บทนำ: สตรีวิปลาสกับศาสตร์แห่งตัวเลข
ณ ท่าเรือการค้า กรุงศรีอยุธยา
(ปีพุทธศักราช ๒๒xx - ยุคทองแห่งการค้า)
เสียงกังสดาลดังกังวานบอกเวลาเพล ท่าเรือเมืองกรุงเก่าคลาคล่ำไปด้วยผู้คนหลากเชื้อชาติ ทั้งวิลันดา ฝรั่งกังไส และพ่อค้าชาวจีนที่กำลังขนถ่ายสินค้ากันอย่างขะมักเขม้น
ท่ามกลางความวุ่นวาย ร่างระหงในชุดโจงกระเบนสีเม็ดมะปรางกำลังยืนถือ "กระดานชนวน" และ "ดินสอพอง" ขีดเขียนตัวเลขยิกๆ ด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
“แม่หญิงบัว” บุตรีคหบดีใหญ่ มิได้กำลังแต่งกลอนเกี้ยวพาราสี แต่กำลังคำนวณ "ต้นทุนสินค้า" เพื่อเก็งกำไร!
“ผ้าไหมห้าสิบพับ... เครื่องเทศยี่สิบหาบ... หักค่าระวางเรือร้อยละสิบห้า และค่าต๋งเ้าหน้าที่กรมท่าอีกเล็กน้อย...”
นางดีดลูกคิดในจินตนาการ ดวงตาเป็ประกายวาววับเมื่อผลลัพธ์ปรากฏขึ้นในสมอง
“กำไรเห็นๆ! เที่ยวนี้รวยเละแน่พ่อจ๋า!”
บัวยิ้มกริ่ม มือเรียวหยิบ "ตลับสีผึ้ง" และ "หมากพลู" ขึ้นมาจีบใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ เพื่อคลายเครียด
สำหรับนาง หมากพลูมิใช่แค่เครื่องหอมประทินปาก แต่คือ ‘โอสถกระตุ้นกำลัง’ ชั้นดี ที่มีสรรพคุณช่วยให้เืลมสูบฉีด ระบบประสาทตื่นตัว และทำให้สมองแล่นไวพร้อมรับมือกับตัวเลขมหาศาล
ทันใดนั้น... ท้องฟ้าที่เคยสดใสพลันมืดครึ้มวิปริต
ลมพายุหมุนก่อตัวขึ้นอย่างผิดธรรมชาติเหนือแม่น้ำเ้าพระยา เมฆดำทะมึนหมุนวนราวกับจะดูดกลืนทุกสรรพสิ่ง
เปรี้ยง!!!
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว เรือสำเภาลำั์โคลงเคลงราวกับของเล่นที่ถูกจับเขย่า
“กรี๊ดดดด! คุณพ่อเ้าขา!”
บัวเสียหลัก ร่างกระเด็นตกจากกราบเรือ แต่ด้วยสัญชาตญาณของ "นักจัดการ" ที่มองการณ์ไกล นางไม่ได้คว้าถุงเงินที่หนักอึ้งและจมน้ำง่าย...
แต่นางคว้า "ตะกร้าสัมภาระยังชีพ" ที่ภายในบรรจุของสำคัญอย่าง เชี่ยนหมาก, ครกหินใบจิ๋ว, และห่อเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัว ติดมือไปด้วย!
‘ถ้าต้องไปติดเกาะ อย่างน้อยข้าก็ต้องมีข้าวกินและมีหมากเคี้ยว!’
ตูม!
ความเย็นะเืเข้าปกคลุมร่าง สติของนางดับวูบลง พร้อมกับห้วงเวลาที่บิดเบี้ยว...
.
.
.
ณ สระบัวหลวง พระราชวังต้าถัง
บุ๋ง... บุ๋ง...
ฟองอากาศผุดขึ้นกลางสระน้ำที่เงียบสงบ ตามด้วยร่างของสตรีที่พุ่งพรวดขึ้นมาเหนือน้ำราวกับพญานาคฟาดหาง!
ซูมมม!
บัวสะบัดหน้าไล่น้ำ ผมเปียกลู่ปรกหน้า สไบเฉียงหลุดลุ่ย แต่สิ่งแรกที่นางทำมิใช่การร้องไห้ฟูมฟาย แต่คือการ "ประเมินสถานการณ์" อย่างใจเย็น
นางกวาดตามองรอบตัวอย่างรวดเร็ว
• สถานที่: สระบัวกว้างใหญ่ สถาปัตยกรรมหลังคาแอ่นโค้งแบบจีน
• บุคคล: ชายหนุ่มชุดัทองที่ดูมีอำนาจ และกลุ่มชายฉกรรจ์ถืออาวุธ
• สถานะตนเอง: เปียก, หนาว, และ... ปากแดง (เพราะเคี้ยวหมากค้างไว้)
“ฮ่องเต้หลี่เฉิน” โอรส์ผู้เคร่งขรึม ยืนตะลึงค้าง พระเนตรจ้องมองสตรีประหลาดที่โผล่มาจากน้ำราวกับเห็นภูตผี
นางยิ้มกว้างจนเห็นฟันดำปี๋ น้ำหมากสีแดงไหลย้อยมุมปากหยดติ๋งๆ ลงบนผิวน้ำ
“กรี๊ดดดด! ปีศาจ! ปีศาจกินเื!” ขันทีเฒ่ากรีดร้องเสียงหลง “ฝ่าา! หนีเร็วพะยะค่ะ! นางเพิ่งกินคนมา ปากแดงฉานเชียว!”
กริ๊ก!
เสียงชักดาบนับสิบเล่มดังขึ้นพร้อมกัน ปลายดาบชี้มาที่เป้าหมายเดียว
บัวขมวดคิ้ว สมองของนักคำนวณประมวลผลอย่างรวดเร็ว
‘ฟันดำ... ปากแดง... เท่ากับ ปีศาจกินเืงั้นรึ? โธ่เอ๊ย... ความเข้าใจผิดทางวัฒนธรรมแท้ๆ!’
นางถุยน้ำหมากทิ้งลงน้ำดัง ปู้ด! น้ำรอบตัวกลายเป็สีแดงฉาน ยิ่งสร้างความตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่
“ใจเย็นพ่อหนุ่ม!” บัวะโสวนเป็ภาษาไทยอยุธยา “นี่มัน ‘ปูนแดงกินกับหมาก’ ย่ะ! เป็สมุนไพรบำรุงเหงือกและฟัน! ไม่ใช่เื!”
ฮ่องเต้มองนางด้วยสายตาว่างเปล่า พระองค์ฟังไม่ออกสักคำ แต่เห็นท่าทางขึงขังและรอยยิ้มสีดำทมิฬนั่นแล้ว ขนพระวรกายก็ลุกชัน
พระองค์ชี้พระหัตถ์สั่นๆ ไปที่นาง
“จับ... จับมันขึ้นมา! ข้าจะเอาไปสอบสวนดูซิว่ามันคือตัวอะไร หลุดมาจากขุมนรกขุมไหน!”
บัวถอนหายใจเฮือกใหญ่ กอดตะกร้าสมบัติแน่น
‘เฮ้อ... จะยุคไหน หรือชาติไหน ผู้ชายก็ไม่ฟังเหตุผลเหมือนกันหมด! คอยดูนะแม่จะคิดบัญชีค่าใ ทบต้นทบดอกเลยคอยดู!’
