั้นเป็คนดียิ่ง
ในทางตรงกันข้าม เมื่อคนคนนั้นเป็จวินเหยียน ทุกอย่างกลับกลายเป็ว่า สิ่งนี้เป็เื่ที่คนควรทำอยู่แล้ว เอาเถิด หากจะพูดเช่นนี้ก็ไม่ถือว่าผิด เพียงแต่ท่าทีตอนที่ท่านพ่อพูดนี่สิที่ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร
“เมื่อกลับมาแล้วก็อยู่ให้นานหน่อยเถิด พอดีไม่กี่วันก่อนชีเหนียงเองก็กลับมาแล้ว เ้าชอบกับข้าวที่ชีเหนียงทำมาโดยตลอด ครานี้พ่อจักให้นางเตรียมไว้ให้เ้าสักหลายๆ อย่าง” อวิ๋นซานถือตั๋วเงินแล้วลุกขึ้นยิ้มพลางพูด
อวิ๋นซีครุ่นคิดอยู่รอบหนึ่ง ในที่สุดก็คิดออกว่า ชีเหนียงผู้นั้นคือใคร สตรีผู้นั้นก็คือคนที่ดูแลอวิ๋นซีมาจนโต ได้ยินว่าเป็สาวใช้ข้างกายของมารดา ซึ่งในตอนที่บิดามารดาหนีตามกันมาก็ได้พาชีเหนียงมาด้วย เพียงแต่เมื่อห้าปีก่อนเป็เพราะสุขภาพของสามีนางไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ท่านพ่อจึงให้นางกลับไปดูแลสามี
“สามีของนางไม่เป็อันใดแล้วหรือเ้าคะ? ” อวิ๋นซีถาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้