บทที่ 185 แพ้ชนะ
“ปัง!”
เสียงดังอึกทึก แสงกระบี่แบ่งแยกท้องฟ้า ฉีกท้องนภาสดใสเป็ส่วนๆ ก้อนเพลิงตกลงมาราวกับอุกกาบาต พร้อมด้วยปราณกระบี่ที่ฟันลงมาจากท้องฟ้า
นี่คือกระบี่ที่น่าตกตะลึง เปี่ยมไปด้วยพลัง และความร้อนอันไม่มีที่สิ้นสุด แสงกระบี่นั้นงดงามราวกับแผ่นสะท้อนแสงสีทองแดง แบ่งความว่างเปล่าออกเป็สองส่วน แยกแสงและเงาออกจากกัน
เมื่อเห็นเช่นนั้น เสวี่ยหานเฟยก็ตกตะลึง ขนลุกชันทั้งตัว เขารีบยกกระบี่น้ำแข็งคู่ขึ้นต้านทาน ปล่อยอากาศเย็นที่มีฤทธิ์ทำลายออกมา
“ชิ้ง!”
กระบี่น้ำแข็งเรืองแสงโจมตีปราณกระบี่ไฟหยาง และพุ่งเข้าใส่ฉู่อวิ๋นทันที คลื่นอากาศพัดผ่านความว่างเปล่าทำให้เกิดเสียงเหมือนฟ้าร้องลั่นจนปวดหู
ในตอนแรก เสวี่ยหานเฟยยังคงหัวเราะเบาๆ แม้ว่าปราณกระบี่จะดูน่ากลัว แต่ก็ดูไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น มันไม่มีผลอะไรกับเขาที่อยู่ในระดับเจ็ดของขั้นมหาสมุทร
ทว่าเขาได้ใจเพียงชั่วครู่ก็ต้องนิ่วหน้าทันที เพราะพบว่าแม้ว่ากระบี่น้ำแข็งคู่จะปิดกั้นปราณกระบี่ได้ แต่บนพื้นก็เกิดแอ่งน้ำปรากฏขึ้น
นั่นเป็สัญญาณว่ากระบี่น้ำแข็งกำลังละลาย
“ไม่ใช่กระมัง? ละลายหรือ? นี่มันเป็ไปไม่ได้!” เสวี่ยหานเฟยยืนมองไปที่ “กระบี่น้ำ” ที่เปียกอยู่ในมืออยู่ตกตะลึง ดวงตาของเขาหดหู่เล็กน้อย
กระบี่ทั้งสองเล่มนี้เป็อาวุธที่ควบแน่นด้วยพลังปราณและิญญายุทธ์น้ำค้างแข็งศักดิ์สิทธิ์ของเขา พวกมันเย็นะเือย่างที่สุดและไม่อาจทำลายได้
แต่ตอนนี้ เมื่อโดนปราณกระบี่ไฟหยางโจมตีอย่างรุนแรง กระบี่น้ำแข็งก็ถูกควบคุมอย่างแ่าเช่นนั้น มันจะยังมีพลังอันเฉียบคมได้อย่างไร? กลายเป็ก้อนน้ำแข็งสองก้อนที่พบได้ทั่วไป
ในความเป็จริง ฉู่อวิ๋นเผลอใช้รณทระนงออกไปโดยไม่ตั้งใจ ตอนนี้ทั้งความแข็งแกร่งของร่างยุทธ์และคุณภาพพลังปราณของเขานั้นเยี่ยมยอดกว่าสภาวะปกติหลายเท่า นี่คือสาเหตุที่เขาสามารถปรามเสวี่ยหานเฟยได้อย่างง่ายดาย
“เ้าเอาก้อนน้ำแข็งพวกนั้นออกมาทำไม? อยากเลียหรือ? สกปรกน่า!” ฉู่อวิ๋นหัวเราะเยาะจนเสียงดังไปทั่ว
เขายกกระบี่ขึ้นโจมตี ก้อนเพลิงร่วงลงมาจากท้องฟ้า ด้วยแรงผลักดันทะลุเมฆไล่จันทร์[1] เขาจึงเหินไปหาเสวี่ยหานเฟยได้อย่างรวดเร็ว ความดุร้ายและเผด็จการเช่นนี้ ทำให้หลายคนใ
เมื่อมีเสียงดัง “ปัง” อวิ๋นก็ถูกล้อมรอบด้วยเปลวไฟและตั้งท่าโจมตีเสวี่ยหานเฟยที่อยู่ตรงกลาง แต่คุณชายชุยเสวี่ยคนนี้ก็ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน[2] มีประสบการณ์ต่อสู้มาไม่น้อย
อากาศเยือกแข็งรวมตัวกันทันที แสงสีฟ้ากะพริบ มองเห็นเสวี่ยหานเฟยกำลังทำมือแสดงท่าป้องกัน “กำแพงหิมะน้ำแข็ง” อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็วิธีที่เขาใช้ต่อกรกับตงฟางสยง
“ปัง!”
ทันใดนั้น กระบี่หลี่หั่วก็กระแทกกำแพงน้ำแข็งเข้าอย่างจังจนเสียงดังลั่น ทำเอาทุกคนหัวใจเต้นแรงและเริ่มกังวล กระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งเกินไป หากกำแพงน้ำแข็งนั่นป้องกันไว้ไม่ทัน เสวี่ยหานเฟยก็อาจจะตายคาที่อยู่ตรงนั้น
แต่กำแพงน้ำแข็งปรากฏขึ้นทันเวลา ปิดกั้นเส้นทางกระบี่หลี่หั่วได้ทันท่วงที ใบกระบี่ติดแหง็กอยู่ในน้ำแข็ง
“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ!” เมื่อเห็นกระบี่หลี่หั่วติดอยู่กับกำแพงน้ำแข็ง เสวี่ยหานเฟยก็หัวเราะเยาะ
“นึกว่าจะเก่งกาจสักแค่ไหน รณทระนง? เอาไปใช้จุดไฟเถอะ ริจะสู้กับข้า? เ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอ” คุณชายชุยเสวี่ยยิ้มเยาะ ไม่ตื่นตระหนกอีกต่อไป เขาควบคุมตัวเองได้แล้ว
ฉู่อวิ๋นเองก็ยิ้มเช่นกัน เขาไม่รู้สึกอะไร ร่างกายของเขาร้อนรุ่มจากรณทระนง แสงไฟที่เรืองรองก็เริ่มริบหรี่
“เ้าแช่แข็งกระบี่ของข้าได้? คิดเพ้อเจ้อเกินไปแล้ว”
“ควับ!”
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็จ้องมอง ดึงพลังออกมาจากร่าง ก่อนที่มันจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง รณทระนงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เขารวบรวมพลังปราณ ถ่ายเทลงในกระบี่หลี่หั่วแล้วควงเพื่อปลุกไฟให้ม้วนตัวขึ้น เมื่อได้ยินเสียง “แกร๊ก” ดังชัด กำแพงน้ำแข็งชั้นหนาก็แตกสลายกลายเป็เศษน้ำแข็งปลิวไปทั่วท้องฟ้าในทันที ก่อนจะละลายกลายเป็ของเหลว
“แตกอีกแล้วหรือ?!” เสวี่ยหานเฟยใจนอึ้งไป เขาไม่ทันระวังจริงๆ
“ข้าเคยบอกแล้ว ว่าน้ำแข็งของเ้า ทำอะไรข้าไม่ได้!”
ฉู่อวิ๋นะโ และก่อนที่เสวี่ยหานเฟยจะทันโต้ตอบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้า กลายเป็ร่างที่ลุกเป็ไฟ และฟันกระบี่ออกไป!
ด้วยเสียง “ควับ” ปราณกระบี่ก็ส่องแสงราวกับสายรุ้ง ทรงพลัง และหนักหน่วง ไม่ว่าคุณชายชุยเสวี่ยจะเร็วแค่ไหนก็ยากที่จะหลบเลี่ยงได้
“ฉึบ--”
ครู่ต่อมา เนื้อและเืก็ขาดสะบั้น แม้ว่าผลึกน้ำแข็งจะปกคลุมไปทั่วร่างของเสวี่ยหานเฟย แต่เขาก็ยังรับมือกระบี่เพลิงอันน่าอัศจรรย์เล่มนี้ไม่ได้
ยามนี้ มองเห็นเพียงรอยกระบี่หนาๆ ที่เปื้อนเื ย้อมเสื้อคลุมสีขาวเป็สีชาด และทาบทับบนหน้าอกของเสวี่ยหานเฟย ปราณกระบี่อันดุเดือดเมื่อครู่ทำให้เขากระเด็นไปข้างหลัง กระอักเืออกมาหลายคำ
เมื่อเขาหยัดกายให้มั่นคงได้แล้ว ก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าตนเองได้รับาเ็ มันน่าอับอายขายขี้หน้ามาก สีหน้าของเขาดูดุดันขึ้นมาในทันใด ท่าทางอ่อนโยนที่มีมาตลอดหายไปไหนแล้ว?
“ขยะเช่นเ้ากล้ามาทำร้ายข้า! เ้ามันสุนัขสารเลว! สุนัขสารเลว!!” ดวงตาของเสวี่ยหานเฟยแดงก่ำ เขาเจ็บใจจนเผลอพูดคำหยาบคายออกมา
เดิมที เขามั่นใจในชัยชนะมาก คิดว่าตนสามารถชนะอัจฉริยะอีกสองคน ทั้งยังใช้กิริยาอันอ่อนโยนและเฉียบแหลมเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันแสนยุ่งเหยิงได้ ใครๆ ย่อมยกย่องเขาเป็แน่
แต่ตอนนี้ อยู่ๆ อีกฝ่ายก็ปล่อยรณทระนงออกมา สถานการณ์จึงเปลี่ยนไปในทันที ทำให้เสวี่ยหานเฟยเสียเปรียบจนพูดอะไรไม่ออก
“น่าตาย… น่าตายนัก!” ยามนี้ เมื่อมองไปที่ฉู่อวิ๋นที่ทรงพลังถึงที่สุด อีกฝ่ายเดินช้าๆ มาพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าของเสวี่ยหานเฟยเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว บูดบึ้งอย่างยิ่ง และแอบรู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย
ในความเป็จริง ถ้าเสวี่ยหานเฟยไม่ได้เสนอการประลองนี้ คิดอยากจัดการกับเื่ตลกนี้ด้วยตัวเอง และตั้งใจจะทำลายความกระตือรือร้นของอัจฉริยะคนอื่นๆ เขาคงจะเพลิดเพลินไปกับผลลัพธ์ที่ได้มาไปนานแล้ว
เพียงปล่อยให้องครักษ์เทวัญจัดการกับตระกูลหลิงและตระกูลตงฟางที่มีปัญหาไปก็พอแล้ว ทันทีที่เื่นี้จบลงเขาก็จะได้แต่งงานกับฉู่ซินเหยาอย่างราบรื่น และอิ่มเอมไปกับการอวยพรของแขกนับพันคน
แต่ทว่า ตอนนี้เสวี่ยหานเฟยถูกฉู่อวิ๋นที่ปลอมตัวเป็ “ซิวหลัวหน้าผี” ปรามเสียอยู่หมัด เขากำลังจะแพ้ ทั้งตนยังได้รับาเ็จนน่าอับอายอยู่ไม่น้อย รอยกระบี่บากบนใบหน้าของเขายังคงชัดเจน นั่นทำให้เขาโมโหถึงขีดสุด
นี่เป็การทำลายตนเองอย่างแท้จริง สูญเสีย “ว่าที่ฮูหยิน” แล้วยังสูญเสียกำลังพล[3]อีก
“เมื่อกี้นี้...คุณชายชุยเสวี่ยพูดอะไรน่ะ? เขาพูดคำหยาบหรือ?”
ทันใดนั้นทุกคนต่างก็ตกตะลึง ใบหน้าของพวกเขาสับสน เสวี่ยหานเฟยโกรธมากจนเสียงของเขาดังก้องไปทั่ว ผู้ชมทั้งหมดต่างก็ได้ยินชัดเจน
ทุกคนตกตะลึงและมองหน้ากัน เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายชุยเสวี่ย ภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนและสง่างามของเขาคล้ายปริแตก เขายังคงเสียงดังและรุนแรง ความเป็ผู้สูงศักดิ์ของเขาออกลายแล้วหรือ?
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าที่แท้คุณชายชุยเสวี่ยจะเป็คนเช่นนี้” เมื่อได้ยินคำสบถของเสวี่ยหานเฟย นักพรตหญิงบางคนก็ขมวดคิ้ว ภาพลักษณ์ของคุณชายชุยเสวี่ยแสนโอบอ้อมในใจก็หายไปทันที
“ข้าไม่เคยเห็นคุณชายชุยเสวี่ยอารมณ์เสียมาก่อน ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธจริงๆ” นักพรตหนุ่มบางคนที่คุ้นเคยกับเสวี่ยหานเฟยพูดขึ้น พยายามแก้ต่างให้เขา
แต่นับั้แ่เสวี่ยหานเฟยถูกฉู่อวิ๋นปรามอย่างรุนแรง ความน่าอับอายและคำพูดหยาบคายในที่สาธารณะก็ทำลายภาพลักษณ์ของเขาจนสิ้น หลายคนต่างส่ายหัว พลางพูดว่าพวกเขามองคนผิดแล้ว
ทุกคนเริ่มตระหนักว่าเสวี่ยหานเฟยนั้นข้างนอกสุกใสข้างในเป็โพรง และตอนนี้ตัวตนที่แท้จริงของเขาก็เผยออกมาแล้ว
“ฮึ่ม! เ้าเด็กนี่โง่จริงๆ!” ฉู่เจิ้นหนานตะคอกอย่างเ็าด้วยใบหน้าบูดบึ้งและดวงตาที่เป็ประกาย ทำให้ยากจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“พลังปราณน้ำแข็งของคุณชายชุยเสวี่ยดูเหมือนจะถูกยับยั้งไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว นี่เป็การประลองระหว่างศัตรูอย่างแท้จริง”
ในขณะเดียวกัน ผู้าุโบางคนจากหลายสำนักก็เริ่มวิเคราะห์การประลอง ต่างส่ายหัวและถอนหายใจ ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าเสวี่ยหานเฟยต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
ในความเป็จริง เพราะฉู่อวิ๋นปลุกกระตุ้นรณทระนงและใช้พลังปราณไฟหยางได้ ดังนั้นแม้ว่าการฝึกฝนของเสวี่ยหานเฟยจะไปถึงระดับเจ็ดของขั้นมหาสมุทร แต่ก็ยังสู้เขาไม่ได้
เมื่อดูสีหน้าบูดบึ้งของคนตระกูลเสวี่ย แล้วกลับมาดูสถานการณ์บนลานจัตุรัส ทุกคนก็ตระหนักได้ทันทีว่ากำลังมีการตัดสินผู้ชนะ เสวี่ยหานเฟยโยนก้อนหินใส่เท้า[4]ตน และฉู่อวิ๋นผู้ปลอมเป็ “ซิวหลัวหน้าผี” ก็ได้รับคนงามกลับบ้านไป?
เงื่อนไขในการประลองยังมีผลหรือไม่? ทุกคนที่ดูการต่อสู้ยังคำนึงถึงคำถามนี้
บนเวที ฉู่อวิ๋นเชิดหน้าอย่างหยิ่งทะนง ลากกระบี่หลี่หั่วเข้าไปใกล้เสวี่ยหานเฟยทีละก้าว
“ยังจะสู้อยู่หรือเปล่า?” เขาเยาะเย้ยและวางกระบี่ในแนวนอน เสวี่ยหานเฟยเหงื่อแตก เขาใมากจนไม่กล้าสู้!
แต่ในขณะที่ฉู่อวิ๋นกำลังจะโจมตีต่อ
รณทระนงทั้งหมดบนร่างของฉู่อวิ๋นก็ดับวูบลงจนกลับสู่สภาวะปกติ ร่างกายของเขาค่อยๆ อ่อนแอลง รัศมีพลังลดฮวบจนเขาถึงกับงง
“นี่ พลังปราณหมดแล้ว?” ฉู่อวิ๋นพูดไม่ออก รู้สึกอับอายเล็กน้อย และพบว่าตนเองใช้พลังปราณไปจนหมด
เมื่อเห็นดังนั้น ทุกคนรวมถึงเสวี่ยหานเฟยที่หวาดกลัวอยู่ก็ตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้น รณทระนงของเด็กหน้าผีนี้หายไปแล้วหรือ?
“ท้ายที่สุดแล้ว รณทระนงก็เป็สถานะพิเศษของนักรบระดับราชันย์ แม้ว่าเขาจะได้รับความสามารถนี้จากการกลืนกินิญญาศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังต้องใช้พลังปราณจำนวนมหาศาลมารักษามันไว้” ผู้าุโบางคนอธิบาย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็เข้าใจและแอบพยักหน้า
“ความสามารถอันทรงพลังทื่ช่วยปรับปรุงคุณสมบัติต่างๆ ของร่างยุทธ์ได้นั้น มากเกินไปกว่าที่นักรบขั้นมหาสมุทรจะทนได้” บางคนส่ายหัว
“เ้าเด็กหน้าผีสูญเสียรณทระนงไปแล้ว เขายังสู้กับเสวี่ยหานเฟยได้อีกหรือ?” บางคนเห็นว่าสถานการณ์มีการพลิกผัน และผลลัพธ์ที่คาดไว้อาจพลิกกลับอีกครั้ง
เป็ไปตามที่ทุกคนคาดเดา ฉู่อวิ๋นในตอนนี้รู้สึกกังวลมาก เพราะหากไม่มีรณทระนง เขาก็ไม่อาจต่อสู้ได้!
“เสี่ยวหั่ว มาเลย อีกนิดเดียว!” ฉู่อวิ๋นพูดในใจ ะโเรียกิญญาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อย
“ฟุ่บ-”
แต่ิญญาไฟหยางศักดิ์สิทธิ์ในวงแหวนห้าิญญาะโออกมาสองสามครั้ง ดูทำอะไรไม่ถูก ราวกับจะพูดว่า “หากไม่มีพลังปราณ ก็หมดหนทางแล้วนายท่าน”
นั่นทำให้ฉู่อวิ๋นไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร...
"ฮ่าๆๆ ์ช่วยข้า ์ช่วยข้าแล้ว!"
ในเวลานี้ เสวี่ยหานเฟยมองไปที่ฉู่อวิ๋นและสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและยิ้มอย่างได้ใจ
ทันทีที่เขาส่งลมออกไป พลังน้ำแข็งก็บานสะพรั่ง ล้อมรอบเขา เขาพูดเยาะเย้ย “ทีนี้ ถ้าเ้าไม่มีรณทระนงที่ไร้สาระพวกนั้น ยังจะสู้กับข้าได้อีกหรือ?”
เสวี่ยหานเฟยกระหยิ่มใจมาก เดิมทีเขากลัวตนจะถูกรณทระนงปรามเหมือนสุนัข ไม่คิดว่ารณทระนงของอีกฝ่ายจะหมดพลังเอาดื้อๆ และสถานการณ์ก็พลิกกลับมาอีกครั้ง
ทุกคนถอนหายใจ น่าเสียดายจริงๆ! เด็กหน้าผีคนนี้ทำให้ผู้ชมประหลาดใจมากๆ การเคลื่อนไหวของกระบี่และิญญาศักดิ์สิทธิ์ของเขาปรากฏขึ้นทุกครั้ง ซึ่งทุกอย่างอาจพลิกผันผลการประลองได้
แต่ถ้าตอนนี้ไม่มีพลังปราณ ยังจะสร้างคลื่นอะไรได้อีก?
“เ้าอยากถูกข้าทำลายโฉมหรืออยากถูกข้าทรมานจนตาย เลือกเองเลย” ความมั่นใจของเสวี่ยหานเฟยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาก้าวเข้าหาฉู่อวิ๋นทีละก้าวอย่างหยิ่งผยอง
คุณชายชุยเสวี่ยยิ้มอย่างมีความสุข ดูเหมือนว่าผู้ชนะคนสุดท้ายในการประลองครั้งนี้ยังคงเป็ของเขา
แต่ทันใดนั้นเอง ฉู่อวิ๋นจ้องมองท่าทางที่เย่อหยิ่งของเสวี่ยหานเฟย และความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมา ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างออก
“ข้าประมาทไปแล้วจริงๆ ที่ไม่ได้คิดถึงมัน!” เขายิ้มซุกซน ไม่แสดงความกลัวเมื่อเผชิญกับอากาศหนาวเย็น
จากนั้น เมื่อกวาดมองทุกคนอย่างเต็มตา ฉู่อวิ๋นก็หยิบขวดหยกขนาดเล็กออกมาจากวงแหวนอวกาศ เทโอสถวิเศษที่เปล่งประกายออกมาแล้วกลืนมันลงท้อง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทุกคนก็ตกตะลึง เสวี่ยหานเฟยก็ดูสงสัย ชายคนนี้ยังมีเวลาว่างมากินยา? สมองมีปัญหาหรือเปล่า?
แต่อย่างไรก็ตาม ในพริบตาเดียว
มีเสียง “พรึบ” ดังขึ้น! เปลวไฟลุกโชนปลุกพลังของฉู่อวิ๋นให้เพิ่มขึ้น และเขาก็เข้าสู่สภาวะรณทระนงอีกครั้ง จนทุกคนต้องอ้าปากค้าง
“เด็กหนุ่มคนนี้ใช้พลังปราณไปจนเกลี้ยงแล้วมิใช่หรือ? ทำไมเขาถึงฟื้นขึ้นมาได้อีกล่ะ?”
“เขากำลังหลอกเสวี่ยหานเฟยหรือ? ชั่วร้ายนัก”
“ไม่นะ! เมื่อกี้เขากินยาอะไรลงไปด้วย?!”
ทุกคนสับสน พูดไม่หยุด และใมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสวี่ยหานเฟย เมื่อเขาเห็นรณทระนงของอีกฝ่ายฟื้นขึ้นมา เขาก็อึ้งไปทันที สีหน้าตะลึงจนมองไม่ได้
ชีวิตนี้มีขึ้นมีลงอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ
“เกือบลืมไปแล้ว! ข้ามียาฟื้นชีพจรอยู่สองสามเม็ด มีเด็กป่าคนหนึ่งที่ลานประลองมอบมันให้ข้า เขายังบอกอีกว่าชนะมาจากคุณชายจากสกุลเสวี่ย”
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นก็กลั้นยิ้ม จงใจแสดงท่าทีที่งุนงง และถามว่า “คุณชายคนนั้น คือเ้ากระมัง?”
“อ่อก อ่อก อ่อก--”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเสวี่ยหานเฟยก็เบิกกว้าง อกแทบแตกตาย เขากระอักเืสามครั้ง มองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพ่นโลหิตสีแดงฉานออกมา...
----------
[1] แรงผลักที่แรงมาก
[2] ใช้ในการเปรียบเทียบกับคนที่เื่มาก มักจะสร้างความยุ่งอยากให้ผู้อื่นเสมอ
[3] "周郎妙计安天下,赔了夫人又折兵" มาจากนวนิยายเื่ สามก๊ก แปลว่า "อุบายจิวยี่เเสนเเยบยล เสียทั้งฮูหยินเเละรี้พล" ซึ่งอธิบายถึงการวางแผนมาดิบดีแต่ไม่ได้อะไรกลับไปสักอย่าง เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง
[4] หาเื่ใส่ตน