หลินซิวรีบคุกเข่าลงและโขกศีรษะ “ขอบคุณฮูหยินน้อย ขอบคุณคุณชายสาม”
หลินซิวเดินเท้ามาที่ตระกูลเหยียน หลังจากเข้าไปในรถม้าก็ยังไม่กล้ายกศีรษะขึ้น สามีภรรยาถามเขา เขาก็ตอบกลับมาหนึ่งประโยค แต่น้ำเสียงของเขากลับดูมีการศึกษา ไม่เหมือนพวกเบาปัญญาที่เข้าเมือง อีกทั้งในคำพูดเหยียนชิงก็สามารถรับรู้ได้ว่าต่อให้สองสามีภรรยาคู่นี้จะยากจนแต่ก็มีความรู้สึกที่ดีให้กันมาก
ระหว่างทาง เมื่อผ่านโรงหมอ เหยียนชิงจึงลงจากรถม้าไปเชิญด้วยตัวเอง เมื่อเขาขึ้นรถม้าก็เห็นหลินซิวจึงเข้าใจ ไม่พูดอะไรมากความจึงเอ่ยถามอาการป่วยของหานตงหลิน
เมื่อใกล้ถึงเขตชานเมือง รถม้าหยุดอยู่หน้าลานบ้านเล็กๆ ที่มีเรือนเตี้ยๆ เพียงสองห้องและกระท่อมหนึ่งหลัง กำแพงสีเหลืองและประตูไม้ที่ผุพัง ทำให้รู้สึกเหมือนจะพังได้ตลอดเวลาเพียงแค่ลมพัด หลังจากเข้าไป ในที่สุดเหยียนชิงก็รู้ว่ายากจนข้นแค้นจริงๆ เป็อย่างไร ห้องเล็กๆ ที่วางของมากมาย ห้องหนึ่งเป็ห้องนอน และห้องครัวก็คือกระท่อมเล็กๆ มันดูเรียบง่ายจนทำให้คนเห็นรู้สึกปวดใจ
หลินซิวและหมอเดินตรงอยู่ด้านหน้า เว่ยซูหานและเหยียนชิงอยู่ด้านหลัง เหยียนชิงหานจึงหาโอกาสกระซิบถามเว่ยซูหาน
“ซูหาน เ้ารู้จักหลินซิวหรือไม่?”
ั้แ่เห็นหลินซิว เว่ยซูหานก็มีท่าทางแปลกๆ
เว่ยซูหานพยักหน้า
“ไม่รู้จัก ข้าแค่รู้สึกประหลาดใจ คนที่มีใบหน้าและกิริยาเช่นเขาจะแต่งงานกับหนุ่มชาวนาในสถานที่เช่นนี้ ฟังจากสำเนียงแล้วดูไม่เหมือนคนเมืองฝูซังเลย”
ในชาตินี้ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นหลินซิว และเป็ครั้งแรกที่ได้เห็นว่าสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่เป็เช่นนี้ แม้ว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่ภายนอกนั้นอาจจะหยาบ แต่นิสัยที่ผ่านการขัดเกลาจากการศึกษาั้แ่เด็กนั้นก็ยากจะเปลี่ยน รัศมีบนร่างกายของหลินซิวไม่ใช่สิ่งที่ชาวนาจะมี
ชาติที่แล้ว เขายังคิดว่าธุรกิจสักอย่างของหลินซิวถูกเหยียนิฮ่วนข่มขู่ จึงต้องยอมรับความอัปยศอดสูเช่นนั้น
เหยียนชิงได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดแล้วถอนหายใจกล่าว
“ต่อให้เป็ภรรยาชาย แต่ด้วยใบหน้าและรัศมีของหลินซิวย่อมแต่งงานกับตระกูลธรรมดาไม่ได้... ข้าเดาว่าเขามาที่นี่ด้วยสถานการณ์พิเศษบางอย่าง”
สายตาของเว่ยซูหานนิ่งขรึม “อย่างเช่น ถูกคนซื้อมา?”
เหยียนชิงกลับส่ายหน้า “ไม่รู้”
คนที่มีใบหน้างดงามงามขนาดนี้ราคาต้องไม่ใช่ธรรมดา ฐานะของครอบครัวหานตงหลินในตอนนี้ไม่มีทางซื้อได้ บางทีอาจเป็สถานการณ์พิเศษมากกว่านั้น
ชายสองคนเดินทะลุลานบ้านไปยังเรือนหลัก เมื่อเดินไปตรงหน้าประตูที่มีม่านกั้นอยู่ก็มีเสียงไอรุนแรงดังออกมา พร้อมกับเสียงของบุรุษที่ตำหนิเสียงแหบพร่า
“แค่กๆๆๆ...”
“ซิว เ้าอย่าไปยืมเงินคนอื่นเลย คนพวกนั้นไม่ใจดีกับเ้าแค่กๆๆ”
“พวกเขาบอกว่าเ้าออกไปยืมเงินคนหลายวันแล้ว ไม่ต้องไปแล้ว ข้าไม่เป็ไรแค่ก ๆๆ นอนพักสักสองสามวันก็หายดีแล้ว เ้าเอาเงินไปคืนเขาเถอะ...”
“ข้าไม่อยากให้พวกเขาเอาเปรียบเ้า...”
“แค่ก ๆ...”
“จิ๊ ดูเหมือนว่าจะมีเงื่อนงำ”
เว่ยซูหานกล่าวกับตัวเอง ก่อนจะสบตากับเหยียนชิงและเดินเข้าไป
ชายที่นอนอยู่บนเตียงนั้นรูปร่างสูงใหญ่ แม่ว่าจะดูไม่หล่อเหลาเท่าไหร่ แต่คิ้วหนาตาโตก็นับหน้าตาพอใช้ได้ มีรัศมีของความเป็บุรุษที่แรงกล้า ผิวคล้ำดูกำยำ ต่อให้ตอนนี้จะป่วยใบหน้าซีดเซียวและเต็มไปด้วยหนวดเครา แต่ก็มองออกว่าคนผู้นี้แข็งแรงขนาดไหน
“เอาล่ะ เ้าอย่าร้อนใจไป ข้าไม่ได้ไปเอาเงินจากคนพวกนั้น เ้าวางใจเถอะ ครั้งนี้มีผู้มีพระคุณมาช่วย เ้าอย่าพูดเยอะ เดี๋ยวก็ไอออกมาอีก ”
ขณะที่หลินซิวป้อนน้ำให้เขา ก็อธิบายให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงไพเราะ หมอตรวจชีพจรอยู่ข้างๆ จากนั้นก็ถามอาการป่วย ก่อนจะเขียนใบสั่งยาให้
“ผู้มีพระคุณ ใครกัน?”
หลังจากที่หานตงหลินพูดจบ เขาก็เห็นเหยียนชิงและเว่ยซูหานเดินเปิดม่านเข้ามาพร้อม เขากลืนคำพูดที่เหลือ หลังจากนั้นครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยออกมา
“คุณชายเหยียน ฮูหยินน้อย…”
หลังจากดิ้นรนที่จะลุกขึ้น หลินซิวก็พยุงเขาขึ้นมาพิงกับหัวเตียง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ข้าไปหาคุณชายสามกับฮูหยินน้อย พวกเขาก็เลยพาหมอมาที่นี่”
“นอนเถอะ ไม่ต้องมากพิธีหรอก”
เว่ยซูหานดึงเหยียนชิงที่้าจะก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง และขอให้หมอจัดยาดีๆ ให้เขา
เหยียนชิงรู้เว่ยซูหานหมายถึงอะไร ที่ไม่ปล่อยให้เขาเข้าใกล้เพราะกังวลว่าร่างกายของเขาอ่อนแออาจติดหวัดจากหานตงหลินได้
เมื่อมองไปที่คู่สามีภรรยาที่อยู่ข้างหน้าเขา หานตงหลินก็รู้สึกโล่งใจในทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ขอบคุณคุณชายและฮูหยินน้อยที่มา ข้าน้อยรู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ แต่ที่นี่ไม่มีเตาถ่าน หวังว่าแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านจะไม่ถือสา ซิว ไปเทน้ำร้อนสักถ้วยมาให้แขกผู้มีเกียรติทั้งสอง...“
เหยียนชิงโบกมือ
“ไม่ต้องต้อนรับพวกเราหรอกนะ เ้าไม่สบายก็ไม่ต้องพูดมาก หลินซิวบอกพวกข้าแล้ว เ้าทำใจให้สบายรักษาอาการป่วยเถอะ พอดีขึ้นมีอะไรค่อยพูดก็ยังไม่สาย”
หานตงหลินได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า “ขอบคุณคุณชาย แค่ก ๆ..”
“ดูเ้าสิ ก็บอกว่าอย่าพูด…” หลินซิวตบหลังให้เขาอย่างระวัง
หานตงหลินใช้มือปิดปาก “ข้าแค่ก ๆ…”
“พวกเราออกไปก่อนนะ เ้าเองก็เชื่อฟังที่หมอสั่งด้วย”
เมื่อเห็นว่าเขา้าจะพูดต่อ เหยียนชิงทำได้เพียงต้องดึงเว่ยซูหานออกไปก่อน เหยียบหิมะในลานบ้านเพื่อสังเกตลานเล็กๆ ที่ทรุดโทรมนี้อย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้นไม่นานหลินซิวก็ออกมา และยกน้ำร้อนมาให้สองถ้วย
“ท่านทั้งสองดื่มน้ำร้อนก่อนเถอะ ต้อนรับไม่ทั่วถึง ต้องขออภัยด้วย”
เหตุผลหลักคือในบ้านไม่มีอะไรที่สามารถหยิบมาต้อนรับได้ วันส่งท้ายปีเก่าก็กินอะไรง่ายๆ เทศกาลใหญ่ๆ แบบนี้ไม่มีความหมายกับพวกเขา
“ไม่เป็ไร” เหยียนชิงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดตามองของข้าวของที่วางอยู่ก่อนจะเอ่ยถาม “เมื่อครู่เ้าบอกว่าสามีเ้าเป็ช่างไม้หรือ?”
“ขอรับ” หลินซิวพยักหน้ากวาดตามองรอบๆ “ในฤดูทำนา ก็จะรับทำเครื่องมือที่ใช้ทำนาเ่าั้และรับจ้างพิเศษแถวนี้ จึงไม่ต้องกังวลกับเครื่องมือทำไร่ทำนาที่วางอยู่ในบ้าน”
เหยียนชิงพยักหน้า “อืม นี่ก็ถือว่าเป็งานฝีมืออย่างหนึ่ง…”
หลินซิวพยักหน้า จากนั้นครู่หนึ่งก็ถอนหายใจ
“เดิมที ชีวิตก็ไม่ได้อัตคัดขนาดนี้ แต่มารดาของข้าป่วยติดเตียงมานานกว่าหนึ่งปี จากนั้นก็เสียชีวิตไปเมื่อสองเดือนก่อน ข้ากับสามีต้องชดใช้หนี้ที่ติดค้าง ซึ่งเป็เงินที่ยืมมาจ่ายค่ายาค่าหมอให้แม่ข้า และตอนนี้ก็เหลือไม่มากแล้ว พอตอนนี้เขาป่วยมันก็ค่อนข้างลำบาก ข้าเป็คนไร้ประโยชน์ ไม่สามารถทำงานหาเงินได้”
หานตงหลินไม่ยอมปล่อยให้เขาออกไปหางานทำเพราะกลัวว่าเขาจะถูกรังแกและถูกทำร้าย
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้”
เหยียนชิงรู้ว่าถ้าครอบครัวที่ยากจนมีคนป่วยระยะยาวชีวิตความเป็อยู่จะยิ่งแย่ลงไปอีก
หลินซิวก้มศีรษะพลางพูดว่า “ดังนั้น วันนี้เป็วันส่งท้ายปีเก่า และไม่ควรไปที่บ้านของพวกท่าน จนรบกวนเวลาของพวกท่าน แต่ข้าจนปัญญาจริงๆ…”
เหยียนชิงเห็นท่าทางเจียมตัวของเขาก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้าและตบแขนของเขาเบาๆ
“ไม่เป็ไร พวกเ้าไม่ได้ทำอะไรผิด พวกเ้าใช้ชีวิตอย่างขยันขันแข็ง แน่นอนว่าเื่นี้พวกเราจะช่วยเ้า”
หลังจากพูดเสร็จก็เหลือบมองเว่ยซูหาน เว่นซูหานยื่นตั๋วเงินที่เตรียมไว้ใส่ในมือเขา
“เ้าไม่ได้บอกว่า้ายืมเท่าไหร่ นี่คือตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึง เอาไปก่อน”
“อ๊ะ?” หลินซิวใและดึงมือที่ยื่นออกมากลับไปทันที “ข้าน้อยไม่้าเงินมากมายขนาดนี้ ข้าน้อย้าแค่ยี่สิบตำลึงเท่านั้น”
ตราบใดที่หานตงหลินหานป่วย ปีหน้าพวกเขาสองสามีภรรยาจะทำงานให้หนักขึ้นและค่อยๆ ทยอยคืน เงินที่ยืมมาก็จะยืมมากเกินไปไม่ได้
ตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึง พวกเขาไม่สามารถจ่ายได้ในเวลาหนึ่งปี
เหยียนชิงหยิบตั๋วเงินและยัดลงในมือของหลิวซิวโดยตรง และพูดอย่างเคร่งขรึม
“ยี่สิบตำลึงอย่างมากก็แค่รักษาอาการป่วยของเขาเท่านั้น สภาพชีวิตของพวกเ้าในตอนนี้เป็อย่างไรเ้าเองก็น่าจะรู้ดี จะอยู่รอดในฤดูหนาวโดยที่ไม่มีเตาถ่านได้อย่างไร? เ้าก็เพิ่งบอกไปว่าเพื่อหาเงินเขาจึงทำงานหนักเกินไปจนพลัดตกลงไปในน้ำ หรือว่าหลังจากที่เขาหายป่วยแล้วก็ยังอยากจะมีสภาพเช่นนั้นต่อหรือ?”
“แต่ว่า...” หลินซิวยังคงปฏิเสธ “มากเกินไป ข้ากังวลว่าพวกข้าจะคืนไม่หมดง่ายๆ”
ยังไม่ได้จ่ายค่าเช่าที่ดินเลยนะ เขาไม่กล้ารับเงินจำนวนมากขนาดนี้จริงๆ
“พวกเ้าสามารถพยายามขึ้นกว่านี้อีกได้ ทำงานฝีมืออีกสักเล็กน้อย...” เหยียนชิงยิ้ม จากนั้นก็หันไปทางเว่ยซูหาน “ฮูหยินเ้าว่าอย่างไร?”
เว่ยซูหานได้ยินที่เขาถามเื่ที่หานตงหลินเป็ช่างไม้ก็พอจะนึกออกว่าเขาคิดจะทำอะไร หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดอย่างจริงจัง
“ข้าได้ยินท่านแม่บอกว่า ในทุกๆ ปี่ฤดูทำนา สวนชาและไร่นาของตระกูลเหยียน จำเป็ต้องเปลี่ยนอันใหม่จำนวนไม่น้อย ดังนั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน เงินจำนวนนี้ก็ถือเสียว่าเป็ค่าอุปกรณ์ทำไร่นาที่ตระกูลเหยียนซื้อกับพวกเ้า หลินซิว ่ฤดูเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ผลิ ให้หานตงหลินมาหาข้า เตรียมอุปกรณ์ทำไร่สวนมาให้พร้อม เื่เงินย่อมไม่มีปัญหา
“เอ่อ...” ริมฝีปากของหลินซิวสั่นเทา เข้าใจความหมายของเว่ยซูหานดี ก็อดซึ้งใจไม่ได้
ตึง…
หลินซิวคุกเข่าลงทันที สองมือวางลงบนพื้นก้มศีรษะให้พวกเขา “ขอบคุณผู้มีพระคุณทั้งสอง… ขอบคุณ”
เว่ยซูหานได้เห็นดังนั้นแล้วก็รู้สึกเศร้าอย่างอธิบายไม่ถูก ใครบอกว่าฟ้าย่อมมีทางออกให้คนเราเสมอ คนถ่อมตัวที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคนนี้อาจจะคุกเข่ามาไม่น้อยครั้งเพื่อยืมเงินคนมานักต่อนัก ชาติที่แล้วเพื่อคนที่เขารักก็หมดหนทางเช่นนี้ สุดท้ายก็เจอกับความตายอย่างน่าอนาถ
เหยียนชิงรีบดึงขึ้น “ลุกขึ้น อย่าคุกเข่าเช่นนี้... ทุกอย่างจะเรียบร้อย”
เขาพูดเสร็จก็หยิบถุงเงินใส่มือของอีกฝ่าย
“นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของข้า ตามที่ฮูหยินของข้ากล่าวมา เงินเหล่านี้ไม่ได้ให้พวกเ้ายืม แต่เป็เงินมัดจำ พวกเราทำการซื้อขายอย่างยุติธรรม”
เงินจำนวนนี้ไม่มีความหมายอะไรสำหรับพวกเขา ให้เพิ่มอีกหน่อยก็ไม่เป็ไร แต่ความหมายมันต่างกัน เขาเห็นว่าหลินซิวเป็คนประเภทที่มีความมุ่งมั่นสูง ดังนั้นจึงเปลี่ยนวิธี แทนที่จะหาปลามาให้มิสู้สอนวิธีจับปลาให้เขา
“ขอรับ ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะของคุณชายและฮูหยิน ข้าน้อยและสามีซาบซึ้งใจยิ่งนัก จะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”
หลินซิวััที่หางตาที่บวมเปล่งของเขา หายใจเข้าลึก ๆ และกำถุงเงินพร้อมกับตั๋วเงินอย่างแน่น ถือเงินจำนวนนี้ไม่หนักเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว
หลินซิวกลับไปในบ้านและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ออกมาพร้อมกับหมอ เอาใบสั่งยาไปซื้อยากับร้านขายยาที่ใกล้ที่สุด เหยียนชิงและเว่ยซูหานก็ขึ้นรถม้าไปกับหมอ เมื่อบอกลาแล้วก็จากไป
แต่ก่อนจะไปนั้น เว่ยซูหานก็พูดกับหลินซิวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“หากเ้ายังมีปัญหาอีก ก็มาที่ตระกูลเหยียนได้เลย เอาความสามารถของพวกเ้ามาแลก ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าคิดที่จะขายตัวเองหรือทำร้ายตัวเองเพื่อแก้ปัญหา แม้ว่าฟ้าจะมีทางออกให้คนเราเสมอ แต่ถ้าเ้าไม่เดินไปต่อ ก็ไม่มีทางทำให้ตัวเองเดือดร้อน”
หลินซิวหรี่ตาลง เห็นได้ชัดว่าเข้าใจคำพูดของเว่ยซูหาน เขาเม้มปากและโค้งคำนับ
“ขอบคุณฮูหยิน ข้าน้อยจะจำไว้”
ว่ากันว่าผู้คนต้องเคยเผชิญกับสถานการณ์ที่สิ้นหวังสักครั้งชีวิตจึงจะเดินต่อได้ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเป็เช่นนี้หรือไม่? เขาเกือบจะยอมแพ้ ครั้งนี้หอบความหวังครั้งสุดท้ายไปที่ตระกูลเหยียน ถ้าไม่ได้ เขาก็จะใช้ตัวเองไปแลกแล้ว
