ณ สนามแข่งขันศึกชิงแชมป์มหาวิทยาลัย รอบ 8 ทีมสุดท้ายกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด เสียงเชียร์จากผู้ชมดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนาม ขณะที่ผู้บรรยายทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและแรงกดดันจากทีมต่าง ๆ ที่้าผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
การแข่งขันคู่ที่สองระหว่าง มหาวิทยาลัยทะเลดำ และ มหาวิทยาลัยจักรพรรดิสัตว์ร้าย ได้เริ่มต้นขึ้น โดยมหาวิทยาลัยทะเลดำนั้นเป็ของ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์เมิ่ง สมาชิกทั้งสามคนในทีมล้วนมาจากตระกูลเมิ่งทั้งหมด ขณะที่มหาวิทยาลัยจักรพรรดิสัตว์ร้ายเป็ของ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์กวน ทีมของพวกเขาประกอบไปด้วย หานเทียน กวนซูเยว่ และหญิงสาวปริศนาผู้สวมหน้ากากรูปพระจันทร์ รูปร่างของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์และความลึกลับ
การแข่งขันเป็แบบ 1 ต่อ 1 ทีมที่พ่ายแพ้จะต้องส่งสมาชิกคนต่อไปลงสนาม หากแพ้ครบสามคนจะถูกคัดออกทันที แต่ศึกครั้งนี้จบลงอย่างง่ายดาย หานเทียนเพียงคนเดียวสามารถเอาชนะสมาชิกทั้งหมดของมหาวิทยาลัยทะเลดำได้โดยแทบไม่เสียเหงื่อเลย การแข่งขันของคู่ที่สองจึงจบลงไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้ชม
ถัดมาเป็ คู่ที่สาม ระหว่างมหาวิทยาลัยเทพ์ และ มหาวิทยาลัยดาบสายหมอก มหาวิทยาลัยเทพ์ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มอำนาจใด ๆ สมาชิกทั้งสามคนของทีมคือ เย่เฟิง ลี่จวน และกวงเสวี่ยอี้ ซึ่งเป็ลูกสาวของ กวงลี่เหมย ส่วนมหาวิทยาลัยดาบสายหมอกเป็มหาวิทยาลัยที่ขึ้นตรงกับ ตระกูลจักรพรรดิโอวหยาง
การต่อสู้ระหว่างสองมหาวิทยาลัยเป็ไปอย่างสูสี แต่สุดท้ายทีมของมหาวิทยาลัยเทพ์สามารถเอาชนะไปได้ ทำให้มหาวิทยาลัยดาบสายหมอกต้องตกรอบไปในที่สุด
การแข่งขันดำเนินมาถึง คู่ที่สี่ ระหว่างมหาวิทยาลัยดวงดาว และ มหาวิทยาลัยท้องฟ้าสีคราม ซึ่งเป็ตัวแทนของ ตระกูลจักรพรรดิไป๋ สมาชิกทั้งสามคนในทีมเป็คนของตระกูลไป๋ทั้งหมด
เสียงผู้บรรยายประกาศการแข่งขันคู่นี้ แต่กลับไม่มีเสียงเชียร์จากผู้ชมแม้แต่น้อย บางคนถึงขั้นเดินออกจากที่นั่งเพื่อไปหาอะไรกิน เพราะพวกเขาไม่สนใจมหาวิทยาลัยดวงดาวมากนัก พวกเขาไม่คิดว่ามหาวิทยาลัยที่ไม่เป็ที่รู้จักเช่นนี้จะสามารถต่อกรกับทีมจากตระกูลจักรพรรดิได้
กู่หลง ยิ้มก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับ หลินเฟิง หลินเหยา เมิ่งหลิน และหลินหยุนเทียน ทันที เขาหันไปมองลูกศิษย์ของเขาก่อนจะพูดขึ้น
"เมิ่งหลิน เธอเก็บพวกเขาทั้งสามคนด้วยตัวคนเดียวไหวไหม?"
เมิ่งหลินลุกขึ้นก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "หนูจะไม่ทำให้ท่านผู้อำนวยการผิดหวังค่ะ" เมื่อพูดจบเธอก็ะโขึ้นไปบนเวทีทันที ก่อนจะเรียกสัตว์ร้ายของเธอออกมา มันคือ ฟีนิกซ์เพลิงสีฟ้า ที่มีร่างกายเปล่งประกายดั่งเปลวเพลิง มันกางปีกออกอย่างสง่างาม ก่อนที่เมิ่งหลินจะเอ่ยขึ้น "ช่วยชี้แนะด้วยคะ"
ตูมมมมมมมมม!!
ยังไม่ทันที่นักเรียนจากตระกูลไป๋จะตั้งตัว เมิ่งหลินก็พุ่งตัวเข้าหาศัตรูในพริบตา ก่อนที่ไฟสีฟ้าจะลุกโชนเผาร่างของคู่ต่อสู้ในทันที โดยที่สัตว์ร้ายของพวกเขายังไม่ทันได้ออกมาปกป้องเ้านายของมันเลยด้วยซ้ำ
นักเรียนของมหาวิทยาลัยท้องฟ้าสีครามคนแรกกระเด็นออกจากสนามทันที เมื่อเมิ่งหลินสะบัดมือปัดร่างของเขาออกไป ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ใครจะมาเป็รายต่อไป หรือจะเข้ามาพร้อมกันสองคนเลยก็ได้นะ"
เสียงเยาะเย้ยของเธอทำให้สมาชิกทีมที่เหลือของตระกูลไป๋เดือดดาล พวกเขาะโขึ้นเวทีทันที แต่ก็ไม่สามารถต่อสู้กับเมิ่งหลินได้อยู่ดี ทั้งสองคนถูกเธอจัดการอย่างง่ายดาย ไม่ต่างจากคนแรกเลยแม้แต่น้อย
เสียงของผู้บรรยายดังขึ้นอีกครั้ง "สุดยอดจริงๆ ครับ! นักเรียนเมิ่งหลินสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายอีกแล้ว ั้แ่เริ่มการแข่งขันมาเรายังไม่ได้เห็นความสามารถของสมาชิกอีกสองคนของมหาวิทยาลัยดวงดาวเลยด้วยซ้ำ!"
บนห้องรับรองพิเศษ กู่เทียน มองไปยังสนามแข่งขันด้านล่างด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ผลการแข่งขันในรอบนี้มันแทบจะถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ไม่ว่าทีมไหนจะเก่งแค่ไหน แต่พวกเขาไม่มีทางเอาชนะ อู๋ซวง ได้เลย ไม่ว่าจะสู้ตัวต่อตัวหรือรุมก็ตาม
ขณะที่การแข่งขันยังคงดำเนินไป กู่โม่ ก็พูดขึ้น "ถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ"
กวงเยว่และกู่เทียน พยักหน้าก่อนที่ความว่างเปล่าจะเปิดออก และทั้งสามคนหายตัวไปทันที ปล่อยให้การแข่งขันดำเนินต่อไปโดยที่พวกเขาไม่มีความจำเป็ต้องอยู่ดูอีกต่อไป
ภายในคฤหาสน์อันหรูหราทางตอนเหนือสุดของเมืองไผ่ขาว ที่นี่เป็ที่พำนักของตระกูลเมิ่ง หนึ่งในสิบตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ด้านในส่วนลึกที่สุดของคฤหาสน์ ห้องมืดที่ถูกกักขังและเต็มไปด้วยอาคมผนึกอันแข็งแกร่ง หญิงสาวผมสีขาวผู้หนึ่งกำลังนั่งเขียนพู่กันลงบนแผ่นกระดาษด้วยมือที่สั่นเทา ร่างกายของเธอถูกล่ามโซ่หนาหนักและแท่งแหลมที่แทงทะลุผ่านิัของเธอ เธอแทบไม่มีแรงจะขยับตัวด้วยซ้ำไป แต่ออร่าของเธอกลับสงบนิ่ง
เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองความว่างเปล่า "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สามีของฉัน"
ทันใดนั้น ความว่างเปล่าก็เปิดออก ร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวออกมาเงียบ ๆ เขาเป็ชายที่ดูหนุ่มแน่น แม้แต่กาลเวลาก็ไม่อาจแตะต้องเขาได้ เขามีผมสีดำยาวและใบหน้าหล่อเหลาแต่เ็า หากแต่ในยามนี้ ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเศร้าสร้อย "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เธอดูแก่ลงไปเยอะเลยนะ เมิ่งชิง"
เมิ่งชิงยิ้มบาง ๆ แม้ร่างกายจะอ่อนแอ แต่แววตาของเธอยังคงเปล่งประกาย "เพราะความรักมันบังตาล่ะมั้ง" เธอพูดพร้อมกับจ้องมองกู่โม่ ราวกับ้าจะจดจำภาพของเขาให้ฝังลึกลงไปในหัวใจ
กู่โม่ถอนหายใจ ก่อนจะดึงขวดเหล้าออกมาจากแหวนมิติและเปิดฝามันออก "นี่คือเหล้าองุ่นสายฟ้าที่เธอชอบมากไงล่ะ ฉันเอามาฝากด้วย"
เมิ่งชิงมองไปที่ขวดเหล้า ดวงตาของเธอคลอไปด้วยน้ำตา "แม้แต่ในความฝันก่อนที่ฉันจะตาย...ก็ยังมีนายอยู่ด้วยสินะ ฉันละไม่อยากจะเชื่อเลย"
กู่โม่ไม่พูดอะไร เขาเดินเข้าไปหาเธอ ก่อนจะโอบกอดร่างของหญิงสาวที่เขารักไว้อย่างแแ่ "ความฝันงั้นเหรอ...สาวน้อย"
เขาหัวเราะเบา ๆ "งั้นฉันจะเปลี่ยนมันให้เป็ความจริงเอง ตอนนั้นเธอปกป้องฉัน...ตอนนี้ถึงเวลาที่ฉันจะปกป้องเธอแล้ว"
ตูมมมมมมมมม!!
แรงกดดันอันมหาศาละเิขึ้นมา ออร่าระดับจักรพรรดิกว่า 70 แห่ง พุ่งทะยานขึ้นรอบ ๆ คฤหาสน์แห่งนี้พร้อมกับเสียงของชายคนหนึ่งที่ดังขึ้นจาก้า
"ไม่เจอกันนานเลยนะ ไอ้ยาจก!" เสียงของ เมิ่งหาน หัวหน้าปัจจุบันของตระกูลเมิ่งดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มจักรพรรดิที่ยืนอยู่เื้ัเขา
กู่โม่หัวเราะเบา ๆ ขณะเดียวกันก็ถอดพันธนาการทั้งหมดที่ล่ามเมิ่งชิงออก และอุ้มเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน "แกเรียกฉันว่ายาจก? แต่พวกแกกลับขายพี่สาวของตัวเองกินเหมือนเป็สินค้าเถอะ ไอ้พวกโง่!"
ตูมมมมมมมมม!!
เมิ่งหานยิ้มบาง ๆ ขณะที่ปล่อยออร่าสังหารออกมา "กลายเป็จักรพรรดิไปแล้วสินะ...แถมเป็ จักรพรรดิระดับสูงสุด อีกด้วย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพี่สาวของฉันถึงได้หลงรักแกขนาดนั้น"
เขาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเ็า "แต่ก็ขอให้แก...ตายอยู่ที่นี่ซะเถอะ!"
สิ้นเสียงของเมิ่งหาน ออร่ามากมายก็พุ่งเข้าล้อมรอบกู่โม่ทันที แรงกดดันอันมหาศาลที่รวมตัวกันจากจักรพรรดิหลายสิบคนทำให้แม้แต่มิติเองยังเริ่มบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย กู่โม่มองพวกเขาด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะถอนหายใจ
"กลับไปนอนแล้วฝันน่าจะพอเป็จริงได้อยู่นะ"
กู่โม่กระชับร่างของเมิ่งชิงให้แน่นขึ้น ก่อนที่ออร่าสีดำจะปะทุออกมาจากร่างกายของเขา ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วบริเวณทันที