หลิวซานกุ้ยคิดดู ของแห้งครึ่งหนึ่งของตะกร้าสามารถแลกได้เงินหลายสิบอีแปะ และไม่้าให้บุตรสาวตนเองเหนื่อยเกินไป จึงเอ่ย “เช่นนั้นก็นั่งรถเข็นวัวไปเถิด”
หลิวเต้าเซียงได้รับความยินยอมจากเขาจึงไม่ปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม นางวางแผนจะนั่งรถเข็นวัวไปกลับอยู่แล้ว
หลิวเต้าเซียงเห็นว่าเวลาที่ไปตำบลนั้นยังเช้าอยู่ จึงหาร้านขายของกินจ่ายไปสามอีแปะ ซื้อซาลาเปาไส้หมูกินไปสองอัน รสชาติไม่เลว ตั้งใจว่าจะขายไข่แล้วกลับมาซื้ออีก
ทำอย่างไรได้ ขืนนางซื้อเนื้อหมูกลับไป คงต้องถูกหลิวเสี่ยวหลันและหลิวฉีซื่อรู้เข้าแน่นอน ยิ่งกว่านั้นยังมีหลิวซุนซื่อที่คอยจับตามองบ้านนางอยู่ เพราะอยากหาเบาะแสเล่นงาน
หลังจากกินซาลาเปาจนอิ่มและเห็นว่าเวลาพอสมควร จึงเดินเลี้ยวเข้าไปในตรอกแคบ ด้านหลังคือถนนที่มุ่งหน้าไปยังบ้านของแม่เฒ่าจาง
ร้านซาลาเปานี้นางตั้งใจเลือกเอง เนื่องจากทำเลร้านอยู่ห่างจากบ้านของแม่เฒ่าจางเพียงไม่กี่ก้าว
เมื่อเดินมาถึง บ้านแม่เฒ่าจางนั้นปิดไว้ ซึ่งตรงตามที่นาง้า
“เซียงเซียง เหตุใดเ้าจึงมาที่บ้านหลังนี้อีกแล้ว? แม่เฒ่าคนนี้จะ้าไข่กับแม่ไก่หรือ?” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดที่เลื่อนระดับ ก็ยิ่งมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์โจวมากยิ่งขึ้น
หลิวเต้าเซียงคำรามในลำคอเล็กน้อย แล้วตอบ “ไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไร?”
นางมีความมั่นใจกับไข่ของบ้านตนอย่างยิ่ง
“แล้วถ้าเขาไม่้าล่ะ?” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดยังคงกังวลเล็กน้อย
หลิวเต้าเซียงเลี้ยวเข้าไปตรอกแคบที่อยู่ระหว่างบ้านสองหลังอย่างคุ้นเคย แล้วล้วงไข่ออกมาหกสิบฟองจากทั้งหมดเก้าสิบสาม จากนั้นวางไว้ที่ชั้นล่างสุดของตะกร้า ส่วน้ายังคงใช้เห็ดหูหนูกับเห็ดหอมบังไว้ แล้วเอาแม่ไก่ตัวอ้วนออกมา ใช้เชือกมัดเท้าทั้งคู่ไว้อย่างดี ผูกกับข้างตะกร้า
“แม้ว่าบ้านเ้านายไม่้า นางก็้าอยู่ดี”
“คุณรู้ได้อย่างไร?” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดใ
มันจำได้ว่าเคยสแกนโฮสต์คนนี้ก่อนที่จะตกลงใจเลือก โลกใบนี้เป็โลกเล็ก ที่ธรรมดาทั่วไป ไม่มีเทพเซียนสถิตอยู่ แน่นอนว่าเื่นี้คือความลับ ตีให้ตายมันก็ไม่มีทางบอกกับหลิวเต้าเซียง
“นายจำหนที่แล้วได้ไหม เราเข้าไปในบ้านของนางแล้ว นายเห็นเล้าไก่หรือเปล่าล่ะ? อีกอย่าง นางกลับมาถึงบ้าน่เที่ยงทุกวัน เห็นทีคงอยู่เฝ้ากลางคืนที่บ้านเ้านาย กลางวันนอนหลับ นี่ยิ่งระบุชัดว่า นางไม่มีเวลาว่างมาเลี้ยงไก่”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดคิดไม่ถึงว่าหลิวเต้าเซียงจะใส่ใจรายละเอียดถึงเพียงนี้ จุดเด่นข้อนี้ดี มันยิ่งมีความมั่นใจว่าจะสามารถขัดเกลาเลี้ยงดูหลิวเต้าเซียงให้กลายเป็สาวชาวนาผู้ขยันหมั่นเพียรได้แน่
หลิวเต้าเซียงนั้นพูดไม่ผิด จริงตามคาด แม่เฒ่าจางเห็นแม่ไก่อ้วนตัวนั้นครั้งแรกก็ชอบ
“ข้ากำลังคิดอยู่เลยว่า หลายวันมานี้ไม่ได้ต้มน้ำแกงไก่บำรุงร่างกายเลย ช่างเป็อะไรที่กำลังง่วงนอนแล้วก็มีคนหยิบยื่นหมอนมาให้เสียจริง”
แม่เฒ่าจางยิ้มแล้วยื่นมือออกไปปลดไก่ที่ผูกอยู่ข้างตะกร้าของหลิวเต้าเซียง แล้วใช้มือลูบท้องไก่ตัวนั้น ยิ่งยิ้มจนไม่เห็นดวงตา “เดาว่าคงจะวางไข่อีก ไก่ตัวนี้ดีจริง”
หลิวเต้าเซียงรีบปีนสะพานที่ทอดมา “อื้อ เลี้ยงมาได้หนึ่งปีแล้ว หากไม่ใช่เพราะที่บ้านมีเื่ แล้วต้องใช้ไก่แลกเงิน ข้าก็คงทำใจไม่ได้ ไก่ตัวนี้กำลังอยู่ใน่วางไข่ ท่านป้า ดูสิ ไข่ในตะกร้านี้ ล้วนเป็ไข่ที่วางโดยแม่ไก่ตัวนี้”
นางถือโอกาสขายไข่ของบ้านตนเองเสร็จสรรพ
แม่เฒ่าจางคว้าตะกร้ามาดู มองเห็นเปลือกไข่จึงเอ่ย “เปลือกไข่นี่ไม่แวววาว น่าจะสดใหม่นะนี่”
หลิวเต้าเซียงคล้อยตามคําพูดของนางและถามว่า “ท่านป้า ้าสักหน่อยหรือไม่?”
แม่เฒ่าจางชอบใจ จึงยิ้มแล้วเอ่ย “เด็กเ้าเล่ห์มาไม้นี้ สมัยเด็ก ฉันเองก็ใช้ไม้นี้บ่อย”
นางไม่ได้พูดอย่างอื่น เพียงแต่รู้สึกว่าถูกใจนิสัยของหลิวเต้าเซียง “ข้าเห็นเ้ามาขายด้านหลังนี่ตลอด คงไม่สะดวกขายในย่านสินะ ช่างเถอะ ถึงแม้ข้าจะกินไม่ไหว แต่บ้านเ้านายข้า้าใช้ทุกวัน ข้าจะส่งไปให้ตาเฒ่าสามีข้า แล้วให้เขาเอาไปส่งบ้านเ้านาย ต่อไปหากเ้ามีไข่ ก็ส่งมาให้ข้าที่นี่ ข้าจะช่วยรับซื้อไว้”
“หืม ขอบใจท่านป้ายิ่งนัก” หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าแม่เฒ่าจางคนนี้น่าจะเป็คนวิ่งส่งของให้บ้านตระกูลใหญ่ ยิ่งมีความคิดอยากไปมาหาสู่กับนาง
ดังนั้น นางจึงผลักตะกร้าไปที่แม่เฒ่าจาง “ท่านป้า ท่านคิดแค่ค่าไก่กับไข่เถิด ส่วนเห็ดเหล่านี้ข้าเก็บมาจากบนูเา ไม่ได้มีต้นทุนอะไร ข้าขอยกให้ท่านป้าไปกินดีกว่า”
แม่เฒ่าจางได้ยินดังนั้นก็ยิ่งดีใจ บอกแล้ว เด็กคนนี้มีไหวพริบ ดูสิ เจรจาทำมาหากินเก่งนักเชียว
แม้ว่าจะมีของป่าในตะกร้าไม่เยอะ แต่ก็สดใหม่และสะอาด ตากได้แห้งพอดี หากว่าไปซื้อข้างนอก คงต้องจ่ายสิบกว่าเหรียญ
เพียงแต่เมื่อออกมาจากปากของหลิวเต้าเซียง ของที่ราคาสิบกว่าเหรียญก็ไม่มีค่าอะไร ทำให้คนที่รับไว้ก็ไม่ได้รู้สึกแย่นัก
“ตกลง ต่อไปเ้าส่งของมาที่นี่ได้เลย แม่เฒ่ารับไว้หมด หากมีไก่อีกก็จำไว้ว่าให้ส่งมาที่บ้านข้า” แม่เฒ่าจางยิ้มแย้มแล้วใช้มือซ้ายหยิบตะกร้าขึ้นมา มือขวาหิ้วไก่แล้วเดินเข้าไปในบ้าน
นางต้องชั่งน้ำหนักว่าไก่ตัวนี้หนักเท่าไร
ไม่นานนักก็ชั่งเสร็จเรียบร้อย
หลิวเต้าเซียงเหลือบมองไปที่ตราชั่ง ราวสองกิโลกรัมกับอีกแปดขีด แต่ไม่ส่งเสียง และไม่บอกว่าตนเองดูตาชั่งเป็ นี่คือสิ่งที่นางได้เรียนรู้จากเพื่อนบ้านตอนไปบ้านของยายที่บ้านนอก
แม่เฒ่าจางหันหลังไปวางบนตาชั่ง แล้วบอกกับหลิวเต้าเซียง “ทั้งหมดสองกิโลกรัมกับอีกแปดขีด ไก่ในตลาดทั่วไปราคาห้าสิบต่อหนึ่งกิโลกรัม ข้าขอคิดรวมกับไข่ว่าต้องให้เ้าเท่าไร”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าแม่เฒ่าจางคนนี้ใช้ได้ จึงรีบเอ่ย “เศษสามขีดที่เป็ขนนั้นปัดออกก็ได้ คิดจากราคาสองกิโลกรัมครึ่งก็ได้”
แม่เฒ่าจางตะลึง เมื่อเห็นนางทำหน้าแน่วแน่จึงไม่ฝืน แล้วเอ่ย “เ้าช่างเป็คนที่พูดง่ายทำง่าย ถ้าเช่นนั้นคงต้องเอาเปรียบเ้าแล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน”
หลิวเต้าเซียงขายไข่หกสิบฟองให้แม่เฒ่าจาง ได้มาเก้าสิบอีแปะ บวกกับไก่ตัวนั้นได้มาหนึ่งร้อยยี่สิบห้าอีแปะ ทั้งหมดรวมสองร้อยสิบห้าอีแปะ บวกกับอีกสองอีแปะที่เหลืออยู่ ตอนนี้ทรัพย์สินของนางอยู่ที่สามตำลึงเงินกับอีกสองร้อยสิบเจ็ดอีแปะ
นางนับเงินออมในใจอย่างรวดเร็ว เมื่อมองไปที่ตัวเลขเหล่านี้ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของหลิวเต้าเซียงนั้นรู้สึกถึงความงดงาม
ผลลัพธ์ก็คือ นางตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อซาลาเปาแอบไปกินที่บ้านยี่สิบลูก
พูดจริงทำจริง นางรับเงินมาสองพวงกับเศษอีกสิบห้าอีแปะ จากนั้นกล่าวลากับแม่เฒ่าจางโดยไม่รีรอ แล้วพุ่งตัวไปยังร้านซาลาเปา ซื้อซาลาเปาไส้หมูยี่สิบอัน
ในที่สุดก็เดินมาสู่หนทางที่มีเนื้อหมูให้กิน ดอกไม้บานสะพรั่ง!
หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลยสำหรับชีวิตของนางในสองเดือนนี้ หากไม่ใช่เพราะกระเพาะที่ยัดไม่ลง นางคงกินเข้าไปอีกสักสองลูก
“แม่สาวน้อย ซาลาเปายี่สิบลูก รับไว้ ทั้งหมดหกสิบอีแปะ”
หกสิบ หกสิบ…
ความสุขมาอย่างรวดเร็วและจากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
นางถอนหายใจขณะที่เอาเงินออกมา เงินมาเร็ว แต่จากไปเร็วกว่า
“เซียงเซียง สู้เขา ขยันทำงาน ตอนนี้คุณมีซาลาเปาให้กินแล้ว ชีวิตที่มีเนื้อปลาให้กินอยู่ไม่ไกลแล้วครับ” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดกำลังวางยา
หลิวเต้าเซียงที่กำลังเหี่ยวเฉาเมื่อครู่ ตอนนี้เืสูบฉีดทันใด
นั่นสินะ มีเนื้อหมูให้กินแล้ว เนื้อปลาก็คงอยู่ไม่ห่างนัก?
นางกำมือแน่น จะต้องพยายามเลี้ยงไก่ให้ดี
“สัตว์ปีศาจตัวน้อย ข้า้าแลกข้าวสาร” หลังจากใช้ไปหกสิบเหรียญอย่างวู่วาม กำลังคิดว่าจะตอบแทนมารดาอย่างไรดี
“เท่าไรครับ ไข่สี่ใบแลกได้ครึ่งกิโลกรัม ไม่แพงนะครับ เซียงเซียง ข้าวสารที่ของคุณต้องจ่ายถึงสิบสองอีแปะเชียวนะครับ” สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดคิดอยากจะสอยไข่ของหลิวเต้าเซียงที่เก็บไว้
“ขอลองแลกสักหนึ่งกิโลกรัมครึ่งก็ได้ นายว่า หากฉันเปลี่ยนไข่เป็ข้าวสารหมด แล้วเอาไปขาย คงได้เงินเยอะกว่าใช่ไหม?” คราวนี้หลิวเต้าเซียงมองเห็นแต่หนทางทำเงิน
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดดูแคลนนางอย่างยิ่ง ลำพังเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบจะทำได้หรือ?
ช่างเถิด มันตัดสินใจไม่สร้างความกังวลใจให้หลิวเต้าเซียง
“เซียงเซียง พยายามเติบโตเข้านะครับ รอจนคุณเติบใหญ่ คุณคงเก่งกาจมากแน่นอน”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดถือว่านี่เป็การปลอบนาง
ส่วนหัวใจของหลิวเต้าเซียงกลับมีแต่คำด่าหยาบคายหามารดามากมาย
หลังจากซื้อซาลาเปาเรียบร้อย ก็ไม่มีเื่อะไร เมื่อมองดูพระอาทิตย์บนฟ้า หากกลับไปตอนนี้อาจจะเร็วเกินไปหรือไม่?
วันนี้เป็ตลาดนัดใหญ่ หลิวเต้าเซียงแบกตะกร้าขึ้นหลังแล้วเดินในย่าน เพราะอย่างไรก็ตามของกินนั้นมีแล้ว หิวก็ไปขอน้ำดื่มตามร้านอาหาร
เตร็ดเตร่จนตะวันเริ่มคล้อยไปทางทิศตะวันตก
ขณะนี้ใบหน้าของนางกำลังอ่อนล้าเต็มที ราวกับว่าทำงานมาอย่างหนักหน่วง จึงเดินไปที่ปากทางเข้าตำบลอย่างอ่อนแรง
ถูกต้อง นางเหนื่อยอย่างแท้จริง จากการเที่ยวเล่น
นางััอ้อมอกตนเอง อืม ครอบครัวยากจนเกินไป นางจึงซื้ออีกเพียงเชือกมัดผมสองฟุตให้ตนเองกับหลิวชิวเซียงกลับมา
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็เป็เวลาที่ใกล้ถึง่ทำอาหารค่ำพอดี
หลังจากควักเงินจ่ายให้ลุงหวัง จึงแบกตะกร้าแล้วเดินกลับบ้านอย่างอ้อยอิ่ง
ทันทีที่มาถึงประตูบ้านก็ถูกหลิวชิวเซียงคว้าตัวไว้ “เหตุใดเ้าเพิ่งกลับมา ข้าร้อนใจจะแย่”
“ท่านพี่ เรากลับเข้าห้องแล้วค่อยคุย”
ดวงตาของหลิวชิวเซียงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีอะไรดีๆ สินะ!
หลิวชิวเซียงไม่พูดให้มากความ ดึงนางไปทางห้องปีกตะวันตก ขณะวิ่งเหยาะๆ ไปก็มองไปทางลานบ้านทั้งสองฝั่งอย่างระมัดระวัง
หลิวเต้าเซียงรู้สึกเหมือนตนเองคือหนูน้อยที่วิ่งผ่านตรอกซอกซอย?
หลิวชิวเซียงดึงนางเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว “มาเถิด เข้าไปคุยในห้อง”
ทั้งสองมาถึงคั่งที่จางกุ้ยฮัวกับหลิวซานกุ้ยใช้นอน หลิวชิวเซียงรับตะกร้าจากนาง ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “เหตุใดจึงหนักเช่นนี้?”
“ท่านพี่ ท่านว่าข้าสวยหรือไม่?” หลิวเต้าเซียงไม่ได้สนใจคำถามของนาง เพียงแต่ถามกลับ
หลิวชิวเซียงคว้าตัวนางแล้วมองดูซ้ายขวา และตอบว่า “เ้าลิงผอมโซหนึ่งตัว”
มีพี่สาวที่ไหนที่เสียดสีน้องสาวเช่นนี้ ช่างเป็พี่ที่ไม่น่ารักเสียเลย
หลิวเต้าเซียงโต้กลับว่า “จะเป็ไปได้อย่างไร ข้าต้องสวยมากแน่ มิเช่นนั้น คนรวยเ่าั้้าคนทำงานให้ เหตุใดจึงเรียกแต่ข้าทุกครั้ง?”
หลิวชิวเซียงคว้าตะกร้ามาดูอย่างใจจดใจจ่อ ใบหน้าตื่นเต้นทันใด ซาลาเปาขาวอวบมากมาย ไม่รู้ว่าหวานหรือไม่
ั้แ่เด็กคนนี้ได้กินพุทราจีน ก็นึกถึงรสชาติหวานอยู่ตลอดเวลา
เมื่อได้ยินคําถามของหลิวเต้าเซียง นางอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “เ้าอาจจะยังเด็ก แต่กลับทำงานเก่ง นี่จึงเข้าตาบรรดาหญิงสาวบ้านคนรวย นี่ ได้ข้าวสารกลับมาด้วยหรือ?”
“เดิมที ข้าได้ของตอบแทนกลับมา คิดว่าซื้อเนื้อหมูกลับมาแอบกินไม่ได้ แต่เราจะไม่กินเนื้อเลยก็ไม่ได้ พอได้กลิ่นเนื้อหมูแล้วก็น้ำลายไหล ถึงอย่างไรก็เป็เงินที่ข้าหามาได้ จึงตัดใจซื้อซาลาเปากลับมา ต่อมาคิดดู ข้าเองช่างโง่เขลา เหตุใดจึงนึกไม่ได้ว่าต้องซื้อข้าวสาร ดังนั้นข้าจึงไปหางานช่วยส่งจดหมายในตำบล เนื่องจากค่อนข้างไกล ข้าจึงใช้การวิ่ง จากนั้นเมื่อปลายทางได้จดหมายก็ดีใจยิ่งนัก และให้ค่าแรงกลับมาเล็กน้อย”
-----
