คำพูดของฉือเซียวทำให้ฉู่สยง ถังอีิ และคนอื่นๆ ต่างโกรธขึ้นมาในใจ เดิมทีพวกเขาคิดว่าเมื่อตนเองพบกับอันตราย ฉือเซียวจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเพราะเห็นว่าเป็ศิษย์พี่น้องในสำนัก แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะถูกฉือเซียวปฏิเสธอย่างไรความปรานี
แม้ฉู่เยว่ฉานจะสงบนิ่ง แต่ก็รู้สึกว่าฉือเซียวไร้คุณธรรมสิ้นดี
“ข้าไม่เชื่อว่าหากไม่มีฉือเซียว แล้วพวกเราจะต้องตายอยู่ที่นี่!” ศิษย์คนหนึ่งส่งเสียงะโอย่างโกรธเคือง พูดจบเขาก็เรียกอาวุธออกมาและโจมตีอย่างดุเดือด
“ศิษย์พี่หญิงฉู่ ศิษย์พี่ถัง และศิษย์พี่ทั้งสองคน ท่านทั้งสี่จัดการกับพวกมันสี่ตัว ศิษย์พี่ฉู่ พวกท่านวางกลป้องกัน ล้อมโจมตีอสูรร้ายสองตัว ข้าจะปกป้องศิษย์พี่ทั้งเจ็ดที่วางค่ายกล! การต่อสู้ครั้งนี้ต้องใช้เวลาอย่างรวดเร็ว! ไม่เช่นนั้น จะเป็การเรียกอสูรร้ายเพิ่มมากขึ้น” ฉินอวี่ะโเสียงดังอย่างกะทันหัน เขาไม่ได้กังวลเื่อสูรร้ายตรงหน้าเหล่านี้ แต่เขากังวลว่าการต่อสู้จะเป็ที่ดึงดูดของอสูรร้ายตัวอื่น เมื่อถึงตอนนั้นปัญหาใหญ่จะเกิดขึ้นแน่นอน
ความโหดร้ายของฉือเซียวไม่ได้ทำให้ฉินอวี่แปลกใจอะไรมากนัก และเป็เื่ปกติอย่างยิ่งที่คนอย่างผู้าุโเฒ่าคนนั้นจะสอนศิษย์ออกมาเช่นนี้
ฉือเซียวไม่ลงมือ ก็ไม่ใช่ว่าคนทั้งสิบสามคนจะสังหารอสูรร้ายไม่ได้ ขอเพียงร่วมมือกันก็เป็อย่างดีก็เพียงพอ
เมื่อดูจากกลสังหารที่ฉู่สยงใช้โจมตีอสูรร้ายสายเืหยาจื้อตัวนั้นแล้ว ฉินอวี่ก็คาดว่า การสร้างค่ายกลของคนทั้งเจ็ด จะทำให้พละกำลังของฉู่สยงเพิ่มมากขึ้น การจะต่อสู้กับอสูรร้ายสองตัวในเวลาเดียวกันจึงไม่ใช่ปัญหา ฉู่เยว่ฉาน ถังอีิ และพวกรวมสี่คนก็คงโจมตีอสูรร้ายอีกตัวหนึ่งได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนตนเองจะต้องปกป้องคนทั้งเจ็ดเอาไว้ ไม่ให้อสูรร้ายเข้ามาก่อกวนได้ ไม่เช่นนั้น พละกำลังของฉู่สยงก็อาจลดลงอย่างมาก
แน่นอนว่า ฉินอวี่มีเหตุผลที่วางแผนเช่นนี้ ประการแรกคือ้าพิสูจน์พละกำลังของฉู่สยง ประการที่สองคือฉินอวี่สามารถควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้ เพราะเขามีความเข้าใจในกลชุมนุมเจ็ดดาราเป็อย่างดี ใน่เวลาอันตรายเช่นนี้ ฉินอวี่จะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง ทำให้กลชุมนุมเจ็ดดารากลายเป็กลชุมนุมแปดดารา!
ในแดนเซียนอู่เมื่อครั้งอดีต กลชุมนุมเจ็ดดาราเกือบจะเป็สิ่งที่ง่ายที่สุด และเป็ค่ายกลที่ธรรมดาที่สุดในการรวบรวมพลังของทุกคน ค่ายกลชุมนุมดาราที่แท้จริง จะสามารถรวมเอาพลังของผู้ฝึกตนนับล้านเข้ามาได้ และแน่นอนว่าจะต้องใช้พละกำลังที่แข็งแกร่งในจุดสูงสุดจึงจะสามารถทำได้
“เ้าคิดว่าเ้าเป็ใครกัน? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะเชื่อเ้าหรอกหรือ พวกเราจึงได้นำหน้าฉือเซียว? ตอนนี้ยังคิดจะให้พวกข้าเชื่อเ้าอีกหรือ? พวกเราทั้งหมดไม่ต้องตายอยู่ที่นี่หรอกหรือ?” ศิษย์อารมณ์ร้อนส่งเสียงะโอย่างโกรธเกรี้ยว พวกเขาอึดอัดใจั้แ่ก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเห็นอยู่ชัดเจนว่าหากเดินตามหลังฉือเซียว ทุกเื่ก็จะไม่เป็กังวล แต่ก็เพราะฉินอวี่้านำหน้าฉือเซียว บอกว่าฉือเซียวจะต้องยื่นมือช่วย แล้วตอนนี้เป็อย่างไร ฉือเซียวยื่นมือมาช่วยหรือไม่?
“ทำตามที่เขาพูด!” ฉู่สยงพูดขึ้นมา แม้ว่าจะไม่ชอบฉินอวี่ที่ทำตามใจตัวเอง และพยายามมีอิทธิพลเหนือตนเอง แต่สิ่งที่ฉินอวี่พูดมาก็มีเหตุผล หากใช้กลพลังเวท จัดการควบคุมอสูรร้ายสองตัวเอาไว้ ขอเพียงให้พวกฉู่เยว่ฉานสังหารอสูรอีกตัวหนึ่ง ก็จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์วิกฤตนี้ได้
ฉู่เยว่ฉาน ถังอีิ และศิษย์อีกสองคนตระหนักถึงเื่นี้เป็อย่างดี และทยอยเข้าล้อมอสูรร้ายตัวหนึ่งเอาไว้ ก่อนจะเบนความสนใจของมันไปอีกทางหนึ่ง ส่วนศิษย์ทั้งเจ็ดก็รีบสร้างกลชุมนุมเจ็ดดาราทันที
ทั่วทั้งร่างของฉู่สยงเปล่งแสงสีทองออกมา ยกตัวอสูรร้ายสองตัวแยกออกมาทันที
แต่อสูรร้ายทั้งสองตัวกลับมีสติปัญญา และดูออกว่าศิษย์ทั้งเจ็ดคนกำลังสร้างกลพลังเวท มันจึงเข้าโจมตีศิษย์ทั้งเจ็ดทันที
“ศิษย์พี่หญิงฉู่ ต้องรีบจบให้เร็วที่สุด! ศิษย์พี่ฉู่จับอสูรร้ายเอาไว้!” ฉินอวี่ะโด้วยเสียงแหบแห้ง หอกศึกในมือกลายเป็สายฟ้าและฟาดโจมตีตรงไปทางอสูรร้ายตัวหนึ่ง
“ตูม ตูม!”
ตามธรรมชาติแล้วอสูรร้ายย่อมกลัวเสียงฟ้าผ่าฟ้าคำราม นี่เป็กฎของธรรมชาติั้แ่ครั้งามาจนปัจจุบัน เสียงฟ้าผ่าฟ้าคำรามที่เกิดจากหอกศึกทำให้อสูรทั้งสามนั้นเกรงกลัวจนหน้าซีดอย่างยิ่ง อสูรร้ายที่กำลังเตรียมจู่โจมศิษย์ที่สร้างค่ายกลก็หยุดลงทันที
ทันใดนั้น ฉินอวี่ก็เรียกร่างอสุนีลึกลับออกมา แก่นพลังปราณแผ่ซ่านออกจากร่างกาย ในพลังปราณเหล่านี้ต่างเต็มไปด้วยอสุนีลึกลับที่หนาแน่น จนเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยอสุนีลึกลับทั่วทั้งตัว จากนั้นจึงพุ่งตรงไปยังค่ายกล
แม้แต่อสูรร้ายที่มีสายเืของหยาจื้อก็เกรงกลัวต่อสายฟ้าเป็อย่างมาก นับประสาอะไรกับเพียงอสูรร้ายขั้นสูงสุดของระดับสี่ธรรมดา? การเข้าร่วมของฉินอวี่ทำให้อสูรร้ายสองตัวนั้นถึงกับหยุดนิ่ง ขณะเดียวกันฉู่สยงก็เปิดฉากโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
ฉือเซียวที่หยุดมองอยู่จากระยะไกลได้จ้องตรงมายังฉินอวี่ เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับพวกฉู่สยง ฉู่เยว่ฉาน และถังอีิสักเท่าไร ไม่ใช่เพราะความเย่อหยิ่งที่เป็ศิษย์อัจฉริยะอันดับหนึ่ง แต่เป็เพราะเขามีนิสัยเช่นนี้ นอกจากคนที่เขาสนใจแล้ว คนอื่นที่เหลือจะเป็ตายร้ายดีเช่นไรก็ไม่เกี่ยวกับเขา
และเหตุผลหลักที่เขาสนใจในตัวฉินอวี่ นั่นก็เป็เพราะวิชาจี้เปลวอัคคี ไม่เช่นนั้น เขาคงจากออกไปนานแล้ว
จี้เปลวอัคคีเป็ทักษะยุทธ์ที่อาจารย์เป็ผู้ตั้งชื่อ นอกจากตนเองแล้ว ฉือเซียวก็ไม่เคยได้ยินว่าอาจารย์ถ่ายทอดวิชานี้ให้ใคร แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะมาพบคนผู้นั้นในแดนขัดเกลา
อาจพูดได้ว่าฉือเซียวสนใจในตัวฉินอวี่ก็เพราะเื่วิชาจี้เปลวอัคคี แต่เมื่อได้เห็นอสุนีลึกลับ และอสุนีลึกลับคุ้มกันกายยิ่งทำให้ตาเขาเปล่งประกายเจิดจ้าทันที
ร่างอสุนีลึกลับ?
มีร่างอสุนีลึกลับเกิดขึ้นในสำนักหรือ? เหตุใดจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน? ฉือเซียวก็ประหลาดใจ หากพูดตามหลักแล้ว หากในสำนักมีร่างอสุนีลึกลับปรากฏขึ้น จะต้องสร้างความตกตะลึงขึ้นทั่วสำนักแน่นอน หรือจะมีคนตั้งใจปกปิดเอาไว้? หรือว่า... บุคคลนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับอาจารย์?
จะต้องเป็เช่นนี้แน่นอน อาจารย์คงจะแอบทำอะไรอยู่อย่างลับๆ ทำให้คนอื่นไม่สามารถััถึงร่างอสุนีลึกลับคนนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่คนผู้นี้จะสวมหน้ากากและชุดคลุมสีดำไว้ตลอดเวลา ที่แท้ก็เพื่อปกปิดตัวตนเอาไว้
อาจารย์คงคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว จึงรับลูกศิษย์ร่างอสุนีลึกลับคนนี้อย่างไม่มีผู้ใดรู้เห็น ฮิฮิ
เดี๋ยวนะ
เช่นนั้นแล้วคนผู้นี้ก็เป็ศิษย์น้องของตนเองใช่หรือไม่?
ฉือเซียวมีสายตาที่เปลี่ยนไปทันที ในดวงตาของเขาดูมีความคาดหวังเป็พิเศษ
ร่างป้องกันอสุนีลึกลับของฉินอวี่ปรามอสูรร้ายตัวนั้นไว้ได้อย่างสมบูรณ์ สิ่งนี้ทำให้ฉู่สยงโล่งใจไปได้มาก จึงเข้าล้อมโจมตีอสูรร้ายด้วยกำลังทั้งหมดของเขา
การต่อสู้ทั้งหมดดำเนินไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม อสูรร้ายทั้งสามตัวก็ถูกสังหาร
เมื่อมองไปทางฉินอวี่ที่กำลังเก็บเือสูรร้าย ในใจของฉู่สยงก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความสามารถในการมองการณ์ไกลของฉินอวี่ เมื่อมีหวังซิงเฉินอยู่ด้วย เขาก็มีความมั่นใจที่จะเข้าไปในส่วนลึกมากขึ้น!
ไม่มีผู้ใดขัดขวางการเก็บเือสูรร้ายของฉินอวี่ในครั้งนี้ สายตาของทุกคนต่างมองไปทางฉินอวี่ด้วยความเคารพมากขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การต่อสู้ครั้งนี้ เป็การบ่งบอกให้ทุกคนรู้ว่า ฉินอวี่มีความสำคัญต่อหมู่คณะเพียงใด ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไร เกรงว่าความสามารถของเขาก็คงจะแสดงออกมามากขึ้น
ทุกคนต่างอยู่ในความเป็จริง ั้แ่เริ่มต้นมา ศิษย์คนอื่นๆ ต่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดฉู่สยงจึงพยายามตีสนิทฉินอวี่ แต่ในตอนนี้ พวกเขาต่างชื่นชมในตัวของฉู่สยงมากขึ้นเรื่อยๆ มุมมองที่กว้างไกลเช่นนี้ยากที่คนทั่วไปจะเปรียบได้
“เ้า... ยินดีจะเข้าไปพร้อมกับข้าหรือไม่?” ขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด เสียงที่ดูเข้มก็ดังขึ้นมาทันที
ทุกคนต่างมองไปทางฉือเซียวที่อยู่ไกลออกไป และตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยสีหน้าที่ดูมึนงงอย่างยิ่ง “เ้า” ที่ฉือเซียวพูดถึงคือใครกัน?
ฉู่สยงเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี จึงรีบถามกลับไป “ศิษย์พี่ฉือ ท่านยินดีจะเข้าไปพร้อมพวกข้าหรือไม่?”
ฉือเซียวไม่ตอบคำถาม เพ่งสายตาตรงไปทางฉินอวี่
เมื่อรู้สึกถึงสายตาของฉือเซียว ฉินอวี่ก็รู้สึกแปลกใจ เป็ไปได้หรือไม่ว่าเขาจะมองออกว่าตนเองมีร่างอสุนีลึกลับ? เขามีเป้าหมายเดียวกับฉู่สยงหรือ?
หากเป็เช่นนี้... เื่นี้คงจะต้องคิดให้ดี
หากพูดตามตรง ไม่ใช่ฉินอวี่จะไม่คิดที่จะเข้าไปในส่วนลึกพร้อมกันกับพวกฉู่สยง แต่มันเป็ทางเลือกสุดท้าย แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขายังจำเป็ต้องอาศัยพวกเขาในการกวาดล้างอสูรที่แข็งแกร่งในส่วนลึกของเขตต้องห้าม แต่สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่จะต้องระวัง นอกจากถังอีิและคนอื่นๆ แล้ว ศิษย์ทั้งเจ็ดผู้สร้างกลชุมนุมเจ็ดดาราต่างยอมก้มหัวให้ฉู่สยง
เมื่อเขาได้รับสมบัติอันล้ำค่านั้นแล้ว ก็กลัวว่าฉู่สยงจะทำตัวเป็หมาหวงก้าง ซึ่งสามารถดูได้จากเื่ของเือสูรร้ายในครั้งก่อนแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เมื่อถึงเวลานั้น จะต้องหลีกเลี่ยงการต่อสู้อย่างเอาเป็เอาตายไปไม่ได้แน่นอน
อีกทั้งตอนนี้ ยังมีคนเ้าเล่ห์อย่างถังอีิ ความยากลำบากก็มากขึ้น แม้ว่าฉินอวี่จะมีการเปลี่ยนแปลงขั้นที่หนึ่งของวิชาปีศาจคลั่ง แม้ว่าเขาจะไม่เกรงกลัว แต่สู้กันซึ่งหน้ารับมือได้ง่ายกว่าการแอบแทงข้างหลัง ฉินอวี่เองก็ไม่้าให้สิ่งที่ทำมาทั้งหมดต้องพังทลายไปเช่นกัน
สำหรับเื่ของฉือเซียว ฉินอวี่ยังคาดเดาอะไรได้ไม่ชัดเจนนัก ในเมื่อเขาเป็ศิษย์ของผู้าุโคนนั้น ดังนั้น เขาจะต้องรู้จักจี้เปลวอัคคีอย่างแน่นอน จึงคิดจะเชิญตนเองร่วมเดินทางไปด้วยกัน
แต่ฉือเซียวก็กำลังเก็บเือสูรอยู่เช่นกัน สิ่งนี้ทำให้ฉินอวี่มีความลังเลอยู่เล็กน้อย หากไม่สามารถเก็บเือสูรได้ ก็เกรงว่าเขาคงไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของเพลิงแอ่งธรณีได้ในระยะเวลาอันสั้น
หลังจากชั่งน้ำหนักอยู่เป็เวลานาน ฉินอวี่ก็มองไปทางฉือเซียว และพูดเพียงคำเดียว “ตกลง!”
เมื่อฉินอวี่พูดจบ สีหน้าของฉือเซียวก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป และตอบกลับเพียงคำเดียวเช่นกัน “ไป!”
คนอื่นๆ ที่เคยมองเห็นบทบาทของฉินอวี่ก่อนหน้านี้ต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป เมื่อมีฉินอวี่อยู่ด้วย ก็ย่อมยืมพลังอสุนีลึกลับของฉินอวี่ปราบปรามอสูรร้าย แต่หากฉินอวี่จากออกไป พวกเขาจะต้านทานได้อย่างไร? ในตอนนี้ทุกคนจึงหันมองทางฉู่สยงเป็สายตาเดียว
หัวใจของฉู่สยงเริ่มเต้นไม่เป็จังหวะ เขาจ้องตรงไปทางฉินอวี่ นึกไม่ถึงว่าฉินอวี่จะตอบรับจริงๆ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่สยงที่มีความไม่พอใจก็พูดขึ้น “ศิษย์น้องหวัง ฉือเซียวผู้นี้มีอารมณ์ไม่แน่นอน มีนิสัยรุนแรง โปรดคิดให้รอบคอบ”
“ขอบพระคุณศิษย์พี่ฉู่ ข้าได้ตัดสินใจแล้ว” ฉินอวี่พูดอย่างเฉยเมย และเดินตรงไปทางฉือเซียว
ถังอีิได้พูดขึ้นมาเป็คนแรก “ศิษย์น้องหวัง ศิษย์พี่ฉู่พูดมาก็มีเหตุผล เ้าอย่ารีบไปเลย...”
เมื่อเห็นว่าฉินอวี่ไม่รีรอเลยแม้แต่น้อย ศิษย์ที่เคยตำหนิฉินอวี่มาก่อนก็เริ่มโกรธ และพูดอย่างเ็า “เ้ามันเห็นแก่ประโยชน์ตัวเอง หากไม่ได้ศิษย์พี่ฉู่ช่วยเ้าไว้ เ้าคงตายไปนานแล้ว ศิษย์พี่ฉู่ ข้าว่าคนผู้นี้ก็แค่พวกไร้การศึกษา ไม่มีใครคอยสั่งสอน...” ศิษย์คนนี้ยังไม่ทันพูดจบ ก็ต้องหยุดอย่างกะทันหัน
“เปรี้ยง!”
เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นกึกก้องไปทั่วทั้งฟากฟ้า
สายฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้น และพุ่งตรงเข้าสู่จุดระหว่างคิ้วของศิษย์คนนี้ในทันที
โจมตีออกไปเพียงครั้งเดียว เขาก็ล้มตายลงกับพื้น
ให้ตายเถอะ นี่เป็ความเ็ปของฉินอวี่
คงไปสะกิดต่อมของฉินอวี่เข้าแล้ว!
