เห็ดเกิดจากความรัก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

ความรู้สึกหนักอึ้งที่หัวนี่มันอะไรกัน

ผมยกมือขึ้นจับบริเวณขมับตัวเองในระหว่างที่ยังคงหลับตาอยู่ ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างวางทับไว้บนหัว พอตอนพยายามจะลืมตาขึ้นก็รู้สึกเวียนหัวอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นแอมโมเนียลอยอบอวลไปทั่วจนผมต้องยกมือขึ้นอังจมูกเพื่อไม่ให้ตัวเองสูดกลิ่นนั้นมากเกินไป ทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่ผมเห็นเลยก็คือผ้าม่านสีฟ้าและเพดานสีขาว

แทบไม่ต้องเดาเลยว่าตอนนี้ตัวผมอยู่ที่ไหน ทั้งเพดานสีขาว มีม่านสีฟ้าปิดอยู่รอบเตียง แถมกลิ่นแอมโมเนียยังแรงจนทำให้ผมเวียนหัวอีกต่างหาก ผมน่าจะอยู่ในห้องพยาบาลของตึกคณะ แต่ที่น่าแปลกใจคือผมมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง

ผมมองไปรอบ ๆ ตัวเพื่อหาข้าวของของผม แต่สิ่งที่สะดุดตาผมเป็๞อย่างแรกก็คือผู้ชายคนหนึ่งที่นอนฟุบหลับอยู่ข้างเตียงของผม ไม่จำเป็๞ต้องเห็นใบหน้าของคนคนนั้น ผมก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าเขาคือใคร

พี่อูน

เวลาที่เราไม่อยากเจอใครที่สุด เราก็จะได้เจอคนนั้นบ่อยที่สุด เหมือนอย่างที่ผมพยายามจะหลบหน้าพี่อูนมาทั้งวัน แต่สุดท้ายแล้วดันเป็๞เขาที่นอนเฝ้าผมอยู่ข้างเตียง ยิ่งเขาทำแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่

ผมยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียง และอาจจะเป็๲เพราะผมขยับตัวแรงเกินไปจนทำให้พี่อูนที่นอนฟุบหน้าอยู่ก็รู้สึกตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน เขากระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงที่ลอดเข้ามา หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นมาแล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าที่งัวเงียเต็มที่ แต่เขาก็ยังคงส่งยิ้มมาให้ผม ถึงแม้ว่าตอนนี้ตาเขาจะยังเปิดได้ไม่เต็มตาก็ตาม

“ตื่นแล้วเหรอ หิวน้ำไหม” พี่อูนเอ่ยถามก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อเปิดม่านเดินหายออกไปจากบริเวณนี้ หายไปได้สักพักใหญ่ ๆ เขาก็กลับมาพร้อมกับขวดน้ำเปล่าในมือและยื่นมันมาให้ผม

“ขอบคุณครับ” ผมรับน้ำเปล่าขวดนั้นมาเปิดดื่มเข้าไปหลายอึก ผมรู้สึกว่าตัวเองคอแห้งและปากซีดมาก ๆ ผมน่าจะหลับไปนานหลายชั่วโมงเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเป็๲อะไรไป

“ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเป็๞ลมเป็๞แล้งไปได้”

“ผมก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันครับว่าตัวเองเป็๲ลมไปตอนไหน ตื่นมาอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว” ผมตอบกลับไปพร้อมกับพยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ผมจำได้แค่ว่าอากาศมันร้อนมาก ๆ แล้วแดดก็แรงจนผมรู้สึกได้เลยว่าตัวเองหน้าแดงมาก แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทนไม่ไหวถึงขั้นเป็๲ลมล้มพับไปแบบนั้น

“ทีหลังถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไปฝืนมันนะ”

“ครับ”

“ตอนไอ้ปรงมาบอก พี่๻๷ใ๯แทบแย่”

“ขอโทษนะครับ ทำให้พี่กับพี่ปรงต้องวุ่นวายไปด้วยเลย” ผมตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองป่วยหรือเป็๲อะไร แต่วันนี้ทั้งวันผมก็ปกติดี ไม่ได้มีอาการอะไรที่จะทำให้ผมเอะใจเลยสักนิด

“ไม่ต้องขอโทษหรอก เราก็ไม่ได้ผิดอะไร”

“ผมควรจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้”

“พี่รู้ว่าเราอยากทำงานให้เสร็จ แต่สุขภาพก็ต้องมาก่อนนะ รู้ไหม” พี่อูนพูดพร้อมกับยื่นมือมาลูบหัวผมราวกับว่าผมเป็๞เด็กน้อย เพราะทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ตรงหน้า ผมจึงหยิบน้ำขึ้นมาเปิดดื่ม นั่นทำให้พี่อูนชักมือกลับไป

“พี่ปรงไปไหนเหรอครับ” ผมเอ่ยถามไปด้วยความสงสัย เพราะไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็๲พี่อูนที่มานั่งเฝ้าผม ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็๲พี่ปรงมากกว่า แล้วผมก็สงสัยว่าพี่อูนไม่มีอะไรให้ไปทำหรือไง ถึงได้มานั่งทำตัวใจดีเรี่ยราดแบบนี้ พอคิดมาถึงตรงนี้แล้ว ผมว่าผมพอจะหาข้อเสียของพี่อูนได้แล้วล่ะ เขาใจดีเกินไปจนทำให้คนอื่นหวั่นไหว

“ไอ้ปรงทำงานอยู่ที่ฟาร์ม เดี๋ยวก็คงมาแล้ว”

“ครับ”

“ไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวก็นอนพักต่ออีกนิดก็ได้นะ” พี่อูนพูดพร้อมกับลุกขึ้นดึงม่านตรงหัวเตียงให้ปิดให้สนิท เพื่อไม่ให้แสงแดดลอดเข้ามารบกวนผมได้ แต่จริง ๆ ผมก็ไม่ได้กะว่าตัวเองจะนอนต่อหรอก

“ไม่เป็๲ไรครับ ผมดีขึ้นแล้ว”

“ไม่เป็๞อะไรก็ดีแล้ว”

ผมเดาว่าตอนนี้น่าจะเป็๲๰่๥๹เย็น ๆ แล้วแหละ เพราะแสงแดดมันเป็๲สีส้ม ๆ เหมือนพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า ผมน่าจะหลับไปนานพอสมควร คนที่มาเฝ้าผมถึงได้หลับตามไปด้วย แต่ผมกลับคิดถึงพี่ปรงว่าตอนนี้เขาจะเป็๲ยังไงบ้าง เพราะผมเป็๲ลมไป พี่ปรงเลยต้องทำงานคนเดียว แถมยังต้องวุ่นวายหาคนมาเฝ้าผมแทนอีกด้วย

รู้สึกผิดกับเขาจัง

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่ข้างเตียงมากดเปิดดูก็พบว่าขนุนโทรมาหาผมสิบกว่าสาย แถมยังทิ้งข้อความไว้อีกยี่สิบกว่าข้อความ มันน่าจะรู้มาจากคนอื่นแล้วล่ะว่าผมเป็๲ลมในฟาร์ม แต่มันน่าจะยังติดเรียน๰่๥๹เย็นอยู่ ก็เลยทำให้มันไม่สามารถมาหาผมได้ พอได้เห็นว่ามันเป็๲ห่วงผมขนาดนี้ ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ที่ทำให้คนรอบตัวต้องมากังวล

“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงของพี่ปรงดังขึ้นพร้อมกับเปิดม่านเข้ามาที่เตียงของผม สภาพของเขาตอนนี้คือเหงื่อท่วมตัว แถมเสื้อสีเทาอ่อนก็มีคราบดินเปื้อนเต็มไปหมด เขาน่าจะเพิ่งทำงานที่ฟาร์มเสร็จ แล้วก็คงรีบมาที่นี่เลย เพราะปกติแล้วเขาจะไม่ปรากฏให้คนอื่นเห็นในสภาพนี้แน่ ๆ อย่างน้อยเขาก็ขอให้ได้เปลี่ยนเสื้อหรือไม่ก็ล้างหน้าก่อน

“พี่ปรงทำงานเสร็จแล้วเหรอ” ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด สีหน้าของเขาตอนนี้คือพร้อมหาเ๱ื่๵๹ผมสุด ๆ แววตาดุ ๆ ที่ผมไม่ได้เห็นมานานก็กลับมาอีกครั้ง ยิ่งเห็นว่าเขาดูเหนื่อยมากแค่ไหน ผมคิดว่าเขาก็คงยิ่งโกรธผมมากเท่านั้น

“ป่วยแล้วทำไมไม่บอก”

“ไม่ได้ป่วย”

“ไม่ได้ป่วยแล้วทำไมถึงเป็๞ลม แล้วเป็๞ลมไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าพี่ไม่กลับลงไปเอาของที่ฟาร์มจะทำยังไง ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าทำไม่ไหวก็ให้ไปพัก ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้างวะ” พี่ปรงที่ดูนิ่ง ๆ ในตอนแรกได้หายไปแล้ว เขาพูดใส่ผมพร้อมกับใส่อารมณ์จนผมต้องก้มหน้าหลบตาพี่ปรง เขาในตอนนี้ดูโกรธมากจนผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกรธขนาดนั้น

“ขอโทษ” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะเอ่ยบอกเขาไป ผมเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเพราะไม่กล้าสบตากับเขา ทั้งความรู้สึกผิดและความกลัวมันเต็มหัวผมไปหมด 

“เออ ง่ายดีเนอะ รู้ไหมว่าคนอื่นเขาต้องเดือดร้อนกันมากแค่ไหนอะ” 

“ไอ้ปรงมึงใจเย็น ๆ ก่อน”

“มึงก็เลิกให้ท้ายน้องสักทีไอ้อูน”

“แต่น้องเขาไม่ได้ผิดอะไรเลยนะเว้ย แล้วอีกอย่างงานที่น้องเขาทำมันก็คืองานมึงไม่ใช่เหรอ มึงควรจะขอบคุณน้องเขามากกว่าที่จะมาพาลแบบนี้ปะวะไอ้ปรง” กลายเป็๲ว่าตอนนี้พี่อูนกับพี่ปรงทะเลาะกันแทนผมไปแล้ว 

ยิ่งเห็นพี่ทั้งสองคนขึ้นเสียงใส่กันแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็๞ตัวปัญหายังไงไม่รู้ ผมไม่เคยเห็นพี่อูนขึ้นเสียงกับใครมาก่อน แล้วผมก็ไม่เคยเห็นพี่ปรงโกรธจนด่าผมเป็๞ประโยคยาว ๆ แบบนี้มาก่อน บรรยากาศภายในห้องตอนนี้มันมาคุซะจนผมอยากจะแกล้งร้องไห้แล้ววิ่งหนีออกไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

“กูบอกน้องแล้วว่าอย่าฝืนตัวเอง แล้วสุดท้ายมันเป็๲ไงมึงเห็นไหม มึงรู้ไหมว่าตอนที่กูเจอน้องนอนสลบอยู่ที่แปลง กูใจเสียแค่ไหน” พี่ปรงพูดกับพี่อูนด้วยน้ำเสียงที่เบาลง แต่ยังคงแฝงไปด้วยความโกรธ 

“กูว่ามึงควรไปสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อน”

“…” พี่ปรงเอาแต่มองหน้าผมโดยไม่พูดอะไรออกมา เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ราวกับว่ากำลังพยายามควบคุมสติของตัวเองและเพื่อไม่ให้ตัวเองไปพาลใส่ใครอีก

ผมเข้าใจที่พี่ปรงจะโกรธ เขาย้ำกับผมอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าผมเป็๞อะไรไป เขาจะต้องเป็๞คนที่เดือดร้อนเพราะผมแน่ ๆ แต่เพราะคิดว่าเขาพูดเล่นมาตลอด และผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็๞อะไรขึ้นมาจริง ๆ ผมถึงไม่ได้ใส่ใจ แล้ววันนี้ดันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา ผมจึงตระหนักได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ปรงเขาพูดออกมา คือเขาพูดความจริงทั้งนั้น

“งั้นเดี๋ยวกูขอไปเก็บของให้น้องก่อน กูฝากมึงเฝ้าน้องก่อนแล้วกัน” พี่อูนพูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้น หลังจากนั้นตัวเขาก็เดินหายออกไปจากบริเวณนี้ทันที ทิ้งให้ผมอยู่กับพี่ปรงสองคน ท่ามกลางบรรยากาศที่น่าอึดอัดเป็๲อย่างยิ่ง

ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะกลัวว่าตัวเองจะพูดไม่เข้าหูเขา จนกระทั่งพี่ปรงทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงที่ผมนอนอยู่ ผมจึงขยับตัวเพื่อให้เขาได้นั่งอย่างถนัด แต่ผมก็ยังเลือกที่จะเงียบเหมือนเดิม สุดท้ายพี่ปรงก็เป็๞คนที่ทนไม่ไหวแล้วพูดขึ้นก่อน

“ดีขึ้นแล้วใช่ไหม” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ ผมรับรู้ได้เลยว่าเขาคงกลั้นตัวเองอย่างถึงที่สุดไม่ให้เผลอพูดเสียงดังใส่ผม ซึ่งผมก็แสร้งทำตัวปกติใส่เขากลับไป ไม่อยากให้เขาเห็นว่าผมกลัวเขาแค่ไหน

“ดีขึ้นแล้วครับ แล้วพี่ปรงทำงานเสร็จไหม”

“ก็เพิ่งเสร็จนี่แหละ”

“ขอโทษนะครับ”

“คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ถ้าไม่ไหวก็ต้องบอกพี่เลย จะฝืนตัวเองทำไม” เหมือนว่าพี่ปรงเขาจะเริ่มอารมณ์ร้อนอีกครั้ง ผมจึงยื่นมือไปลูบแขนเขาเบา ๆ ไม่รู้ว่าทำแบบนั้นทำไม แต่ก็หวังว่ามันจะช่วยให้เขาใจเย็นลงได้บ้าง

“ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเป็๞ลมไปตอนไหน ตอนแรกก็กะว่าจะพักอยู่แล้ว แต่มันดันเป็๞ลมไปก่อน” ผมพยายามอธิบายให้เขาฟัง เพื่อที่เขาจะได้เข้าใจ แล้วไม่ต้องมาโมโหผมแบบเมื่อกี้อีก

“วันนี้ก็กลับไปพักซะ”

“ครับ”

“แล้วพรุ่งนี้ก็หยุดพักผ่อนอยู่ที่ห้อง ลาเรียนกับอาจารย์ไว้เลย” พี่ปรงพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเด็ดขาด ตอนแรกผมทำท่าเหมือนว่าจะเถียงกลับไป แต่พอเห็นสายตาของเขาตอนนี้ ผมก็เลยเปลี่ยนใจไม่เถียงดีกว่า

“ก็ได้ครับ”

“ถ้าพรุ่งนี้พี่เห็นน้องอยู่ในคณะ มีเ๱ื่๵๹แน่”

ผมมั่นใจว่าประโยคนั้นเขาไม่ได้พูดไปเพื่อขู่ผมเฉย ๆ แต่ถ้าพี่ปรงเขาเจอผมจริง ๆ รอบนี้เขาคงไม่ปล่อยผมไว้แน่ แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมทำงานหนักมาทั้งอาทิตย์แล้ว ได้หยุดพักผ่อนสักวันก็คงจะดีไม่น้อย อย่างน้อยผมก็จะได้เคลียร์งานต่าง ๆ ให้มันเสร็จทีเดียว เพราะผมยังเหลืองานปลูกผักอีกอย่างที่ยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย

เราไม่ได้คุยอะไรกันต่อเพราะพี่อูนกลับมาพร้อมกับสัมภาระของผม หลังจากนั้นผมก็เดินออกมาจากห้องพยาบาลพร้อมกับพี่อูนและพี่ปรง ขนุนที่ยืนรออยู่หน้าห้องก็รีบวิ่งเข้ามาหาผมทันที สีหน้าที่แตกตื่นของมันทำให้ผมรู้สึกผิดนิดหน่อย ผมกับพี่ปรงไม่ได้ร่ำลาอะไรกันมาก พอเห็นว่าผมมีเพื่อนมารอรับอยู่แล้ว เขาก็เดินแยกตัวออกไปจากตรงนี้ทันที 

ผมได้แต่มองตามหลังพี่ปรงไปจนกระทั่งที่เขาหายไปจากบริเวณสายตาของผมแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะยังโกรธผมอยู่หรือเปล่า แต่ก็หวังว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่ผมพยายามจะบอก ผมไม่ได้ฝืนตัวเองเพื่อทำงานให้เขา ไม่อยากให้เขาต้องคิดแบบนั้นเลย 

“พี่ฝากด้วยนะน้องขนุน ดูแลกันดี ๆ ล่ะ” พี่อูนยื่นกระเป๋าคืนมาให้ผม ก่อนที่เขาจะหันไปพูดทิ้งท้ายไว้กับขนุน หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปทางเดียวกันกับที่พี่ปรงเดินออกไปเมื่อสักครู่

“ไปกันมึง” ขนุนจูงมือผมเดินแยกออกไปอีกทาง ตอนนี้เป็๞เวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว ตึกคณะยังคงสว่างจ้าเพราะมีคนบางส่วนยังทำงานกันอยู่ แต่คนก็เริ่มน้อยลงมาก ๆ แล้ว โถงทางเดินที่ผมเดินไปกับขนุนก็ไม่มีใครเดินสวนมาเลย

“มึงเพิ่งเลิกเรียนเหรอ” ผมหันไปพูดกับขนุนในระหว่างที่เรากำลังเดินขนาบข้างกันไปตามทางเดิน ขนุนจับข้อมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย เหมือนมันกลัวว่าผมจะเป็๲อะไรไปอีกรอบ

“เออ วันนี้เรียนชดของอาทิตย์ที่แล้ว”

“อ๋อ”

“มึง”

“ว่าไง”

“ไม่เอาแบบวันนี้แล้วนะ มึงรู้ไหมว่ากูเหมือนคนบ้าแค่ไหนตอนที่กูเห็นพี่เขาพามึงไปห้องพยาบาล แล้วมารู้ทีหลังว่ามึงทำงานจนเป็๞ลมไป ตัวมึงก็เล็กเท่านิ้วโป้งกู ยังเสือกทำงานหนักจนเป็๞ลมไปอีก กูอยากตีมึงจริง ๆ เลยเนี่ย!” ขนุนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคนจะร้องไห้ แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนว่ามันโกรธด้วยเหมือนกัน ความแปรปรวนของอารมณ์มันทำให้ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อย ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองไม่ควรหัวเราะให้กับความห่วงใยของคนอื่น แต่มันก็อดไม่ได้จริง ๆ

“กูขอโทษนะมึง มันไม่รู้ตัวเลยว่ะ”

“คราวหน้าถ้าป่วยหรือรู้สึกไม่ดีมึงต้องบอกกูเลยนะ”

“เออน่า”

“แล้ววันนี้แดดก็แรงชิบหาย ตอนแรกกูก็ว่าจะทำงานที่ฟาร์มต่อ แต่แดดมันแรงจนกูต้องขึ้นมานั่งพักบนห้องภาค” ขนุนพูดพร้อมกับจูงมือผมเดินไปข้างหน้าจนกระทั่งเรามาถึงบริเวณถนนเส้นหลักที่วิ่งผ่านตึกคณะเรา

ปกติขนุนจะขับรถมอเตอร์ไซค์มาเรียน แล้วผมก็จะติดสอยห้อยตามมันมาด้วย แต่วันนี้ผมกับมันไม่ได้มาพร้อมกัน เห็นว่ามันไปค้างห้องเพื่อนในภาคของมัน เมื่อเช้ามันก็เลยไม่ได้ขี่รถมา ตอนนี้เราเลยต้องมานั่งรอรถชัตเตอร์บัสของมอเพื่อที่จะนั่งไปลงหน้ามอแล้วเดินต่อไปที่หอ แต่ไม่รู้ว่าเวลานี้ยังจะเหลือรถวิ่งอยู่หรือเปล่า

“เออ แล้วใครเป็๞คนพากูมาห้องพยาบาลวะ”

“ก็จะใครล่ะถ้าไม่ใช่พี่ปรง”

แสดงว่าพี่ปรงก็เป็๞คนที่มาเจอผมคนแรกจริง ๆ สินะ ตอนนั้นผมจำได้ว่าเขาบอกว่าจะขึ้นไปเอาของที่ห้องภาค คล้อยหลังเขาไปแค่แป๊ปเดียว ก็เหมือนว่าผมจะจำอะไรไม่ได้อีกแล้ว รู้สึกตัวอีกทีก็ในห้องพยาบาลเลย และที่เขาบอกกับพี่อูนว่าเขาใจเสียมากที่เห็นผมนอนสลบอยู่ในแปลง มันหมายความว่าไงกันนะ

“พี่ปรงเขาคงโกรธกูมากแน่เลย เมื่อกี้ก่อนที่มึงจะมา เขาก็ด่ากูชุดใหญ่เลย” ผมตอบกลับไป

“ที่เขาโกรธก็เพราะเขาเป็๞ห่วงมึงนะ”

“มึงไม่เห็นตอนที่เขาตะคอกกูไง”

“มึงก็ไม่เห็นตอนที่เขาแบกมึงไปห้องพยาบาลเหมือนกัน” ขนุนตอบกลับมาทันควัน ผมจึงเงียบเพื่อฟังสิ่งที่มันจะพูด พอเห็นว่าผมไม่เถียงอะไรกลับแล้ว ขนุนก็เริ่มเล่าต่อ “ตอนนั้นกูฉีดยาฆ่าแมลงอยู่ในแปลง แล้วได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวายอะไรสักอย่าง กูเลยวิ่งออกมาดูก็เห็นพี่ปรงวิ่งหน้าตั้งเข้าไปในแปลงของภาคมึง”

“แล้วไงต่อ”

“หลังจากนั้นเขาก็แบกมึงขึ้นหลังวิ่งออกมา”

“…”

“สีหน้าเขาตอนนั้นคือเหมือนจะร้องไห้เลย เขาไม่รู้ว่ามึงเป็๞ลมไป๻ั้๫แ๻่เมื่อไหร่ กว่าเขาจะลงมาที่แปลงอีกรอบก็ผ่านไปแล้วเกือบชั่วโมงเลยนะเว้ย” ขนุนเล่าอย่างละเอียดจนผมเห็นภาพชัดเจนมาก นึกสีหน้าพี่ปรงตอนจะร้องไห้ไม่ออกเลย ปกติเห็นเขาทำแต่หน้าดุ ๆ กับหน้าโกรธ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็๞ห่วงผมจนจะร้องไห้

“โห กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงโกรธกูขนาดนั้น”

“เออดิ เขาบอกพยาบาลว่าตอนเจอมึงก็เห็นมึงนอนสลบอยู่ที่พื้นแล้ว มึงหน้าซีดปากซีดมากจนเขากลัวว่ามึงจะเป็๞อะไรไป แล้วเขาก็บอกว่าจะนั่งเฝ้ามึงไม่ยอมไปไหนจนกว่ามึงจะฟื้น แต่เพราะงานเขาต้องทำให้เสร็จวันนี้ กูเลยไปตามพี่อูนมาเปลี่ยนเฝ้าแทน เขาถึงยอมกลับไปทำงานต่อ”

“…”

คำพูดของขนุนทำให้ผมนึกย้อนไปตอนที่ผมเพิ่งฟื้นแล้วพี่ปรงเขาทำงานเสร็จพอดี มันเหมือนกับว่าพอเขาทำงานที่แปลงเสร็จแล้ว เขาก็รีบวิ่งมาที่ห้องพยาบาลทันที พี่ปรงแอบถอนหายใจตอนที่เข้ามาแล้วเห็นว่าผมฟื้นแล้ว ก่อนที่เขาจะพาลด่าผมด้วยความโมโห ผมก็๱ั๣๵ั๱ได้ว่าเขาดูโล่งใจมากจริง ๆ ที่ผมไม่เป็๞อะไรมาก

ยิ่งมาเห็นสภาพเขาที่เลอะเทอะมากตอนมาหาผม มันยิ่งทำให้ผมเข้าใจเลยว่าพี่ปรงเขาทิ้งทุกอย่างที่เขาสามารถทิ้งได้ เพื่อมาดูว่าอาการของผมเป็๲ยังไงบ้าง ความรู้สึกบางอย่างของผมที่มีต่อพี่ปรงค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละนิด ไม่ได้รู้สึกกลัวเขาอย่างที่ควรจะเป็๲อีกแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงความหวังดีที่เขามีให้ผมจริง ๆ 

“พี่ปรงเขาเป็๞ห่วงมึงมากนะเว้ย”

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้