‘เกิดเหตุนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งขับรถตกสะพานอาการสาหัส...’
สีขาวกาลกิณี เป็เพราะสีขาวกาลกิณีประจำสัปดาห์หรือเปล่านะ ที่หอบเอาเื่ราวโชคร้ายเข้ามาไม่หยุดหย่อน ั้แ่ใส่สีขาว ทั้งสัปดาห์ก็ล้วนมีเหตุติดขัดเล็กๆน้อยๆชวนรำคาญใจ แต่เพราะเชื่อว่าชีวิตมนุษย์อยู่เหนือดวงและคำพยากรณ์ การกระทำ 90% โชคชะตาฟ้าลิขิต 10% ฉะนั้นแล้วสีขาวกาลกิณีจะเข้ามามีอิทธิพลได้อย่างไร กระทั่งเมื่อครู่ วินาทีวิกฤตอันสามารถเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อสีประจำวันไปโดยปริยาย
“ฟ้า... ถึงแล้ว”
“.....”
“ได้ยินพี่ไหมฟ้า ระฟ้า!?”
ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อถูกฝ่ามือเย็นเฉียบแตะทาบลงบนไหล่ สติสัมปชัญญะที่ล่องลอยหายตลอดทางมาโรงพยาบาลบินกลับเข้าตัว ระฟ้า วาสุรีย์โรจน์ ประธานกรรมการสูงสุดแห่ง วาสุกรุ๊ป ธุรกิจธนาคารเอกชนแนวหน้าของประเทศ ชายหนุ่มเ้าของตำแหน่ง CEO อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ เวลานี้กำลังเดินจนแทบจะวิ่งไปยังบริเวณห้อง ICU เพื่อทำการเซ็นยินยอมผ่าตัดให้แก่สามีตามกฎหมาย
“เขาจะต้องไม่เป็อะไร ฟ้าเชื่อพี่”
ชวิศ ลูบแขนคนอายุน้อยกว่าให้คลายความเป็กังวล พอรู้เื่ รุ่นพี่คนสนิทอย่างเขาก็ขันอาสาขับรถพาระฟ้ามาโรงพยาบาล ดูจากสภาพจิตใจของอีกฝ่ายแล้วคงขับมาเองไม่ไหวแน่ๆ และมันก็เป็อย่างนั้นจริงๆ ขนาดจับปากกาตวัดลายเซ็นมือระฟ้ายังสั่นระริก ชวิศต้องคอยปลอบว่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ใจเย็นๆ ค่อยๆเขียน ครั้นเสร็จสิ้นก็พาน้องมานั่งรอยังเก้าอี้ตรงโถงทางเดิน
“เพราะผมหรือเปล่า ผมแช่งเขา..”
ระฟ้านั่งมองฝ่ามือของตนเองที่ไม่หยุดสั่นเทาแม้สักวินาที ภาพความทรงจำเมื่อสองวันก่อนฉายชัดในหัว คำพูดทั้งหมดที่ระฟ้ากับสามีทะเลาะกันสะท้อนดังก้อง แม้จะทะเลาะกันบ่อยเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว แม้อีกฝ่ายจะใช้ประโยคเหน็บแนมเจ็บแสบไปถึงขั้วหัวใจ แม้ระฟ้าจะตอบกลับอย่างถึงพริกถึงขิง แต่ใครจะคิดว่าคำแช่งนั้นของระฟ้าจะดันบังเกิดผล
“ผมบอกเขาว่าไปตายซะไป คนเฮงซวยอย่างเขาน่ะ ฮึก... แต่ผมไม่ได้อยากให้เขาตายจริงๆนะ”
ร่างบางซบใบหน้าลงบนฝ่ามือตนเองพร้อมกับปล่อยโฮ
ระฟ้ารู้ดีว่าตลอดระยะเวลาเฉียดสามปีเขากับสามีล้วนปราศจากความรักต่อกัน เราแต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ อยู่กินเพราะเงินทองทรัพย์สิน ทะเลาะกันตามประสาลิ้นกับฟัน แต่ระฟ้าไม่เคยคิดอยากให้เขาตายไปให้พ้นๆหน้า อยากหย่า อยากเลิกเสียทุก่ลมหายใจ แต่ต้องไม่ใช่เลิกแบบนี้ จากเป็อย่างไรก็ดีกว่าจากตาย
“ผมไม่ได้ตั้งใจนะพี่วิศ ฮึก คือผม...”
“ฟ้า มันจะไปเป็เพราะฟ้าได้ยังไง ฟ้าเป็แค่คนธรรมดา ไม่มีวาจาสิทธิ์” ชวิศรั้งใบหน้าน้องมากอดแนบอก “ทั้งหมดคืออุบัติเหตุ คุณ ศิธา เขาประสบอุบัติเหตุ”
ศิธา วาสุรีโรจน์ รองประธานกรรมการแห่งวาสุกรุป พ่วงตำแหน่งสามีของท่านประธานระฟ้า ซ้ำยังครองพื้นที่สื่อติดอันดับหนึ่งในสามของวงการ ใครๆต่างรู้จักกันดีว่าศิธาคือดาาายแนวหน้า เล่นภาพยนตร์เื่ไหนก็ดังเปรี้ยงปร้าง เขาคือเพชรเม็ดงามแห่งวงการมายา เ้าของตำแหน่งเ้าชายแห่งวงการจอเงิน หากใครจะรู้ ค่ำคืนศุกร์หรรษานี้ศิธาขับรถตกสะพานถัดไปจากสี่แยกเสี้ยวตะวัน สภาพรถพังยับเยิน เช่นเดียวกับสภาพร่างกายที่เป็ตายเท่ากัน ทำเอาเหล่าแฟนคลับและเพื่อนร่วมวงการแทบไม่ได้หลับได้นอนตลอดคืนเพราะรอฟังอัพเดทอาการ
“กำชับบอดี้การ์ดห้ามนักข่าวเข้ามาเด็ดขาดเชียว”
ชวิศหันไปออกคำสั่งกับหัวหน้าบอดี้การ์ดแทนระฟ้าที่สภาพจิตใจไม่เต็มร้อย เกิดเื่กับดาราดังระดับประเทศอย่างศิธา ทุกสำนักข่าวคงแห่แหนมารอเก็บฟุตเทจกันเต็มหน้าตึก จรรยาบรรณสื่อ 101 ก็ไม่รู้จะคาดหวังได้หรือเปล่า สมัยนี้คนดื่มกินคอนเท้นกันแทนอาหาร ต่อให้ต้องขายิญญา ขายหน้า ขายมารยาทเพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบสำหรับโพสต์ลงสังคมออนไลน์ ชวิศเชื่อว่ามนุษย์พวกนี้ล้วนพร้อมยอมขายหมดสิ้น
“คนแบบเขาไม่ตายง่ายๆหรอกฟ้า เชื่อพี่ เขาต้องไม่ตาย” สั่งบอดี้การ์ดเสร็จก็หันมาปลอบคนน้อง
“อย่าไปพูดต่อหน้าเชียวนะครับ เดี๋ยวก็ได้ต่อยกันอีก”
ระฟ้าส่ายหน้าพลางหัวเราะเบาๆทั้งน้ำตา แล้วทั้งคู่ก็นั่งเฝ้าหน้าห้องผ่าตัดตลอดทั้งคืน จำได้ว่าแพทย์ออกมารายงานผลราวๆตีสอง ‘คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ’ เหมือนยกูเาออกจากอก อย่างน้อยสามีก็ไม่ตาย อย่างน้อยระฟ้าก็ไม่เป็สาเหตุให้สามีต้องตายหลังถูกแช่ง ร่างบางหันไปกอดชวิศพร้อมกับปล่อยโฮอย่างโล่งอกอีกรอบ ก่อนแพทย์จะให้ญาติกลับบ้านเพราะยังนอนเฝ้าไม่ได้ ทีแรกระฟ้าลังเล แต่ชวิศพูดกล่อมอยู่นานสองนานเขาถึงยอมกลับไป ถึงกระนั้นวันรุ่งขึ้นระฟ้าก็รีบมาเยี่ยมสามีแต่เช้า
วันแรกหลังผ่าตัดศิธายังไม่ฟื้น แพทย์ให้เฝ้าระวังที่ห้อง ICU ไปก่อน กระทั่งวันที่สามแน่ใจแล้วว่าอาการไม่น่าเป็ห่วง ดาราหนุ่มจึงได้รับอนุญาตให้ย้ายมาเฝ้าดูอาการที่ห้องพิเศษ าแทางร่างกายของศิธาจัดว่าไม่ได้สาหัสสากรรจ์เมื่อเทียบกับสภาพรถ น่าอัศจรรย์ใจยิ่งกว่าคือแขนขาไม่หัก กระดูกซี่โครงปลอดภัยดี มีเพียงรอยฟกช้ำดำเขียวตามจุดต่างๆ อาจต้องยกประโยชน์ให้ระบบเซฟตี้ของเ้ารถราคาหลักสิบล้านที่รับเคราะห์แทน
“แต่ที่น่าเป็ห่วงคือสมองคนไข้ครับ”
คุณหมออธิบายให้ภรรยาผู้ป่วยฟังขณะตรวจเช็กอาการประจำวัน แม้ร่างกายส่วนอื่นจะไม่แตกหักบุบสลาย แต่สมองของดาราหนุ่มได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง กะโหลกศีรษะเกิดรอยร้าว สมองมีเืออกบางส่วน หากฟื้นขึ้นมีแนวโน้มสูงมากว่าอาจส่งผลต่อความทรงจำของผู้ป่วย
“ความทรงจำ? คุณหมอหมายถึงเขาจะความจำเสื่อมเหรอครับ?”
“ยังตอบไม่ได้แน่ชัดครับ เป็แค่แนวโน้ม..”
ระฟ้าเม้มปาก หันมองร่างสูงอันแน่นิ่งบนเตียง จริงอยู่ที่ระฟ้ากับสามีแทบไม่ลงรอยกัน เจอหน้าก็หาแต่เื่มาทะเลาะจนเสียสุขภาพจิต แต่ระฟ้าไม่เคยอยากให้เขาตายหรือตกอยู่ในสภาพความจำเสื่อมเลย เราตกลงกันว่าจะหย่าเมื่อแต่งงานครบ 3 ปี แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้ เื่ต้องไม่จบลงแบบนี้
จากกันด้วยสภาพปกติไม่ได้หรือไงนะ
คิดแล้วก็ทอดถอนหายใจ ระฟ้านั่งมองเ้าชายนิทราด้วยความรู้สึกหลากหลาย ภาพวันวานในอดีตพรั่งพรูฉายซ้ำ รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมง วันนี้ระฟ้าลางานเพราะแพทย์แจ้งว่าจะย้ายสามีจาก ICU เข้าห้องพิเศษ และถ้าคนไข้ย้ายเข้าห้องพิเศษต้องมีคนเฝ้าอย่างน้อยหนึ่งคนเผื่อกรณีคนไข้เดินเหินไปเข้าห้องน้ำ (ซึ่งเขาไม่น่าจะลุกไหวหรอก) ระฟ้ามาเพื่อการนั้น แต่เพราะนั่งเฝ้าจนลืมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ครั้นได้จับโทรศัพท์ก็พบมิสคอลจากที่ทำงานมากมาย ระฟ้าเลยฝากให้บอดี้การ์ดช่วยเฝ้าศิธาแทนสักครู่เพื่อที่ประธานหนุ่มอย่างเขาจะได้หลบไปคุยงานอันไม่เคยหมดสิ้น
หากใครจะรู้.. ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงระฟ้าก็เห็นทีมแพทย์และกลุ่มพยาบาลต่างวิ่งกรูกันเข้าไปยังห้องพักคนไข้ของสามี ‘คนไข้ฟื้นแล้ว!’ ได้ยินเช่นนั้นระฟ้ารีบกล่าวขอโทษพร้อมกับวางสายคู่ค้าแล้วตรงเข้าไปยังห้องพักทันที แน่นอนว่าสิ่งที่ระฟ้าเห็นคือแผ่นหลังกว้างของใครบางคนกำลังยืนมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างประหนึ่งว่า ตลอดสามวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุขับรถตกสะพานแม้แต่น้อย
“คนไข้คะ มายืนแบบนี้ไม่ได้นะคะ รบกวนไปที่เตียงให้คุณหมอตรวจหน่อยค่ะ”
“เป็แค่เบต้าอย่ามาสั่ง”
“หา คะ? บ.. เบต้า?”
“โรงพยาบาลนี้กลิ่นประหลาดชะมัด โดยเฉพาะกลิ่นอัลฟ่า เหม็นหึ่งน่าสะอิดสะเอียน บอกแล้วไงว่าผมไม่ชอบใช้โรงพยาบาลร่วมกับพวกอัลฟ่า!”
ตะคอกเสียงดังลั่นแล้วก็ทำจมูกฟุดฟิดราวดมกลิ่นอะไรบางอย่างอยู่ตลอด
“คุณศิธา”
ระฟ้าที่ชะงักไปชั่วครู่เพิ่งควานหาเสียงตนเองเจอ เขารีบเอ่ยเรียกร่างสูงของสามีที่ปั้นหน้าหงุดหงิดฟาดงวงฟาดงาขึ้นเรื่อยๆ ฝั่งนั้นพอได้ยินเสียงของระฟ้าก็ตวัดตาหันมองอย่างไม่เป็มิตร ทว่าก็แค่เพียงครู่เดียว เพียงครู่เดียวเท่านั้นเองที่ั์ตาขวางโลกแปรเปลี่ยนเป็เบิกกว้างดั่งต้องมนต์สะกด
“จำผมได้มั้ยครับ ผมระฟ้า”
พูดพร้อมชี้มาที่ใบหน้าตัวเอง ขาก็ค่อยๆก้าวเข้าไปอย่างเชื่องช้าเหมือนกู้ภัยมืออาชีพที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อเสือโคร่งตัวโต
“นางฟ้า”
“หา? ครับ?”
พูดไม่พอยังเดินดุ่มๆเข้ามาจับไหล่ทั้งสองของระฟ้าแน่น คนถูกจับสะดุ้งโหยงเพราะนี่เป็ครั้งแรกไม่นับวันงานแต่ง ที่สามีเข้าใกล้ระฟ้าในระยะ่ลมหายใจ ดวงตาคร้ามคมเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับอ้าปากกว้าง
“นางฟ้าจริงๆด้วย”
“น นางฟ้าอะไรของคุณครับ”
“ก็นางฟ้าโอเมก้าแม่ทูนหัวของพี่ไง พี่ตามหาเธอมาทั้งชีวิต!”
หาาาา??
tbc.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้