อาหนูไม่ได้ตั้งใจพูด แต่หลิ่วจิ้งกลับฟังว่านางมีเจตนาไม่บริสุทธิ์จึงบอกเพียงว่า “ไม่รู้ว่าผู้ใดเอาของว่างมาทิ้งกระมัง”
เมื่อครู่นี้อาหนูพอจะได้ยินคำพูดที่อวี้จิ่นและหลิ่วจิ้งคุยกันบางส่วนพอได้ยินหลิ่วจิ้งพูดอย่างมีนัยยะ นางจึงพอจะจับประเด็นได้แล้ว พลันคิดว่านางจ้าวไม่รู้จักดีชั่วจนถูกตนเองบังเอิญจับได้แล้วมิใช่เพราะฟ้ามีตาให้โอกาสตนสั่งสอนนางแล้วจะเป็เื่อื่นใดไปได้?
นางมิได้ปิดบังความพึงพอใจ แสร้งพูดไปว่า“วันนั้นพี่หญิงสละชีวิตช่วยข้าไว้ น้องจดจำไว้ในใจเสมอมาคิดแต่จะมาขอบคุณพี่หญิงสักคำอยู่ทุกคืนทุกวันแต่น่าชังนักที่มีคนใช้อำนาจข่มเหงคน จนข้าไม่ได้ไปขอบคุณท่านเสียทีน้องช่างไม่รู้ดีชั่วเสียจริง ขอพี่หญิงอย่าได้ถือโทษเลยนะเ้าคะ!”
หลิ่วจิ้งจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคนที่อาหนูเอ่ยถึงคือนางจ้าวคิดว่านางมีความแค้นกับนางจ้าวล้ำลึกนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยสำทับ เพียงยิ้มจางๆกล่าวว่า “น้ำใจของน้องหญิงข้ารับเอาไว้แล้ว ล้วนเป็พี่น้องบ้านเดียวกัน ไยต้องเกรงใจเช่นนี้”
พูดจบก็ยกมือขึ้นมากุมขมับ ทำทีว่าอ่อนล้า กล่าวว่า“ออกมาก็ได้ครึ่งวันแล้ว หลายวันมานี้เสียงแมลงดังระงม ข้าจึงไม่ได้พักผ่อนดีๆคงไม่อยู่คุยกับเ้าต่อแล้ว”
อาหนูเห็นว่าหลิ่วจิ้งไม่มีใจจะสนทนากับนาง ในใจยังไม่ยอมเลิกรา มองดูแผ่นหลังหลิ่วจิ้งเดินออกไปไกลพลันเอ่ยขึ้นว่า “สาวใช้ข้างกายพี่หญิงมีไหวพริบรอบคอบไม่เหมือนเป่าจุ้ยเอ๋อร์ของข้าที่โง่เง่านักจึงถูกไล่ออกจากจวนไปแล้วพี่หญิงดูแลปกป้องตนเองได้อย่างดี แต่ท่านไม่คำนึงถึงคนรอบกายบ้างหรือเ้าคะ! นางจ้าวอาศัยว่าตนตั้งท้องจึงวางอำนาจข่มเหงคนไปทั่วเวลานี้ยังรังแกกันถึงเพียงนี้ วันหน้ายามเด็กออกมาแล้วเป็ชายจริงๆยังจะเหลือที่ให้ท่านกับข้าซุกหัวนอนอีกหรือเ้าคะ?”
แม้เสียงของอาหนูจะไม่ดัง แต่ล้วนพัดมาตามลมบางเบาเข้าไปในสมองของหลิ่วจิ้ง
นางคิดว่าคำพูดของอาหนูไม่มีตรงใดที่ผิดสักนิดแต่ไม่รู้ว่าที่นางมาชี้แนะตนในวันนี้มีจุดประสงค์ใด? ตนต้องระวังให้ดีอย่าได้ถูกหลอกใช้ให้ทำเื่โง่ๆ เด็ดขาด
เพียงพริบตากลิ่นอายของคิมหันต์ฤดูก็ค่อยๆ รุนแรงขึ้นทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดหลังจากฝากคนไปส่งจดหมายในวันนั้นก็ไม่มีข่าวคราวของหั่วอี้อีกเลย มองกิ่งไม้ที่ยื่นมาอวดโฉมเพียงลำพัง ในทางเดินมีหลังคาหลิ่วจิ้งอดจะเหม่อลอยทั้งถอนหายใจคำหนึ่งออกมาไม่ได้
“ฮูหยินคิดถึงท่านแม่ทัพหรือเ้าคะ?” อิ๋งเหอที่อยู่ข้างๆ ถามกระเซ้านาง
หลิ่วจิ้งอดหน้าแดงขึ้นมาน้อยๆ ไม่ได้ เอ็ดไปว่า “เ้าเด็กบ้าไม่มีมารยาทขึ้นทุกวันแล้ว!”
อิ๋งเหอยิ้มขณะเอาของว่างในมือใส่ปากให้หลิ่วจิ้ง เอ่ยยิ้มๆ ว่า“ฮูหยินและท่านแม่ทัพรักใคร่กันลึกซึ้ง อิ๋งเหอดีใจกับฮูหยินยิ่งนักเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งกำลังจะพูดกลับเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาจากลานบ้านอย่างรีบร้อนจนเดินเข้ามาใกล้แล้วจึงเพิ่งมองออกว่าเป็เด็กรับใช้ข้างกายหั่วอี้ นางอดตื่นใขึ้นมาไม่ได้เวลานี้มิใช่ว่าเขาควรจะอยู่ข้างกายหั่วอี้หรอกหรือ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่เล่า? หรือว่าเกิดเื่ไม่คาดคิดใดขึ้นกับหั่วอี้? หลิ่วจิ้งรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ รีบลุกออกไปดู
เด็กรับใช้มองเห็นหลิ่วจิ้งเดินเข้ามาหาจากที่ไกลๆรีบคำนับด้วยความเคารพ กล่าวว่า “ฮูหยิน ท่านแม่ทัพให้ข้ามาเชิญท่านขอรับ”
หลิ่วจิ้งเห็นว่าเด็กรับใช้มีสีหน้าประหลาดแต่ก็พูดไม่ออกว่าประหลาดอย่างไรจึงถามว่า “ท่านแม่ทัพกลับมาั้แ่เมื่อใด? เหตุใดไม่มีคนมาแจ้ง?”
“ท่านแม่ทัพกลับมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ในจวนก็ยังไม่มีผู้ใดรู้เลยขอรับเพียงสั่งข้าน้อยให้มาเชิญฮูหยินขอรับ”
พอหลิ่วจิ้งได้ยินว่าหั่วอี้ปลอดภัยไม่บุบสลายที่สุดหัวใจที่ถูกแขวนอยู่กลางอากาศก็สงบลงเสียทีก่อนจะเดินตามเด็กรับใช้ออกจากเรือนไป
นางค่อยๆ เดินเข้าไปในสวนดอกไม้ ท่ามกลางสระน้ำและแมกไม้ เป็่เวลาที่ดอกไม้เบ่งบานกันแน่นขัดมีเพียงสองฝั่งสระน้ำสีเขียวที่ดอกบัวเพิ่งดันยอดแหลมสีเขียวออกมาดังสาวน้อยแสนเอียงอายที่มีความสดใสสง่างามเฉพาะตัว
เดินไปอีกสองก้าว พลันเห็นผีเสื้อหลากสีบินว่อนอยู่เต็มสวนเหมือนกลีบดอกไม้ปลิดปลิวไปทั่วไก่ฟ้าเหินกะเรียนสยายปีกขึ้นร่ายรำ ท่ามกลางกลีบดอกไม้หอมหวนและลำน้ำเขียวใสล้วนเต็มไปด้วยสีสันหลากหลาย ประหนึ่งแดน์
“ชอบหรือไม่?” หั่วอี้ปรากฏกายขึ้นข้างหลังหลิ่วจิ้งโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงมาก่อนเขาเอ่ยถามนางอย่างอ่อนโยน
หลิ่วจิ้งไม่หันหน้ามา ยังคงยืนอยู่บนสะพานไม้บนสระน้ำก้มหน้าชมดอกบัวงามที่บานอยู่เต็มสระ ไม่พูดอะไรอีกรู้สึกตื้นตันยินดีจนเก็บเอาไว้ไม่ไหว
“ยังจำได้ว่าคราแรกที่ได้พบท่าน ดังต้นข้าวสาสีในฤดูคิมหันต์ฉอเลาะหากแต่ไม่ยั่วยวน งดงามหากแต่ไม่ธรรมดา อ้อนช้อยดังเทพธิดา ทำใจข้าสั่นสะท้านข้าจึงรู้สึกว่าหากชีวิตนี้ได้แต่งงานกับท่านก็นับว่าไม่มีสิ่งใดต้องเสียใจแล้วข้ารู้ว่าวันนี้เป็วันเกิดของท่าน จึงหาเวลาว่างกลับมาสร้างความประหลาดใจให้ท่านไม่รู้ว่าท่านพอใจหรือไม่?”
เสียงของหั่วอี้ทุ้มต่ำนัก บางคำเพิ่งออกจากปากก็กลับถูกสายลมอ่อนพัดจนเลือนหายทว่าทุกถ้อยทุกคำ หลิ่วจิ้งกลับได้ยินชัดเจน
วันเกิด? หลิ่วจิ้งสะดุ้งอยู่ในใจเขาเอาใจใส่ข้าปานนี้เชียว เพียงแต่ผิดตัวเสียแล้ว วันนี้เป็วันเกิดของตนที่ใดกัน? เป็วันเกิดของหวงฝู่จิ้งต่างหาก
ที่แท้แล้ว... เขาเอาใจใส่นางถึงเพียงนี้
“ข้านึกว่าใจท่านเวลานี้จะจดจ่อเพียงลูกในท้องของฮูหยินจ้าวเสียอีก!”หลิ่วจิ้งเอ่ยไปอย่างราบเรียบ
หั่วอี้ยิ้ม ไม่กล่าวอะไร เขาเอื้อมมือขึ้นปัดกลีบดอกไม้ที่ปลิวตกลงมาบนผมของหลิ่วจิ้งออก
“ที่แท้แล้วเ้าหึงข้านี่เอง!” คิดถึงวันที่เด็กรับใช้นำจดหมายจากที่บ้านมาส่งเขารีบร้อนแกะออกอ่าน แต่กลับเห็นหลิ่วจิ้งตอบกลับมาในจดหมายของตนว่า “รับทราบ”เพียงคำเดียว พลันรู้สึกว่าตนเองอุตส่าห์คิดถึงนางนับพันนับหมื่นเท่าแต่ถ้อยคำสั้นๆ ของนางกลับบั่นทอนจิตใจของเขานักเดาว่านางคงเข้าใจผิดว่าตนแล้งน้ำใจ จึงถือโอกาสกลับมาในวันเกิดของหลิ่วจิ้งเพื่อสร้างความประหลาดใจแก่นาง
ปทุมมากลางน้ำใส ชื่นใจในคิมหันต์งาม ผกาเลิศลอยเหนือน้ำใบเขียวครามโอบหมอกเบา
ทั้งสองคนยืนอยู่ข้างสระบัวเช่นนี้เนิ่นนาน ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำนานจนแม้แต่ตนเองก็ยังหลงลืมว่าผ่านไปนานเท่าใด จนสายฝนบางสาดลงมาทั่วฟ้าหลิ่วจิ้งรู้สึกเพียงว่ามีน้ำเย็นมากระทบใบหน้าที่แท้แล้วต้นคิมหันตฤดูดังคนหน้าบางเหนียมอายฝนนี้ครั้นจะตกก็ตกลงมาเสียอย่างนั้น
มองสายฝนบางสาดลงมากลางสระน้ำ จึงบอกว่า “ฝนตกแล้วพวกเรากลับกันเถิด?”
หันหน้ามา กลับเห็นว่าบนระเบียงทางเดินไม่ไกลออกไปมีสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่ นางสวมชุดสีแดงเข้มรับกับยอดไม้สีเขียวอ่อนชุดฉางซานตัวยาวปลิวไสวตามลม บนใบหน้างดงามนั้นมีสีหน้าเรียบเฉยยากคาดเดาความในใจดวงตางามของนางหยุดอยู่ที่ตัวหลิ่วจิ้งเนิ่นนาน กระทั่งหลิ่วจิ้งและหั่วอี้เดินมาตรงหน้านางจึงเพิ่งรู้สึกตัวและหันไปยิ้มให้หลิ่วจิ้ง
ไม่ใช่นางจ้าวแล้วยังจะเป็ผู้ใดได้อีก?
“ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว แต่ข้ากลับไม่รู้เลยเ้าค่ะ”น้ำเสียงนางจ้าวอ่อนโยน ท่าทีดังนกน้อยแอบอิงคน ต่างกับท่าทีโอหังในวันอื่นๆเหมือนเป็คนละคน ยามพูดจามีน้ำตาแวววาวเอ่ออยู่เต็มสองตา
หั่วอี้อดหวั่นไหวไม่ได้ อธิบายไปว่า“ข้าเพิ่งกลับมาวันนี้ยังไม่ทันไปหาเ้า ในเมื่อเ้ากำลังตั้งท้องก็อย่าได้ออกมาเดินไปเดินมา”
นางจ้าวฟังน้ำเสียงที่พยายามกลบเกลื่อนของหั่วอี้ออกเมื่อคิดถึงท่าทียามเขาและหลิ่วจิ้งชมดอกบัวส่งสายตารักใคร่ต่อกันเมื่อครู่นี้นางก็รู้สึกริษยาเต็มอก แต่ก็กลัวว่าหั่วอี้จะมองออกว่าตนไม่พอใจ จึงยังฝืนยิ้มกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพอยู่ข้างนอกมานาน ในเมื่อกลับมาแล้วก็พักผ่อนให้ดีๆเถิดเ้าค่ะ”
พูดพลางพาสาวใช้จากไปด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์
ดอกแน่นใบขนัด กิ่งหลิวระย้าดังเส้นไหม
“ฮูหยิน เชิญดื่มชาเ้าค่ะ” เหมยเซียงที่อยู่นางจ้าวเอาถ้วยชาวางไว้บนโต๊ะข้างตัวนางอย่างแ่เบาและระวังเป็พิเศษด้วยกลัวว่าจะทำให้นางจ้าวไม่สบอารมณ์
นางจ้าวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่กลับรั้งรอไม่ดื่มเสียทียามนึกถึงเื่ในสวนเมื่อครู่นี้ นางคับแค้นแน่นในอกไร้ที่ระบาย
สักพักจากนั้น สาวใช้ก็ยกของว่างจานแล้วจานเล่าออกมา ของว่างเหล่านี้ล้วนเป็ขนมที่นางจ้าวชอบกินเป็ประจำทว่าเวลานี้ นางจ้าวที่ไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อยจะกินของพวกนี้ลงได้อย่างไร
“หากฮูหยินเป็ห่วงท่านแม่ทัพ มิสู้ไปดูที่เรือนท่านแม่ทัพสักหน่อยท่านแม่ทัพเพิ่งกลับมาเกรงว่าคงยังไม่ทันได้รับประทานสิ่งใดหากฮูหยินนำของว่างเหล่านี้ไปส่ง ก็จะทำให้ท่านแม่ทัพรู้สึกอบอุ่นใจได้นะเ้าคะ”เหมยเซียงเอ่ยอย่างระมัดระวังกลัวว่าตนเองยุ่งย่ามมากไปก็จะทำให้นางจ้าวโมโหขึ้นมา
_____________________________