สิบวันหลังจากเว่ยซูหานกลับมาจากด่านชายแดน จิงโม่ก็มาจัดการเื่ของตัวเอง
“ข้าน้อยคารวะคุณชาย”
“จิงโม่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เหยียนชิงรินชาให้เขาถ้วยหนึ่งหลังจากลงกลอนห้องหนังสือ
คงเพราะเห็นบ่อยเกินไป จึงคุ้นเคยกันมากขึ้น จิงโม่ก็ทำตัวสบายๆ ขึ้นไม่น้อย หลังจากกล่าวขอบคุณแล้วก็นั่งลงจิบชากับเขา
“เป็เื่ที่หายากมากนะ ที่เ้ามาเองโดยที่ไม่ต้องไปเชิญ”
เหยียนชิงยิ้มแย้ม เขาชินกับการที่จิงโม่ทำตัวแปลกๆ จู่ๆ อีกฝ่ายก็โผล่มา ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย
จิงโม่พยักหน้า “เดิมทีข้าน้อยควรมาเยี่ยมแต่เนิ่นๆ แต่เพราะธุระของตัวเองพัวพันเลยล่าช้าจึงมาเอาตอนนี้”
“หืม?” เหยียนชิงประหลาดใจ “มีอะไรพิเศษงั้นหรือ?”
จิงโม่มองเขานิ่งๆ ไม่กี่อึดใจก็ถามกลับไป “ไม่ทราบว่าเื่ที่เกี่ยวข้องกับฮูหยินน้อยของคุณชายเป็เื่พิเศษหรือไม่”
“เกี่ยวกับซูหานงั้นหรือ?” เหยียนชิงเริ่มจริงจังขึ้นเมื่อได้ยินดังนั้นจึงถามต่อว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
จิงโม่เงียบไปชั่วครู่ เขาหยิบหนังสือสัญญาที่มีตราประทับมือโลหิตออกมาจากอกเสื้อ มันเป็สัญญาสังหาร และชื่อในสัญญานั้นก็คือเว่ยซูหาน
“นี่...” ใบหน้าของเหยียนชิงซีดเผือด “เกิดอะไรขึ้น?”
จิงโม่ตอบเสียงเรียบ “มีคนจ้างเจิ้นให้ไปเอาชีวิตคุณชายเว่ย”
เหยียนชิงกัดริมฝีปาก “เมื่อไหร่?”
จิงโม่คิดอยู่ครู่หนึ่ง
“น่าจะเมื่อหลายเดือนก่อน เวลาลงมือคือตอนที่คุณชายเว่ยเดินทางกลับจากชายแดน...”
หลังจากพูดจบเขาก็อธิบายขั้นตอนให้เหยียนชิงฟังอย่างละเอียด หลังจากพูดจบเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ข้าน้อยคิดว่าคุณชายเว่ยน่าจะบอกคุณชายแล้ว”
“เขาไม่ได้พูด” เหยียนชิงฟังจบก็ส่ายหน้าด้วยสีหน้าซีดเผือด ก่อนถามต่อว่า “เ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็ผู้ว่าจ้างงานนี้?”
หนังสือสัญญาในมือไม่มีเบาะแสใดที่มีประโยชน์ มีเพียงกระดาษแผ่นเดียว ไม่มีหลักฐานแสดงฐานะของนายจ้าง
จิงโม่ส่ายหน้า
“ข้าเองก็ไม่รู้ เพราะงานนี้ล้มเหลว และฝั่งเจิ้นก็จะไม่รับคำสั่งลอบสังหารคุณชายเว่ยอีก”
อย่าพึ่งพูดถึงกฎของสัญญาที่ไม่อนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลของนายจ้าง เื่รางวัล ผู้มอบรางวัลก็ต้องเตรียมการไว้แล้ว ส่วนใหญ่นายจ้างจะส่งคนนำเงินมามอบให้ มีเพียงหลักฐานการมอบเงินเท่านั้น และหลักฐานนั่นตอนนี้ก็ถูกเอาคืนนายจ้างไปแล้ว และก็ยากจะสืบค้น
ในฐานะนักล่ามืออาชีพ เขาจะไม่ไปสืบ
“ยกเลิกแล้ว...” เหยียนชิงถอนหายใจอย่างโล่งอก “ขอบคุณ...”
จิงโม่พยักหน้า
“เงินรางวัลของนายจ้างคือตั๋วเงินสองหมื่นตำลึง กฎของเจิ้นคือ หากไม่ตายกันไปข้างหนึ่ง การยกเลิกคำสั่งโดยไม่มีเหตุผลจะต้องชดใช้เงินคืนสิบเท่า ดังนั้นครั้งนี้ข้าจึงมาที่นี่เพื่อขอเงินสองแสนตำลึงจากคุณชาย”
ไม่ใช่ว่ามือสังหารทำไม่ดีจนนำไปสู่ความล้มเหลว แต่เป็เพราะเขาเข้าไปห้าม ดังนั้นนี่จึงถือว่าเป็ค่าหัวของเว่ยซูหาน
จิงโม่พูดตรงๆ เหยียนชิงฟังแล้วก็เข้าใจดีว่าเขามาที่นี่เพื่อขอเงิน
เหยียนชิงตะลึงงันเล็กน้อยก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา “สองแสนตำลึง... ข้าจะมอบให้เ้าไม่ขาดแม้แต่ตำลึงเดียว”
แม้ว่าเงินจะไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับชีวิตของซูหานแล้วไม่มีอะไรมากเกินไป
“ขอบคุณคุณชาย” จิงโม่กล่าวขอบคุณ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เตือนว่า
“แม้ว่าเจิ้นจะไม่รับภารกิจนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่รับดังนั้นคุณชายและคุณชายเว่ยควรระมัดระวังตัวให้มาก แม้ว่านี่จะดูเสียมารยาทอยู่บ้าง แต่การได้จ่ายเงินสูงเช่นนี้เพื่อซื้อชีวิตคนคนหนึ่ง นายจ้างนั่นจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา และคุ้นเคยกับสถานการณ์ของคุณชายเว่ยเป็อย่างดี”
เหยียนชิงพยักหน้า “ข้ารู้”
เพียงแต่ว่าตอนนี้พวกเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย เหตุใดถึงมีคนอยากฆ่าเว่ยซูหานล่ะ?
จิงโม่ไม่ได้อยู่นาน หลังจากได้เงินก็จากไปทันที เหยียนชิงต้องยอมรับว่า จอมยุทธ์ที่เ็าผู้นี้มาที่นี่เพื่อรับเงินจากเขาจริงๆ
แต่พอคิดดูแล้ว การชดใช้สองแสนตำลึงไปโดยไม่มีเหตุผล เจิ้นก็ดูจะเสียเปรียบอยู่บ้าง แน่นอนว่าต้องนับรวมพวกเขาด้วย
ทันทีที่จิงโม่จากไป เหยียนชิงก็สงบลง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เว่ยซูหานกลับมาถึง แต่ยังปิดปากเงียบกับเื่ที่เขาถูกลอบสังหาร ถ้าไม่ใช่เพราะจิงโม่มาบอก เขาคงไม่รู้ไปตลอดชีวิต จริงๆ เลย เื่สำคัญแบบนี้ยังไม่คิดจะบอกเขา ช่างน่าตีให้ตาย!
หลินชวนและผู้ติดตามคนอื่นๆ ก็เช่นกัน ไม่บอกเขาสักคำ... อย่างไรก็ตามเื่นี้ไม่อาจตำหนิคนรับใช้ได้ เป็ความผิดของภรรยาของตนเอง!
ใกล้สิ้นปีแล้ว เื่ในจวนก็ยิ่งมีมากขึ้น เว่ยซูหานยุ่งทั้งวันจนไม่มีเวลาว่าง ยามเช้าเหยียนชิงยังไม่ทันตื่นเขาก็ออกจากบ้าน ในตอนกลางคืนเหยียนชิงหลับไปแล้วเขาถึงได้เอาร่างกายกลับมาด้วยความอ่อนล้า
เหยียนชิงคิดอยากจะถามเื่ราวของมือสังหารกับเขา แต่หาเวลาที่เหมาะสมไม่ได้ จึงรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นจึงแยกไปนอนที่หอชิงเฟิง แอบส่งคนไปสืบดูว่าระหว่างที่เว่ยซูหานออกจากบ้านแล้วกลับมา คนรอบข้างจวนจะมีการเคลื่อนไหวผิดปกติหรือไม่
ชาติที่แล้วเขาไม่เคยได้ยินเื่เว่ยซูหานถูกลอบสังหารมาก่อน หากเกิดปัญหากับเว่ยซูหานและหาเื่ยุ่งยากมาให้เว่ยซูหาน เขาจะต้องหาทางแก้ไขให้ได้ ตอนนี้เหตุผลไม่ได้แค่ปกป้องตระกูลเว่ยเท่านั้น แต่เพราะเขาชอบเว่ยซูหานคนนี้
หลังจากผ่านพ้น่กลางเดือน ก็เริ่มมีหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวัน เว่ยซูหานจึงว่างลงเล็กน้อย หลังจากไปหาเหยียนชิงที่หอชิงเฟิงก็ได้รับคำตอบเหมือนเดิมว่าเ้าของเรือนไม่อยากพบใคร ถึงได้รู้ว่าเหยียนชิงเ็ากับเขามานานมากแล้ว เขาถามข่าวจากอิ้งหลีและเฉินเซียง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเหตุใดเหยียนชิงถึงโกรธเขา
พอลองคิดดู เขายุ่งมาตลอดั้แ่เขากลับมา หรือว่าเป็เพราะเื่นี้?
“ฮูหยินน้อย คุณชายบอกว่าเขาไม่อยากเจอท่าน”
เมื่อเฉินเซียงเห็นคนที่ถือกล่องอาหารจึงพูดออกมาตรงๆ นางปิดปากหัวเราะอย่างอดไม่ได้ คุณชายโกรธมาก ทั้งยังไม่ปิดบังอาการใดๆ ความไม่พอใจทุกอย่างก็ถูกแสดงออกออกมาทันที เขาดูไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ทำตัวเป็ผู้ใหญ่ แต่กลับดูน่ารักขึ้นมาก แน่นอนว่าเป็กับเื่ที่เกี่ยวกับฮูหยินน้อยเท่านั้น เื่อื่นๆ ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
เว่ยซูหานเดินไปที่ระเบียงทางเดิน พับเก็บร่มวางไว้ที่มุมห้อง มองประตูห้องหนังสือของเหยียนชิง
“เอาเถอะ วันนี้ข้าว่าง เ้าไปทำธุระเถอะ ที่นี่ข้าจะคอยปรนนิบัติเอง หากเขายังไม่ออกมาอีกเกรงว่าจะป่วย ข้าจะไปดูสักหน่อย”
เฉินเซียงยิ้มและโค้งคำนับ “เ้าค่ะ บ่าวขอตัวก่อนเ้าค่ะ”
เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดเดินและหันกลับมาเตือนเขา “ฮูหยินน้อยลองคิดดูว่าระหว่างที่ออกจากบ้านมีเื่อะไรปิดบังคุณชายหรือไม่ เื่อะไรที่ทำให้คุณชายรู้สึกหดหู่ใจ”
เว่ยซูหานเลิกคิ้ว “หืม?”
เฉินเซียงก้มหน้าลง “ข้างนอกนั่นมีเื่อะไรเกิดขึ้นกับฮูหยินน้อย ทั้งหลังจากกลับมาก็ไม่ได้บอกคุณชาย”
แม้ว่าคุณชายจะไม่ได้พูดด้วยตัวเอง แต่บางครั้งที่คุณชายบ่น พวกเขาก็เดาได้ หลายวันมานี้นางและอิ้งหลีไม่อาจเกลี้ยกล่อมคุณชายได้เลย ดูท่าจะร้ายแรงมาก แต่ฮูหยินน้อยกลับยุ่งเอาการ หลายครั้งที่กลับมา คุณชายก็หลับแล้ว เพื่อไม่ให้รบกวนเขาจึงจากไป”
ดังนั้น นี่เป็การโกรธฮูหยินน้อยที่นานที่สุดของคุณชายนับั้แ่แต่งงานมา ในเมื่อวันนี้ฮูหยินน้อยไม่ยุ่งแล้ว ก็ให้พวกเขาได้ปรับความเข้าใจกัน เ้านายทั้งสองรักใคร่กลมเกลียว ชีวิตบ่าวรับใช้เช่นพวกเขาจะได้มีความสุขไปด้วย
